ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ร่างกายของคุณนั้นใช้โพแทสเซียมในทุกๆ อย่างตั้งแต่การรักษาสมดุลของของเหลวเพื่อรักษาการทำงานของสมองและหัวใจอย่างที่ควรจะเป็น [1] แม้ว่าจะมีอาหารที่อุดมโพแทสเซียมมากมาย หลายคนก็อาจจะได้รับโพแทสเซียมในปริมาณน้อยกว่าครึ่งจากปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับต่อวัน [2] การทำความเข้าใจอาการของภาวะขาดโพแทสเซียมและรู้เกี่ยวกับวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่จะเสริมปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับต่อวัน คุณก็จะสามารถรักษาภาวะโพแทสเซียมต่ำด้วยตนเองได้อย่างง่ายๆ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รู้อาการของภาวะโพแทสเซียมต่ำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การมีโพแทสเซียมในกระแสเลือดมากไปหรือน้อยไปนั้นจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพแทรกซ้อนได้ การมีโพแทสเซียมในระดับต่ำนั้นเรียกว่าโรค Hypokalemia [3] ผลจากภาวะโพแทสเซียมต่ำนั้นได้แก่อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง การเต้นของหัวใจผิดปกติ และความดันเลือดสูงขึ้นเล็กน้อย [4] อาการอื่นๆ นั้นได้แก่ [5]
    • ท้องผูก
    • อ่อนแรง
    • กล้ามเนื้อกดเกร็ง
    • ปวดแปลบที่กล้ามเนื้อหรือชา
  2. ปัญหาสุขภาพที่พบได้ทั่วไปหรือที่ไม่ค่อยได้พบกันนั้นสามารถทำให้ระดับของโพแทสเซียมต่ำลงได้ ที่คุณมีระดับโพแทสเซียมต่ำนั้นอาจจะเป็นเพราะสาเหตุต่อไปนี้ [6]
    • ใช้ยาปฏิชีวนะ
    • มีปัญหาอาเจียนหรือท้องเสีย
    • มีเหงื่อไหลจำนวนมาก
    • ใช้ยาระบายมากไป
    • เป็นโรคไตเรื้อรัง
    • ใช้ยาเจือจางเลือด (water pills) เพื่อรักษาโรคหัวใจล้มเหลวหรือความดันเลือดสูง
    • ป่วยเป็นโรคการกินผิดปกติ
    • มีระดับแมกนีเซียมต่ำ
  3. Hyperkalemia นั้นเป็นภาวะที่มีโพแทสเซียมสูงไปในกระแสเลือด [7] ภาวะนี่นั้นมีอาการอยู่ 2-3 อย่าง คุณอาจจะสังเกตว่าคุณมีอาการคลื่นไส้ ชีพจรต่ำหรือผิดปกติ การเต้นของหัวใจผิดปกติจนถึงขั้นล้มเหลว [8] หากคุณมีอาการเหล่านี้เพราะการทานอาหารที่มีโพแทสเซียมเพิ่มขึ้น คุณควรที่จะไปพบแพทย์ทันที
    • ปกติแล้วไตจะช่วยขจัดโพแทสเซียมส่วนเกินผ่านทางปัสสาวะ ซึ่งก็ทำให้ภาวะมีโพแทสเซียมสูงเกินนั้นเป็นสิ่งที่พบได้ค่อนข้างปกติในผู้ที่เป็นโรคไตหรือมีอาการอื่นๆ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคแอดดิสัน (Addison’s disease) ผู้ที่ใช้ยาความดันเลือด ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก และผู้ที่มีเนื้องอกบางชนิด [9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เพิ่มโพแทสเซียมมากขึ้นในการทานอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณสงสัยว่าคุณอาจจะมีภาวะโพแทสเซียมต่ำ คุณควรไปพบแพทย์ก่อนที่จะลองใช้อาหารเสริมหรือวิธีอื่นๆ เพื่อเสริมปริมาณโพแทสเซียมที่ได้รับ เมื่อลองเปลี่ยนการทานอาหารจากการทานแบบเดิม เป็นเรื่องง่ายที่คุณจะทานมันมากเกินไปและจบลงด้วยการได้รับโพแทสเซียมมากเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเราควรได้รับโพแทสเซียม 4,700 มิลลิกรัมต่อวันในการทานอาหารแบบสมดุล [10] แพทย์จะทำการทดสอบเลือดเพื่อระบุระดับโพแทสเซียมของคุณอย่างแม่นยำและจะวางแผนที่ถูกต้องเพื่อให้คุณทำตาม
    • ในกรณีส่วนใหญ่การรักษานั้นจะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มการทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
    • ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโพแทสเซียมมากไปจากการทานอาหาร
  2. ให้ระดับโพแทสเซียมของคุณฟื้นตัวโดยธรรมชาติ. หากคุณมีภาวะโพแทสเซียมต่ำจากสาเหตุทั่วไป เช่น ท้องเสีย อาเจียน เหงื่อออกเพราะอาการป่วย หรือคุณเพิ่งจะใช้ยาปฏิชีวนะในระยะสั้นๆ บ่อยๆ แล้วระดับโพแทสเซียมของคุณก็จะกลับคืนสู่ระดับปกติเมื่อคุณหายดี แพทย์อาจจะแนะนำให้ทานอาหารที่มีโพแทสเซียมเพิ่มขึ้นจนกระทั่งคุณสบายดีอีกครั้งแทนที่จะใช้อาหารเสริมโพแทสเซียม
  3. ผลิตภัณฑ์จากนมนั้นเป็นแหล่งของโพแทสเซียมที่มากที่สุดที่คุณสามารถหาได้ในการทานอาหาร 1 หน่วยบริโภค ตัวอย่างเช่น โยเกิร์ต 1 ถ้วยมีโพแทสเซียมประมาณ 580 มิลลิกรัม [11] นมไร้ไขมัน 1 แก้วมีโพแทสเซียมสูงถึง 380 มิลลิกรัม [12]
    • เลือกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีไขมันหากเป็นไปได้เพราะการทานผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันจะเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่คุณได้รับอย่างมาก
    • อย่าทานผลิตภัณฑ์จากนมหากคุณมีภาวะไม่ย่อยแลคโทส คุณยังสามารถทานโพแทสเซียมได้อีกมากจากอาหารประเภทอื่นๆ
  4. เลือกผลไม้ที่เป็นแหล่งของโพแทสเซียม อย่างไรก็ตาม ขอให้แน่ใจว่าคุณเลือกผลไม้ที่อุดมด้วยโพแทสเซียม เพราะไม่ใช่ผลไม้ทั้งหมดจะมีโพแทสเซียมเท่ากัน ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงได้แก่ [13] [14]
    • กล้วยขนาดกลาง 1 ผล มีโพแทสเซียม 420 มิลลิกรัม
    • มะละกอครึ่งผล มีโพแทสเซียม 390 มิลลิกรัม
    • แอปริคอตขนาดปกติ 3 ผล มีโพแทสเซียม 380 มิลลิกรัม
    • แคนตาลูป 1 ถ้วย มีโพแทสเซียม 370 มิลลิกรัม
    • น้ำส้ม 3/4 ถ้วย มีโพแทสเซียม 360 มิลลิกรัม
    • ลูกเกด 1/4 ถ้วย มีโพแทสเซียม 270 มิลลิกรัม
    • สตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย มีโพแทสเซียม 250 มิลลิกรัม
  5. ผลไม้ใช่ทางเลือกเดียวที่มีโพแทสเซียมสูง คุณสามารถได้รับโพแทสเซียมในปริมาณมากในผักทั่วไปหลายชนิด ผักที่ดีที่สุดนั้นได้แก่ [15] [16]
    • มันฝรั่งอบขนาดกลางพร้อมเปลือก 1 หัว มีโพแทสเซียม 925 มิลลิกรัม (ถ้าไม่มีเปลือกจะมี 610 มิลลิกรัม)
    • มันหวาน 1 หัวใหญ่ๆ มีโพแทสเซียม 690 มิลลิกรัม
    • น้ำแครอท 3/4 ถ้วย มีโพแทสเซียม 520 มิลลิกรัม
    • ฟักทองเทศ 1/2 ถ้วย มีโพแทสเซียม 450 มิลลิกรัม
    • ผักโขม 1/2 ถ้วย มีโพแทสเซียม 420 มิลลิกรัม
    • น้ำมะเขือเทศ 3/4 ถ้วย มีโพแทสเซียม 420 มิลลิกรัม (หรือมีโพแทสเซียม 300 มิลลิกรัม ในมะเขือเทศลูกใหญ่)
    • คื่นช่าย 1 ต้น มีโพแทสเซียม 310 มิลลิกรัม
    • บล็อคโคลี่ 1/2 ถ้วย มีโพแทสเซียม 280 มิลลิกรัม
    • หัวบีท 1/2 ถ้วย มีโพแทสเซียม 270 มิลลิกรัม
  6. แม้ว่าจะมีโพแทสเซียมไม่เยอะเท่าวิธีอื่นๆ แต่คุณก็ยังพบโพแทสเซียมในปริมาณหนึ่งในเนื้อสัตว์หลายๆ ชนิด ปริมาณโพแทสเซียมต่อเนื้อสัตว์ 1 หน่วยบริโภคปริมาณ 35 กรัมนั้นมีดังนี้ [17] [18]
    • เนื้อไก่ มีโพแทสเซียม 380 มิลลิกรัม
    • เนื้อวัว มีโพแทสเซียม 290 มิลลิกรัม
    • เนื้อแกะ มีโพแทสเซียม 260 มิลลิกรัม
    • ไก่งวงดำ มีโพแทสเซียม 250 มิลลิกรัม
  7. ปลานั้นเป็นแหล่งของโพแทสเซียมที่ดี สำหรับเนื้อปลา 35 กรัม คุณจะได้โพแทสเซียมดังนี้ [19]
    • แซลมอนหรือทูน่ากระป๋อง มีโพแทสเซียม 500 มิลลิกรัม
    • ในปลาชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะมีโพแทสเซียมเฉลี่ยอยู่ที่ 380 มิลลิกรัม
  8. เพิ่มการทานถั่วเปลือกแข็งและถั่วเมล็ดแห้งที่มีโพแทสเซียมสูง. ถั่วเปลือกแข็งและถั่วเมล็ดแห้งหลายชนิดนั้นเป็นแหล่งของโพแทสเซียมที่ดี นอกจากนี้ มันมักจะเป็นแหล่งของโปรตีน ไฟเบอร์ และแร่ธาตุอื่นๆ อีกด้วย ถั่วที่มีโพแทสเซียมสูงนั้นมีดังนี้ [20] [21]
    • ถั่วปินโต (pinto beans) สุก 1/2 ถ้วย มี 400 มิลลิกรัม
    • ถั่วเมล็ดแบนสุก 1/2 ถ้วย มี 360 มิลลิกรัม
    • ถั่วไม่ปอกเปลือก 1/2 ถ้วย มี 340 มิลลิกรัม
    • เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วย มี 240 มิลลิกรัม
    • เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ มี 208 มิลลิกรัม
  9. แม้ว่ามันจะไม่ใช่ส่วนผสมที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน (แต่เป็นแหล่งอาหารที่ดีเกินคาด) กากน้ำตาลนั้นมีโพแทสเซียมสูงถึง 498 มิลลิกรัม ใน 1 ช้อนโต๊ะ [22] ลองโรยบนโยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต หรือใช้ในสมูทตี้ ก็เป็นวิธีที่ดีและง่ายๆ ที่จะเสริมโพแทสเซียมที่อยู่ในกากน้ำตาลไปในอาหารทั่วๆ ไป [23]
  10. นอกเหนือจากการเน้นไปที่อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงแล้ว คุณควรรู้ว่าอาหารทั่วๆ ไปที่มีโพแทสเซียมต่ำ บางอย่างนั้นเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากๆ แต่ถ้าโพแทสเซียมเป็นสิ่งที่คุณกำลังเน้นอยู่ ดังนั้น มันก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี อาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำได้แก่ [24] [25]
    • น้ำมันมะกอกดำ มี 0 มิลลิกรัม (และยังมีโซเดียมสูงด้วย)
    • เนย 1 ช้อนโต๊ะ มี 3 มิลลิกรัม
    • ชีส 1 กรัม มี 20-30 มิลลิกรัม
    • เบคอน 85 กรัม มี 45 มิลลิกรัม (และยังมีโซเดียมสูงมากๆ)
    • บลูเบอร์รี่ 1/2 ถ้วย มี 50 มิลลิกรัม
    • ไข่ 1 ฟอง มี 55 มิลลิกรัม
    • ขนมปัง 1 แผ่น มี 70 มิลลิกรัม
    • องุ่นผลกลางๆ 10 ผล มี 72 มิลลิกรัม
    • พาสต้า 3/4 ถ้วย มี 80 มิลลิกรัม
    • แอปเปิ้ลซอส 1/2 ถ้วย มี 90 มิลลิกรัม
    • ข้าวโพด มี 100 มิลลิกรัม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้วิธีทางการแพทย์ในการรักษา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความเสี่ยงสำคัญหนึ่งที่เกี่ยวกับภาวะโพแทสเซียมต่ำนั่นคือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ที่มีอายุเยอะและผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้วนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากแพทย์สงสัยว่าคุณมีระดับโพแทสเซียมอยู่ต่ำมากๆ แพทย์อาจจะทำการทดสอบเพื่อตัดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ออกไป เช่น โรคไตผิดปกติในการขับกรด โรคในกลุ่มอาการคุชชิง และภาวะแคลเซียมต่ำ จากนั้นแพทย์จะยืนยันการวินิจฉัย [26]
    • แพทย์อาจจะทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจระดับอิเล็กทรอไลต์ กลูโคส แมกนีเซียม แคลเซียม และฟอสฟอรัส
    • หากคุณใช้ยารักษาโรคหัวใจอยู่แล้ว เช่น ยาดิจิทัลลิสเพื่อทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น แพทย์อาจจะตรวจระดับไดจอกซินของคุณ [27]
    • แพทย์ของคุณอาจจะสั่งให้ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า (EKG) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ [28]
  2. รักษาด้วยการบำบัดทดแทนโพแทสเซียมในระดับสี่. หากแพทย์ยืนยันว่าคุณมีระดับโพแทสเซียมต่ำกว่าปกติในระดับรุนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีอาการร้ายแรงที่แพทย์จะให้โพแทสเซียมผ่านทางเส้นเลือดดำ [29] โพแทสเซียมจะค่อยๆ เข้าไปในเส้นเลือดดำอย่างช้าๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อหัวใจของคุณ [30]
    • การรักษาแบบนี้นั้นจะระคายเคืองมากตรงบริเวณที่ฉีดเข้าไป
  3. คุณจะใช้อาหารเสริมโพแทสเซียมส่วนใหญ่ในรูปแบบยาเม็ด ยาน้ำ หรือแบบผง [31] วิตามินรวมหลายชนิดนั้นมีโพแทสเซียม ขอให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้ตามปริมาณการใช้ที่แพทย์จ่ายให้โดยที่ไม่ใช้มากกว่าหรือน้อยกว่า นี่จะทำให้แน่ใจว่าคุณมีระดับโพแทสเซียมในเลือดเหมาะสม
    • เพราะมันเป็นไปได้ว่าอาหารของคุณอาจจะมีโพแทสเซียมมากเกินไป คุณควรปรึกษากับแพทย์ก่อนที่จะเพิ่มการทานอาหารเสริม นี่อาจจะต้องใช้การตรวจเลือดเพื่อระบุว่าคุณควรได้รับโพแทสเซียมเพิ่มในปริมาณเท่าไหร่
    • ปกติแล้วแพทย์จะจ่ายอาหารเสริมโพแทสเซียมพร้อมกับยาอื่นๆ ที่ทำให้โพแทสเซียมลดลง [32] หากแพทย์ให้คุณใช้ยาเหล่านี้ แพทย์ก็อาจจะแนะนำอาหารเสริมโพแทสเซียมแม้ว่าระดับโพแทสเซียมของคุณจะปกติก็ตาม
  4. แพทย์จะทำการทดสอบเพื่อดูผล ตรวจระดับของโพแทสเซียม และตรวจว่าวิธีการรักษาที่ได้ใช้ไปนั้นได้ผลหรือไม่ การเช็คผลอาจจะเป็น 2-3 วันหลังจากที่คุณรักษาแรกๆ [33]
    โฆษณา

คำเตือน

  • ระมัดระวังเมื่อทานโพแทสเซียมเอง มีความเป็นไปได้ว่าจะมีโพแทสเซียมมากเกินไปในร่างกายซึ่งก็จะมีปัญหาสุขภาพและผลข้างเคียงด้วย เช่น ปัญหาโรคหัวใจหลายประเภท ผู้ที่เป็นโรคไตไม่ควรทานโพแทสเซียมโดยที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ [34]
โฆษณา
  1. http://www.webmd.com/food-recipes/potassium-sources-and-benefits?page=2
  2. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  3. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  4. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  5. http://www.drugs.com/cg/potassium-content-of-foods-list.html
  6. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  7. http://www.drugs.com/cg/potassium-content-of-foods-list.html
  8. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  9. http://www.drugs.com/cg/potassium-content-of-foods-list.html
  10. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  11. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  12. http://www.drugs.com/cg/potassium-content-of-foods-list.html
  13. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  14. http://www.organicauthority.com/health/how-and-why-to-use-molasses.html
  15. http://www.ext.colostate.edu/pubs/foodnut/09355.html
  16. http://www.drugs.com/cg/potassium-content-of-foods-list.html
  17. http://www.emedicinehealth.com/low_potassium/page4_em.htm#low_potassium_diagnosis
  18. http://www.emedicinehealth.com/low_potassium/page4_em.htm#low_potassium_diagnosis
  19. http://www.emedicinehealth.com/low_potassium/page4_em.htm#low_potassium_diagnosis
  20. http://www.emedicinehealth.com/low_potassium/page5_em.htm
  21. http://www.emedicinehealth.com/low_potassium/page5_em.htm
  22. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/potassium-supplement-oral-route-parenteral-route/description/drg-20070753
  23. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/potassium-supplement-oral-route-parenteral-route/description/drg-20070753
  24. http://www.emedicinehealth.com/low_potassium/page5_em.htm
  25. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001179.htm

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 23,182 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา