ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ตัวเรือด เป็นแมลงที่น่ารำคาญซึ่งซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่อ่อนนุ่มและอุ่นอย่างเช่น เตียง โซฟา และเสื้อผ้า แมลงเหล่านี้กินอาหารจากผู้ถูกอาศัยในตอนกลางคืน แล้วทิ้งรอยกัดเล็กๆ ไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นอันตราย แต่ก็ควรได้รับการรักษาทันทีเพื่อป้องกันอาการที่ไม่พึงประสงค์และอาการแพ้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยกัดมากขึ้นในอนาคตนั้น คุณจะต้อง กำจัด ตัวเรือดรบกวนให้สิ้นซาก
ขั้นตอน
-
ตรวจสอบรอยกัดอย่างระมัดระวัง. รอยตัวเรือดกัดทั่วไปมักจะมีลักษณะคล้ายรอยแมลงกัดอื่นๆ รวมทั้งรอยยุงกัดด้วย โดยมักจะเป็นตุ่มนูนสีแดง แต่ยังอาจจะปรากฏเป็นรอยแผลพุพองได้ด้วย คุณจะแยกแยะความแตกต่างของรอยเรือดกัดจากรอยแมลงกัดอื่นๆ ได้ยาก แม้แต่แพทย์ทางคลินิกก็ไม่สามารถวินิจฉัยรอยกัดได้ง่ายๆ โดยแค่การดูที่รอยกัดเท่านั้น [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง James Studdiford MD, Kathryn Conniff MD, Kathryn P Trayces MD, Bedbug Infestation, American Family Physician 2012, Oct, 1 86 (7) 653-658)
- แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเรือดนั้นมีรูปแบบรอยกัดที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ว่าบางรอยกัดจะเกิดขึ้นเดี่ยวๆ แต่รอยกัดส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเป็นแนว 3-5 รอย (เรียกว่า "มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น (breakfast, lunch, and dinner)") หรือเกิดตุ่มแดงเป็นกลุ่ม (ผื่นคันที่เรียกว่า ผิวหนังอักเสบจากตัวเรือด) รอยกัดมักจะปรากฏในรูปแบบซิกแซก แต่อาจจะปรากฏเป็นเส้นตรงได้ถ้าแมลงกัดคุณตอนเช้า
- รอยกัดมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบนบริเวณร่างกายที่อยู่พ้นเสื้อผ้า เช่น คอ ใบหน้า เท้า และแขน รอยตัวเรือดกัดนั้นไม่ค่อยจะเกิดขึ้นที่หลังหัวเข่า หรือตามรอยพับของผิวหนัง ซึ่งตรงกันข้ามกับรอยยุงกัด
- ตุ่มหรือผื่นมักจะหายได้เองภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตามแม้ว่ารอยกัดเดี่ยวๆ หรือรอยกัดทั้งปื้นอาจจะหายได้ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ให้บริษัทกำจัดแมลงมากำจัดปัญหาให้สิ้นซากนั้น คุณก็อาจจะยังคงถูกกัดต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีตัวเรือด พวกมันก็จะพยายามกัดคุณอีก
-
ให้ความสนใจว่ารอยกัดเกิดขึ้นเมื่อไร. ยกตัวอย่างเช่น ลองดูว่าคุณสังเกตเห็นรอยกัดหลังตื่นนอนแต่ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้สังเกตเห็นมันหรือไม่ อย่างไรก็ตามนี่อาจจะระบุได้ยากเพราะว่าระยะเวลาในการตอบสนองของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันอย่างมาก อาการที่เกิดจากรอยกัดนั้นสามารถปรากฏออกมาได้ทุกเมื่อตั้งแต่สองชั่วโมงไปจนถึงมากกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดรอยกัด
- รอยตัวเรือดกัดอาจจะมีระยะฟักนาน อาการของรอยกัดที่มองเห็นได้ (รอยแดง และตุ่มคัน) นั้นอาจจะปรากฏขึ้นได้ถึง 10 วันหลังจากที่คุณถูกกัดครั้งแรก
-
ตรวจสอบหาสัญญาณของตัวเรือดที่บ้านของคุณ. เริ่มจากที่ที่คุณนอน ตัวเรือดอยากจะอยู่ในที่ที่คนอยู่เพื่อที่พวกมันจะได้กินเลือดอุ่นๆ ของมนุษย์ สัญญาณที่บ่งบอกคือจุดสีแดงบนผ้าปูที่นอน โดยจุดเหล่านี้อาจจะมาจากตัวเรือดที่บีบตัวหลังจากกินเลือด หรือจากรอยกัดที่แมลงทิ้งไว้บนร่างกายของคุณตอนที่มันกินเลือดคุณเสร็จ [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
- ตรวจดูทั้งที่นอน รวมถึงซับในและตะเข็บด้วย มองหาตัวเรือดที่กำลังหลับ ซาก เปลือกที่ว่างเปล่า (โครงร่างแข็งภายนอกของพวกมัน) และขี้ (ซึ่งนี่จะดูเหมือนจุดหรือรอยเปื้อนสีดำๆ ) ตรวจดูผู้ปูที่นอน ปลอกหมอน และหมอนด้วยเช่นกัน
- คุณอาจจะเห็นและจับตัวเรือดที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ยาก พวกมันเป็นแมลงสีน้ำตาลเล็กๆ ที่มีรูปร่างกว้างเป็นรูปวงรี และพวกมันซ่อนตัวเก่งมาก อย่างไรก็ตามการหาตัวเรือดเป็นวิธีเดียวที่จะยืนยันว่านั่นคือสิ่งที่กัดคุณจริงๆ [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ไปพบแพทย์. ถ้าคุณไม่พบสัญญาณของตัวเรือดบนเตียงของคุณและไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของรอยกัดหรือผื่นได้ คุณก็อาจจะไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจได้อีกด้วย แต่ก็มีโอกาสที่แพทย์จะไม่สามารถวินิจฉัยได้อย่างแน่นอนว่าคุณถูกตัวเรือดกัดเพราะว่าอาการมีลักษณะคล้ายกับอาการที่เกิดจากรอยกัดของแมลงอื่นๆ และโรคผิวหนังอื่นๆ อย่างไรก็ตามคุณอาจจะรู้สึกสบายใจโดยไปพบแพทย์ที่สามารถยืนยันกับคุณได้ว่าตัวเรือดเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- แพทย์อาจจะกำหนดครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ใช้ทาเฉพาะที่ให้คุณ เพื่อช่วยลดอาการคันและอาการอักเสบ ครีมเหล่านี้แรงกว่าแบบที่คุณสามารถซื้อได้เองตามร้านขายยา
-
โทรเรียกบริษัทกำจัดแมลง. นี่เป็นวิธีที่แน่นอนที่สุดเพื่อยืนยันว่าคุณถูกตัวเรือดกัด บริษัทกำจัดแมลงจะตรวจดูบ้านของคุณและสามารถยืนยันได้ว่าคุณมีแมลงรบกวนแพร่พันธุ์อยู่ในบ้านของคุณหรือไม่
- บริษัทกำจัดแมลงจะรู้ว่าต้องหาอะไรและจากนั้นจะสามารถดูแลบ้านของคุณเพื่อกำจัดตัวเรือดและป้องกันไม่ให้เกิดรอยกัดในอนาคตได้อีกด้วย
- ปกติแล้วเครื่องพ่นหมอกควันในบ้านและสเปรย์ฉีดแมลงจะไม่ฆ่าตัวเรือดรบกวน [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าคุณถอนรากถอนโคนตัวเรือดไปจากบ้านของคุณ ให้ใช้บริการบริษัทกำจัดแมลงมืออาชีพ
โฆษณา
-
ล้างรอยกัดด้วยสบู่และน้ำ. ล้างบริเวณที่ถูกกัดด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำ ใช้สบู่ก้อนและน้ำให้พอเปียกลงบนมือของคุณ ถูสบู่ในมือของคุณให้เกิดฟองหนา ทาฟองสบู่บริเวณที่เป็นแผล ทำซ้ำจนกว่าจะครอบคลุมบริเวณทั้งหมด ปล่อยทิ้งไว้และ อย่า ล้างออก ปล่อยให้ฟองสบู่ทำให้บริเวณที่ถูกกัดแห้ง อาการคันของคุณควรจะทุเลาลงทันที [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
- การล้างรอยกัดด้วยน้ำสบู่นั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการคันและป้องกันการติดเชื้อที่ผิวหนังได้
-
ใช้สิ่งที่ใช้รักษาที่บ้านเพื่อบรรเทาอาการคัน. คุณสามารถลองใช้วิธีรักษาต่อไปนี้เพื่อบรรเทาอาการคันที่เกี่ยวข้องกับรอยกัด โดยวิธีทั้งหมดเหล่านี้จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณอาจจะมีอยู่แล้ว
- ทำยาพอกผงฟูกับน้ำ ค่อยๆ เติมน้ำปริมาณเล็กน้อยลงในผงฟูและคนจนได้เนื้อสัมผัสเหนียวข้น ทายาพอกข้นๆ ลงบนรอยตัวเรือดกัด ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งและทิ้งไว้บนผื่นประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น
- ชุบสำลีก้อนในน้ำเลมอน เซนต์จอห์นเวิร์ต (St John's Wort) หรือวิชฮาเซล (Witch Hazel) ทั้งหมดเป็นยาสมานผิวจากธรรมชาติ ใช้สำลีก้อนแต้มบนผื่นเพื่อช่วยให้แผลแห้งและควบคุมอาการคัน
- ทาเจลจากว่านหางจระเข้บนรอยตัวเรือดกัด ใช้เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ 100% ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติทั้งเป็นยาปฏิชีวนะและป้องกันเชื้อราซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อทุติยภูมิเนื่องจากการเกาได้
-
ทาครีมแก้คันกลุ่มสเตียรอยด์ที่สามารถซื้อได้เองตามร้านขายยา. ครีมที่มีไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) หรือคอร์ติโซน (Cortisone) เช่น คอร์เทด (Cortaid) สามารถลดอาการอักเสบและอาการคันได้ คุณสามารถซื้อครีมไฮโดรคอร์ติโซน 1% ได้จากร้านขายยาทั่วไป แพทย์อาจจะบอกคุณได้ว่าครีมใดและยี่ห้อไหนที่เหมาะสมกับคุณ [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
- ปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ใช้ครีมได้อย่างถูกต้อง ครีมนี้อ่อนโยนมากและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงถ้าใช้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น หนึ่งสัปดาห์
- คุณยังสามารถหาครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่แรงกว่านี้ได้ โดยต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
-
กินยาแก้แพ้. ยาแก้แพ้แบบกิน เช่น ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) หรือยี่ห้อเบนนาดริล (Benadryl) สามารถช่วยควบคุมอาการแพ้ (อาการบวมและผื่นคัน) ที่เกี่ยวข้องกับรอยกัดได้ [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ FamilyDoctor.org ไปที่แหล่งข้อมูล
- กินยาในขนาดที่เหมาะสมตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์
- โปรดทราบว่าเบนนาดริลอาจจะทำให้เกิดอาการง่วงซึมและคุณควรจะหลีกเลี่ยงการขับรถในขณะที่ใช้ยานี้
- คุณยังสามารถลองใช้ครีมแก้แพ้ที่คุณสามารถซื้อได้เองโดยไม่มีใบสั่งแพทย์ที่คุณใช้ทาเฉพาะที่ในบริเวณที่มีอาการได้อีกด้วย
-
กินยาบรรเทาอาการปวด. ถ้ารอยกัดทำให้คุณรู้สึกไม่สบายหรือปวด คุณสามารถกินยาแก้ปวดลดไข้ที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ได้ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน (Naproxen) หรือแอสไพริน คุยกับแพทย์เกี่ยวกับตัวเลือกเหล่านี้ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ และว่ายาเหล่านี้เหมาะสมกับคุณหรือไม่ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไอบูโพรเฟน หรือยี่ห้อแอดวิล (Advil) เป็นยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ทำงานโดยการลดฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการอักเสบและอาการปวดในร่างกาย และยังช่วยลดฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดอาการไข้อีกด้วย
- แอสไพริน หรือกรดอะซีทัลซาลิซิลิก (Acetylsalicylic Acid) เป็นยาที่ใช้เป็นยาบรรเทาปวด โดยจะบรรเทาอาการปวดโดยการยับยั้งสัญญาณปวดในสมอง นอกจากนี้ยังเป็นยาลดไข้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามอย่าให้เด็กกินยานี้
- อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือยี่ห้อไทลินอล (Tylenol) นั้นปลอดภัยสำหรับเด็กมากกว่ายาแอสไพริน และมีฤทธิ์หลายอย่างเหมือนๆ กับแอสไพริน แต่ยานี้ไม่ใช่ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และจะไม่ลดอาการอักเสบ
-
ปรึกษาแพทย์. ไปพบแพทย์ถ้ารอยกัดไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาตามธรรมชาติที่แผลตัวเรือดกัดจะหายดี (1-2 สัปดาห์) คุณควรจะไปพบแพทย์เพื่อขอรับการรักษาถ้าคุณมีอาการใดต่อไปนี้ [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
- รอยกัดจำนวนมาก
- แผลพุพอง
- สัญญาณของการติดเชื้อที่ผิวหนัง (อาการกดเจ็บ หรือน้ำเหลืองไหล)
- อาการแพ้บนผิวหนัง (ผิวหนังแดง บวม หรือลมพิษ)
- แผลตัวเรือดกัดสามารถติดเชื้อได้จากการเกาที่มากเกินไปเหมือนๆ กับรอยแมลงกัดทั้งหมดนั่นแหละ เนื่องจากใต้เล็บเป็นแหล่งของเชื้อแบคทีเรีย ถ้ารอยกัดติดเชื้อก็จะปรากฏเป็นสีแดงและบวม กดเจ็บ และอาจจะมีหนองไหล โดยปกติจะไม่มีไข้เว้นแต่ว่าจะเกิดกับบริเวณผิวหนังส่วนใหญ่ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ คุณต้องไปพบแพทย์เนื่องจากมันบ่งบอกถึงการติดเชื้อทุติยภูมิ แพทย์อาจจะสั่งยาปฏิชีวนะให้ หรือถ้าการติดเชื้อไม่รุนแรงแพทย์จะสั่งยาฆ่าเชื้อที่คุณสามารถซื้อได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาให้ [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง GJ Goddard, R DeShazo, Bed Bugs and Clinical Consequences of their Bites, Journal of American Medical Association 2009, April 1 301 (13) 1358-1366
- ถ้าคุณเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง แพทย์อาจจะต้องฉีดยาแก้แพ้ ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรืออิพิเนฟริน (อะดรีนาลีน) ให้คุณ [15] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
เคล็ดลับ
- โปรดทราบว่าโดยทั่วไปแล้วการรักษาพยาบาลนั้นไม่จำเป็นสำหรับแผลที่ตัวเรือดกัด [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง จากมุมมองทางการแพทย์ ตัวเรือดเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานที่จะชี้ให้เห็นว่าการรักษาใดๆ จะช่วยลดช่วงระยะเวลาตามธรรมชาติที่รอยกัดจะหายเองได้ (หนึ่งหรือหลายสัปดาห์) เนื่องจากไม่มีการวิจัยในเรื่องนี้
- ถ้าคุณเจอตัวเรือดในช่วงไปเที่ยววันหยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาพภูมิอากาศในเขตร้อนชื้น ให้แน่ใจว่าได้ซักเสื้อผ้าทั้งหมดในน้ำที่ร้อนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนเดินทางกลับบ้าน นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณนำตัวเรือดเข้าไปในบ้านของคุณ
โฆษณา
คำเตือน
- คุณสามารถรักษารอยกัดที่มีอยู่ได้แม้ว่าตามปกติแล้วมันจะหายภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่กำจัดแมลงรบกวน คุณก็จะยังคงถูกกัดต่อไปเรื่อยๆ [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ James Studdiford MD, Kathryn Conniff MD, Kathryn P Trayces MD, Bedbug Infestation, American Family Physician 2012, Oct, 1 86 (7) 653-658)
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
- ↑ http://www.bedbugs.org/how-to-treat-a-bed-bug-rash/
- ↑ http://kidshealth.org/teen/infections/skin_rashes/bedbugs.html
- ↑ http://familydoctor.org/familydoctor/en/diseases-conditions/bedbugs/treatment.html
- ↑ http://www.medicinenet.com/bug_bite_treatment-page2/views.htm
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bedbugs/basics/treatment/con-20026119
- ↑ GJ Goddard, R DeShazo, Bed Bugs and Clinical Consequences of their Bites, Journal of American Medical Association 2009, April 1 301 (13) 1358-1366
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/bedbugs/page7_em.htm#medical_treatment_for_bedbug_bites
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/bedbugs/page7_em.htm#medical_treatment_for_bedbug_bites
- ↑ https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/bedbugs/diagnosis-treatment
โฆษณา
