ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรื่องสิวเป็นปัญหาสภาพผิวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนตั้งแต่เด็กและวัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่และวัยชรา โชคดีที่สิวนั้นจัดการได้ง่ายจะตายไป และยังมีสูตรรักษาเองที่บ้านนับไม่ถ้วนที่คุณสามารถใช้กำจัดสิวที่ไม่ปรารถนานี้ได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ล้างหน้าให้ถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องการการล้างใบหน้าที่นุ่มนวลบางเบาไม่บาดผิว ให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่คุณเลือกใช้นั้นปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันผิวเกิดระคายเคือง หากคุณไม่แน่ใจว่าตนเองเหมาะกับคลีนเซอร์ชนิดใด ปรึกษาหมอผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำ [1]
  2. น้ำเย็นจะทำให้รูขุมขนปิด ในระหว่างล้างหน้านั้นคุณต้องการให้รูขุมขนเปิด เพื่อที่ฝุ่นสกปรก คราบมัน และแบคทีเรียไหลออกไปจากใบหน้า [2]
  3. ให้แน่ใจว่าใช้แค่ปลายนิ้วเวลาลงคลีนเซอร์ ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำนั้นอาจทำให้ผิวระคายเคือง [3]
    • อย่าขัดผิวในขณะล้างหน้า มันจะทำให้ผิวหน้าระคายเคือง แค่ลงคลีนเซอร์และทิ้งให้มันออกฤทธิ์สักหนึ่งนาทีก็พอ
  4. เช่นเคย ให้แน่ใจว่าใช้น้ำอุ่นเพื่อยังคงให้รูขุมขนเปิด ทำให้คราบฝุ่นละอองกับแบคทีเรียทั้งหมดไหลออกจากผิวหน้า [4]
  5. อย่าถูเพราะทำให้ผิวระคายเคือง การเช็ดถูยังแพร่แบคทีเรียกับคราบสกปรกออกไป ทำให้ปัญหาสิวแย่ลงกว่าเดิม แค่ใช้มันซับเบาๆ ก็ได้แล้ว [5]
  6. ในขณะที่คนเป็นสิวหลายคนจะหลีกเลี่ยงการใช้มอยเจอไรเซอร์ ผิวของคุณยังคงต้องการความชุ่มชื้นเพื่อจะมีสุขภาพผิวที่แข็งแรง การล้างหน้าอาจทำให้ผิวแห้ง หากคุณสังเกตเห็นอาการแดง เป็นรอยไหม้หรือมีอาการคัน นั่นแสดงว่าผิวอาจแห้งเกินไป ให้ทามอยเจอไรเซอร์แบบปราศจากน้ำมันเบาๆ ด้วยปลายนิ้วเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งหลังล้างหน้า [6] [7]
  7. จำกัดการล้างหน้าแค่วันละสองหนหรือหลังจากมีเหงื่อออก. ดูเหมือนยิ่งล้างหน้าก็จะยิ่งดีต่อการจัดการสิวใช่ไหม เปล่าเลย การล้างหน้าบ่อยเกินไปจะไปทำลายน้ำมันที่จำเป็นต่อผิว ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งและนำไปสู่การมีรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ให้ทำขั้นตอนที่ว่ามาเพียงแค่วันละสองหนในตอนเช้ากับค่ำ คุณควรล้างหน้าหลังจากทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกด้วย เพราะมันจะทำให้สิวเห่อ [8]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ใช้สูตรแบบธรรมชาติที่หาได้ทั่วไปมาจัดการสิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำมันทีทรีเป็นน้ำมันสกัดที่มีกลิ่นหอมซึ่งได้มาจากต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย มีหลักฐานที่แสดงว่าน้ำมันทีทรีรักษาปัญหาสภาพผิวได้หลายอย่างรวมไปถึงเรื่องสิว โดยมันจะทำหน้าที่เป็นยาสมานผิวโดยธรรมชาติและสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้มันเหมาะจะเป็นตัวช่วยในการต่อสู้กับปัญหาสิว [9] [10] [11] [12]
    • ดูบทความการใช้น้ำมันทีทรีรักษาสิวในวิกิฮาวสำหรับคำแนะนำการใช้อย่างละเอียด
    • บางคนอาจแพ้น้ำมันทีทรี ก่อนจะใช้จึงควรทดสอบโดยหยดน้ำมันทีทรีลงตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่นตามแขนขา รอสักหลายชั่วโมง หากมีผื่นขึ้นแสดงว่าคุณอาจแพ้หรือไวต่อน้ำมันทีทรี ก็เลี่ยงการใช้มันบนใบหน้าเสีย
    • น้ำมันทีทรีมีพิษถ้าบริโภคเข้าไป อย่าทานมันโดยเด็ดขาด
  2. น้ำมะนาวเลมอนทำหน้าที่เป็นยาฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติซึ่งจะทำลายแบคทีเรียที่เป็นตัวการของสิว มันยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง ซึ่งจะนำสารอาหารที่จำเป็นจากร่างกายไปช่วยต่อสู้กับสิว ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อรักษาสิวด้วยน้ำมะนาวเลมอน [13] [14]
    • ล้างหน้าตามปกติ
    • บีบเลมอนลูกใหญ่ลงในชามจนกระทั่งคุณได้น้ำประมาณ 2 ช้อนชา โปรดสังเกตว่าคุณอาจต้องใช้เลมอนสองลูก ให้แน่ใจว่าได้คั้นน้ำมะนาวเลมอนสด ไม่ใช่เอาน้ำมะนาวเลมอนสำเร็จรูปจากห้างสรรพสินค้าที่มักจะผสมสารกันบูดซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
    • ใช้สำลีก้อนหรือคอตตอนบัดจุ่มน้ำมะนาวเลมอนนำไปแตะที่หัวสิวแต่ละเม็ด
    • หากคุณใช้วิธีนี้ในระหว่างวัน ให้ทิ้งน้ำมะนาวเลมอนนี้ไว้บนหน้าอย่างน้อย 30 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น แต่ถ้าทำในตอนกลางคืน ให้ทิ้งไว้ตอนหลับไปเลย แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็นในตอนเช้า
    • ให้แน่ใจว่าคุณได้ล้างออกหมดก่อนจะเจอแดด เพราะมันจะทำให้ผิวเกิดด่างขึ้นมาได้
  3. ถึงแม้หลักฐานจะยังขัดแย้งกันอยู่ แต่บางคนมองว่าน้ำผึ้งสามารถรักษาสิวได้ด้วยคุณสมบัติการต่อต้านแบคทีเรียของมัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าน้ำผึ้งมานูกาที่ได้จากนิวซีแลนด์กับน้ำผึ้งดิบเป็นน้ำผึ้งสองแบบที่ดีที่สุดในการใช้รักษาสิว ทั้งคู่มีขายในร้านขายอาหารสุขภาพและในอินเทอร์เน็ต [15] [16]
    • ก่อนทาน้ำผึ้งลงบนใบหน้า ให้ใช้ปริมาณเล็กน้อยแตะบริเวณกรามก่อน รอสัก 30 นาทีดูว่าคุณมีปฏิกิริยาต่อต้านอะไรหรือไม่ ถ้ามีก็อย่าใช้กับสิว
    • คุณอาจใช้น้ำผึ้งได้สองวิธี แตะบนหัวสิวหรือละเลงทั่วใบหน้าให้เหมือนมาสก์
    • ล้างออกด้วยน้ำเย็นหลัง 30 นาที ถึงแม้จะสามารถทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ได้ถ้าต้องการ
    • คุณควรเติมอบเชยสัก 1/2 ช้อนชาลงในน้ำผึ้ง มันจะเพิ่มประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อและช่วยเสริมการไหลเวียนโลหิตบนใบหน้า
  4. น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ช่วยรักษาสมดุลของค่า pH ของผิวหนัง ทำให้ลดรอยด่างพร้อยและให้ผิวมีสีสม่ำเสมอมากขึ้น มันยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำให้ผิวนุ่มขึ้นด้วย การผสมโทนเนอร์น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์นั้นทำได้ง่ายมาก [17]
    • ล้างขวดแก้วที่จะใช้เก็บโทนเนอร์ให้ทั่ว ใช้เพียงน้ำร้อนกับสบู่ การล้างด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาล้างจานจะทิ้งเศษสารเคมีไว้ในขวดซึ่งจะติดสู่ใบหน้าได้
    • เทน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ 1/2 ถ้วยตวงกับน้ำ 1/2 ถ้วยตวงลงในขวด ปิดฝาขวดแล้วเขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันดี
    • ใช้สำลีก้อนทาโทนเนอร์ที่หัวสิว
    • เก็บมันไว้ในที่แห้งเย็นและมืด
    • คุณอาจลองใช้น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์กับผิวโดยไม่ต้องเจือจางดู แต่ไม่ขอแนะนำ น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์นั้นเข้มแรงจนอาจทำให้ระคายเคืองได้ ถ้าส่วนผสมที่ว่าทำให้ผิวระคาย ให้เติมน้ำเจือจางมันลงอีก
  5. เครื่องเทศสีเหลืองที่พบบ่อยในการทำอาหารแบบตะวันออกกลางนี้มีวางขายตามร้านขายเครื่องเทศทั่วไป ถือเป็นสูตรยาประจำบ้านในการรักษาสิวที่ได้ผล ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้เพื่อผสมยาพอกขมิ้นมาใช้รักษาสิว [18]
    • เติมผงขมิ้น 1/4 ช้อนชาลงในน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน
    • ทาส่วนผสมนี้ลงบนใบหน้าให้สม่ำเสมอทั่วกัน
    • ทิ้งไว้สัก 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
    • จำไว้ว่าคราบขมิ้นจะทำให้ผิวออกเหลืองโดยเฉพาะถ้าคุณทิ้งมันไว้ข้ามคืน สำหรับคำแนะนำการกำจัดคราบขมิ้น ให้ ดูที่นี่
  6. มะเขือเทศอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน A กับ C จึงเป็นยารักษาสิวง่ายๆ อีกตัวที่มีขายในร้านทั่วไป มะเขือเทศยังช่วยกระชับรูขุมขนและลดขนาดหัวสิวลง การใช้นั้นง่ายและใช้เวลาไม่นาน [19]
    • ผ่าครึ่งผลมะเขือเทศลูกเล็ก
    • ถูมะเขือเทศผ่าครึ่งทั่วบริเวณที่เกิดสิว ทิ้งมะเขือเทศเมื่อทำเสร็จ
    • นวดสองสามวินาทีให้น้ำมะเขือเทศซึมเข้าสู่ผิว
    • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • ทำวันละสองหนเพื่อผลที่ดีที่สุด ใช้มะเขือเทศครึ่งที่เหลือในการทำครั้งที่สอง
  7. เกลือสมุทรสามารถช่วยให้สิวแห้งและดูดซับไขมันส่วนเกินได้ ผสมมันกับน้ำผึ้งจะกลายเป็นยารักษาสิวทำเองได้ [20]
    • ผสมเกลือสมุทร 1 ช้อนชากับน้ำร้อน 3 ช้อนชา
    • คนจนเกลือละลายหมด
    • เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาแล้วคนให้เข้ากัน
    • ทาส่วนผสมนี้ลงบนใบหน้าเมื่อมันเย็นลง ถ้าจะใช้แค่กับหัวสิว ให้ใช้คอตตอนบัดจุ่มแล้วแตะที่หัวสิว
    • ทิ้งไว้สัก 10 นาที หลีกเลี่ยงการทิ้งไว้นานกว่านี้เพราะผิวอาจแห้งเกินไป
    • ล้างออกด้วยน้ำเย็น
    • ชโลมมอยเจอไรเซอร์ เกลือสมุทรอาจทำให้ผิวแห้ง จึงจำเป็นต้องใช้มอยเจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
  8. ไข่ขาวช่วยกระชับผิวและลดขนาดรูขุมขน พวกมันยังช่วยสู้ผิวเปลี่ยนสีที่สืบเนื่องจากสิวด้วย [21] [22]
    • ล้างหน้าโดยใช้ขั้นตอนจากภาคที่ 1 เว้นแต่อย่าเพิ่งใช้มอยเจอไรเซอร์
    • ตอกไข่ 3 ฟองแล้วแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว
    • เติมน้ำมะนาวเลมอนหนึ่งช้อนโต๊ะถ้าต้องการ มันจะช่วยให้สิวหัวดำและขาวตกสะเก็ด
    • ตีไข่ขาวจนกระทั่งมันขึ้นฟอง
    • ทาลงบนใบหน้าให้สม่ำเสมอแล้วทิ้งไว้ 15 นาที
    • ใช้น้ำอุ่นล้างออกแล้วใช้ผ้าขนหนูซับหน้าให้แห้ง
    • ตอนนี้ก็ใช้มอยเจอไรเซอร์ได้
  9. โยเกิร์ตช่วยเปิดรูขุมขน ลอกเซลล์ผิว และดูดซับไขมันส่วนเกิน
    • ใช้โยเกิร์ตธรรมดาหนึ่งช้อนโต๊ะแล้วทาลงบนใบหน้าให้สม่ำเสมอกัน
    • ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
    • คุณสามารถทำซ้ำได้ทุกวัน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ใช้ยารักษาแบบสารเคมีที่หาได้ในบ้านในการรักษาสิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผงฟูจะช่วยปรับสมดุลของระดับ pH ของผิวหน้าและดูดซับไขมันส่วนเกิน มันยังช่วยให้หัวสิวแห้ง ทำให้มันหดตัวลงและหายไปในที่สุด การผสมยาพอกผงฟูนั้นทำได้ง่ายมาก [23]
    • ผสมผงฟู 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำสองสามหยด คนส่วนผสมจนมันเปลี่ยนเป็นยาพอก
    • ทายาพอกนี้ตรงบริเวณที่เป็นสิว
    • ทิ้งไว้ 15 ถึง 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • ใช้มอยเจอไรเซอร์ต่อ เนื่องจากผงฟูสามารถทำให้ผิวแห้ง
    • ก่อนใช้วิธีนี้ ให้ลองใช้ปริมาณเล็กน้อยบริเวณกรามหรือส่วนอื่นบนใบหน้าแล้วดูว่าเกิดปฏิกิริยาต่อต้านหรือไม่ ถ้ามีก็หยุดทำต่อ
  2. ยาสีฟันเป็นตัวเลือกสำหรับคนเป็นสิว ใช้ยาสีฟันสีขาวแทนที่จะเป็นแบบเจลอาจเป็นการรักษาที่ได้ผลกว่า [24]
    • แตะยาสีฟันสีขาวเล็กน้อยแค้มบนหัวสิว
    • ทิ้งไว้สัก 10 ถึง 15 นาที
    • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  3. แอสไพรินมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) ซึ่งเป็นตัวลดอาการอักเสบที่ใช้แพร่หลายในการรักษาสิวทั่วไป มันยังช่วยลอกเซลล์ผิวหนังและเอาเศษสกปรกกับแบคทีเรียออกมา [25]
    • ใช้ยาแอสไพริน ปกติจะเป็น 2 เม็ด (แต่ละเม็ดขนาด 81 มก.) มาใส่ชาม บดจนเป็นผง
    • เติมน้ำสองสามหยดแล้วคนให้เป็นยาพอก
    • ทายาพอกลงบนหัวสิว
    • ทิ้งไว้ 15 นาที
    • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • หากผิวมีปฏิกิริยาต่อต้านยาพอกแอสไพริน ล้างออกทันทีแล้วหยุดใช้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

รักษาสิวด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผิวจำเป็นต้องการน้ำเป็นอย่างยิ่ง น้ำช่วยขับสารพิษในร่างกายและยังช่วยระบบการไหลเวียนโลหิต ซึ่งทั้งคู่ล้วนช่วยรักษาสิว ดื่มน้ำทุกเมื่อที่รู้สึกกระหาย กฎที่ดีคือให้สังเกตสีของปัสสาวะ ถ้าออกไปทางใสแสดงว่าคุณได้รับน้ำเพียงพอ ถ้าสีออกเหลืองก็ดื่มน้ำมากขึ้น [26]
  2. อาหารมันๆ มักถูกมองว่าทำให้ปัญหาสิวแย่ไปใหญ่ แต่ไขมันดีกลับช่วยต้านสิวด้วยซ้ำ กรดไขมันโอเมกา-3 ช่วยทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซึ่งจะเป็นการขับไขผิวหนังออกจากรูขุมขน นี่จะช่วยลดปริมาณไขมันที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสิว [27]
    • สำหรับไขมันดี ให้รับประทานถั่ว ปลาที่อยู่ในแหล่งน้ำเย็น กับอะโวคาโด
  3. ร่างกายใช้กรดอะมิโนจากโปรตีนในการผลิตคอลลาเจน สารอาหารชนิดนี้จะช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีและมีน้ำมีนวล [28]
  4. วิตามินตัวนี้จะช่วยลดปริมาณไขมันที่ผิวหนังผลิตออกมา แหล่งวิตามินคือมันหวาน แครอท ผักที่มีสีเขียวเข้มและพริกหวาน [30] [31]
  5. น้ำตาลกระตุ้นระดับอินซูลินในเลือด ซึ่งจะส่งผลให้มีการเพิ่มปริมาณไขมันที่ผิวหนังจะผลิตออกมา จำกัดปริมาณอาหารขยะและน้ำอัดลมเพื่อลดปริมาณของน้ำตาลในระบบ [32]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

รักษาสิวอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างระดับความเครียดสูงกับการเกิดสิวเห่อ เซลล์เดียวกันกับที่ผลิตซีบัมซึ่งเป็นสารไขมันที่ทำให้เกิดสิวนั้น มีตัวรับฮอร์โมนความเครียดด้วย จึงนำไปสู่การเกิดสิวเมื่อคุณรู้สึกเครียด มีกิจกรรมหลากหลายที่คุณใช้นำมาลดความเครียดได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณโดยรวม [33] [34]
    • ทำสมาธิ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในแต่ละวันนั่งหลับตาเพ่งไปที่ลมหายใจ นี่จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ลดระดับความเครียดและน่าจะลดการเกิดสิวได้
    • ฟังเพลง ดนตรีที่เบาสบายจะช่วยร่างกายผ่อนคลายและสงบ ไม่ว่าดนตรีแบบไหนที่คุณชอบฟังก็สามารถเบี่ยงเบนตัวคุณออกจากความเครียด ให้คุณมีอารมณ์เชิงบวกได้ทั้งนั้น
    • ออกกำลังกาย นี่จะช่วยหลั่งเอ็นดอร์ฟินส์ทำให้คุณอารมณ์ดี แม้กระทั่งการเดินก็เพียงพอที่จะลดความเครียดของร่างกายและจิตใจแล้ว
    • อย่าเก็บสะสมอารมณ์ความรู้สึก ถ้ารู้สึกอัดอั้น หาใครสักคนที่สามารถระบายความในใจออกไปได้ นี่จะช่วยคุณแก้ไขปัญหาในเชิงสร้างสรรค์
  2. ถึงแม้ความเชื่อมโยงระหว่างการนอนหลับกับการเกิดสิวยังไม่มีอะไรเด่นชัด แต่หมอส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าการนอนไม่เต็มอิ่มจะทำให้คุณเสี่ยงเกิดความเครียดในจิตใจ นี่จะทำให้ปัญหาสิวแย่ลงและส่งผลเสียต่อสภาพผิวโดยรวม นอนให้ได้ 8 ชั่วโมงต่อคืนเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี [35]
  3. นอกเหนือจากช่วยลดความเครียดแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยลดสิวโดยการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปยังผิวด้วย นี่จะช่วยนำสารอาหารที่จำเป็นไปที่ผิวและขับสารพิษออกไป ช่วยให้ต่อสู้กับสิวได้ดีขึ้น หมอมักแนะนำให้ออกกำลังกาย 30-60 นาทีต่อวันเพื่อให้คุณมีสุขภาพดี [36]
    • จำไว้ว่าต้องล้างหน้าหลังออกกำลังกายเพื่อขับเหงื่อกับคราบสกปรกออกจากรูขุมขน
  4. มันจะอุดรูขุมขนและทำให้สิวเป็นหนักขึ้น [37]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าย่อท้อถ้าบางวิธีไม่ได้ผล ปัญหาสิวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และคุณควรจะลองหลายๆ วิธีก่อนจะพบวิธีที่เหมาะกับตัวคุณ
  • การแต้มยาสีฟันสองครั้งต่อวันเหมาะกับผิวบางประเภท มันจะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและกำจัดแบคทีเรีย แถมยังทำให้ใบหน้าดูผ่องขึ้นด้วย เริ่มด้วยการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น บีบยาสีฟันผสมกับน้ำเล็กน้อยแล้วนำมาทาหน้า (อย่าทาใกล้ดวงตาเกินไปเพราะมันอาจระคายได้) จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น เอาผ้าขนหนูซับหน้าให้แห้ง ง่ายๆ แค่นี้เอง!
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณควรตรวจสอบกับหมอหรือหมอผิวหนังก่อนลองวิธีการรักษาเหล่านี้ คุณอาจมีปัญหาด้านผิวหนังโดยเฉพาะที่อาจเกิดอันตรายจากวิธีการรักษาหนึ่งในนี้ก็ได้
โฆษณา
  1. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC37540/
  2. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/25597924
  3. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22998411
  4. http://www.med-health.net/Lemon-Juice-For-Acne.html
  5. http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/acne-alternative-treatments?page=3
  6. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23762853
  7. http://www.skinacea.com/acne/acne-treatment-honey.html#.VWdMz9JViko
  8. http://www.skinacea.com/acne/acne-treatment-acv.html#.VWdQeNJViko
  9. http://www.herbal-supplement-resource.com/turmeric-for-acne/
  10. http://www.healthguidance.org/entry/14932/1/Tomatoes-as-Remedy-for-Your-Acne.html
  11. http://www.remediesandherbs.com/how-to-use-sea-salt-for-your-skin/
  12. http://www.facingacne.com/egg-whites-6-home-cures-acne/
  13. http://homeremediesforlife.com/cystic-acne/
  14. http://homeremediesforlife.com/cystic-acne/
  15. http://homeremediesforlife.com/cystic-acne/
  16. http://homeremediesforlife.com/cystic-acne/
  17. http://health.clevelandclinic.org/2013/10/what-the-color-of-your-urine-says-about-you-infographic/
  18. http://www.facingacne.com/adjusting-diet-treat-acne/
  19. http://www.facingacne.com/adjusting-diet-treat-acne/
  20. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/health-tip/art-20048898
  21. http://www.facingacne.com/adjusting-diet-treat-acne/
  22. http://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminA-HealthProfessional/#h3
  23. http://www.facingacne.com/adjusting-diet-treat-acne/
  24. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/basics/stress-basics/hlv-20049495
  25. http://www.webmd.com/balance/guide/blissing-out-10-relaxation-techniques-reduce-stress-spot
  26. http://sleepfoundation.org/how-sleep-works/how-much-sleep-do-we-really-need
  27. http://kidshealth.org/teen/expert/skin/exercise_acne.html
  28. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/tips

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,970 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา