ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
หนุ่มๆ สาวๆ ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาสิวมักยินยอมพร้อมใจลองทำ ทุกสิ่ง เพื่อกำจัดมันออกไป ข่าวดีก็คือ เราสามารถใช้เบกกิ้งโซดาในการรักษาสิวได้ และบทความ wikiHow ฉบับนี้จะมาแสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำได้อย่างไร
ขั้นตอน
-
ทำความเข้าใจกันก่อนว่า เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยรักษาสิวได้อย่างไร. ความเชื่อที่ว่าเบกกิ้งโซดาสามารถรักษาสิวได้นี้มีขึ้นมาสักระยะแล้ว แม้วิธีการรักษาง่ายๆ ที่ทำได้เองที่บ้านนี้อาจไม่ได้ผลดีเท่าผลิตภัณฑ์รักษาสิวจากผู้เชี่ยวชาญที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาด แต่ก็ถือว่ามีข้อดีอยู่ไม่น้อย
- เบกกิ้งโซดาเป็นสารประเภทแอมโฟเทริก ซึ่งหมายความว่า เขาสามารถทำหน้าที่เป็นกรดหรือด่างก็ได้ ด้วยเหตุนี้ เบกกิ้งโซดาจึงสามารถช่วยปรับค่า pH บนผิวหนังที่ขาดความสมดุล และผิวที่ขาดความสมดุลของค่า pH นี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุการเกิดสิวที่พบได้ทั่วไป
- เบกกิ้งโซดาจะช่วยให้ผิวของคุณแห้งขึ้น ด้วยการกำจัดความมันส่วนเกินซึ่งเป็นสาเหตุของสิวหัวดำหรือสิวอักเสบทั้งหลาย นอกจากนี้ เบกกิ้งโซดายังมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อและต่อต้านการอักเสบในระดับอ่อนๆ จึงช่วยลดขนาดของเม็ดสิวได้อีกด้วย
- เมื่อผสมเข้ากับน้ำ เบกกิ้งโซดาจะละลายกลายเป็นเกล็ดเล็กละเอียด จึงช่วยทำความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวได้ ด้วยการกำจัดความมัน สิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ผู้ที่มีผิวบอบบางควรใช้เบกกิ้งโซดาด้วยความระมัดระวัง. เพราะเบกกิ้งโซดาอาจทำให้ผิวของคุณแห้งเกินไป อีกทั้งยังอาจทำให้เป็นรอยแดงและเกิดการระคายเคืองได้สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง
- ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรทดสอบการใช้เบกกิ้งโซดาบนผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนที่จะลงมือทาทั่วหน้า และหยุดใช้ทันทีหากพบอาการข้างเคียงใดๆ
- แม้จะไม่มีอาการข้างเคียง แต่ก็ยังควรหลีกเลี่ยงการเบกกิ้งโซดาเป็นประจำ เพราะเมื่อผ่านไปสักระยะ เบกกิ้งโซดาอาจจะสร้างความปั่นป่วนให้กับความสมดุลของค่า pH บนผิว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้แบคทีเรียเติบโตและเกิดสิวมากยิ่งขึ้นได้นั่นเอง
- ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรใช้เบกกิ้งโซดากับผิวไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
โฆษณา
-
ใช้เบกกิ้งโซดารักษาสิว. ผสมเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะจนได้ครีมแต้มเนื้อนุ่มๆ
- ล้างทำความสะอาดและเช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นจึงทาครีมแต้มเบกกิ้งโซดาของเราลงบนสิว ซึ่งอาจจะรู้สึกแสบนิดๆ ในบริเวณที่มีสิวเปิด
- ทาเบกกิ้งโซดาแต้มสิวทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก บางคนอาจจะเลือกแต้มเบกกิ้งโซดาลงบนสิวทิ้งไว้ทั้งคืน แต่วิธีนี้อาจจะทำให้ผิวของคุณแห้งมาก จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
- ทาครีมบำรุงผิวหลังจากใช้ยาแต้มสิวเบกกิ้งโซดา [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้เบกกิ้งโซดามาร์คหน้า. ผสมเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มได้ตามความจำเป็น) และใส่น้ำมะนาวสดเพิ่มลงไปอีก 1 ช้อนชา
- ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดและเช็ดให้แห้ง จากนั้นจึงทามาร์คเบกกิ้งโซดาของเราลงไปบางๆ ให้ทั่วหน้า แต่ขอเตือนก่อนนะว่า มันอาจจะแสบจี๊ดซักหน่อย
- มาร์คทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังจากล้างหน้า ผิวของคุณอาจจะดูแดงๆ เล็กน้อย แต่ไม่นานรอยแดงก็จะค่อยๆ จางลงไป หลังจากมาร์คหน้า อย่าลืมทาครีมบำรุงกันด้วยนะ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้เบกกิ้งโซดาเป็นครีมล้างหน้า/สครับขัดผิว. ผสมเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะจนได้เนื้อครีมนุ่มละมุน หรือจะหยดน้ำมะนาวเพิ่มลงไปสักนิดก็ได้ (กรดซิตริกในน้ำมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น)
- ทำให้ใบหน้าเปียกชุ่มโดยใช้น้ำอุ่น จากนั้นจึงทาครีมเบกกิ้งโซดาที่ผสมไว้ลงบนผิว ค่อยๆ นวดวนเป็นวงกลมเล็กๆ ให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว แต่ต้องระวังอย่าสครับแรงจนเกินไป
- ล้างเนื้อครีมออกโดยใช้น้ำอุ่นกับผ้าขนหนู หลังจากนั้นผิวหน้าของคุณอาจจะดูแดงๆ และแวววาว จึงควรทาครีมบำรุงดีๆ ลงบนผิวกันสักหน่อย
-
ใช้เบกกิ้งโซดาเป็นสบู่แช่ตัว. ถ้าคุณกำลังทุกข์ทรมานกับปัญหาสิวบนแผ่นหลังหรือหน้าอก อาจจะลองใช้ประโยชน์จากการอาบน้ำผสมเบกกิ้งโซดา
- โรยเบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วยลงในครีมอาบน้ำที่อุ่นเตรียมไว้ (อย่าใช้ครีมอาบน้ำที่เป็นฟอง) และใช้มือคนให้เข้ากัน
- กระโดดลงอ่างและแช่น้ำให้ได้อย่างน้อย 15-20 นาที อย่าลืมอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวหลังจากแช่น้ำกันด้วยนะ
- เบกกิ้งโซดาจะช่วยป้องกันการเกิดสิวอักเสบและลดสิวหัวดำบนหลัง หน้าอก รวมถึงบริเวณอื่นๆ บนร่างกายที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ควรล้างหน้าเพียง 2 ครั้งต่อวัน เพราะการล้างมากกว่า 2 ครั้งจะเป็นการกระชากน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิว ทำให้ผิวผลิตความมันออกมามากยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงจะมีสิวตามมามากยิ่งขึ้นนั่นเอง!
- อย่าลืมจดบันทึกการเกิดสิว โดยใช้วิธีการรักษาใดๆ ก็ตามเป็นประจำ เพื่อค้นหาว่าวิธีรักษา/สูตรโฮมเมดรูปแบบใดที่ได้ผลสำหรับคุณ
โฆษณา
คำเตือน
- เนื่องจากเบกกิ้งโซดาอาจทำให้ผิวของคุณแห้งเกินไป จึงควรเริ่มใช้เพียงสัปดาห์ละครั้ง จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งตามความจำเป็นหรือตามที่แพทย์สั่ง
- หากมีอาการหน้าแห้งลอก ควรลดการใช้เหลือเพียงวันละครั้งหรือวันเว้นวัน
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา