ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หลอดเลือดแดง (Arteries) เป็นหลอดเลือดขนาดใหญ่ที่ส่งผ่านเลือดจากหัวใจไปทั่วร่างกาย มันสามารถอุดตันได้ทั้งจากคราบไขมัน คลอเรสเตอรอล และสารอื่นๆ โดยคราบที่เกาะในหลอดเลือดจะสะสมมากขึ้นและจะทำให้หลอดเลือดตีบลงเมื่อเวลาผ่านไป ผลก็คือคุณก็อาจจะเป็นโรคหลอดเลือดแข็งได้ โดยโรคหลอดเลือดแข็งสามารถทำให้เกิดความผิดปกติได้หลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดแดงโคโรนารี (หลอดเลือดแดงที่ส่งเลือดไปที่หัวใจโดยตรง) และอาการอื่นๆ ที่ถึงแก่ชีวิตได้ วิธีที่ได้ผลที่สุดที่จะช่วยคุณหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้ได้แก่การเปลี่ยนวิธีการทานอาหารและการใช้ชีวิตของคุณเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงการทานอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไขมันอิ่มตัวนั้นเป็นผู้ร้ายสำคัญในการทำให้ระดับคลอเรสเตอรอลสูงขึ้น [1] คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจะมีชื่อปรากฎบนฉลากอาหารว่ามันเป็นน้ำมันและไขมันที่ “เติมสารไฮโดรเจน (Hydrogenated)” [2]
    • ตัวอย่างอาหารที่มีไขมันเหล่านี้จำนวนมากได้แก่ เนย มาการีน ชีส ผลิตภัณฑ์จากนมไขมันเต็ม เนื้อแดง และเนื้อที่ผ่านการแปรรูป [3] [4] [5]
    • คุณควรที่จะตรวจสอบระดับไขมันอิ่มตัวบนฉลากอาหารและจำกัดปริมาณแคลอรี่ของไขมันที่ควรได้รับต่อวันให้อยู่แค่ 5-6 เปอร์เซนต์ (ตัวอย่างเช่น ไขมัน 13 กรัมในการทานอาหาร 2,000 แคลอรี่ต่อวัน) [6]
  2. เพราะว่าเนย น้ำมันหมู และมาการีนนั้นมีไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่สูงมาก คุณควรที่จะเลือกน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพในการทำอาหาร น้ำมันที่ควรเลือกนั้นมักจะมีไขมันเชิงเดี่ยวที่ไม่อิ่มตัวและไขมันเชิงซ้อนที่ไม่อิ่มตัวอยู่สูง ซึ่งจะให้ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลและลดการอักเสบในโรคหลอดเลือดแดงแข็ง [7] [8] น้ำมันเหล่านี้ได้แก่ [9]
  3. ไขมันโอเมก้า 3 (หรือไขมัน “ดี”) จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว [11] คุณสามารถพบไขมันชนิดนี้ได้ในอาหารหลายชนิดโดยเฉพาะปลา ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาเทราต์ ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีของไขมันชนิดนี้ ดังนั้น คุณควรลองทานอาหารเหล่านี้สัก 2 ครั้งต่ออาทิตย์ [12] อาหารอื่นๆ ที่มีโอเมก้า 3 สูงได้แก่ [13] [14]
    • เมล็ดแฟลกซ์และน้ำมันแฟลกซ์
    • วอลนัท
    • เมล็ดเชีย
    • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและเต้าหู้
    • ถั่วเมล็ดแห้ง
    • ผักใบเขียว
    • อะโวคาโด
  4. ธัญพืชที่ขัดสีแล้วจะขัดเอาไฟเบอร์และสิ่งที่มีประโยชน์ต่างๆ ออกไป แทนที่จะเลือกทานอาหารที่ทำจากแป้งขาว (ข้าวขาว ขนมปังขาว พาสต้าซาโมลินา เป็นต้น) ให้เลือกเป็นโฮลเกรนแทน [15]
  5. ของหวานเป็นแหล่งที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลต่อหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็ง เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคอ้วน คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเพื่อช่วยส่งเสริมให้สุขภาพของหัวใจดีขึ้น [18]
  6. อาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยควบคุมทั้งระดับคลอเรสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด [20] ทานผัก ผลไม้ และถั่วเมล็ดแห้งให้เยอะขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มไฟเบอร์ โดยอาหารที่มีไฟเบอร์สูงได้แก่ [21]
    • ถั่วฝัก
    • แอปเปิ้ล
    • ผลไม้ตระกูลส้ม
    • ข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์
    • ถั่วเปลือกแข็ง
    • กระหล่ำดอก
    • ถั่วแขก
    • มันฝรั่ง
    • แครอท
    • โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงควรทานไฟเบอร์ 21-25 กรัมต่อวัน ผู้ชายควรทานไฟเบอร์ 30-38 กรัมต่อวัน [22]
  7. โซเดียม (เกลือ) มีผลต่อความดันโลหิต หากมีความดันโลหิตสูงก็จะทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่หลอดเลือดแดงของคุณจะแข็งตัวและเสียหาย เลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำที่ร้านค้าหรือร้านอาหารและจำกัดปริมาณที่ได้รับมากสุดแค่ 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน [23]
    • ถ้าแพทย์ของคุณได้วินิจฉัยว่าคุณมีความดันโลหิตสูง คุณควรที่จะจำกัดปริมาณโซเดียมที่ได้รับให้เข้มงวดขึ้นโดยสามารถทานโซเดียมได้มากสุดแค่ประมาณ1,500 มิลลิกรัมต่อวัน [24]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สารเคมีในบุหรี่และยาสูบอื่นๆ จะทำร้ายเซลล์เม็ดเลือดของคุณ รวมถึงขัดขวางการทำงานของหัวใจและเส้นเลือด [25] และมันยังทำให้มีคราบก่อตัวขึ้นที่หลอดเลือด (โรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว) [26] การเลิกสูบบุหรี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อสุขภาพที่ดีของหัวใจและปอด
    • การเลิกสูบบุหรี่แบบหักดิบอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน ให้ใช้อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ในการเลิกสูบบุหรี่ เช่น ใช้แผ่นปิดผิวหนังและหมากฝรั่งที่เป็นนิโคติน หาชุมชนที่สนับสนุนการเลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น
  2. การออกกำลังกายส่งผลต่างๆ ที่จะช่วยให้ปัญหาต่างๆ ที่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแดงอุดตันดีขึ้น การออกกำลังกายอย่างเป็นประจำจะช่วยคุณลดน้ำหนักส่วนเกิน บรรเทาอาการความดันโลหิตสูง และลด LDL ซึ่งเป็นคลอเรสเตอรอลที่ “ไม่ดี” [27] ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในเรื่องการออกกำลังกาย คุณอาจจะเริ่มออกกำลังกายช้าๆ ก่อน ปรึกษากับแพทย์เพื่อให้ช่วยวางแผนการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณ
    • เมื่อคุณเริ่มชินกับกิจวัตรการออกกำลังกายของคุณแล้ว คุณควรตั้งเป้าในการออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับกลางๆ เป็นเวลา 30 นาที (เช่น วิ่งจ๊อกกิ้งหรือปั่นจักรยาน) โดยออกกำลังกาย 5 ครั้งต่ออาทิตย์ ถ้าคุณอยากออกกำลังกายในระดับหนัก (เช่น การออกกำลังกายแบบครอสฟิต (CrossFit)) ให้ตั้งเป้าว่าจะออกกำลังกายเช่นนี้ 75 นาทีต่ออาทิตย์ [28]
    • การออกกำลังกายแบบแอโรบิกคือการออกกำลังกายให้ระดับการเต้นของหัวใจสูงขึ้น [29] ซึ่งได้แก่ การวิ่งหรือกีฬาที่มีการกระแทกสูงและการออกกำลังกายที่มีการกระแทกต่ำอย่างการว่ายน้ำและการปั่นจักรยาน
  3. การเปลี่ยนแปลงอาหารและการออกกำลังกายจะทำให้น้ำหนักตัวของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่มีสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน คุณสามารถตั้งเป้าหมายน้ำหนักตัวของคุณโดยใช้ดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็นการนำน้ำหนักตัวและส่วนสูงมาประเมินเปอร์เซนต์ของไขมันในร่างกาย [30] ให้ตั้งเป้าหมายให้น้ำหนักตัวอยู่ในช่วงปกติ ซึ่งคือระหว่างค่า 18.5-24.9 [31]
    • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 25-29.9 นั้นถือว่ามีน้ำหนักเกิน และถือว่าค่า 30 หรือค่าที่มากกว่านั้นเป็นโรคอ้วน [32]
    • คุณสามารถหาข้อมูลในการคำนวณค่า BMI ของคุณได้จากบทความอื่นๆ
  4. การมีความเครียดในระดับสูงจะทำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนในร่างกายซึ่งจะมีผลทำให้มีการอักเสบอย่างเรื้อรังและสามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแข็งได้ [33] ถ้าคุณมีความเครียดสูงเมื่ออยู่ในที่ทำงานหรือที่บ้าน เป็นเรื่องสำคัญที่จะจัดการการทำงานของร่างกายให้เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความเสี่ยงต่างๆ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อลดความเครียด [34]
    • ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
    • ทำสมาธิ
    • ทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบเช่นโยคะหรือรำไทชิ
    • ฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรืองานศิลปะอื่นๆ ที่คุณพบว่ามันช่วยให้จิตใจคุณสงบ
    • ใช้พลังงานในร่างกายไปกับการทำงานอดิเรกที่ชอบที่จะช่วยผ่อนคลาย
  5. การใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิดจะทำให้คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัวได้ [35] โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายควรจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์แค่ 2 หน่วยบริโภคต่อวันและผู้หญิงควรจำกัดเหลือแค่ 1 หน่วยบริโภคเท่านั้น [36] ปริมาณของแอลกอฮอล์หนึ่งหน่วยบริโภคนั้นแตกต่างกันไปตามชนิดของแอลกอฮอล์ ให้ใช้แนวทางต่อไปนี้ [37]
    • เบียร์ 354.8 มิลลิลิตร
    • ไวน์ 147.8 มิลลิลิตร
    • สุรา 44.3 มิลลิลิตร
  6. การเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 จะทำให้คุณมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว [38] ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน ให้ดูแลอาการโดยการไปตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด จัดการดูแลเรื่องอาหาร และออกกำลังกายให้ร่างกายกระฉับกระเฉง [39] ปรึกษากับแพทย์เกี่ยวกับแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
  7. แพทย์อาจจะตรวจความดันเลือด คลอเรสเตอรอล และระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างละเอียด ขณะที่คุณเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มันอยู่ในช่วงที่ดีขึ้น ให้นัดแพทย์อย่างเป็นประจำเพื่อตรวจเช็คความก้าวหน้าของคุณและดูสิ่งบ่งชี้ต่างๆ เพื่อดูว่าคุณได้ทำอะไรสำเร็จไปบ้าง [40]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้อาหารเสริม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณไม่ชอบปลาหรือไม่สามารถซื้อหาปลาได้ คุณอาจจะเพียงแค่ทานอาหารเสริมน้ำมันปลาเพื่อให้ได้ไขมันโอเมก้า 3 ให้มองหาน้ำมันปลาที่มีสาร EPA และ DHA [41]
  2. ถ้าคุณมีปัญหาในการทานไฟเบอร์ให้เพียงพอ คุณสามารถใช้อาหารเสริมไซเลียมได้ ไซเลียมเป็นไฟเบอร์ละลายน้ำที่พบได้ในแบบชนิดเม็ดและแบบผง (เช่น Metamucil)
  3. ปกติแล้วซอยโปรตีนมักจะเป็นรูปแบบผงที่คุณสามารถผสมในอาหารและครื่องดื่มต่างๆ ได้ (น้ำผลไม้ สมูทตี้ เป็นต้น) หลายงานวิจัยได้แสดงผลว่าอาหารเสริมซอยโปรตีนนั้นมีประโยชน์ในการลดระดับของคลอเรสเตอรอล [42] ให้ใช้ตามคำแนะนำที่ระบุ
  4. คุณสามารถใช้ไนอาซิน (วิตามินบี 3) เพื่อช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลได้ [43] อย่างไรก็ตามให้พูดคุยกับแพทย์และดูการใช้อาหารเสริมไนอาซินอย่างใกล้ชิด ผลข้างเคียงทั่วไปจากการใช้ในปริมาณมาก ได้แก่ [44]
    • ผิวหนังแดง
    • ปวดท้อง
    • ปวดหัว
    • มึนงง
    • สายตาพร่าเลือน
    • เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อตับ
  5. งานวิจัยบางชิ้นได้แสดงผลว่ากระเทียมนั้นสามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวและมีผลดีกับความดันเลือด [45] คุณสามารถเพิ่มกระเทียมสดไปในอาหารหรือจะใช้อาหารเสริมกระเทียมก็ได้ถ้าคุณไม่ชอบกระเทียมสดในอาหาร [46]
  6. Beta-sitosterol และ Sitostanol เป็นสองอาหารเสริมที่มีผลดีในการลดคลอเรสเตอรอล [47] คุณสามารถหาอาหารเสริมชนิดนี้ได้ที่ร้านขายวิตามินส่วนใหญ่หรือร้านขายอาหารสุขภาพ
  7. โคเอนไซม์คิวเทนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่ใช้ในการรักษาอาการที่เกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด [48] มันยังช่วยลดการเจ็บกล้ามเนื้อที่เกิดจากยาลดคลอเรสเตอรอลที่มีชื่อว่า “สแตติน (Statin)” [49] ลองทานโคเอนไซม์คิวเท็นถ้าแพทย์ได้สั่งยาชนิดนี้
    โฆษณา

คำเตือน

  • ขณะที่บทความนี้มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกับคลอเรสเตอรอล คุณไม่ควรถือว่ามันเป็นคำแนะนำจากแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์เสมอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอาหารและการออกกำลังกายรวมถึงการเริ่มใช้อาหารเสริม
  • ปรึกษากับแพทย์ก่อนการเริ่มใช้อาหารเสริมเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารเสริมจะไม่มีผลอะไรกับการใช้ยาที่แพทย์จ่ายให้


โฆษณา
  1. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  2. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10189324
  3. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  4. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000767.htm
  5. https://www.umassmed.edu/uploadedfiles/LoweringTriglycerides.pdf
  6. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  7. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12740068
  8. https://www.umassmed.edu/uploadedfiles/LoweringTriglycerides.pdf
  9. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  10. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/dash
  11. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/fiber/art-20043983
  12. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/fiber/art-20043983
  13. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/fiber/art-20043983?pg=2
  14. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/dash
  15. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/dash
  16. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/smo
  17. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/smo
  18. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  19. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  20. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  21. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  22. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  23. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  24. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11801260
  25. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  26. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  27. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  28. http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/atherosclerosis/treatment
  29. http://circ.ahajournals.org/content/108/12/1527.full
  30. http://www.diabetes.org/living-with-diabetes/recently-diagnosed/where-do-i-begin/taking-care-of-your-diabetes.html
  31. https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentTypeID=1&ContentID=1583
  32. https://umm.edu/health/medical/altmed/condition/atherosclerosis
  33. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmedhealth/PMH0023614/
  34. https://umm.edu/health/medical/altmed/supplement/vitamin-b3-niacin
  35. https://umm.edu/health/medical/altmed/supplement/vitamin-b3-niacin
  36. http://umm.edu/health/medical-reference-guide/complementary-and-alternative-medicine-guide/herb/garlic
  37. http://umm.edu/health/medical-reference-guide/complementary-and-alternative-medicine-guide/herb/garlic
  38. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/high-blood-cholesterol/in-depth/cholesterol-lowering-supplements/art-20050980
  39. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural/938.html
  40. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural/938.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,425 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา