ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ต่อต้านการใช้ยาที่ซื้อตามหน้าเคาน์เตอร์ หรือยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ หรือเป็นเพราะว่าในตอนนั้นคุณไม่มียาให้กินเลยก็ตาม มันจะมีประโยชน์มากถ้าคุณรู้วิธีรักษาอาการปวดหัวโดยที่ไม่ต้องใช้ยา ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ ทางเลือกอื่นๆ ในการรักษาอาการ และวิธีป้องกันมากมายที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวและไมเกรนได้ ลองอ่านคำแนะนำด้านล่างเพิ่มเติมดูสิ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

คำแนะนำทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกไปเดินข้างนอกและสูดอากาศบริสุทธิ์นั้นอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาการปวดหัวนั้นมาจากความตึงเครียดหรือการจ้องหน้าจอนานๆ ด้วยแล้วล่ะก็ ดังนั้น ออกไปอยู่ในที่เงียบๆ สูดอากาศให้เต็มปอดและปล่อยให้ความคิดได้ล่องลอยบ้าง นี่จะทำให้คุณลืมอาการปวดหัวของตัวเองภายในเวลาอันรวดเร็วได้
    • อยู่ให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งถนนเงียบๆ ตามชนบทหรือหาดทรายที่เงียบสงบก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ แต่ถ้าหากว่าคุณจำเป็นต้องอยู่ในเมืองจริงๆ สวนสาธารณะใกล้ๆ ก็ช่วยคุณได้เช่นเดียวกัน
    • เพิ่มจังหวะการเดินของตัวเองและเริ่มต้นเดินเร็วดูหากคุณต้องการ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าการเต้นแอโรบิกสามารถช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการปวดได้ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยลดความถี่ของการเกิดอาการปวดหัวได้อีกด้วย [1]
  2. ลองใช้ไอซ์แพคเพื่อลดอาการสั่นสะเทือนในหัวคุณดู โดยให้คุณวางไอซ์แพคไว้ที่หน้าผาก ขมับ หรือจะไว้ที่หลังลำคอก็ได้ ความเย็นที่ออกมาจากไอซ์แพคจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและบรรเทาความปวดได้ [2]
  3. อาการปวดหัวที่เกิดจากความตึงเครียดนั้นมักจะบรรเทาได้ง่ายๆ แค่เพียงคุณปล่อยให้ตัวเองได้ผ่อนคลายบ้าง ซึ่งการแช่อ่างน้ำอุ่นที่มีกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันหอมระเหยนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้เหมือนกัน แม้แต่การอาบน้ำฝักบัวธรรมดาๆ ก็สามารถล้างความตึงเครียดของวันออกไปได้แล้ว
  4. ให้ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้กดเบาๆ ไปที่ส่วนที่คุณปวดหัว จะเป็นส่วนขมับ ส่วนหน้าผาก ส่วนบนของหัว หรือฐานกะโหลกก็ได้ โดยให้คุณนวดแบบหมุนวนไปด้วยจังหวะที่คงที่ พร้อมกับกดลงไปเบาๆ ทำแบบนี้สัก 10-15 วินาที หรือจะนานกว่านี้ก็ได้ถ้าจำเป็น [2]
    • คุณอาจจะขอให้แฟน เพื่อน หรือคนในครอบครัวของคุณมาช่วยนวดศีรษะ นวดคอ นวดหลังให้ก็ได้ถ้าหากพวกเขายินดีที่จะช่วยคุณล่ะก็ หรือไม่คุณก็อาจจะให้มืออาชีพนวดให้ก็ได้
  5. ให้คุณบังคับตัวเองให้หลับให้ได้ แล้วคุณอาจจะพบว่าทันทีที่คุณตื่นขึ้นมา อาการปวดหัวของคุณก็หายไปอย่างน่าประหลาดใจเลยทีเดียว ดังนั้น ให้คุณมองหาห้องเงียบๆ ปิดม่าน และนอนลงบนเตียงหรือโซฟา จากนั้นหลับตาและโฟกัสไปที่การปลดปล่อยความเกร็งตึงของหัวไหล่ คอ และหลังของคุณดู ทำใจให้ว่าง โฟกัสไปที่ลมหายใจของตัวเองและพยายามปรับเข้าสู่โหมดนอนหลับอย่างสงบๆ ให้ได้
  6. บ่อยครั้งที่อาการปวดหัวนั้นเกิดจากความหิว ดังนั้น ให้คุณลองกินอาหารเพื่อสุขภาพแบบมื้อเล็กๆ ดู จากนั้นก็ให้รอสักครั้งชั่วโมงเพื่อรอให้อาการปวดหัวบรรเทาลง
    • ให้คุณพยายามกินอาหารในเวลาที่ตรงกันทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดหัว อย่ากินช้ากว่าเวลาปกติหรือข้ามอาหารมื้อหนึ่งไปเลย
    • อย่าลืมว่าต้องกินให้ช้าๆ ด้วย เพราะคุณคงไม่อยากจะจบลงที่อาการปวดท้องเหมือนกับอาการปวดหัวใช่ไหมล่ะ!
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ป้องกันอาการปวดหัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ นั้นเป็นตัวกระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการปวดหัวได้ เพราะการมองไปที่หน้าจอสว่างๆ ทั้งวันจะทำให้สายตาของคุณตึงเครียดและอาจจะนำไปสู่อาการปวดหัวเอาได้ง่ายๆ ซึ่งภาพจากหน้าจอที่มีแสงวูบวาบไปมาอาจจะไปกระตุ้นจอและเส้นประสาทตาของคุณมากเกินไปจนทำให้เกิดอาการปวดหัวได้
    • พยายามลดการใช้คอมพิวเตอร์หากมีโอกาส แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้มันทำงานจริงๆ ให้คุณหยุดพักสายตาเป็นระยะๆ ลุกขึ้น เดินไปมารอบๆ หรือไม่ก็ออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง
    • ในทุกๆ ชั่วโมงให้คุณใช้เวลาพักสายตาจากโลกออนไลน์สัก 10 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหัว
    • ในทุกๆ สัปดาห์ ให้คุณใช้เวลาสักวันสองวันเพื่ออยู่ให้ห่างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้าง ไม่ต้องนัดคุยหรือเจรจาเรื่องงานหรือธุรกิจใดๆ ทั้งนั้น ใช้วันเหล่านี้เพื่อพักผ่อนและลดความตึงเครียดของตัวเองซะ เพราะว่าความเครียดมักจะเป็นสาเหตุของอาการปวดหัว
  2. หากคุณกินอาหารที่มีแมกนีเซียมได้ทุกวัน นั่นอาจจะช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการปวดหัวและไมเกรนได้ นี่เป็นเพราะว่าแมกนีเซียมสามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดที่อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้คุณปวดหัวและเป็นไมเกรนได้ ซึ่งคุณอาจจะต้องบริโภคให้มากกว่าวิตามินรวมปกติ หรือสักประมาณ 400 ถึง 600 มิลลิกรัมต่อวัน [3]
    • ลองหาแมกนีเซียม อะมิโน แอซิด คีเลตมาทานดู (หลายๆ ยี่ห้อมีส่วนประกอบของแมกนีเซียมออกไซด์ ซึ่งดูดซึมได้ไม่เท่ากับแบบแรก)
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มแมกนีเซียมให้กับร่างกายด้วยการกินผักที่มีสีเขียวเข้ม ถั่ว หรือเมล็ดพืชด้วยก็ได้
  3. สารบางอย่างมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวมากกว่าสิ่งอื่นๆ แต่คุณสามารถป้องกันอาการปวดหัวได้ด้วยการจำกัดการใช้สารดังต่อไปนี้
    • ไนเตรทและไนไตรท์ ไนเตรทและไนไตรท์นั้นสามารถพบได้ในเนื้อสัตว์แปรรูปและในโมโนโซเดียมกลูตาเมต (ผงชูรส) ซึ่งไว้ใช้สำหรับเพิ่มรสชาติอาหารให้ถูกปากมากขึ้น นอกจานี้ไนเตรทยังสามารถพบได้ในยารักษาโรคหัวใจบางชนิดอีกด้วย [4]
    • ฟีนิลเอทิลเอมีน ซึ่งสามารถพบได้ในช็อกโกแลตและชีสบางชนิด [4]
    • ไทรามีน ซึ่งบางครั้งพบได้ในถั่ว เนื้อหมัก ชีส และถั่วเหลือง [4]
    • แอสปาร์แตม เป็นวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลที่พบได้ในอาหารหลายๆ ชนิด [4]
    • คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวสำหรับบางคนได้เหมือนกัน [4]
  4. การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานๆ อาจจะส่งผลให้ทาลามัสในสมองของคุณเกิดความยุ่งเหยิงได้ ซึ่งจะทำให้มันส่งสัญญาณความปวดไปยังร่างกายคุณ ดังนั้น เพื่อที่จะป้องกันสายตาตัวเองจากแสงจ้าและลดความเสี่ยงจากอาการปวดหัว ให้คุณสวมแว่นกันแดดแบบเลนส์โพลาไรซ์ที่มีการป้องกันรังสี UVA/UVB เอาไว้
  5. ผู้หญิงหลายคนชอบปวดหัวเพราะว่าทำผมตึงเกินไป ดังนั้น ให้คุณคลายมวยผมหรือคลายหางม้าให้หลวมๆ หรือปล่อยผมเลยก็ได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากอาการปวดหัว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติโดยเฉพาะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ร่างกายขาดน้ำอาจจะนำไปสู่อาการปวดหัวได้ นั่นเป็นเพราะว่าการขาดน้ำจะไปลดการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนที่ไหลเข้าสู่สมองคุณ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าอาการปวดหัวกำลังจะมาเยือน ให้คุณดื่มน้ำเย็นกันไว้ก่อน หากอาการปวดหัวของคุณมาจากการที่ร่างกายคุณขาดน้ำ การดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาและรักษาอาการได้ภายในเวลาสั้นๆ
    • ในแต่ละวันคุณควรจะดื่มน้ำให้ได้สักประมาณ 8 แก้วเพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ [5] อย่างไรก็ตาม 20% ของปริมาณน้ำส่วนนี้ คุณอาจจะรับจากอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำก็ได้ (เช่น องุ่น ไก่งวง แตงโม ฯลฯ) [6]
    • การดื่มน้ำหลังจากที่คุณดื่มแอลกอฮอล์มานั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เพราะว่าแอลกอฮอล์มักจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอาหารขาดน้ำ ซึ่งนำไปสู่อาการปวดหัวเมาค้างได้
  2. เป็นที่รู้กันดีว่าลาเวนเดอร์มีสรรพคุณให้ความผ่อนคลาย แต่คุณรู้หรือไม่ ว่าน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์นั้นช่วยรักษาอาการปวดหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ ดังนั้น ให้หาชามใส่น้ำร้อนมาสักชาม แล้วหยดน้ำมันลาเวนเดอร์ลงไปสักสองสามหยด ลดศีรษะไปที่ผิวน้ำในชาม และคลุมหัวด้วยผ้าขนหนู จากนั้น หายใจเข้าลึกๆ เพื่อสูดดมไอระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์จากชาม
    • นอกจากนี้คุณจะใช้วิธีการทาน้ำมันลาเวนเดอร์เอาก็ได้ โดยให้คุณนวดน้ำมันสักสองสามหยดที่ขมับของคุณประมาณ 1-2 นาทีพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ ไปพร้อมๆ กัน
    • จำเอาไว้เสมอว่าห้ามกินน้ำมันลาเวนเดอร์เข้าไปเป็นอันขาด
  3. โรสแมรี่ช่วยแก้อาการปวดหัวได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ให้คุณลองนวดศีรษะด้วยน้ำมันโรสแมรี่ (ซึ่งมีสรรพคุณในเรื่องระงับการอักเสบ) เพื่อบรรเทาความปวดในเวลาสั้นๆ ดู นอกจากนี้คุณอาจจะดื่มชาสมุนไพรที่ทำมาจากส่วนผสมของโรสแมรี่และเสจเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวของตัวเองด้วยก็ได้
    • วิธีทำชาโรสแมรี่และเสจก็ทำได้ด้วยการใส่ใบโรสแมรี่ที่บดแล้ว 1 ช้อนชา และใบเสจที่บดแล้ว 1 ช้อนชาลงในถ้วยน้ำที่ต้มจนเดือดแล้ว จากนั้นปิดฝาและปล่อยทิ้งไว้จนกว่าความร้อนของน้ำลดลงอยู่ที่ระดับอุณหภูมิห้อง
    • ดื่มชานี้สัก 2-3 ครั้งต่อวัน
  4. เราสามารถใช้กานพลูเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวได้หลายวิธี และต่อไปนี้ก็คือข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ในการใช้กานพลู
    • นำกานพลูจำนวนหนึ่งมาบดและนำไปใส่ในถุงใส่เครื่องหอมหรือใส่ผ้าขาวบางสะอาดๆ ก็ได้ จากนั้นก็ให้สูดกลิ่นของกานพลูบดเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว
    • ผสมน้ำมันกานพลูและเกลือสมุทรเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปนวดที่หน้าผากและขมับของคุณ น้ำมันกานพลูจะให้ความเย็น ในขณะที่เกลือสมุทรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการนวดได้
  5. โหระพาเป็นสมุนไพรกลิ่นแรงที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งอาการปวดหัว ซึ่งโหระพาจะทำหน้าที่เหมือนกับยาคลายกล้ามเนื้อ โหระพาจึงสามารถรักษาอาการปวดหัวที่เกิดจากการตึงเกร็งของกล้ามเนื้อได้ ซึ่งการดื่มชาโหระพา 2 ครั้งต่อวัน ถือว่าเป็นวิธีรักษาอาการด้วยตัวเองที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ
    • นำใบโหระพาสดที่มาล้างแล้วนำไปใส่ในด้วยน้ำที่ต้มจนเดือดแล้ว จากนั้นทิ้งไว้สัก 2-3 นาทีก่อนที่คุณจะดื่ม โดยให้คุณค่อยๆ ดื่มอย่างช้าๆ นี่จะทำให้อาการปวดหัวของคุณค่อยๆ หายไปเอง
    • หากคุณปวดหัวแค่เพียงเล็กน้อย คุณอาจจะเคี้ยวใบโหระพาสดๆ หรือนวดศีรษะด้วยน้ำมันโหระพาก็ได้
  6. ขิงนั้นช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดได้ ด้วยเหตุนี้ ขิงจึงมักจะถูกนำไปใช้เพื่อรักษาอาการปวดหัวอยู่บ่อยๆ ดังนั้น ให้คุณลองหั่นหรือสับรากขิงออกมาสัก 1 นิ้วแล้วใส่ลงไปในแก้วชาที่คุณชงจากผงใบชาเอาไว้แล้ว จากนั้นปล่อยทิ้งไว้สักพักหนึ่งก่อนที่คุณจะดื่ม คุณอาจจะใส่นมหรือน้ำตาลลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยก็ได้ ว่ากันว่าชาขิงนั้นสามารถบรรเทาอาการปวดหัวได้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เพราะขิงนั้นช่วยลดอาการอักเสบได้เร็วพอๆ กับยาแก้ปวดเลย [7]
    • หรือคุณอาจจะใช้วิธีต้มขิงสดหรือขิงผงในน้ำแล้วสูดดมไอน้ำขิงเพื่อลดอาการปวดหัวของตัวเองก็ได้
    • การเคี้ยวขิงแช่อิ่มก็อาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้เช่นเดียวกัน
  7. อบเชยนั้นช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอาการปวดหัวร่วมกับไข้หวัด และวิธีง่ายๆ ในการใช้อบเชยเพื่อรักษาอาการปวดหัวก็คือ การทำครีมจากอบเชยที่ขูดสดๆ บวกกับน้ำนิดหน่อย จากนั้นทาครีมที่ผสมนี้ไปที่หน้าผากและปล่อยไว้สัก 10-15 นาที ไม่นานอาการปวดหัวก็จะหายไปเอง
    • หรือคุณอาจจะทำเครื่องดื่มอ่อนๆ ด้วยการใส่ผงอบเชยลงในแก้วนมร้อนๆ 2 ช้อนชา หรือจะใส่น้ำผึ้งลงไปอีก 1 ช้อนชาด้วยก็ได้ถ้าคุณต้องการความหวาน
  8. เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าสะระแหน่มีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลาย และอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาอาการปวดหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ ด้วย ดังนั้น ให้คุณใช้น้ำมันสะระแหน่มานวดที่หน้าผาก ขมับ และที่บริเวณขากรรไกร หรือทาใบสะระแหน่ที่บดสดๆ ที่หน้าผากและปล่อยทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ ก็ได้
    • นอกจากนี้ใบสะระแหน่สดยังสามารถเอามาใช้ทำชาเพื่อช่วยในการผ่อนคลายได้อีกด้วย เพียงแค่คุณใส่ใบสะระแหน่สดที่ล้างแล้วลงไปในถ้วยน้ำที่ต้มจนเดือดแล้ว และปล่อยทิ้งไว้สักพักหนึ่ง
    • คุณอาจจะใช้วิธีสูดไอน้ำจากกลิ่นสะระแหน่ก็ได้ โดยให้คุณหยดน้ำมันสะระแหน่ไปที่น้ำร้อนๆ และสูดกลิ่นหอมๆ ของสะระแหน่เพื่อบรรเทาอาการ
  9. แอปเปิลนั้นช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ เพราะแอปเปิลมีคุณสมบัติในการสร้างสมดุลให้กับระดับกรดและด่างในร่างกายคุณ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ ดังนั้น เวลาที่คุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะปวดหัว ให้คุณลองกินแอปเปิล (แบบไม่ปอกเปลือก) ดู
    • หรือคุณอาจจะใช้น้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิลที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน แล้วใส่ลงไปในแก้วน้ำสัก 2 ช้อนชา และดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวในเวลาสั้นๆ ก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ทางเลือกอื่นๆ ในการรักษา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในการฝังเข็มนั้น ผู้ฝังเข็มจะฝังเข็มเล่มเล็กๆ ลงไปที่ใต้ผิวหนังที่บริเวณจุดอ่อนของร่างกายคุณ ว่ากันว่าสิ่งนี้จะช่วยปรับการไหลเวียนของพลังงานในร่างกายคุณ ซึ่งจุดนี้คุณอาจจะยังมีข้อกังขาอยู่ แต่ว่ามีงานวิจัยพบว่าการรักษาด้วยวิธีฝังเข็มนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการไมเกรนที่รุนแรงได้ ยิ่งไปกว่านั้น การรักษาด้วยการฝังเข็มยังมีผลข้างเคียงน้อยมากเมื่อเทียบกับผลข้างเคียงที่ได้จากการใช้ยารักษา นอกจากนี้ยังมีหลักฐานชี้อีกว่าการฝังเข็มสามารถช่วยบรรเทาความทรมานจากอาการปวดหัวเรื้อรังได้อีกด้วย [8]
  2. เป็นที่รู้กันว่าการฉีดโบท็อกซ์คือสิ่งที่ใช้ในการรักษาและป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่จริงๆ แล้วโบท็อกซ์นั้นก็มีประโยชน์ในทางการรักษาทางการแพทย์ด้วย หนึ่งในนั้นก็คือการรักษาโรคไมเกรนเรื้อรังในผู้ใหญ่นั่นเอง ซึ่งวิธีนี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแล้ว และมีการพิสูจน์แล้วว่าโบท็อกซ์สามารถลดทั้งความรุนแรงและความถี่ของอาการไมเกรนได้ อย่างไรก็ตาม การฉีดแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นหลักหมื่น ยารักษาที่ดูน่ามหัศจรรย์แบบนี้อาจจะไม่เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าของคุณสักเท่าไร [9]
  3. ใช้เครื่องกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็กผ่านกะโหลกศีรษะ. การรักษาด้วยวิธีที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างวิธีนี้ ทำได้ด้วยการใช้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าส่งผ่านไปยังขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ แม้ว่าคนไข้หลายรายจะรู้สึกว่าวิธีนี้สามารถรักษาไมเกรนได้ แต่จริงๆ แล้วการใช้เครื่องกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าก็ยังต้องนำมาศึกษาวิจัยกันต่อไป ทำให้วิธีนี้ยังเป็นวิธีการรักษาที่ยังอยู่ในขั้นทดลองอยู่ [10]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณมีอาการปวดหัว ให้คุณอยู่ให้ห่างจากแสงไฟเพราะว่ามันอาจจะทำให้อาการของคุณแย่ลงได้
  • อยู่ให้ห่างจากสิ่งต่างๆ ที่มีเสียงดังและหนักหู
  • อยู่ให้ห่างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
  • หินแร่ที่เรียกว่า “เฮมาไทท์” อาจจะช่วยบรรเทาอาการได้เมื่อคุณเอาไปวางไว้ที่หน้าผากตัวเอง
โฆษณา

คำเตือน

  • หากอาการปวดหัวของคุณไม่ลดลงสักที และคุณก็เริ่มรู้สึกกังวลว่าอาการของคุณจะแย่ลงเรื่อยๆ ให้คุณรีบไปพบแพทย์ทันที
  • อ่านคำแนะนำการใช้ยาให้ละเอียด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,289 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา