ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เชื้อราที่เล็บเท้าหรือที่รู้จักกันชื่อทางการแพทย์ว่า “โรคเชื้อราที่เล็บ” (Onychomycosis) คือปัญหาที่น่าอายซึ่งยากต่อการรักษา แพทย์มักจะรักษาการติดเชื้อด้วยตัวยาเคมี ถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันก็ตามแต่ก็มีหลักฐานบ่งชี้ว่าการใช้น้ำส้มสายชูสามารถรักษาอาการติดเชื้อจากเชื้อราชนิดอ่อนๆ ถึงปานกลางได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาเชื้อราที่เล็บเท้าด้วยน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับยี่ห้อหรือประเภทของน้ำส้มสายชู ส่วนสำคัญที่ช่วยในการรักษาคือค่าพีเอชของน้ำส้มสายชูซึ่งทำลายเชื้อราที่เล็บได้ [1]

    ทางเลือก: บางคนก็ใช้น้ำส้มสายชูในหนึ่งวันสลับกับไฮโดรเจน เพอร๊อกไซด์ 2% ในวันต่อมา [2]

  2. ทำความสะอาดพื้นที่ที่ติดเชื้อก่อนทายาต่างๆ การเล็มเล็บจะช่วยให้ยาซึมเข้าเล็บได้ลึกมากขึ้น
  3. ผสมน้ำส้มสายชูและน้ำอุ่นด้วยสัดส่วนที่เท่ากัน แช่เท้าข้างที่ติดเชื้อวันละสองครั้งและในแต่ละครั้งอย่าแช่นานกว่าครึ่งชั่วโมง
    • ลองทาน้ำส้มสายชูในบริเวณที่ติดเชื้อโดยตรง
    • การได้รับน้ำส้มสายชูในบริเวณที่ติดเชื้ออย่างทั่วถึงอาจช่วยเพิ่มผลลัพธ์ได้
    • คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์
  4. การปล่อยให้เล็บแห้งสนิทก่อนที่จะสวมถุงเท้าหรือรองเท้าจะช่วยหยุดการแพร่ของเชื้อรา คุณจะช่วยไม่ให้เชื้อราแพร่กระจายไปยังเล็บอื่นๆ ได้ด้วยการแยกเชื้อราออกจากสภาวะแวดล้อมที่เปียกชื้น
    • ทำให้เท้าแห้งและปลอดโปร่งเสมอๆ
    • เชื้อราชอบสภาวะแวดล้อมที่อุ่นและชื้น
  5. ฝึกการดูแลรักษาความสะอาดของเล็บและเท้าอย่างถูกต้อง ทำความสะอาดและเล็มเล็บให้สั้นเท่าๆ กัน อย่าใช้อุปกรณ์ขูดผิวเล็บนอกเสียจากว่าคุณได้ทำการฆ่าเชื้อมันแล้วเพราะไม่เช่นนั้นเชื้อราจะแพร่กระจายได้ด้วยการใช้อุปกรณ์นี้ [4] เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของอาการติดเชื้อเพื่อดูว่าวิธีรักษานี้ได้ผลหรือไม่
  6. เตรียมใจไว้ว่าการรักษาจะกินเวลานานเพราะเล็บเท้านั้นยาวช้า. การต่อสู้กับเชื้อราจึงยาวนานมาก ให้ทำการรักษาตามปกติเพื่อให้มั่นใจว่าจะหายขาด [6]
    • เล็บค่อยๆ ยาว จึงอาจมองเห็นผลทางที่ดีขึ้นได้ช้า
    • เชื้อราอาจกลับมาติดใหม่ได้แม้ว่าตอนแรกจะหายขาดแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ป้องกันเชื้อราที่เล็บเท้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฝึกการทำความสะอาดพื้นฐานและการดูแลรักษาเท้า. การดูแลรักษาเท้าที่ดีจะช่วยลดโอกาสการเกิดเชื้อราที่เล็บเท้า การใช้มาตรการป้องกันที่ง่ายๆ จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อราที่เล็บเท้าไปโดยตลอด [7]
    • ทำตามมาตรการป้องกันที่ง่ายๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อราที่เล็บเท้า
    • สวมรองเท้าแตะในที่สาธารณะ ห้ามเดินเท้าเปล่าเด็ดขาด
    • ทำความสะอาดและล้างเท้าทุกวัน
  2. การที่เท้าของเราชื้นหรืออุ่นจากการใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าสามารถกระตุ้นการเกิดเชื้อราที่เล็บเท้า หารองเท้าและถุงเท้าที่โปร่งสบาย คุณต้องสวมถุงเท้าที่สะอาดเท่านั้นเพื่อเลี่ยงการก่อตัวของเชื้อรา [8]
    • สวมรองเท้าที่ไม่คับจนเกินไปและมีที่เพียงพอสำหรับนิ้วเท้า
    • ทิ้งรองเท้าเก่าๆ ที่คุณเคยสวมตอนติดเชื้อรา
  3. การปล่อยให้เชื้อราเพราะตัวอยู่ที่เท้าจะเพิ่มโอกาสการแพร่กระจายไปยังเล็บเท้า คุณควรหยุดการแพร่กระจายโดยการรักษาโรคน้ำกัดเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • โรคน้ำกัดเท้าชนิดอ่อนๆ สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาจากร้านขายยาทั่วไป [9]
    • โรคน้ำกัดเท้าชนิดรุนแรงอาจจะต้องใช้ใบสั่งยาชนิดแรงจากแพทย์
    • ปรึกษาแพทย์ว่าคุณต้องใช้ยาแบบไหน
  4. ทำความสะอาดและเล็มเล็บให้สั้นเท่าๆ กันเสมอๆ ใช้ที่ตัดเล็บแยกกันสำหรับเล็บที่ติดเชื้อกับเล็บที่ไม่ติดเชื้อเพราะการใช้ที่ตัดเล็บอันเดียวกันสามารถทำให้เชื้อราแพร่กระจายไปสู่กันได้ [10]
    • ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อที่ตัดเล็บและตะไบเล็บหลังการใช้ทุกครั้ง

    เคล็ดลับ: การเล็มเล็บสามารถช่วยลดปัญหาอื่นๆ เช่น เล็บแตกหรือหัก

    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเชื้อราที่เล็บเท้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การระบุโรคเชื้อราที่เล็บในระยะแรกๆ อาจจะเป็นการยาก ปรึกษาแพทย์หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับเชื้อราที่เล็บเท้า ตรวจสอบอาการเหล่านี้หากคุณคิดว่าคุณติดเชื้อราที่เล็บเท้า [11]
    • เล็บแตกเปราะ
    • รูปร่างของเล็บเปลี่ยนไป
    • รอบนอกของเล็บแตกหัก
    • มีเศษซากติดอยู่ใต้เล็บ
    • เล็บหลุดหรือยกตัว
    • พื้นผิวของเล็บสูญเสียความเงางาม
    • เล็บหนาขึ้น
    • มีเส้นสีขาวหรือเหลืองข้างๆ เล็บ
  2. เชื้อราที่เท้านั้นต้องรักษาจนหายขาด ไม่งั้นเล็บเท้าจะเสียหายหรือไม่ก็อาการหนักกว่าเก่า ถ้าคุณรักษาด้วยน้ำส้มสายชูหรือวิธีอื่นๆ เองแล้วไม่เห็นผลว่าดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ก็ต้องไปพบแพทย์ [12]
    • คุณอาจต้องการยารักษาที่แรงกว่านั้น เช่น ครีมกำจัดเชื้อรา
  3. ไปพบแพทย์ทันทีถ้าเล็บหนาขึ้น เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนลักษณะ. นี่เป็นสัญญาณว่าอาการมันแย่ลง ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที คุณอาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการดังนี้ หรือไม่ก็ต้องใช้ยาที่แรงกว่านั้น [13]

    เคล็ดลับ: จำไว้ว่าเล็บเท้าอาจติดเชื้อชนิดอื่นตามมาจากการติดเชื้อราได้ โดยจะพบเห็นบ่อยในคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ ถ้าไม่รักษา เชื้อมันจะยิ่งแพร่กระจาย

  4. ให้แพทย์ตรวจว่าคุณมีอาการเบาหวานและอาจติดเชื้อราที่เท้าหรือไม่. โรคเบาหวานทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงที่เท้าได้ไม่สะดวก จึงทำให้ติดเชื้อที่เท้าได้ง่าย แย่ยิ่งกว่านั้นตรงที่ถ้าเพิกเฉยมันจะนำไปสู่อาการที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม แต่แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาให้คุณได้ถูกวิธี [14]
  5. ถ้ารักษาเองไม่หาย แพทย์จะออกใบกำกับยา เขายังสามารถเสนอทางเลือกทั้งหมดและแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะกับคุณที่สุดได้ ซึ่งมักจะเป็นการรักษาดังต่อไปนี้: [16]
    • ยากำจัดเชื้อราแบบรับประทาน จะช่วยร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ
    • ครีมกำจัดเชื้อราแบบที่ใช้ใบรับรองแพทย์ จะช่วยกำจัดเชื้อราตรงจุดที่เกิด คุณต้องทาวันละครั้งสองครั้งขึ้นกับคำแนะนำของแพทย์
    • ยาทาเล็บแบบมีตัวยารักษา นำมาทาทุกวันจะช่วยกำจัดการติดเชื้อ คุณต้องทาใหม่ทุกวัน แล้วค่อยใช้ค็อตตอนบัดจุ่มแอลกอฮอล์มาเช็ดเศษที่ก่อตัวเหล่านั้นอาทิตย์ละครั้ง ทำตานี้จนกระทั่งเชื้อราหายไป
    • ในกรณีที่พบเห็นได้ยาก แพทย์อาจแนะนำให้ ผ่าตัด เพื่อเอาเล็บออกถ้ามันเกิดปวดขึ้นมาและไม่ตอบสนองต่อการรักษา กระนั้นมันยากจะเกิดขึ้นและคุณไม่น่าลงเอยด้วยวิธีนี้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เล็บสุขภาพดีอาจจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะงอก คุณควรใช้น้ำส้มสายชูทุกวันจนกว่าเล็บจะงอกใหม่
  • อย่ากลบบริเวณที่เป็นเชื้อราบนเล็บเท้าด้วยยาทาเล็บ [17]
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณติดเชื้ออย่างรุนแรงก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โฆษณา

สิ่งที่คุณต้องใช้

  • น้ำส้มสายชูเปล่าๆ ยี่ห้อและชนิดใดก็ได้
  • ตะไบเล็บและที่ตัดเล็บ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 56,330 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา