PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจเคยได้ยินเรื่องเล่ามากมายที่เกี่ยวกับเรื่องโดนงูกัดและการรักษาที่ถูกต้อง เพราะการที่งูหางกระดิ่งกัดอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ การรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สิ่งที่ควรทำที่สุดเมื่อถูกงูชนิดนี้กัดคือไปให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แม้คุณจะสามารถทำอะไรได้บางอย่างก่อนรถพยาบาลจะมาในที่ที่คุณสามารถเรียกรถมาได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

สิ่งแรกที่ต้องทำ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้างูรู้สึกเหมือนถูกข่มขู่ มันก็อาจโจมตีอีกครั้งได้ ฉะนั้น คนที่โดนกัดก็ควรออกให้ห่างจากรัศมีของงูซะ [1] โดยออกให้ห่างอย่างน้อยสัก 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร)
  2. สิ่งสำคัญคือการไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด โรงพยาบาลส่วนใหญ่จะมีวัคซีนที่ใช้กับกรณีนี้ได้อย่างเหมาะสม และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นส่วนใหญ่นั้นไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไร ถ้าคุณอยู่ในที่ที่สามารถโทรเรียกรถพยาบาลได้ นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ ก็ให้พยายามหาความช่วยเหลือเพื่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ [2]
    • แม้ว่าคุณจะไม่แน่ใจว่าถูกงูหางกระดิ่งกัดหรือไม่ ก็ควรไปโรงพยาบาลทันที ถ้ามันเริ่มแสดงอาการเมื่อพิษแล่นเข้าสู่ตัวคน ก็จะดีกว่าถ้าคุณไปถึงที่โรงพยาบาลแล้ว [3]
  3. ถ้าคุณยกส่วนที่ถูกกัดขึ้นเหนือบริเวณหัวใจ พิษจะแล่นในกระแสเลือดสู่หัวใจได้ไวขึ้นกว่าเดิมอีกนะ [4]
  4. ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้คนเจ็บเคลื่อนไหวใดๆ จนกว่าการช่วยเหลือจะมาถึง เพราะการเคลื่อนไหวจะไปทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น และยิ่งแพร่กระจายพิษได้ง่ายขึ้น ฉะนั้น คุณหรือผู้บาดเจ็บควรเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด [5]
    • แน่นอนว่าถ้าคุณตัวคนเดียว การไปขอความช่วยเหลือย่อมสำคัญกว่าการทำตัวอยู่นิ่งๆ ล่ะนะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

รักษาแผลโดนกัด

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. บริเวณที่ถูกงูกัดจะบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นให้ตัดหรือถอดเสื้อผ้าออกจากแถวๆ รอยกัดนั้น รวมถึงถอดเครื่องประดับออกด้วย ถ้าไม่รีบถอดออกก่อนจะเกิดอาการบวม มันอาจไปบีบรัดการไหลเวียนของเลือดได้ และอาจต้องตัดเครื่องประดับทิ้งไปด้วยเลย [6]
  2. ปล่อยให้เลือดไหลออกจากรอยกัดประมาณครึ่งนาที มันจะช่วยไล่ให้พิษไหลออกจากแผลได้ส่วนหนึ่งนั่นเอง [7]
  3. การพยายามดูดพิษออกก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ก็ดีเฉพาะตอนที่คุณมีเครื่องมือเอาไว้ใช้ดูดโดยเฉพาะ ตัวปั๊มนี้จะมีคำแนะนำในคู่มือให้มาด้วย ก็คือใช้ปั๊มเพื่อดูดพิษออกได้เลย [8]
  4. ห้ามล้างแผลนะ เพราะมันจะไปล้างเอาพิษออกจากผิวหนังได้ ซึ่งแพทย์อาจต้องใช้มันเพื่อสนับสนุนในการรักษา โดยการวิเคราะห์ว่าเป็นพิษของงูหางกระดิ่งสายพันธุ์ใดที่มากัดคุณ [9]
  5. ที่แขวนหรือเฝือกจะสามารถช่วยให้ส่วนที่เป็นแผลไม่เคลื่อนที่ได้ ก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนช้าลงในบริเวณนั้นด้วย ซึ่งจะสามารถช่วยให้พิษไม่แพร่กระจายมากนั่นเอง [10]
    • ในการแขวนแขน ให้พับหรือตัดผ้าเป็นสามเหลี่ยม แล้วเอาไปพันแขนโดยให้ข้อศอกอยู่ตรงกลางผ้าสามเหลี่ยม โดยแขนคนเจ็บจะต้องงอเพื่อให้เข้ากับที่แขวนได้ จากนั้นก็เอาปลายผ้าทั้งสองข้างผูกเข้ากันตรงไหล่ ให้มือออกจากส่วนที่เป็นฐานของผ้าสามเหลี่ยมมา [11]
    • หาสิ่งของที่จะมารองรับแขนขาได้ อย่างกิ่งไม้ กระดาษหนังสือพิมพ์ม้วน หรือกระทั่งผ้าม้วนเอาก็ได้ โดยให้วางรองตามแนวยาวของแขนหรือขา พยายามยึดรวมข้อต่อบนและล่างแผลเข้าด้วยกัน ใช้สิ่งที่มีอยู่ อาจเป็นเข็มขัด เทป หรือผ้าพันแผลพันสิ่งรองรับให้ติดกับแขนหรือขา อย่าพันรอบแผลล่ะ ให้พันปลายทั้งสองด้านแทน ถ้าหากว่าแผลบวมเป่งใหญ่มาก คุณก็อาจจำเป็นต้องลดแรงกดของเฝือกสักหน่อย [12]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ขณะรอความช่วยเหลือ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุยกับผู้เจ็บ ถามคำถามต่างๆ เพื่อไม่ให้คนเจ็บวกกลับไปนึกถึงเรื่องที่โดนกัด [13] ความกังวลต่างๆ จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น และจะยิ่งทำให้พิษแพร่กระจายไวขึ้นด้วย [14]
    • ถ้าคุณคือคนที่โดนกัดเอง ก็ให้พยายามทำใจให้สงบ ค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อบรรเทาอาการกังวล
    • หรือจะโทรหาศูนย์พิษวิทยาขณะกำลังรอก็ได้
  2. วิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุดในการบอกว่าแผลมีพิษเข้าไปหรือไม่ ก็คือการดูว่าบริเวณนั้นบวมขึ้นไหม หรือบางทีมันอาจเปลี่ยนสีไปก็ได้ [15]
    • ตัวบ่งชี้อีกอย่างว่าถูกงูพิษกัดหรือไม่ก็คือรอยแผลเจาะหนึ่งถึงสองรอยมากกว่าที่จะเป็นรอยแถวเล็กๆ ที่อาจเป็นฟันส่วนที่เล็กกว่า
    • อาการมึนงง อาการเจ็บปวด ตาพร่า และรู้สึกชายังร่างกายส่วนอื่นก็ต่างเป็นสัญญาณของการถูกงูพิษกัดทั้งนั้น รวมถึงการที่เหงื่อออกมากด้วย [16]
  3. อาการอย่างหนึ่งคือหน้าซีด [17] อาการอื่นๆ ของการช็อคก็จะมีทั้งหัวใจเต้นรัว หายใจถี่ คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ แล้วก็ให้ดูด้วยว่าม่านตาขยายหรือไม่ [18]
    • ถ้าผู้เจ็บเริ่มเกิดอาการช็อค ให้จับนอนหงาย ยกเท้าทั้งสองขึ้น หรืออย่างน้อยก็หนึ่งข้าง และทำให้ตัวอุ่นด้วยการเอาผ้าห่มมาห่อหรือใส่เสื้อผ้าให้เพิ่ม [19]
    • เริ่มผายปอดถ้าหากว่าผู้เจ็บไม่มีสัญญาณถึงการมีชีวิตอยู่แล้ว อย่างการหายใจ ไอ หรือการขยับร่างกาย [20]
  4. ของเหล่านี้จะทำให้พิษเข้าสู่ร่างกายได้ไวขึ้น ฉะนั้นอย่าดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ทันทีหลังจากที่ถูกงูหางกระดิ่งกัด [21]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

รู้ว่าควรหลีกเลี่ยงอะไร

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. [22] ความเชื่อที่เป็นที่นิยมส่วนใหญ่คือให้กรีดแผลเพื่อช่วยให้พิษไหลออกมา อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองพิสูจน์มาแล้วว่าวิธีนี้ไม่ช่วยแต่อย่างใด และอาจติดเชื้อได้อีกถ้าหากมีดไม่สะอาดพอ [23]
  2. ถ้าคุณดูดมันออกมา นั่นก็แปลว่ากำลังเอาพิษเข้าปากตัวเองไปอย่างนั้นเอง อีกอย่างปากคนนั้นก็เป็นส่วนที่เอาไว้กำจัดเชื้อโรค ฉะนั้นแผลอาจติดเชื้อจากปากคุณได้ด้วยซ้ำ [24]
    • ในความเป็นจริงนั้น พิษจะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองได้ภายใน 15 นาที ฉะนั้นการดูดออกหลังจากนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
  3. สายรัดจะไปกันไม่ให้เลือดผ่านเข้าสู่แขนขา วิธีนี้เคยแนะนำให้ใช้กันมาก่อน และมีคนคิดว่ามันจะช่วยหยุดพิษไม่ให้แล่นไปส่วนอื่นของร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม มันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดีนี่สิ [25]
  4. [26] การรักษาให้เนื้อเยื่อที่ทำงานได้เอาไว้ให้นานที่สุดคือสิ่งสำคัญ และการใช้น้ำแข็งหรือน้ำนั้นไม่ถือเป็นการช่วยรักษาเนื้อเยื่อ เพาะมันจะไปทำให้การไหลเวียนเลือดช้าลง [27]
  5. มีเรื่องเล่าว่าถ้าปัสสาวะใส่แผลจะช่วยทำให้พิษเป็นกลางได้ จริงๆ มันไม่ช่วยหรอก ให้เอาเวลาพาไปโรงพยาบาลยังดีกว่าอีก [28]
  6. อย่าให้ผู้เจ็บกินหรือดื่มอะไรขณะรอความช่วยเหลือ. [29] นั่นรวมถึงยาและแอลกอฮอล์ด้วย คุณต้องคุมให้กระบวนการดูดซึมอาหารเป็นไปในระดับต่ำ [30]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณไปปีนเขาเดินป่าบริเวณที่มีงู อย่าไปคนเดียว และควรซื้อชุดปฐมพยาบาลสำหรับงูกัดพกเผื่อไปด้วย
  • ตอนที่ไปปีนเขาหรือเดินป่า ให้สวมบูทโดยเฉพาะของมันแทนที่จะเป็นรองเท้าแตะเพื่อปกป้องเท้าของคุณ
  • ถ้าเป็นไปได้ สิ่งแรกที่ควรทำคือโทรเรียกรถพยาบาล วัคซีนถือเป็นสิ่งสำคัญในการใช้รักษาแผลโดนกัด
  • อย่าสอดมือหรือขาเข้าไปในรูหรือใต้ก้อนหินโดยไม่ดูก่อนว่ามีงูอยู่หรือไม่
  • ถ้าคุณเห็นงู อย่าไปแตะต้องตัวมัน ให้ค่อยๆ ถอยออกช้าๆ [31]
  • รู้ไว้ว่างูอาจว่ายอยู่ในน้ำหรือซ่อนในเศษสิ่งต่างๆ หรือวัสดุอื่นๆ ก็เป็นได้ [32]
โฆษณา
  1. http://www.bbc.com/future/story/20120209-can-peeing-help-heal-a-snakebite
  2. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000017.htm
  3. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000040.htm
  4. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000031.htm
  5. http://www.mnn.com/earth-matters/animals/questions/how-do-i-treat-a-snakebite
  6. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000031.htm
  7. http://emergency.cdc.gov/disasters/snakebite.asp
  8. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000031.htm
  9. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-shock/basics/art-20056620
  10. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000031.htm
  11. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-shock/basics/art-20056620
  12. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-snake-bites/basics/art-20056681
  13. http://emergency.cdc.gov/disasters/snakebite.asp
  14. http://preppingtosurvive.com/2012/10/29/survival-myth-you-should-suck-poison-from-a-snake-bite/
  15. http://preppingtosurvive.com/2012/10/29/survival-myth-you-should-suck-poison-from-a-snake-bite/
  16. http://www.betterhealth.vic.gov.au/bhcv2/bhcarticles.nsf/pages/Bites_and_stings_first_aid?open
  17. http://www.cdc.gov/niosh/topics/snakes/
  18. http://www.wildbackpacker.com/wilderness-survival/articles/treating-a-snake-bite/
  19. http://www.bbc.com/future/story/20120209-can-peeing-help-heal-a-snakebite
  20. http://www.wildbackpacker.com/wilderness-survival/articles/treating-a-snake-bite
  21. http://www.auroville.org/contents/1675
  22. http://emergency.cdc.gov/disasters/snakebite.asp
  23. http://emergency.cdc.gov/disasters/snakebite.asp

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,299 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา