ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
สุนัขไม่ได้ถนัดในด้านการระบายความร้อนได้ดีเท่ากับเรา ร่างกายของพวกมันได้รับการสร้างมาให้เก็บรักษาความร้อนมากกว่าที่จะระบายออกไป และมักจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็วกว่าร่างกายของมนุษย์ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Merck and Merial, <i>The Merck/Merial Manual for Pet Health</i>, p. 3, (2007), ISBN 978-0-911910-99-5 ด้วยเหตุนี้ เราจึงอาจไม่รู้ว่าสุนัขมีอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินไปจนกว่าจะมีอาการปรากฏชัดขึ้นมา โรคลมแดดในสุนัขเป็นการเจ็บป่วยที่ร้ายแรงมากๆ และโรคนี้อาจมีการเริ่มต้นที่ฉับพลัน ซึ่งอาจทวีความรุนแรงขึ้นเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินได้ภายในเวลาไม่กี่นาที การทำความรู้จักกับวิธีการรักษาสุนัขที่เป็นโรคลมแดดอาจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการรักษาชีวิตของสุนัขของคุณ
ขั้นตอน
-
สังเกตอุณหภูมิ. การรู้ว่าสภาพแวดล้อมในขณะที่สุนัขมีอาการนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่เท่าไหร่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ คุณอาจจะต้องจดอุณหภูมิ รวมถึงสภาพแวดล้อม (เช่น ตากแดดโดยตรง) และระดับกิจกรรมการเคลื่อนไหวของสุนัขก่อนและขณะเริ่มปรากฏอาการ เพื่อให้คุณสามารถบอกข้อมูลนี้ให้สัตวแพทย์ทราบ
- ในกรณีที่สุนัขถูกขังอยู่ในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง เช่น ในรถยนต์ คุณอาจไม่ทราบได้ว่าอุณหภูมิจริงๆ อยู่ที่เท่าใด แต่ถ้าคุณจดลงไปว่าอากาศรู้สึกร้อนกว่าอุณหภูมิภายนอกที่อยู่ที่ 32 องศา แพทย์อาจมีข้อมูลเพียงพอให้สามารถประเมินอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสุนัขได้
-
สังเกตอาการเริ่มแรกของโรคลมแดด. การสังเกตเห็นโรคลมแดดในระยะแรกๆ สามารถช่วยป้องกันสุนัขของคุณไม่ให้อวัยวะภายในเกิดความเสียหายแบบถาวรได้ อาการเริ่มแรกของโรคลมแดดมีดังนี้ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หายใจหอบแรงหรือมีเสียงดัง
- กระหายน้ำรุนแรง
- อาเจียนบ่อย
- ลิ้นมีสีแดงจัดและเหงือกซีด
- ผิวหนังรอบๆ ปากหรือลำคอไม่หดกลับเวลาดึง
- น้ำลายเหนียวข้น
- หัวใจเต้นเร็วขึ้น
-
มองหาสัญญาณที่แสดงว่าอาการโรคลมแดดแย่ลง. โรคลมแดดในสุนัขอาจมีอาการแย่ลงได้หากสุนัขเริ่มแสดงสัญญาณต่อไปนี้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หายใจได้ลำบากมากขึ้น
- เหงือกเปลี่ยนเป็นสีแดงสด แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือม่วง
- อ่อนเพลียและ/หรือเหนื่อยล้า
- งุนงงสับสน
- ทรุดลงหรือหมดสติ
-
วัดอุณหภูมิสุนัข. วิธีหนึ่งที่ดีที่สุดในการประเมินว่าสุนัขมีอุณหภูมิภายในสูงขึ้นหรือไม่ คือให้วัดอุณหภูมิของสุนัขทางทวารหนัก อุณหภูมิของสุนัขตามปกติแล้วจะอยู่ระหว่าง 37.5 และ 39.2 องศาเซลเซียส สุนัขจะมีอุณหภูมิร่างกายร้อนเกินไปเมื่ออุณหภูมิตั้งแต่ 39.4 องศาเซลเซียสขึ้นไป สุนัขอาจตายได้ถ้าอุณหภูมิอยู่ที่ 42.8 องศา [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หาเครื่องวัดอุณหภูมิทางทวารหนักแบบดิจิตอลมาใช้งาน (ควรหาแบบที่ใช้กับสัตว์เลี้ยง)
- หล่อลื่นด้วยสารหล่อลื่นอย่างเช่น ปิโตรเลียมเจลลี่หรือเจลหล่อลื่น
- ขอให้คนมาช่วยจับสุนัขโดยการจับส่วนหัวและลำตัวส่วนหน้า
- หาตำแหน่งของรูทวารหนักและยกหางขึ้นเพื่อให้เข้าถึงได้
- สอดเครื่องวัดอุณหภูมิอย่างระมัดระวังเข้าไปในรูทวารหนักประมาณ 2.5 ซม. ห้าม ปล่อยมือจากอุปกรณ์
- รอจนกว่าเครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิตอลจะส่งเสียงเตือน เมื่ออุปกรณ์มีเสียงดังขึ้นแล้ว ให้ดึงเครื่องวัดอุณหภูมิออกอย่างระมัดระวังและอ่านค่าอุณหภูมิ
- จดอุณหภูมิของสุนัขลงในกระดาษเพื่อที่คุณจะได้แจ้งให้สัตวแพทย์ทราบ
โฆษณา
-
นำตัวสุนัขออกจากบริเวณที่ร้อน. หากทำได้ ให้ย้ายตัวสุนัขเข้าไปในบ้านในบริเวณที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ถ้าหากทำเช่นนั้นไม่ได้ ให้ย้ายตัวสุนัขไปอยู่ในบริเวณที่มีร่มเงา โดยเฉพาะตำแหน่งที่อากาศไหลเวียนได้ดี นอกจากนั้น คุณจะต้องจำกัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวของสุนัขในช่วงนี้ด้วย ห้ามปล่อยให้สุนัขออกไปวิ่งเล่นจนกว่าอันตรายจากโรคลมแดดได้ผ่านพ้นไปแล้ว
-
ให้สุนัขดื่มน้ำเย็นๆ. ในช่วงแรก ให้ควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในปริมาณน้อยๆ ก่อน ไม่แนะนำให้สุนัขดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ของมนุษย์ หากสุนัขมีทีท่าไม่อยากดื่มน้ำ สามารถให้สุนัขกินน้ำซุปเนื้อหรือไก่ (ไขมันต่ำ ไม่ใส่เกลือ) เย็นๆ หรือที่อุณหภูมิห้องก็ได้เช่นกัน [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ห้ามบังคับให้สุนัขดื่มน้ำถ้ามันดื่มด้วยตัวเองไม่ได้ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้น้ำระบายความร้อนให้กับสุนัข. ถ้าทำได้ ให้ฉีดน้ำเย็นๆ ลงบนตัวสุนัข ถ้าเปิดน้ำจากสายยาง ควรเปิดให้แรงดันน้ำอยู่ในระดับต่ำ อย่าแช่สุนัขลงในน้ำทั้งตัวเพราะอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงเร็วเกินไป และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ควรแน่ใจว่าน้ำไม่เย็นเกินไป น้ำที่เย็นจัดหรือใส่น้ำแข็งอาจทำให้กระบวนการระบายความร้อนในตัวสุนัขช้าลงได้ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ติดต่อสัตวแพทย์ฉุกเฉิน. แม้ว่าสุนัขของคุณจะตอบสนองได้ดีขึ้นกับการรักษาด้วยการระบายความร้อน คุณยังคงจำเป็นต้องติดต่อ (และไปพบ) สัตวแพทย์ฉุกเฉิน [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ความเสียหาย (ต่ออวัยวะ) ภายในเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเป็นโรคลมแดด ภาวะแทรกซ้อนที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยอาจทำให้สุนัขของคุณเสียชีวิตได้ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทาแอลกอฮอล์บนส่วนนิ่มๆ ที่อุ้งเท้าของสุนัข. สุนัขจะระบายความร้อนออกทางส่วนนิ่มๆ บนอุ้งเท้า ดังนั้น การทาแอลกอฮอล์ลงบนอุ้งเท้าของสุนัขจะสามารถช่วยดึงความร้อนบางส่วนออกมาได้ [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ควรแน่ใจว่าเท้าของสุนัขไม่มีอะไรมาปกปิดและลมเย็นๆ สามารถเข้าถึงได้
- อย่าใช้แอลกอฮอล์เยอะเกินไป เพราะถ้าเข้าไปร่างกายอาจทำให้เกิดอันตรายได้
-
อย่าห่มผ้าให้สุนัขหรือจับขังในกรง. คุณสามารถใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้สุนัขได้ แต่อย่าคลุมผ้าขนหนูบนตัวสุนัข เพราะการทำเช่นนั้นจะเป็นการกักเก็บความร้อนไว้ในตัวสุนัข เช่นเดียวกัน อย่าจับสุนัขขังไว้ในกล่องทึบที่จะเก็บความร้อนจากตัวสุนัขไว้รอบๆ ตัว [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
รู้จักเงื่อนไขที่อาจก่อให้เกิดโรคลมแดดหรือทำให้อาการรุนแรงขึ้น. สุนัขที่มีอายุมาก น้ำหนักเกิน หรือมีประวัติโรคหัวใจหรือเคยมีอาการชักมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคลมแดด และอาจมีความทนทานต่ำต่ออากาศที่ร้อนขึ้น [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ The Humane Society of the United States ไปที่แหล่งข้อมูล
- สุนัขที่มีช่วงจมูกและปากสั้น (อย่างปั๊กหรือบูลด็อก) จะระบายความร้อนในร่างกายออกมาโดยการหอบหายใจได้ยากกว่า ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคนี้สูง [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- สุนัขบางสายพันธุ์จะทนต่ออากาศร้อนได้ไม่ดีเท่าพันธุ์อื่น บางสายพันธุ์ที่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีสภาพอากาศร้อนจัดได้แก่ บูลด็อก (อิงลิชและเฟรนช์), บ็อกเซอร์, เซนต์เบอร์นาร์ด, ปั๊ก และชิสุ [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อย่าปล่อยสุนัขทิ้งไว้ในรถในช่วงฤดูร้อน. ไม่ควรทิ้งสุนัขไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแดดแม้ว่าอุณหภูมิจะไม่ร้อนมาก [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แม้ว่าจะเลื่อนกระจกลงไว้ อุณหภูมิภายในรถอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งมักจะลงเอยด้วยอันตรายถึงชีวิตสำหรับสุนัขที่โชคร้าย
-
ตัดแต่งคนสุนัขให้เหมาะสมกับฤดูกาล. สุนัขที่มีขนยาวและหนาเป็นพิเศษอาจจะต้องได้รับการไถหรือเล็มขนในช่วงที่อากาศร้อนที่สุดในฤดูร้อน [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นักตัดแต่งขนสัตว์มืออาชีพน่าจะรู้ดีว่าควรตัดขนให้กับสุนัขของคุณอย่างไรให้เหมาะต่อสภาพอากาศ
-
ปล่อยให้สุนัขอยู่ในบ้านในวันที่อากาศร้อนมากๆ. หากสภาพอากาศร้อนจัด ควรปล่อยให้สุนัขของคุณอยู่ในบ้านที่เปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หากทำเช่นนี้ไม่ได้ ก็ควรทำให้แน่ใจว่าสุนัขสามารถเข้าไปหลบในบริเวณนอกบ้านที่ปลอดภัยและมีร่มเงา
-
เตรียมที่บังแดดและน้ำดื่มให้กับสุนัขของคุณ. ถ้าสุนัขของคุณต้องอยู่ข้างนอกในวันที่ร้อนมากๆ ควรมั่นใจว่าสุนัขจะสามารถเข้าถึงร่มเงาและน้ำดื่มได้ [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง บางคนก็วางน้ำแข็งไว้บนพื้นเพื่อให้สุนัขนอนถ้าหากอากาศข้างนอกร้อนเป็นพิเศษ
-
ปล่อยให้สุนัขออกไปว่ายน้ำอย่างปลอดภัยในช่วงอากาศร้อน. ถ้าสุนัขของคุณมีแม่น้ำ ลำธาร หรือบ่อน้ำอยู่ใกล้ๆ สุนัขของคุณอาจจะออกไปว่ายน้ำเพื่อให้ไม่ร้อนในวันที่มีอากาศร้อน การปล่อยให้สุนัขออกไปว่ายน้ำหรือแม้แต่การฉีดน้ำ (เบาๆ) ใส่สุนัขนั้น สามารถช่วยป้องกันโรคลมแดดได้
- อย่าลืมคอยดูสุนัขเวลาออกไปว่ายน้ำและอย่าปล่อยให้เข้าไปเล่นในบริเวณที่น้ำลึก (โดยเฉพาะสระว่ายน้ำ ซึ่งสุนัขอาจขึ้นจากสระน้ำได้ลำบาก) ถ้าว่ายน้ำไม่เก่ง [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปล่อยให้สุนัขพักผ่อนถ้าสุนัขต้องทำงานในอากาศร้อน. ถ้าคุณเลี้ยงสุนัขไว้ใช้งาน เช่น สุนัขต้อนสัตว์ คุณควรปล่อยให้มันได้มีเวลาพักผ่อนในวันที่มีอากาศร้อน [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ระหว่างที่พักผ่อน ควรแน่ใจว่าสุนัขมีร่มเงาให้หลบแดดและน้ำเย็นๆ ไว้ดื่มมากพอ ถ้าทำได้ ให้ปล่อยให้สุนัขออกไปว่ายน้ำหรือฉีดน้ำใส่สุนัขในช่วงพักโฆษณา
เคล็ดลับ
- สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ไปกว่าการทำให้สุนัขอยู่นิ่งๆ ก็คือการควบคุมให้ตัวของคุณเองรู้สึกสงบ ถ้าคุณตื่นตระหนก สุนัขของคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของคุณและอาจตื่นตกใจไปกับคุณด้วยและทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก ให้พยายามสงบจิตสงบใจให้อยู่นิ่งๆ ให้ได้มากที่สุดและทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อทำให้อุณหภูมิของสุนัขกลับมาสู่ภาวะปกติและเตรียมการอย่างรวดเร็วเพื่อพาสุนัขไปพบสัตว์แพทย์ ควรตั้งสติตลอดเวลาเพื่อให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ว่าคุณได้ทำทุกอย่างสุดความสามารถแล้วเพื่อให้สุนัขของคุณมีโอกาสสูงขึ้นที่จะรอดชีวิต
- การไถขนให้กับสุนัขที่มีขนสองชั้นเพื่อควบคุมความร้อนเป็นการกระทำที่ไม่แนะนำ ขนชั้นล่างของสุนัขออกแบบมาเพื่อช่วยระบายความร้อนในสภาพอากาศร้อน และช่วยให้ร่างกายอบอุ่นในสภาพอากาศหนาว
- ผสมแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 50/50 กับน้ำเปล่าสำหรับใช้แช่อุ้งเท้าของสุนัข
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ Merck and Merial, The Merck/Merial Manual for Pet Health , p. 3, (2007), ISBN 978-0-911910-99-5
- ↑ http://www.austindogzone.com/all_things_dog/know-the-signs-of-heat-exhaustion-in-dogs/
- ↑ http://www.austindogzone.com/all_things_dog/know-the-signs-of-heat-exhaustion-in-dogs/
- ↑ http://www.hartz.com/Cats/Health/Medical_And_Preventive_Care/The_Heat_is_On_Preventing_Heat_Stroke_in_Cats_and_Dogs.aspx
- ↑ http://www.dogchannel.com/dog-health/dog-heatstroke-survival-guide.aspx
- ↑ http://www.drsfostersmith.com/pic/article.cfm?aid=1375
- ↑ http://www.dogchannel.com/dog-health/dog-heatstroke-survival-guide.aspx
- ↑ http://www.dogchannel.com/dog-health/dog-heatstroke-survival-guide.aspx
- ↑ http://www.hartz.com/Cats/Health/Medical_And_Preventive_Care/The_Heat_is_On_Preventing_Heat_Stroke_in_Cats_and_Dogs.aspx
- ↑ http://www.redcross.org/prepare/disaster/pet-safety/protecting-pets-from-heat
- ↑ http://www.redcross.org/prepare/disaster/pet-safety/protecting-pets-from-heat
- ↑ http://www.dogchannel.com/dog-health/dog-heatstroke-survival-guide.aspx
- ↑ http://www.humanesociety.org/animals/resources/tips/pets_safe_heat_wave.html
- ↑ http://www.hartz.com/Cats/Health/Medical_And_Preventive_Care/The_Heat_is_On_Preventing_Heat_Stroke_in_Cats_and_Dogs.aspx
- ↑ http://dogtime.com/dog-breeds/characteristic_lists/poorly-suited-for-hot-weather
- ↑ http://www.austindogzone.com/all_things_dog/know-the-signs-of-heat-exhaustion-in-dogs/
- ↑ http://pets.webmd.com/hot-weather-tips-pet?page=2
- ↑ http://www.drsfostersmith.com/pic/article.cfm?aid=1375
- ↑ http://www.drsfostersmith.com/pic/article.cfm?aid=1375
- ↑ http://pets.webmd.com/hot-weather-tips-pet?page=3
- ↑ http://www.dogchannel.com/dog-health/dog-heatstroke-survival-guide.aspx
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,972 ครั้ง
โฆษณา