ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะแพงจนจ่ายไม่ไหว แม้ว่าอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมักจะเป็นอาหารที่ราคาถูกที่สุดในซูเปอร์มาเก็ต แต่คุณก็ต้องตระหนักไว้ว่าอาหารเหล่านี้มักมีต้นทุนสุขภาพของคุณแฝงอยู่ แค่มีความรู้ความเข้าใจ การวางแผน และการคิดล่วงหน้าสักหน่อย คุณก็สามารถหาวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด ผัก ผลไม้ โปรตีนไร้ไขมัน และผลิตภัณฑ์นม และสามารถทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ที่บ้าน อย่าลืมวางแผนและทำตามแผนเมื่อไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้การทำวัตถุดิบอย่างโยเกิร์ตและน้ำซุป/น้ำสต็อกเองก็ช่วยคุณประหยัดได้เหมือนกัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

หาวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพในราคาถูกลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผักและผลไม้ประจำฤดูกาลมักราคาถูกกว่า และบ่อยครั้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมักจะลดราคาของประจำฤดูกาลเพราะเขารู้ว่าลูกค้าคาดหวังว่าจะมีผักและผลไม้บางอย่างขายในช่วงนั้นๆ ของปี และคุณยังได้โบนัสเพิ่มตรงที่รสชาติของผักและผลไม้มักจะอร่อยกว่าในช่วงฤดูกาลของมันด้วย [1]
    • เดือนมกราคม - มีนาคม ผักและผลไม้ประจำฤดูกาลได้แก่ คะน้า ผักกาดขาว ฟัก ชมพู่ กล้วยหอม แตงโม
    • เดือนเมษายน - มิถุนายน ผักและผลไม้ประจำฤดูกาลได้แก่ ถั่วฝักยาว มะเขือพวง มะเขือยาว มะม่วง ขนุน ทุเรียน
    • เดือนกรกฎาคม - กันยายน ผักและผลไม้ประจำฤดูกาลได้แก่ สะตอ ผักกระเฉด ใบขี้เหล็ก กล้วย ฝรั่ง ส้ม คุณน่าจะสังเกตได้ว่าช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่ผักผลไม้ราคาถูกที่สุดในรอบปี และเนื่องจากว่าผักผลไม้ในช่วงนี้ราคาถูกกว่า คุณจึงสามารถซื้อเยอะๆ แล้วนำไปแช่แข็งหรือบรรจุกระป๋องเองได้
    • เดือนตุลาคม - ธันวาคม ผักและผลไม้ประจำฤดูกาลได้แก่ ผักบุ้ง ถั่วพู กะหล่ำดอก ฝรั่ง ส้ม มะละกอ
  2. แม้ว่าคุณอาจจะชอบผักผลไม้สดมากกว่า แต่ผักผลไม้แช่แข็งหรือแบบกระป๋องมักช่วยคุณประหยัดเงินได้มากกว่า ซึ่งผักผลไม้แบบนี้มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพไม่ต่างกันเลย แต่อย่าลืมเลือกชนิดที่ไม่เติมน้ำตาลหรือเกลือ [2]
    • เช็กวัตถุดิบประเภทโปรตีนด้วย ไก่แช่แข็งอาจจะถูกกว่าไก่สด และแซลมอนกับทูน่ากระป๋องก็มักจะถูกกว่าแบบสดเช่นกัน [3]
  3. ซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่จะมีสินค้าลดราคาประจำสัปดาห์ ซึ่งสามารถเช็กได้จากโบรชัวร์ เวลาที่อะไรลดราคา ก็ได้เวลากักตุนของชนิดนั้น โปรตีนส่วนใหญ่สามารถแช่แข็งและเก็บไว้รับประทานทีหลังได้ เพราะฉะนั้นถ้าซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้านกำลังลดราคาอกไก่ไร้กระดูกและหนัง ก็ให้ซื้อมาไว้สำหรับทำอาหารและเก็บไว้ทีหลังด้วย [4]
  4. คุณอาจจะรู้อยู่แล้วว่าต้องเช็กราคาที่ถูกที่สุดของของที่คุณจะซื้อเสียก่อน แต่คุณอาจจะมัวแต่ซื้อยี่ห้อเดิมและคิดว่ามันถูกที่สุดเพราะมันถูกที่สุดมาตลอด คุณต้องรอบคอบเพราะราคาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางทีก็มีการลดราคาสำหรับสินค้าบางขนาด หรือส่วนลดของสินค้าจำนวนหนึ่งที่ทำให้ยี่ห้อที่ถูกที่สุดไม่ใช่ยี่ห้อเดิม [5]
    • มองขึ้นมองลง เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตมักจะนำสินค้าที่แพงที่สุดไว้ที่ระดับสายตา
    • มองหายี่ห้อของซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะมักจะราคาถูกกว่า
  5. แม้ว่าการซื้อปริมาณมากจะทำให้คุณต้องจ่ายแพงกว่าล่วงหน้า แต่ถ้าคิดถัวกันแล้วจะถูกกว่า เช่น การซื้อข้าวโอ๊ตสำเร็จรูปกระป๋องใหญ่จะถูกกว่าการซื้อแบบซองสำเร็จรูป 1 กล่องมาก จากนั้นก็เติมผลไม้สดลงไปเพื่อให้ได้รสชาติของคุณเอง [6]
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อสินค้าแบ่งจำหน่ายบางอย่างได้ที่ร้านอาหารสุขภาพด้วย โดยร้านแบบนี้มักจะมีสินค้าอย่างธัญพืช ถั่ว พาสต้า ถั่วเปลือกแข็ง กราโนลา แป้ง และน้ำตาลขายอยู่แล้ว คุณจะได้ซื้อสินค้าแค่ในปริมาณที่คุณอยากจะได้ในราคาที่ถูกกว่าโดยไม่ต้องซื้อมากกว่าที่คุณต้องการ
    • การซื้อสินค้าปริมาณมากต้องใช้ให้ทัน อย่าติดกับดักของการซื้อมายองเนส 1 แกลลอลที่คุณไม่มีทางใช้หมดก่อนวันหมดอายุแน่ๆ หรือซีเรียลลดราคาที่ที่บ้านไม่มีใครกิน
  6. ใช้ประโยชน์จากคูปองที่คุณได้มา แต่ให้ใช้ซื้อเฉพาะอาหารที่คุณจะซื้ออยู่แล้ว เพราะถ้าคุณซื้อของที่ปกติแล้วคุณไม่ได้ซื้อ ถึงมันจะไม่แพง แต่ก็อาจจะกลายเป็นว่าคุณเสียเงินไปกับของที่คุณไม่ได้ต้องการ
    • คุณสามารถหาคูปองได้จากอินเทอร์เน็ตและในหนังสือพิมพ์ หรือจะใช้แอพฯ คูปองต่างๆ เพื่อประหยัดเงินก็ได้
  7. ถ้าคุณมีรายได้น้อย คุณอาจจะมีสิทธิ์สมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคุณจะได้วงเงินในการซื้อสินค้าเดือนละ 500 บาท [7] และถ้าหากคุณเป็นผู้พิการ คุณก็จะได้เงินเพิ่มอีกเดือนละ 200 บาท แต่ข้อจำกัดของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือคุณสามารถใช้ซื้อสินค้าได้เฉพาะในร้านค้าที่เป็นร้านธงฟ้าประชารัฐเท่านั้น [8]
    • โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจะเปิดเป็นรอบๆ คุณสามารถเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ของคุณได้ที่ http://welfare2560.epayment.go.th/
    • คุณสามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคลังจังหวัด และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร
  8. บางครั้งคุณสามารถหาผลผลิตราคาถูกกว่าได้ที่ตลาดเกษตรกร แต่ว่าคุณอาจจะต้องไล่ดูเพื่อหาสินค้าที่ราคาดี นอกจากนี้การขับรถออกไปที่ฟาร์มท้องถิ่นเพื่อไปซื้อผลผลิตด้วยตัวเองยังทำให้คุณได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่าเช่นกัน แต่คุณต้องเตรียมใช้ของที่คุณจะซื้อมาทันที เพราะผลผลิตสดๆ จากฟาร์มมักจะหมดอายุเร็วกกว่าสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้ผลผลิตอยู่ได้นานขึ้น แต่ผลผลิตสดๆ นั้นรสชาติดีกว่าแน่นอน
    • ร้านค้าเล็กๆ บางร้านก็เป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Alex Hong

    เชฟ
    อเล็กซ์ ฮองเป็นเชฟและเจ้าของร่วมของภัตตาคาร Sorrel ร้านอาหารในซานฟรานซิสโก เขาทำงานภัตตาคารมาเกินสิบปี อเล็กซ์จบจากสถาบันการทำอาหารแห่งอเมริกา และเคยทำงานในครัวของร้าน Jean-Georges และ Quince ซึ่งเป็นร้านระดับติดดาวมิเชลินทั้งคู่
    Alex Hong
    เชฟ

    นำผลผลิตจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาใช้แทนวัตถุดิบท้องถิ่น Alex Hong เชฟผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมร้านอาหารกว่า 10 ปีกล่าวว่า "บางครั้งของที่ตลาดเกษตรกรก็แพงกว่าของในซูเปอร์มาร์เก็ตนิดหน่อย แต่คุณภาพดีกว่ามาก ที่ร้านอาหารผมจะไปตลาดทุกวันเสาร์ แล้วก็จะให้ซูเปอร์มาร์เก็ตเอาของที่ตลาดไม่มีมาส่งให้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง"

    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เน้นวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพและราคาถูก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพไม่ได้แพงไปเสียทุกอย่าง จริงๆ แล้ววัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่างราคาถูกเสียด้วยซ้ำ นึกถึงอาหารแต่ละหมวดหมู่ที่คุณต้องซื้อ แล้วเลือกวัตถุดิบของแต่ละหมวด
    • เช่น ในหมวดธัญพืช คุณอาจจะเลือกข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ข้าวโพด ป๊อปคอร์น และขนมปังกับพาสต้าโฮลวีต
    • ในหมวดผัก คุณก็อาจจะเลือกกะหล่ำปลี ผักใบเขียว (เช่น ผักบุ้ง คะน้า หรือกวางตุ้ง) บวบ แคร์รอต และผักกาดหอม
    • ในหมวดผลไม้ ให้เลือกผลไม้ราคาถูก เช่น ส้ม แอปเปิล และกล้วย
    • ในหมวดผลิตภัณฑ์นม ให้เลือกนมและโยเกิร์ตรสธรรมชาติกระปุกใหญ่ๆ คุณสามารถเพิ่มรสชาติให้นมและโยเกิร์ตได้ที่บ้านโดยเสียเงินเพียงเล็กน้อย [9]
  2. จำไว้ว่าคุณอาจจะต้องการโปรตีนในอาหารของคุณน้อยกว่าที่คุณคิดก็ได้ การปรุงอาหารจากโปรตีนตัวเดียวกันหลายๆ มื้อช่วยคุณทั้งในเรื่องของงบรายจ่ายและอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ถ้าคุณทำอาหารเย็นจากไก่ ก็ให้เอาของเหลือไปทำเป็นซุปไก่ในเย็นถัดไป และในตอนเย็นหลังจากนั้นก็เอาไก่ที่เหลือไปทำเป็นไก่รวนเค็ม [10]
    • ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 30 ปีต้องการโปรตีน 155 กรัมเทียบเท่าต่อวัน ในขณะที่ผู้หญิงอายุเกิน 30 ปีต้องการโปรตีนเพียง 140 กรัมเทียบเท่าเท่านั้น ผู้ชายวัยผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 30 ปีต้องการโปรตีนวันละ 185 กรัม แต่ถ้าคุณอายุระหว่าง 30-50 ปี คุณต้องการโปรตีนเทียบเท่า 170 กรัม และถ้าหากคุณอายุเกิน 50 ปี คุณต้องการโปรตีนแค่วันละ 155 กรัมเท่านั้น
    • "กรัมเทียบเท่า" คือ เนื้อสัตว์ 30 กรัม (เนื้อสัตว์ 90 กรัมขนาดประมาณไพ่ 1 สำรับ) [11]
  3. แม้ว่าคุณจะไม่อยากตัดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ในอาหารไปเลยเสียทีเดียว แต่การเปลี่ยนไปรับประทานโปรตีนจากพืชในบางโอกาสก็ช่วยคุณลดค่าใช้จ่ายได้ ลองเปลี่ยนอาหารแต่ละมื้อให้กลายเป็นอาหารมังสวิรัติ เช่น รับประทานสุกี้มังสวิรัติแทนต้มจืดเต้าหู้หมูสับ [12]
    • โปรตีนมังสวิรัติที่เทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ 30 กรัมได้แก่ ไข่ ถั่ว ถั่วฝัก หรือถั่วเลนทิล 1/4 ถ้วย ถั่วเปลือกแข็งหรือเมล็ดพืช 15 กรัม เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ หรือฮัมมัส 2 ช้อนโต๊ะ [13]
    • เพิ่มผักและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเข้าไปในโปรตีน การผสมเนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อยกับวัตถุดิบหมวดอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพนอกจากจะดีต่อสุขภาพมากกว่าแล้วยังทำให้คุณอิ่มขึ้นด้วย คุณอาจจะทำ :
      • อาหารประเภทผัด
      • เมี่ยง
      • อาหารประเภทพาสต้า
  4. แม้ว่าคุณจะต้องเปรียบเทียบราคาอาหารอยู่แล้ว แต่คุณก็ควรเปรียบเทียบฉลากของสินค้าที่คุณจะซื้อด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณซื้ออาหารบรรจุเสร็จทุกชนิด เช่น ถ้าคุณต้องซื้อ มักกะโรนีชีส 1 กล่อง คุณก็ควรเลือกยี่ห้อที่ดีต่อสุขภาพที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ [14]
    • มองหาอาหารที่น้ำตาลและโซเดียมต่ำ คุณควรรับประทานเกลือประมาณวันละ 2,300 มิลลิกรัม (1 ช้อนชา) ต่อวัน นอกจากนี้ก็ให้เลือกอาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าด้วย เพราะแม้แต่ไขมันที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าก็ยังไม่ควรเกิน 20 - 30% ของอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป
    • อาหารจานหนึ่งควรอยู่ที่ประมาณ 400 แคลอรีหรือน้อยกว่า และเช็กด้วยว่าอาหารที่คุณซื้อมีวิตามินและเกลือแร่เท่าไหร่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

วางแผนมื้ออาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การวางแผนมื้ออาหารจะช่วยให้คุณซื้อแต่ของที่คุณต้องใช้เท่านั้นและทำให้คุณไม่ใช้เงินเกินงบรายจ่าย ถ้าคุณไม่ได้มีสูตรอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่คุณชอบอยู่แล้ว ให้หาสูตรที่คุณชอบในอินเทอร์เน็ต ค้นหาจากหนังสือทำอาหาร หรือถามสูตรแนะนำจากเพื่อน [15]
    • เว็บไซต์ที่คุณสามารถลองเข้าไปดูได้ก็คือ lovefitt ( http://www.lovefitt.com/ ) ในเว็บไซต์มีสูตรอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากมายที่คุณสามารถนำไปวางแผนมื้ออาหารของคุณได้
    • อย่าลืมวางแผนตามตารางเวลาของคุณด้วย เลือกอาหารที่เหลือหรืออาหารที่ทำได้เร็วๆ ในคืนที่คุณยุ่ง [16]
  2. คุณอาจจะคิดว่าการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพคือการที่คุณต้องลองทำเมนูสุขภาพใหม่ๆ มากมายที่เขาฮิตกัน แม้ว่าอาหารที่เขาฮิตกันจะดีต่อสุขภาพก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่อาหารจำพวกเดียวที่ดีต่อสุขภาพ ใช้แต่วัตถุดิบง่ายๆ ที่คุณรู้จักเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นแค่อะไรง่ายๆ อย่างไก่อบกับผักและข้าวกล้อง เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณจะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพต่อไปได้เรื่อยๆ แล้ว คุณยังได้ประหยัดเงินไปพร้อมกันด้วย [17]
  3. พอคุณวางแผนมื้ออาหารแล้ว ให้เขียนรายการของที่คุณต้องใช้ การซื้อแต่ของที่อยู่ในรายการ (และไม่ซื้ออย่างอื่นเพิ่ม) จะทำให้คุณใช้เงินไม่เกินงบและสามารถซื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าได้ [18]
  4. การวางแผนมื้ออาหารไม่ได้จำกัดแค่การรับประทานอาหารที่บ้านเท่านั้น แต่การวางแผนก่อนไปร้านอาหารยังมีประโยชน์กับคุณด้วย ดูเมนูล่วงหน้าถ้ามีอยู่ในอินเทอร์เน็ตและเปรียบเทียบปริมาณแคลอรี ร้านอาหารบางร้านจะบอกแคลอรีของแต่ละเมนูไว้ด้วย หรือคุณจะใช้เครื่องนับหรือเว็บไซต์คำนวณแคลอรีออนไลน์ก็ได้ [19]
    • คุณอาจจะเลือกอาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีต่อสุขภาพเพื่อประหยัดเงิน วิธีนี้จะทำให้คุณได้อาหารจานเล็กด้วย
    • เลือกเมนูที่เป็นโปรตีนไม่ติดมันกับธัญพืชเต็มเมล็ดและผักเยอะๆ
    • เลือกผักหรือผลไม้แทนเฟรนช์ฟรายส์ หอมทอด หรือมันบด
    • ขอกล่องรับกลับเมื่อคุณได้อาหารแล้ว แบ่งอาหารครึ่งหนึ่งก่อนเริ่มรับประทาน แล้วเอาอีกครึ่งหนึ่งใส่กล่องกลับบ้าน การแบ่งอาหารจะช่วยควบคุมปริมาณอาหารและเพิ่มมูลค่าของเงินด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ทำอาหารที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บ่อยครั้งที่การมีสวนเล็กๆ หรือแม้แต่ต้นไม้ที่ปลูกในกระถางก็เป็นวิธีที่ทำให้เราได้ผักที่เราต้องการในราคาถูก ลองปลูกต้นไม้ดู เช่น ต้นมะเขือเทศ หรือจะแค่ปลูกสมุนไพรสัก 2-3 ชนิดไว้ตรงขอบหน้าต่างก็ยังได้ [20]
  2. คุณสามารถซื้อของขบเคี้ยวสำเร็จรูปที่ดีต่อสุขภาพมากกว่ามันฝรั่งแผ่นทั่วไปได้ที่ร้านค้า เช่น ผักอบกรอบหรือผลไม้หั่นพร้อมรับประทาน แต่ของพวกนี้มักมีราคาแพง เพราะฉะนั้นการเตรียมไปจากบ้านน่าจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า [21]
    • เช่น ลองทำเคลอบกรอบ ล้างและสะเด็ดเคลให้แห้งสนิท หั่นหรือฉีกใบเป็นชิ้นใหญ่ๆ คลุกในน้ำมันมะกอกหรือฉีดสเปรย์น้ำมันลงไป จากนั้นคลี่ลงบนแผ่นรองอบใหญ่ๆ ชั้นเดียว โรยเกลือพริกไทยและเครื่องปรุงอื่นๆ ลงบนเคลตามชอบ อบที่อุณหภูมิ 177 องศาเซลเซียสจนกว่าจะกรอบ (ประมาณ 15 นาที)
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถเตรียมผักและผลไม้พร้อมรับประทานเองได้ด้วย เช่น หั่นส้ม แอปเปิล และเกรปฟรุตแล้วคลุกเคล้าเข้ากับน้ำผึ้งเล็กน้อย ตักใส่ภาชนะเล็กๆ ใช้ซ้ำได้เพื่อให้คุณหยิบได้สะดวกทุกเวลา วิธีนี้ใช้กับผักได้เช่นกัน หั่นผักเป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงใช้ซ้ำได้ ตักฮัมมัส (ทำเอง) ใส่ไว้ในภาชนะอีกใบหนึ่งต่างหากเพื่อเอาไว้จิ้มกับผัก
  3. น้ำสต๊อกและน้ำซุปใสเป็นสิ่งที่เหมาะมีติดไว้เพื่อใช้ในการทำซุป แต่การซื้อแบบกระป๋องหรือกล่องนั้นก็ราคาแพง แถมยังมักจะมีโซเดียมมากเกินไปด้วย การทำน้ำสต๊อกและน้ำซุปใสเองที่บ้านนอกจากจะคุณภาพดีกว่าแล้วยังราคาถูกกว่าด้วย [22]
    • คุณจะทำน้ำสต๊อกจากเศษอาหารก็ยังได้ เก็บเศษผักที่เหลือทิ้ง เช่น เปลือกหอมหัวใหญ่ ปลายแคร์รอต และหัวเซเลอรีเอาไว้เล็กน้อย เวลากินไก่ก็เก็บกระดูกกับเนื้อไว้นิดหน่อย เก็บไว้ในถุงแช่ช่องฟรีซจนกว่าจะมีมากพอ พอมีมากพอแล้วให้ใส่ลงไปในหม้อแล้วเติมน้ำให้มิด ต้ม (ไฟอ่อน) 6 - 8 ชั่วโมงหรือจนกว่าจะได้น้ำสต๊อกรสชาติที่คุณชอบ กรองเอาแต่น้ำ จากนั้นคุณก็จะได้น้ำสต๊อกพร้อมใช้
    • พอคุณได้น้ำสต๊อกแล้ว คุณสามารถแบ่งใส่ภาชนะเล็กๆ แล้วแช่ช่องฟรีซไว้ได้
  4. นอกจากของขบเคี้ยวกับน้ำซุปใสแล้วยังมีอาหารอื่นๆ อีกมากมายที่ทำเองที่บ้านได้ถูกกว่า เช่น ถ้าคุณกินโยเกิร์ตบ่อยๆ การทำโยเกิร์ตกินเองก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าเป็นขนมปัง คุณก็อาจจะลงทุนซื้อเครื่องทำขนมปังเพื่อให้คุณสามารถทำขนมปังกินเองได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว [23]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,290 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา