ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางคนกินเพื่ออยู่ และบางคนก็อยู่เพื่อกิน ไม่ว่าคุณจะอยากรับประทานอาหารมากขึ้นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อการแข่งขัน หรือเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับประทานให้มากขึ้นอย่างปลอดภัยเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี การเพิ่มความจุของกระเพาะอาหารก็เหมือนกับการสร้างกล้ามเนื้อที่ต้องอาศัยการวางแผนและความชาญฉลาดเพื่อให้ทำได้อย่างถูกต้อง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รับประทานอาหารได้มากขึ้นในคราวเดียว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความเชื่อที่ว่าคุณต้องปล่อยให้ท้องว่างถึงจะรับประทานอาหารได้มากขึ้นนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด และจริงๆ แล้วมันก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงเลยสักนิด การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือโปรตีนไขมันต่ำเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งหมายความว่าคุณจะรู้สึกหิวมากขึ้นในภายหลัง และคุณก็พร้อมรับประทานอาหารได้มากขึ้นในภายหลังด้วย
  2. มันมีเหตุผลว่าทำไมนักแข่งกินถึงยืนรับประทานอาหาร เวลาที่คุณนั่งรับประทานอาหาร อวัยวะอื่นๆ จะทำให้เกิดแรงดันที่กระเพาะอาหาร และกระเพาะอาหารก็จะยืดได้ไม่มากเท่ากับตอนที่คุณยืน นอกจากนี้ยังทำให้คุณรู้สึกอึดอัดอีกด้วย กระเพาะสามารถรองรับอาหารได้มากเวลาที่คุณเหยียดลำตัวยาวที่สุด ซึ่งก็คือในท่ายืนนั่นเอง
  3. กางเกงวอร์มที่คุณใส่ไปข้างนอกในวันหยุดใช่ไหม ฉลาดมาก การสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ ขณะรับประทานอาหารเป็นส่วนสำคัญของการรับประทานอาหารได้มากขึ้นโดยที่ยังคงสบายตัวอยู่ เพราะจริงๆ แล้วกระเพาะจะขยายตัวขณะที่คุณรับประทานอาหาร และกระโปรงกับกางเกงสแล็กรัดๆ ก็จะไปจำกัดความสามารถในการทำเช่นนั้นได้แบบสบายตัว เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากรับประทานอาหารให้ได้มากขึ้น ให้สวมเสื้อผ้าที่เอื้อให้คุณทำเช่นนั้นได้
  4. รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของโมโนโซเดียม กลูตาเมต (MSG). โมโนโซเดียม กลูตาเมตเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่เสริมเติมแต่งเข้าไปในอาหารหลายๆ ชนิดเพื่อเพิ่มรสชาติ ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของ MSG ก็คือมันจะไปกระตุ้นการตอบสนองต่ออินซูลิน ซึ่งจะไปลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ร่างกายของคุณคิดว่ายังต้องรับประทานอาหารเพิ่มเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาเท่าเดิม
    • MSG พบในอาหารบรรจุห่อและอาหารสำเร็จรูปมากมาย เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แผ่นมันฝรั่งและแผ่นข้าวโพดทอดกรอบ ผักและซุปกระป๋อง และเนื้อสัตว์แปรรูป
    • MSG เป็นวัตถุดิบที่มีการถกเกียงกันอย่างมากมาย โดยมักจะถูกล้อเลียนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน และบางคนก็บอกว่ามีผลกระทบต่อร่างกายต่างๆ กันไปตั้งแต่เจ็บหน้าอกไปจนถึงอาการชาที่ใบหน้า [2] แม้ว่างานวิจัยจะรายงานว่าไม่มีความเชื่อมโยงที่แท้จริงระหว่างสารเติมแต่งกับอาการเหล่านี้ แต่มันก็ยังเป็นสารที่เป็นที่โต้แย้งกันอยู่
  5. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลมพอประมาณกับมื้ออาหาร. นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าน้ำอัดลมรสหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้ากับมื้ออาหารเป็นอย่างดีแล้ว แต่น้ำตาลในน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทยังทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้นกระทันหันและไปหลอกร่างกายว่า คุณอยากรับประทานอาหารเพิ่มอีก
    • น้ำอัดลมที่ขายตามท้องตลาดมีส่วนประกอบของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์อยู่มาก และร่างกายต้องผลิตอินซูลินเพิ่มขึ้นเพื่อจัดการกับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้เกิดการตอบสนองต่ออินซูลินแบบเดียวกับที่เกิดกับ MSG ร่างกายของคุณจะคิดว่าคุณต้องรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น น้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาลที่มีส่วนผสมของแอสปาร์แตมก็ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน [3]
    • นอกจากผลข้างเคียงของแอลกอฮอล์ที่ไปลดความยับยั้งชั่งใจจนทำให้คุณรับประทานอาหารแคลอรีสูงทั้งที่ตามปกติคุณอาจจะเลี่ยงแล้ว น้ำตาลในแอลกอฮอล์ยังให้ผลลัพธ์เดียวกันด้วย คือจะไปลดระดับเซโรโทนินและเพิ่มการตอบสนองต่ออินซูลินที่ทำให้รู้สึกหิว
    • เครื่องดื่มอัดก๊าซจะทำให้คุณรู้สึกอิ่ม ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณดื่มเบียร์หรือน้ำอัดลมพร้อมมื้ออาหารมากๆ คุณจะอิ่มเร็วขึ้น ทำให้มีพื้นที่สำหรับใส่อาหารน้อยลง เพราะฉะนั้นให้ดื่มน้ำอัดลมแค่ครึ่งหนึ่งเพื่อให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนเดิมโดยที่ไม่ทำให้รู้สึกอิ่ม
  6. ถ้าคุณพยายามจะรับประทานอาหารมากๆ คุณต้องเลี่ยงการรับประทานเครื่องปรุงบางอย่างที่มีส่วนประกอบที่ไประคายเคืองกระเพาะอาหารและหลอดอาหารที่ทำให้คุณรับประทานอาหารในปริมาณมากๆ ได้ยาก มัสตาร์ดทำมาจากเมล็ดมัสตาร์ดบดที่เป็นพืชวงศ์ผักกาดที่มีรสชาติจัดจ้านกับน้ำส้มสายชู ซึ่งทั้งสองส่วนประกอบนี้จะไปชะลอความหิวและระบบเผาผลาญ
    • นอกจากนี้คุณก็ควรหลีกเลี่ยงเครื่องปรุงที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและมีรสชาติเผ็ด เช่น ซอสบาร์บีคิว ซอสพริก ซอสศรีราชา และเครื่องจิ้มหรือท็อปปิ้งรสเผ็ดอื่นๆ ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รับประทานอาหารเพื่อเพิ่มน้ำหนัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณพยายามเพิ่มน้ำหนักเพราะว่าคุณผอมเกินไปหรือเพราะคุณอยากมีกล้าม คุณต้องแน่ใจก่อนว่าร่างกายของคุณพร้อมที่จะเพิ่มน้ำหนักในแบบที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด แค่เพราะคุณ "ดูผอม" ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณมีค่า BMI ที่เหมาะจะเพิ่มน้ำหนักมากที่สุด และคุณอาจจะทำในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของตัวเองได้หากคุณพยายามเพิ่มน้ำหนักก่อนทำให้ร่างกายแข็งแรง แม้ว่าวิธีการที่ดีที่สุดคือการไปพบนักโภชนาการก่อน แต่คุณก็สามารถคำนวณค่า BMI ได้ด้วยตัวเองตามสูตรการคำนวณต่อไปนี้:
    • น้ำหนักหน่วยเป็นกิโลกรัม หารด้วย
    • ส่วนสูงหน่วยเป็นเมตรยกกำลังสอง
    • ถ้าค่า BMI ของคุณอยู่ระหว่าง 18.5-24.9 น้ำหนักของคุณจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำ-ปกติ หมายความว่าคุณสามารถเพิ่มน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยด้วยโภชนาการและแนวทางที่เหมาะสม [4]
  2. คำนวณปริมาณแคลอรีที่จำเป็นในการสร้างกล้ามเนื้อ. กล้ามเนื้อสร้างได้ก็ต่อเมื่อคุณสร้างแคลอรี่ส่วนเกิน จากนั้นก็ออกกำลังกายแบบเฉพาะเพื่อเสริมสร้างการเติบโตของกล้ามเนื้อในร่างกาย ความแตกต่างระหว่างการสร้างกล้ามเนื้อกับการสร้างไขมันอาศัยการคำนวณว่า ร่างกายของคุณต้องรับประทานอาหารเพื่อให้ได้พลังงานเท่าไหร่จึงจะสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องแน่ใจด้วยว่าคุณรับประทานอาหารถูกประเภท คุณสามารถคำนวณปริมาณแคลอรีที่คุณต้องการได้ดังนี้:
    • น้ำหนักหน่วยเป็นปอนด์คูณด้วย 20 ตัวเลขที่ได้คือปริมาณแคลอรีที่คุณต้องรับประทานเข้าไปในวันที่คุณออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ
  3. ถ้าคุณอยากสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มน้ำหนัก จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องรับประทานโปรตีนให้เพียงพอเพื่อเสริมการเติบโตของกล้ามเนื้อ ถ้าคุณไม่ได้รับโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม การหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปก็อาจจะไปทำลายกล้ามเนื้อได้ ในการคำนวณว่าคุณต้องการโปรตีนไขมันต่ำเท่าไหร่นั้น ให้เอาน้ำหนักหน่วยเป็นปอนด์คูณด้วย 1.5 เพื่อให้ได้จำนวนกรัมของโปรตีนที่คุณต้องบริโภคในแต่ละวัน
    • รับประทานเนื้อไก่และเนยถั่วให้ชิน รับประทานไขมันให้น้อยแต่รับประทานโปรตีนให้มาก วิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการรับประทานอาหารแบบง่ายๆ และมีอยู่ทั่วไป เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับโปรตีนจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอ
  4. ดื่มเวย์โปรตีนเชคระหว่างมื้ออาหาร . วิธีการเพิ่มน้ำหนักและสร้างมวลกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายที่พบได้บ่อยมากๆ คือการใช้อาหารเสริมโปรตีนในการกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อ ผงโปรตีนเวย์มีจำหน่ายทั่วไป โดยคุณสามารถนำมาผสมในสมูตตี้เพื่อให้ได้สารอาหารเพิ่มเติม วิตามิน และโปรตีนเพิ่มขึ้นในเครื่องดื่มที่ดื่มได้ง่ายๆ
    • เป็นที่รู้กันดีว่าโปรตีนเชคนั้นไม่อร่อยเลย เพราะฉะนั้นการใส่ผงเวย์ลงไปในสมูตตี้ที่ใส่โยเกิร์ต กล้วย สตรอว์เบอร์รี และผลไม้อร่อยๆ อย่างอื่นลงไปจึงช่วยคุณได้ คุณจะได้ไม่ต้องฝืนกลืนโปรตีนที่มีรสชาติเหมือนกาววอลเปเปอร์ลงไป ถ้ามันอร่อยขึ้น คุณก็จะดื่มมันมากขึ้น
  5. รับประทานคาร์โบไฮเดรตที่มีน้ำตาลต่ำและย่อยช้า. เอาน้ำหนัก (หน่วยเป็นปอนด์) คูณสอง ก็จะได้ปริมาณคาร์โบไฮเดรต (กรัม) ที่คุณควรรับประทานในวันที่คุณออกกำลังกาย และคาร์โบไฮเดรตเหล่านั้นก็ควรจะประกอบด้วบคาร์โบไฮเดรตที่มีน้ำตาลต่ำเป็นหลัก ซึ่งได้แก่ธัญพืชเต็มเมล็ดอย่างโรลโอ๊ต ผลไม้สด และมันหวาน และหลีกเลี่ยงแป้งสาลีขัดขาว [5]
  6. กระตุ้นการผลิตเทสโทสเทอโรนด้วยการรับประทานไขมัน. นักกีฬาที่สร้างกล้ามเนื้อมักจะรับประทานไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันอิ่มตัวเพื่อเพิ่มระดับเทสโทสเทอโรน ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นคุณควรรับประทานไขมันดีครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัว (หน่วยเป็นปอนด์) ในวันที่คุณออกกำลังกาย
    • หนึ่งในวิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการดื่มนม เพราะมันรับประทานได้ง่ายแม้ว่าคุณจะไม่หิวก็ตาม และเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มไขมันเข้าไปในการรับประทานอาหารด้วย เมื่อคุณออกกำลังกายให้ดื่มนมวันละ 3 แก้ว
  7. สร้างแผนการออกกำลังกายเพื่อยกน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้อ . ปริมาณแคลอรีทั้งหมดที่ร่างกายได้รับจะเปลี่ยนไปเป็นไขมันหากคุณไม่ยกน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงควบคู่ไปกับแคลอรีส่วนเกิน แต่ต้องแน่ใจว่าคุณวางแผนกิจวัตรการออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพที่เหมาะกับความสนใจและเป้าหมายในการสร้างกล้ามเนื้อของคุณด้วย
    • โดยทั่วไปในวันที่คุณออกกำลังกายคุณจะต้องเพิ่มอาหารมื้อใหญ่ก่อนและหลังออกกำลังกายเข้าไปในแผนการรับประทานอาหารแบบสามมื้อตามปกติ ส่วนในวันที่คุณไม่ได้ออกกำลังกาย คุณก็แค่ข้ามมื้อเหล่านั้นไปเพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม
  8. ถ้าคุณจะเพิ่มปริมาณโปรตีนไขมันต่ำและคาร์โบโอเดรตที่คุณรับประทานในแต่ละวัน คุณก็ต้องรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมใยอาหารเพื่อให้ระบบทางเดินอาหารของคุณทำงานเป็นปกติ เพราะในระหว่างที่เพิ่มน้ำหนักคุณอาจจะรู้สึกอึดอัดได้หากระบบทางเดินอาหารทำงานได้ไม่ดีนัก
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รับประทานอาหารเพื่อการแข่งขัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใครก็ตามที่ได้แรงบันดาลใจในการรับประทานไส้กรอกเยอรมันให้ได้มากที่สุดจากการแข่งขันกินฮอทดอกของนาธานต้องเจอกับความจริงที่รวดเร็วและเจ็บปวดว่า: คุณไม่สามารถรับประทานฮอทดอกปริมาณมากขนาดนั้นได้โดยไม่เตรียมตัวมาก่อน กระเพาะก็คือกล้ามเนื้อเช่นเดียวกัน มันต้องฝึกฝนและฟื้นฟู ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ ถ้าคุณอยากจะเพิ่มความจุของกระเพาะอาหาร คุณต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
    • บางงานวิจัยกล่าวว่า กระเพาะของมนุษย์โดยเฉลี่ยแล้วสามารถจุได้ 1.5 ลิตรก่อนที่จะรู้สึกคลื่นไส้ แต่จะสามารถจุได้ถึง 3-5 ลิตรถ้าฝึกฝนอย่างถูกต้อง
    • ถ้าคุณรับประทานอาหารมากเกินไปและเร็วเกินไป ก็เป็นไปได้ว่ากระเพาะจะทะลุ แต่ก็พบได้ไม่บ่อยและเกิดขึ้นน้อยมากๆ เพราะปกติร่างกายจะต้องให้คุณอาเจียนออกมาก่อนที่จะเสี่ยงต่อการที่กระเพาะจะทะลุหรือเกิดปัญหาทางร่างกายอื่นๆ [6]
  2. วิธีฝึกฝนและขยายกระเพาะอาหารเพื่อเพิ่มความจุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากที่สุดไม่ใช่ด้วยการรับประทานอาหาร แต่เป็นการดื่มน้ำ นักแข่งกินสามารถดื่มน้ำครั้งละ 1 แกลลอนได้ภายในไม่ถึง 20 นาที วิธีนี้จะไปเพิ่มความจุของกระเพาะอาหารและส่งผลกระทบต่อร่างกายค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการรับประทานอาหารคราวละมากๆ
    • ค่อยๆ เริ่มจากการเพิ่มจำนวนแก้วของน้ำเปล่าที่คุณดื่มในแต่ละวันให้มากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นค่อยเพิ่มความเร็วในการดื่มน้ำ โดยทั่วไปคุณควรจะเริ่มจากการดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว เพราะฉะนั้นให้เริ่มจากตรงนี้ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มความจุไปเรื่อยๆ
  3. น้ำเป็นตัวช่วยทั้งในระหว่างการแข่งขันและการฝึกซ้อมด้วยเช่นกัน แม้ว่าการเอาขนมปังฮอทดอกจุ่มลงไปในน้ำจะไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย แต่มันช่วยให้อาหารยุ่ยก่อนที่คุณจะเอาใส่ปาก ทำให้คุณกลืนและเริ่มย่อยได้ง่ายขึ้น และยิ่งคุณกลืนลงไปได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรับประทานได้มากเท่านั้น และน้ำก็เป็นตัวช่วยในกระบวนการนี้
    • ขณะรับประทานอาหารอย่าดื่มน้ำมากเกินไป เพราะถึงแม้ว่าคุณจะดื่มน้ำได้บ้างเพื่อช่วยหล่อลื่นอาหาร แต่ก็อย่าดื่มอึกใหญ่เพื่อดับกระหาย ไม่อย่างนั้นมันจะไปกินพื้นที่ในกระเพาะของคุณ
  4. ยาสเมียร์ ซาเลม นักแข่งกินจะนึ่งบร็อกโคลีและดอกกะหล่ำ 3.5 กิโลกรัมสัปดาห์ละ 2 หรือ 3 ครั้งสำหรับการฝึกซ้อม ผักเหล่านี้ไม่มีรสชาติ มีวิตามินสูง และผ่านระบบทางเดินอาหารไปได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับการขยายกระเพาะอาหารแบบง่ายๆ ร่วมกับการดื่มน้ำมากๆ [7]
    • เพื่อประโยชน์เพิ่มเติมให้รับประทานซาวเคราท์เยอะๆ ด้วย กะหล่ำปลีดองมีคุณสมบัติเป็นโพรไบโอติกที่ช่วยรักษาสมดุลของสิ่งมีชีวิตในลำไส้ มันจึงเป็นอาหารที่เหมาะกับนักแข่งกินมากๆ
  5. เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อให้กล้ามเนื้อขากรรไกรแข็งแรง. นักแข่งกินจะเคี้ยวมากฝรั่งมากถึงครั้งละ 6 อันเป็นประจำเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขากรรไกร และทำให้มั่นใจได้ว่าอวัยวะที่ใช้ในการรับประทานอาหารทำงานได้ดี สิ่งที่สำคัญพอๆ กับกระเพาะก็คือความสามารถในการรับประทานอาหารได้มากขึ้น เพราะมันคงไม่มีประโยชน์ถ้าคุณไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    • อ่าน บทความวิกิฮาวบทความนี้ สำหรับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของคอและขากรรไกรที่คุณสามารถเอามารวมอยู่ในกิจวัตรของคุณได้
  6. เคยสังเกตไหมว่าโดยทั่วไปแล้วทำไมนักแข่งกินถึงได้หุ่นดีและมุ่งมั่นขนาดนั้น ก็เพราะว่าเขามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงยังไงล่ะ ความสามารถในการรับประทานอาหารได้มากๆ นั้นอาศัยอะไรมากกว่าแค่ความอยากรับประทานอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งอาจจะตรงข้ามกับสิ่งที่คุณคิดไว้ การฝึกซ้อมอย่างหนักและการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่พอดีคือส่วนสำคัญของความสามารถในการรับประทานอาหารได้อย่างรวดเร็วและในปริมาณมาก
    • ลองอ่านบทความเกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพิ่มเติมเพื่อศึกษาเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
    • การหายใจได้ดีก็จำเป็นกับนักแข่งกินเหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้ฝึกการหายใจเพื่อให้คุณแน่ใจได้ว่าคุณสามารถหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพขณะยัดอาหารลงไป
  7. เชี่ยวชาญในการรับประทานอาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง. นักแข่งกินอาหารแต่ละอย่างนั้นไม่เหมือนกัน การฝึกซ้อมของนักแข่งกินฮอทดอกและปริมาณที่รับประทานเข้าไปนั้นก็แตกต่างจากแชมป์กินเบคอน แชมป์กินพริก หรือแชมป์กินหอยนางรมโดยสิ้นเชิง การรู้ข้อกำหนดของอาหารที่คุณเลือกจะทำให้คุณเตรียมตัวได้อย่างเจาะจงยิ่งขึ้น
    • Major League Eating เป็นองค์ระดับชาติของสหรัฐอเมริกาที่ควบคุมการแข่งขันเจ้านักกิน เข้าไปที่เว็บไซต์ของเขา (ภาษาอังกฤษ) เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเข้าร่วมและการแข่งขัน [8]
    • คุณต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ นักกำหนดอาหาร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความสมดุลของร่างกายเพื่อหาแผนการด้านสุขภาพและการฝึกซ้อมสำหรับอาหารที่คุณหวังจะบริโภคเข้าไป เพื่อให้ร่างกายยังคงทำงานให้คุณได้แทนที่ทำงานจะต้านคุณ
    โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ลดน้ำหนัก 20 กิโลกรัมภายใน 2 เดือน
ผอมด้วยวิธีธรรมชาติ
จดไดอารี่อาหาร
รับประทานอาหารแบบแบรทไดเอท (BRAT Diet)
คำนวณแคลอรี่จากโปรตีน
เก็บกล้วยไม่ให้สุกเร็วเกินไป
ยับยั้งอาการอยากของหวาน
ลดน้ำหนัก 7 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์
ลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมภายใน 1 เดือน
รักษาหุ่นโดยที่ยังดื่มแอลกอฮอล์ได้
ลดน้ำหนักใน 1 อาทิตย์
เผาผลาญไขมันและมีสุขภาพดี
วิธีทานอาหารเสริมจากส้มแขก: ความเสี่ยง, คุณประโยชน์ และข้อมูลด้านความปลอดภัย
ทำให้หน้าท้องแบนเรียบในหนึ่งสัปดาห์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,506 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา