PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

เวลาที่คุณสูญเสียใครสักคนหรืออะไรบางอย่างที่มีความหมายกับคุณมาก ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นย่อมมากมายเป็นทวีคูณ ความเจ็บปวด ความทรงจำแสนเศร้า และคำถามที่ยังค้างคาใจคอยตามหลอกหลอนคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีวันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ คุณจะไม่มีวันหัวเราะหรือเป็นตัวของตัวเองได้อีกแล้ว มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ เพราะแม้ว่าจะไม่มีความโศกเศร้าใดที่ไร้ความเจ็บปวด แต่ก็ยังมีวิธีโศกเศร้า ที่ดีต่อตัวคุณ และช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง อย่าจมปลักกับชีวิตที่ไร้ความสนุกสนาน ข้ามผ่านการสูญเสียไปให้ได้อย่างช้า ๆ แล้วคุณ จะ ดีขึ้นอย่างแน่นอน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ข้ามผ่านความโศกเศร้า

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลังจากสูญเสียบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ บางครั้งเราก็อยากจะทำอะไรที่มันช่วยเลี่ยงความเจ็บปวด อะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นการตกเป็นทาสพฤติกรรมที่อันตรายอย่างการใช้ยาเสพติด การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนมากเกินไป การใช้อินเทอร์เน็ตนานเกินไป หรือการมีเซ็กส์กับใครไม่เลือกหน้า พฤติกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ สุดท้ายแล้วคุณก็จะเสี่ยงต่อการเสพติดและยิ่งสร้างความเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก คุณไม่มีวันหายดีได้อย่างแท้จริงตราบใดที่คุณยังไม่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวด การเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากการสูญเสียหรือการเลี่ยงมันด้วยการหันเหความสนใจของตัวเองมีแต่จะทำให้ความเจ็บปวดกินเวลานาน ไม่ว่าคุณจะวิ่งออกมาจากความเจ็บปวดเร็วแค่ไหน สุดท้ายแล้วความโศกเศร้าก็จะกลับไปกลืนกินคุณเหมือนเดิม เผชิญหน้ากับการสูญเสีย ปล่อยให้ตัวเองได้ร้องไห้หรือเศร้าโศกอย่างเป็นธรรมชาติ อันดับแรกคุณต้องตระหนักถึงความเศร้าโศกของตัวเองก่อน แล้วจึงจะเริ่มเอาชนะมันได้
    • ถ้าการสูญเสียยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำ คุณต้องปล่อยตัวเองให้โศกเศร้าเต็มที่ แต่ก็ควรกำหนดระยะเวลาที่จะปล่อยให้ตัวเองเศร้าด้วย ให้เวลาตัวเองได้เศร้าอย่างเต็มที่สักพัก อาจจะเป็น 2 – 3 วันหรือสัก 1 สัปดาห์ เพราะการจมปลักอยู่กับความเศร้าอย่างไม่มีกำหนดมีแต่จะทำให้คุณติดอยู่กับความรู้สึกสูญเสีย ความรู้สึกสงสารตัวเองจะทำให้คุณไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรและไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
  2. ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา อย่ากลัวที่จะร้องไห้แม้ว่ามันจะไม่ใช่นิสัยของคุณก็ตาม ความรู้สึกหรือการแสดงความรู้สึกไม่มีผิดไม่มีถูก สิ่งสำคัญคือคุณรับรู้ถึงความเจ็บปวดและพยายามที่จะก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ คุณเป็นคนเลือกเองว่าอยากจะแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างไร และแต่ละคนก็มีวิธีแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่ไม่เหมือนกัน
    • หาวิธีปลดปล่อยความเจ็บปวด ถ้าคุณอยากจะทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษขณะที่คุณกำลังเศร้า ทำเลย (แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นเจ็บปวด) การร้องไห้ ทุบหมอน วิ่งไปไกล ๆ เขวี้ยงของ ขับรถออกไปไกล ๆ กรีดร้องสุดเสียงในป่าหรือที่ที่ไม่มีใครได้ยิน และวาดภาพความทรงจำเป็นวิธีที่หลายคนใช้ระบายความเจ็บปวด และทุกวิธีก็สมเหตุสมผลเท่ากัน
    • อย่าทำอะไรที่อาจทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น การสูญเสียไม่ใช่การสร้างอันตรายหรือทำให้ทุกอย่างแย่ลง แต่การสูญเสียคือเวลาที่เราจะได้เรียนรู้การใช้อารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในและเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเจ็บปวด
  3. การหาคนดูแลยามที่คุณทุกข์ทรมานนั้นเป็นเรื่องที่ดี ถ้าคุณไม่มีเพื่อนให้ระบายความรู้สึก ให้คุยกับคนแปลกหน้าที่เข้าอกเข้าใจ นักบวช ที่ปรึกษา หรือนักบำบัด แม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสติ สับสน และไม่แน่ใจก็ตาม เพราะการได้คุยกับคนที่คุณไว้ใจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปลดปล่อยคุณจากความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ ให้มองว่าการพูดคุยเป็นหนึ่งในวิธีการ "จัดระเบียบ" อารมณ์ของตัวเอง ความคิดของคุณไม่จำเป็นต้องปะติดปะต่อกัน แค่ต้องแสดงออกมาเท่านั้นเอง
    • ถ้าคุณกังวลว่าคนที่รับฟังคุณเขาจะสับสนหรือไม่พอใจในสิ่งที่คุณพูด เพื่อคลายความกังวลในเรื่องนี้ ให้บอกเขาก่อนตั้งแต่เริ่มคุยว่าคุณกำลังเศร้า ไม่พอใจ สับสน คำพูดบางคำของคุณอาจจะไม่เข้าท่า แต่คุณแค่ต้องการใครสักคนรับฟัง เพื่อนที่ห่วงใยคุณหรือคนที่สนับสนุนคุณเขาไม่ว่าอะไรคุณหรอก
  4. ที่แย่ก็คือ ไม่ใช่ว่าคนที่คุณคุยด้วยขณะเศร้าจะเห็นอกเห็นใจคุณทุกคน อย่าไปสนใจคนที่พูดว่า "ยอมรับสักทีเหอะ" "อย่าอ่อนแอนักเลย" " ฉัน เศร้าแป๊บเดียวก็หายแล้วตอนที่เกิดเรื่องนี้กับฉัน" เป็นต้น พวกเขาไม่รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพราะฉะนั้นอย่าไปสนใจคำพูดใจร้ายของคนบางคน บอกพวกเขาว่า "ถ้าทนไม่ได้ละก็ คุณไม่จำเป็นต้องมาเข้าใกล้ฉันในช่วงที่ฉันกำลังเศร้า เพราะฉันต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ไม่ว่าคุณจะรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม เพราะฉะนั้นกรุณาให้พื้นที่ส่วนตัวแก่ฉันด้วย"
    • คนที่พูดคำพูดแรง ๆ ใส่คุณตอนที่คุณกำลังเศร้าอาจจะเป็นเพื่อนที่หวังดี (แต่แสดงออกไม่เป็น) ค่อยกลับไปสังสรรค์กับพวกเขาใหม่หลังจากคุณเข้มแข็งขึ้นแล้ว ระหว่างนั้นให้ถอยห่างจากพวกเขาก่อน เพราะพวกเขาจะไม่อดทนกับเรื่องของคุณ และคุณก็ไม่สามารถเร่งรัดการฟื้นฟูทางจิตใจได้
  5. หลังจากสูญเสียใครสักคน คุณอาจจะรู้สึกผิด คุณอาจจะคิดวนไปวนมาว่า " ฉันน่าจะได้บอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย" หรือ " ฉันน่าจะทำดีกับเขาให้มากกว่านี้" อย่าปล่อยให้ตัวเองจมปลักกับความรู้สึกผิด คุณ ไม่อาจ เปลี่ยนแปลงอดีตด้วยการคร่ำครวญซ้ำไปซ้ำมาได้ การที่คุณสูญเสียคนที่คุณรักนั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ แทนที่จะจมอยู่กับความคิดว่าฉัน น่า จะทำหรือ ควร จะทำ เปลี่ยนมาคิดว่าคุณ สามารถ ทำอะไรได้บ้าง ไตร่ตรองอารมณ์และเดินหน้าต่อไป
    • ถ้าคุณรู้สึกผิดหลังจากสูญเสียใครสักคน ให้คุยกับคนอื่น ๆ ที่รู้จักคนที่คุณสูญเสียหรือสัตว์เลี้ยง พวกเขาจะทำให้คุณเชื่อว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของคุณได้อย่างแน่นอน
  6. แค่เพราะใครสักคนหรือสัตว์เลี้ยงของคุณจากไปก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะจดจำพวกเขาไปตลอดไม่ได้ การที่ได้รู้ว่าแม้ว่าคน ๆ นั้นหรือสัตว์เลี้ยงตัวนั้นไม่มีวันกลับมาอยู่ตรงนี้อีกแล้ว แต่มิตรภาพ ความรัก และความผูกพันระหว่างกันก็ยังคงอยู่เป็นวิธีคิดที่สร้างความอบอุ่นใจ ไม่มีใครพรากสิ่งเหล่านั้นไปจากคุณได้ มิตรภาพที่คุณมีร่วมกับพวกเขาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของคุณตลอดไป ของที่ระลึกบางอย่างก็สมควรเก็บไว้เพื่อให้คุณได้ระลึกถึงความกล้าหาญ แรงใจ และความสามารถในการมองอนาคตที่ดีกว่าของตัวคุณเอง
    • เก็บของที่ระลึกที่ย้ำเตือนถึงเขาหรือสัตว์เลี้ยงเอาไว้ในกล่องให้พ้นหูพ้นตา หยิบมาดูเวลาที่อยากคิดถึงความทรงจำเรื่องของเขาให้ชัด ๆ การวางของที่ระลึกเกี่ยวกับเขาไว้รอบตัวไม่ใช่เรื่องดี เพราะการย้ำเตือนเสมอ ๆ ว่าเขาจากไปแล้วยิ่งทำให้คุณก้าวต่อไปได้ยากขึ้น
  7. สังคมของเราตีตราต่อต้านคนที่ขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาทางอารมณ์ไว้อย่างอันตรายและร้ายกาจ การไปพบนักบำบัดหรือที่ปรึกษานั้น ไม่ได้ ทำให้คุณเป็นคนอ่อนแอหรือน่าสงสาร หากแต่เป็นสัญญาณของความเข้มแข็ง การที่คุณขอความช่วยเหลือที่คุณจำเป็นต้องได้รับนั้นเป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาที่จะก้าวเดินต่อไปและเอาชนะความโศกเศร้าที่น่าชื่นชม อย่าลังเลที่จะนัดตารางเพื่อพูดคุยกับคนที่มีอาชีพด้านนี้โดยตรง ในปีพ.ศ. 2547 ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันกว่า 1 ใน 4 เข้าพบนักบำบัดในช่วง 2 ปีก่อนหน้านั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

มุ่งหน้าหาความสุข

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามจดจำช่วงเวลาดี ๆ และความทรงจำที่ดีที่สุดที่คุณมีกับเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณสูญเสียไป การนึกถึงแต่ความคิดแย่ ๆ หรือความรู้สึกผิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกแย่มากขึ้น เชื่อเถอะว่าคนที่เคยนำความสุขมาให้คุณเขาไม่มีวันอยากเห็นคุณจมจ่อมกับความทุกข์หรอก พยายามจดจำสิ่งที่เขาเคยพูด สิ่งเพี้ยน ๆ ที่เขาทำ ช่วงเวลาที่คุณสองคนได้หัวเราะกัน และสิ่งที่เขาสอนคุณเกี่ยวกับชีวิตและตัวคุณเอง
    • ถ้าคุณสูญเสียสัตว์เลี้ยง จดจำช่วงเวลางดงามที่คุณเคยมีกับมัน ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขที่คุณมอบให้มัน และนิสัยเฉพาะของมัน
    • ทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนจะกลับไปเศร้า โกรธ หรือสงสารตัวเองยิ่งกว่าเดิม ให้หยิบไดอารี่และเขียนเรื่องราวดี ๆ ที่คุณจำได้เกี่ยวกับเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณเพิ่งสูญเสียไป เวลาที่เศร้า คุณสามารถระบายกับไดอารี่ได้เพื่อย้ำเตือนถึงความสุขที่คุณเคยมี
  2. การทำให้ตัวเองยุ่งและการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูงทำให้คุณได้หยุดพักหลังจากเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องความสูญเสีย และยังให้พื้นที่คุณได้ตระหนักด้วยว่า ในโลกที่คุณอาศัยอยู่นั้นยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมาย
    • แม้ว่าการทำงานหรือเรียนหนังสือจะช่วยบรรเทาไม่ให้คุณคิดเรื่องการสูญเสียอยู่ตลอดเวลา แต่ก็อย่าเบี่ยงเบนตัวเองด้วยการพึ่งพากิจวัตรประจำวันเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกว่านอกจากงานกับความสูญเสียแล้วชีวิตคุณไม่มีอะไรเลย พยายามกลับไปสร้างความสุขให้ตัวเองอีกครั้งด้วยการทำอะไรก็ได้ที่สร้างความสงบให้แก่คุณ ไม่ว่าจะเป็นทำสวน ทำอาหาร ตกปลา ฟังเพลงโปรด เดินเล่น วาดรูป ระบายสี เขียน เป็นต้น เลือกกิจกรรมที่ช่วยให้คุณใจสงบและสร้างผลลัพธ์ที่ทำให้คุณยิ้มได้ (ซึ่งงานประจำวันหรือการเรียนไม่สามารถให้คุณได้เสมอไป)
    • ลองเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมดู เปลี่ยนจากการคิดถึงแต่ปัญหาของตัวเองไปมองปัญหาของคนอื่นแทน ลองมองกิจกรรมอาสาสมัครไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าคุณชอบเด็ก การได้ช่วยเหลือเด็กเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความสดใสและเสียงหัวเราะอาจช่วยให้คุณสบายใจขึ้นได้
  3. อาการโศกเศร้าที่พบได้ทั่วไปก็คือ การนั่งจับเจ่าอยู่กับบ้านไม่ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เมื่อคุณก้าวข้ามผ่านความโศกเศร้าในช่วงแรก ๆ ได้แล้ว ลองหาโอกาสไปพบปะแสงแดดเจิดจ้าบ้าง ใช้เวลาไปกับการเดินเล่น ครุ่นคิด และแค่สังเกตความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวคุณ อย่าพยายามไล่ตามความรู้สึกใดเป็นพิเศษ แค่ปล่อยให้ความอบอุ่นของแสงอาทิตย์สาดส่องมาที่ตัวคุณ และปล่อยให้เสียงของโลกใบนี้ไหลผ่านตัวคุณ อัศจรรย์ใจในความงามของต้นไม้และสถาปัตยกรรมที่คุณเห็น ปล่อยให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงย้ำเตือนคุณว่าโลกนี้ช่างสวยงาม ชีวิตดำเนินต่อไป คุณมีคุณค่าพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้และสุดท้ายคุณก็จะได้เพลิดเพลินไปกับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เหมือนเดิม
    • มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แสงอาทิตย์เป็นสารต้านความหดหู่ที่มาจากธรรมชาติ [1] การได้ออกนอกบ้านอาจจะช่วยให้คุณคลายความหดหู่ได้
  4. เวลาที่คุณสูญเสียใครสักคน ความจริงที่น่าเศร้าก็คือคุณจะไม่มีวันได้สนุกสนานไปกับเขาหรือเธอแบบเห็นหน้ากันจริง ๆ อีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณสูญเสียจะไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ในฐานะความคิดหรือสัญลักษณ์ได้เลย รู้ไว้ด้วยว่าเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณสูญเสียไปนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในความคิด คำพูด และการกระทำของคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพูดหรือคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความทรงจำของคนที่จากไป นั่นแปลว่าเขาหรือเธอก็ยังคงอยู่กับคุณนั่นเอง
    • หลายศาสนาสอนว่า วิญญาณหรือดวงจิตของคน ๆ นั้นยังคงอยู่แม้ว่าร่างกายของเขาหรือเธอจะตายไปแล้ว ศาสนาอื่น ๆ สอนว่าดวงจิตของคน ๆ นั้นจะเปลี่ยนรูปไปเป็นอย่างอื่นหรือกลับคืนสู่โลก ถ้าคุณนับถือศาสนา ให้ปลอบใจตัวเองว่าวิญญาณของคนที่คุณสูญเสียไปนั้นเขายังคงอยู่
  5. การที่จะกระตุ้นตัวเองให้ออกไปข้างนอกและใช้เวลากับเพื่อน ๆ หลังจากการสูญเสียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การได้ออกไปใช้เวลากับเพื่อนฝูงที่เข้าใจสภาวะอารมณ์ของคุณแม้ว่าคุณจะยังไม่หายดี 100% นั้นเป็นความคิดที่ดี หาเพื่อน ๆ หรือคนรู้จักที่เป็นคนสนุกสนานแต่ก็ใจดีและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น พวกเขาจะช่วยให้คุณกลับเข้ามามีบทบาทในสังคมเดิมของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเรื่องให้ทำขณะกำลังก้าวข้ามความโศกเศร้า
    • การสังสรรค์ครั้งแรกหลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่อาจจะกร่อย ๆ หรือกระอักกระอ่วนนิดหน่อยเพราะเพื่อน ๆ ไม่รู้ว่าจะเข้าถึงคุณในเรื่องนี้อย่างไรดี อย่าปล่อยให้สิ่งนี้มาฉุดรั้งคุณไว้ เพราะถึงจุดหนึ่งคุณก็ ต้อง กลับเข้ามาสู่ชีวิตสังคมปกติที่คุณมี เข้มแข็งเข้าไว้ มันอาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่ "เป็นปกติ" การได้ใช้เวลากับเพื่อน ๆ ที่น่ารักเป็นความคิดที่ดีเสมอ
  6. ขณะที่กลับไปสู่กิจวัตรประจำวันปกติ คุณอาจจะรู้สึกว่าสถานการณ์ในหน้าที่การงานหรือสังคมบังคับให้คุณต้องมีความสุขมากกว่าที่คุณ มี จริง ๆ แม้ว่าคุณจะไม่ควรจมจ่อมอยู่ในความโศกเศร้า แต่คุณก็ไม่ควร บังคับ ให้ตัวเองมีความสุขด้วยเช่นกัน ความสุขที่เกิดจากการ บังคับ นั้นหนักหน่วงมาก มันเป็นภาระที่คุณต้องแบกไว้เพื่อให้ตัวเองยิ้มได้ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากยิ้ม อย่าทำให้ความสุขเป็นเหมือนงานบ้านที่คุณต้องทำทั้งที่ไม่อยากทำ ! คุณสามารถวางตัวหรือแสดงท่าทางจริงจังในวงสังคมหรือหน้าที่การงานได้ตามปกติ ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำให้คนอื่นไม่มีความสุขไปด้วย เก็บรอยยิ้มของคุณไว้ตอนที่คุณมีความสุขอย่างแท้จริงดีกว่า เพราะรอยยิ้มนั้นจะสวยกว่ากันมาก
  7. เวลาเยียวยาทุกสิ่ง มันอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ หรือเป็นปี ๆ เพื่อรักษาบาดแผลทางอารมณ์ ซึ่งนั่นก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะสักวันคุณจะเริ่มให้เกียรติคนที่คุณสูญเสียด้วยการตั้งเป้าหมายใหม่กับตัวเองว่า คุณจะเติมเต็มชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
    • อย่ากังวลไปเลย คุณไม่มีวันลืมคนที่คุณรักได้หรอก และคุณก็จะไม่มีวันหลงลืมความแข็งแกร่งภายในที่ขับเคลื่อนให้คุณตามหาเป้าหมายหรือความสำเร็จที่หล่นหายไปด้วย สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนจากนี้ก็คือวิธีการที่คุณเข้าหาชีวิต คุณอาจจะมีสมาธิแข็งแกร่งขึ้น มีแนวคิดเรื่องคุณค่าที่เปลี่ยนไป หรือมีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตด้านใดด้านหนึ่งที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง แต่กระบวนการนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ให้เวลาตัวเองได้เยียวยาบาดแผลบ้าง
    • แม้ว่าคุณควรจะให้เวลาตัวเองได้เยียวยาบาดแผลสักพัก แต่ในขณะเดียวกันสิ่งสำคัญก็คือ ชีวิตของคุณมีค่าและคุณมีหน้าที่ที่จะต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดตราบใดที่คุณยังอยู่ที่นี่ เป้าหมายของชีวิตคือการมีความสุขไม่ใช่ความทุกข์ อย่าเร่งตัวเองให้หายเศร้า แต่ก็อย่าพึงพอใจกับบาดแผลทางจิตใจที่ยังไม่หายดีเช่นกัน ทำให้การเดินทางเพื่อเยียวยาแผลใจเป็นหนึ่งในความสำเร็จทีละขั้น คุณติดค้างความสุขแก่ตัวเอง ก้าวเดินต่อไป ไม่ว่ามันจะยาวนานแค่ไหนก็ตาม
  8. อย่ารู้สึกแย่ที่ตัวเองรู้สึกดี ! การฟื้นตัวจากการสูญเสียไม่มีระยะเวลาที่ตายตัว ถ้าคุณกลับมามีความสุขได้เร็วกว่าปกติ อย่ารู้สึกผิดที่ตัวเอง "เศร้าน้อยเกินไป" ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองหายดีแล้ว คุณก็ อาจจะหายแล้ว จริง ๆ อย่ากำหนดระยะเวลาที่ต้องเศร้า แต่ก็อย่าเลื่อนเวลาที่คุณจะได้มีความสุขด้วย อย่าบังคับให้ตัวเองต้องเศร้ามากกว่าที่รู้สึกจริง ๆ
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • ถ้ามีใครบอกให้คุณ "ยอมรับความจริงสักที" อย่าไปเถียงเขา คุณจะยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมเพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกว่า ตัวเองมีความอดทนทางอารมณ์น้อยกว่าคนอื่น ๆ หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ คุณจะเริ่มเชื่อว่าจริง ๆ แล้วปัญหาอยู่ที่วิธีการรับมือกับความโศกเศร้าของคุณทั้ง ๆ ที่มันไม่จริงเลย มันเป็นเพียงความรู้สึกของคุณ อย่าไปฟังพวกเขา เพราะพวกเขาไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนที่คุณรัก คุณจะเยียวยาตัวเองในแบบของคุณและในระยะเวลาของคุณเอง
  • อย่าเสียดายอะไร อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกแย่เพียงเพราะคุณไม่มีโอกาสที่จะได้บอกเขาว่าคุณเสียใจ หรือ "ฉันรักคุณ" หรือ "ลาก่อน" เพราะถึงตอนนี้คุณก็ยังพูดได้
  • จำไว้ว่าแต่ละคนรู้สึกไม่เหมือนกัน อย่ากังวลถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาเยียวยามากกว่าคนอื่นที่เผชิญกับการสูญเสียแบบเดียวกัน เพราะนี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างคุณกับคนรัก บางคนอาจจะไม่ร้องไห้เลย แต่บางคนก็อาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหยุดร้องไห้ได้
  • คุณมีสิทธิ์ที่จะคิดเรื่องอื่น ไม่มีอะไรกำหนดว่าคุณ "ต้อง" คิดถึงแต่การสูญเสียอย่างเดียวเพื่อพิสูจน์ว่าคุณเศร้าจริง ๆ หรือทำให้คนอื่นเห็นว่าการสูญเสียมีความหมายกับคุณมากแค่ไหน คนอื่นแล้วรู้อยู่แล้วว่าหัวใจคุณแตกสลาย คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์หรืออธิบายอะไรอีก
  • เพลงช่วยสร้างความสดใสให้แก่คุณขณะที่คุณกำลังเจ็บปวดจากการสูญเสียได้เป็นอย่างดี พยายามเปลี่ยนจากฟังเพลงเศร้ามาเป็นเพลงที่มีจังหวะเร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าการฟังเพลงเศร้านาน ๆ ยิ่งทำให้คุณเศร้ามากเข้าไปอีก
  • ความอดทนคือหัวใจสำคัญ อย่ากดดันตัวเอง เพราะเท่านี้คุณก็กดดันมากพอแล้ว
  • ชีวิตเป็นสิ่งสวยงาม ยังมีเรื่องราวที่จะสร้างความประหลาดใจให้คุณอีกมากมายรออยู่ เพราะฉะนั้นก้าวเดินต่อไป ยิ้ม ไปสถานที่ใหม่ ๆ และพบปะผู้คนใหม่ ๆ
  • ความโศกเศร้าดำเนินไปเป็นวงจรในแบบของมันและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ไม่ใช่ทุกคนที่จะเยียวยาบาดแผลได้ทันที และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเจ็บช้ำปางตายเช่นกัน
  • รักตัวเอง ถ้าคุณหกล้ม (และคุณจะต้องได้ล้มบ้างแน่ ๆ) หัวเราะให้กับตัวเอง บอกตัวเองว่าทำไมถึงซุ่มซ่ามแบบนี้ และเดินหน้าต่อไป
  • อย่าโทษตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอธิบายอะไรและไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
  • อย่าปล่อยให้ความรู้สึก "ถ้าเพียงแต่" มากัดกินหัวใจของคุณ เช่น "ถ้าเพียงแต่ฉันดีกับเขากว่านี้" "ถ้าเพียงแต่ฉันไปหาเขาบ่อยกว่านี้"
  • ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลย ระบายความรู้สึกออกมา การเก็บอารมณ์ไว้ในใจไม่ใช่เรื่องดี
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังอย่าหนีไปพึ่งพายาเสพติดหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งสร้างปัญหาให้คุณมากขึ้นกว่าเดิมและคุณอาจจะเสพติดมัน
  • อย่าฆ่าตัวตาย โลกมีคุณค่าพอที่คุณจะอยู่ต่อ
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ของที่ระลึกเกี่ยวกับเขา (เช่น ภาพถ่าย, ไดอารี่, ภาพยนตร์)
  • สมุดบันทึกหรือไดอารี่เพื่อติดตามความรู้สึกตัวเอง เขียนกลอน เป็นต้น
  • สิ่งที่ย้ำเตือนให้คุณรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย และออกไปข้างนอกเพื่อให้ตัวเองมีความสุขกับโลกใบนี้


บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

วิธีการปลอบใจสำหรับคนที่เผชิญความสูญเสีย
โน้มน้าวให้พ่อแม่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้
ทำโทษด้วยการตีก้น
ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น
รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์
ทำให้แฟนหนุ่มที่คบกันมานานขอคุณแต่งงาน
เป็นภรรยาที่ดี
วิธีการทำให้แฟนหนุ่มรู้สึกผิดที่นอกใจ
รับมือกับพ่อแม่จอมปั่นหัว
ทำให้ภรรยาของคุณตกหลุมรักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าสามีกำลังนอกใจคุณอยู่หรือเปล่า
ทำให้สามีมีความสุข
ดำเนินชีวิตแบบเปลือยกายในครอบครัว
เลิกรากับสามีที่นอกใจทั้งที่ยังรัก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 31,383 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา