ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หลายคนอาจจะต้องรู้จักกับคนที่เหมือนจะเป็นพวกที่ชอบทำให้สถานการณ์แย่ลงหรือเป็นพวกเหลือเชื่อ พูดให้ชัดเจนอีกก็คือคนพวกนี้เป็นพวกที่ทำตัวยากๆ และเอาแต่เรียกร้องจนทำให้คุณไปไม่ถึงไหนสักที ถึงอย่างนั้น –ความจริงก็คือพวกนั้นไม่ได้มองเห็นปัญหาสักนิดเดียว แต่ไม่ว่าประเด็นเหล่านี้จะเกิดขึ้นจากความผิดปกติทางบุคลิกภาพหรือประเด็นสำคัญอื่นๆ คุณก็สามารถเรียนรู้วิธีที่จะจัดการการปฏิสัมพันธ์กับคนเหลือเชื่อเหล่านี้แล้วรักษาสติสตังของคุณเอาไว้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

รับมือกับความขัดแย้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สงบเข้าไว้ จงรู้เอาไว้เสมอว่าคุณไม่มีวันเอาชนะการถกเถียงกับคนเหลื่อเชื่อได้ มันมีเหตุผลที่เขาถูกเรียกว่า “เหลือเชื่อ” – ในความคิดของคนเหลือเชื่อ คุณต่างหากที่เป็นปัญหา และไม่มีอะไรที่คุณพูดจะทำให้เขาย้ายมาอยู่ข้างคุณได้ เขาคิดว่าความเห็นของคุณใช้ไม่ได้เพราะว่าคุณเป็นคนที่ต้องรับผิด
    • ทบทวนในสิ่งที่คุณจะพูดก่อนจะพูดออกไปและทบทวนว่าเป้าหมายในการสนทนาครั้งนี้ของคุณคืออะไร อย่าตอบสนองอย่างผลักไสเพราะคนนั้นทำให้คุณไม่พอใจ คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองจากคนๆ นี้
    • ใช้คำว่า “ฉัน” แทนที่จะใช้คำว่า “คุณ” ยกตัวอย่างเช่น อย่าพูดว่า “คุณผิดแล้ว” ให้ลองใช้ว่า “ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่คุณชี้แจงมามันจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเสียทีเดียว”
  2. เอาตัวออกห่าง เลิกข้องเกี่ยว และลดชนวนการถกเถียง. สงบให้ได้ในยามที่คุณกำลังโมโหสุดขีดคือกฏสูงสุดของการรักษาตัวของคุณ พ่นคำร้ายๆ ออกมา หรือตอบสนองด้วยอารมณ์สุดขีดเช่นการร้องไห้ จะกระตุ้นให้คนเหลือเชื่อทำสิ่งที่ยากต่อการรับมือมากขึ้นไปอีก อย่าเก็บปฏิกิริยาตอบสนองของคนเหลือเชื่อเอามาเป็นเรื่องส่วนตัว และอย่าให้ตัวเองถูกคุกคามทางอารมณ์ในการตอบสนองกลับไป
    • ไม่เอาอารมณ์เข้าไปข้องเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น และตอบสนองด้วยการไม่ใส่ใจ เป้าหมายคืออย่าให้ตัวเองเอาอารมณ์ไปเกี่ยวข้องกับการสนทนา สร้างระยะห่างกับคนๆ นั้นและอย่าให้คำพูดของเขาทำให้คุณรู้สึกแย่
    • เปลี่ยนทิศทางสถานการณ์หรือบทสนทนาให้ไปที่เรื่องที่เป็นบวกโดยการสนใจในสิ่งอื่นมากกว่าข้อถกเถียงที่กำลังพูดอยู่ [1] พูดถึงอากาศ การตกปลา ครอบครัวของคนเหลือรับคนนั้น – จริงๆ อะไรก็ได้ที่จะหันเหความสนใจจากข้อถกเกียงและจะทำให้ไม่เกิดปัญหาอื่นใดต่อไปอีก
    • พิจารณาความจริงข้อที่ว่าสิ่งใดๆ ที่คุณพูดตอนที่กำลังโมโหจะย้อนกลับมามีผลกับคุณได้ นอกเสียจากว่าคุณไม่ใส่ใจหากจะได้ยินความเห็นเรื่องสิ่งที่พูดตอนโมโหในอีกหลายปีต่อจากนี้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ปล่อยไปเลย คนเหลือเชื่อเหล่านี้ต้องการให้คุณพูดอะไรสักอย่างที่เป็นข้อพิสูจน์ว่าคุณไม่ดีจริง [2]
    • อย่าตัดสินว่าคนๆ นี้ผิดหรือถูกแม้ว่าเขาหรือเธอจะดูเหมือนไร้เหตุผล การตัดสินอาจจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่เข้าไปอีก
  3. ถ้าเป็นไปได้ อย่าแสดงความไม่เห็นด้วยกับคนเหลือเชื่อพวกนี้ หาทางทำตัวให้เห็นด้วยหรือไม่ก็ไม่ต้องสนใจพวกเขา การถกเถียงกันจะยิ่งทำให้คุณเอาอารมณ์ตัวเองไปลงทุนกับสถานการณ์และจุดชนวนการทะเลาะหรือการทะเลาะกลับ นี่จะทำให้ยากขึ้นสำหรับคุณที่จะคิดอย่างทะลุปรุโปร่งและตอบสนองอย่างสมควร [3]
    • คนเหลือเชื่อเหล่านี้มองหาการทะเลาะเบาะแว้ง ดังนั้นเมื่อคุณเห็นด้วยกับพวกเขาหรือข้อเท็จจริงบางอย่างในคำชี้แจงของเขา คุณก็จะไม่ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการอีกต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณถูกด่าว่า “ไอ้งั่ง” ปล่อยไปแล้สนึกถึงตอนที่คุณทำตัวไม่ค่อยดีนัก นี่อาจจะเป็นการเหมารวมที่ถูกต้องในแง่หนึ่ง [4]
  4. ตระหนักว่าคุณอาจจะไม่สามารถสนทนาอย่างมีเหตุผลได้. การพูดคุยกันอย่างคนเจริญแล้วกับคนเหลือเชื่อพวกนี้ค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้ – อย่างน้อยก็กับคุณ ลองนึกถึงทุกครั้งในอดีตที่คุณพยายามจะถกเรื่องความสัมพันธ์อย่างคนพัฒนาแล้วกับคนๆ นั้น แล้วคุณก็ถูกกล่าวโทษในทุกเรื่องแทน [5]
    • ใช้ความเงียบหรือพยายามทำให้คนๆ นั้นขำขึ้นมาแทน จงรู้เอาไว้ว่าเราไม่สามารถ “แก้ไข” คนเหลือเชื่อได้ คนพวกนี้ไม่ฟังเหตุผลหรอก
    • หลีกเลี่ยงการถูกต้อนเข้าไปในข้อถกเถียง อย่ารับมือกับคนๆ นั้นแบบตัวต่อตัว จงหาบุคคลที่สามเข้ามาร่วมวงด้วยเสมอ ถ้าหากคนผู้นั้นปฏิเสธ ก็ให้เรียกร้องเลย
  5. คนเหลือเชื่อพวกนี้ต้องการความสนใจ เมื่อพวกเขารู้ว่าคุณจะไม่ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว เขาจะหันไปหาคนอื่นที่จะมีตอบสนองพวกเขา อยู่ห่างจากเรื่องของพวกเขา และหลีกเลี่ยงจะเข้าไปเกี่ยวข้อง พูดคุย หรือพูดถึงพวกเขา
    • คนเหลือเชื่อจะระเบิดอารมณ์ราวกับภาวะโยเยของทารก ไม่ต้องสนใจพวกเขานอกเสียจากว่าการระเบิดอารมณ์นั้นจะกลายเป็นเรื่องรุนแรง อันตราย หรือเป็นการข่มขู่ขึ้นมา พยายามหลีกเลี่ยงการทำให้พวกเหลือเชื่อโกรธหรือทำให้พวกเขามีเหตุผลที่จะอารมณ์เสีย
  6. ถามคำถามกับคนเหลือเชื่อสักคนหรือคนเหลือเชื่อที่อยู่เป็นกลุ่มซึ่งคุณกำลังรับมืออยู่ด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนั้นๆ อย่างเช่น “ปัญหาคืออะไรหรือ?” หรือว่า “ทำไมคุณจึงรู้สึกเช่นนั้นล่ะ?” จะช่วยได้ มันจะทำให้คุณเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนทนาและหาต้นตอของการไม่เห็นด้วยนั้นได้ พูดซ้ำประโยคเดียวกับคนเหลือเชื่อเหล่านั้นเพื่อจุดประเด็นให้เห็นถึงความไม่เป็นเหตุเป็นผลจะส่งเสริมทำให้บุคคลนั้นๆ ไปที่จุดสรุปได้ดีกว่า
    • รู้เอาไว้ว่าคนเหลือเชื่อพวกนี้อาจจะตอบสนองต่อคำถามนี้ด้วยความพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นด้วยการด่าทอ กล่าวโทษ หรือพยายามเปลี่ยนเรื่องหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่น
  7. ถ้าคนที่คุณคุยอยู่ด้วยทำให้คุณหมดความอดทนแล้ว คุณควรจะถอยออกมาจากสถานการณ์นั้นทันที เขาอาจจะต้องการให้คุณอารมณ์ขึ้น ดังนั้นแสดงให้เขาเห็นว่าเขาไม่มีผลอะไรกับคน เดินหนีหรือหันไปทำอย่างอื่นจะช่วยให้คุณอารมณ์เย็นขึ้นซึ่งเป็นความคิดที่ดี
    • นับหนึ่งถึงสิบเงียบๆ ถ้าคุณต้องการ
    • ถ้าคนๆ นั้นยังทำตัวเหลือเชื่ออยู่ คุณก็ควรเลิกสนใจเขาไปเลย คนๆ นั้นก็จะรามือไปในที่สุดเมื่อเขาเห็นว่าเขาไม่สามารถทำให้คุณโกรธได้
  8. แสดงความเห็นด้วยความมั่นใจและมองตาเมื่อสนทนากับเขา คุณไม่อยากดูเป็นคนอ่อนแอต่อหน้าคนพวกนี้หรอก ถ้าหากคุณมองไปที่พื้นหรือมองเลยไหล่เขาไป เขาอาจตีความว่าคุณอ่อนแอได้ คุณต้องทำตัวมีเหตุผลแต่ว่าไม่ดูขี้ขลาด
  9. บางทีคุณก็ไม่สามารถที่หนีสถานการณ์นั้นได้ ดังนั้นจงทำเหมือนว่ามันเป็นเกม เรียนรู้กลยุทธ์ของคนเหลือเชื่อคนนั้น แล้วพัฒนากลยุทธ์ที่สวนทางกันไว้ล่วงหน้า สุดท้ายแล้วคุณจะเห็นว่าอะไรใช้ได้ อะไรใช้ไม่ได้ และคุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณรู้ว่าคุณนำเขาอยู่สามก้าว เอาชนะเขาด้วยสติปัญญาในทุกครั้ง และจำไว้ว่าเป้าหมายสูงสุดของคุณก็คือช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากคนเหล่านี้ทางอารมณ์ ไม่ใช่กลายเป็นคนเหนือกว่าคนเหล่านี้ไป
    • ถ้าคนเหลือเชื่อเข้ามาหาคุณแล้วกระซิบบางเรื่องที่ไม่ดีระหว่างที่อยู่ร่วมกับคนเยอะๆ เพราะคิดว่าคุณจะไม่ตอบโต้ให้เกิดเหตุขึ้นมา ให้พูดออกไปเสียงดังๆ ว่า “คุณอยากคุยเรื่องนี้ตรงนี้เลยจริงๆ หรือ?” นี่อาจจะทำให้เขาตกใจและไม่กล้าจะแสดงอะไรทางลบต่อกลุ่มคนทั้งหมด
    • ให้พิจารณาผลลัพธ์ที่จะเป็นไปได้ของการกระทำของคุณถ้าแผนที่คุณวางไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์เพื่อที่คุณจะได้เตรียมรับมือเอาไว้
    • ถ้าคนเหลือเชื่อยังพยายามที่จะหาทางเข้ามาหาคุณก็อย่าได้รู้สึกแย่ไป แค่จดจำเอาไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วประดิษฐ์กลยุทธ์ขึ้นใหม่สำหรับครั้งต่อไป
    • คนเหลือเชื่อจะไม่ได้เหลือเชื่อขนาดนั้นถ้าคุณสามารถคาดการณ์ได้ว่าคนๆ นั้นจะพูดหรือทำอะไรต่อไป
  10. รู้ตัวอยู่เสมอเกี่ยวกับท่าทางของตัวเอง วิธีที่คุณเคลื่อนไหวหรือการแสดงออกทางใบหน้ายามที่อยู่ในหมู่คนพวกนี้ เราเปิดเผยอารมณ์ของเรามากมายโดยไม่ใช้คำพูด คุณคงไม่อยากเปิดเผยความรู้สึกของคุณโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกัน สิ่งนี้จะทำให้คุณรักษาความสงบ และมีผลพวงด้านความสงบระหว่างที่กำลังรับมือกับคนเหลือเชื่อ
    • พูดนิ่มๆ และเคลื่อนไหวอย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • หลีกเหลี่ยงภาษากายที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า เช่นการจ้องตาเป็นเวลานาน ท่าทีก้าวร้าว ชี้นิ้วหรือยืนขวางคนๆ นั้นต่อหน้า พยายามแสดงออกทางใบหน้าอย่างเป็นกลาง อย่าส่ายหน้า และพยายามอย่าอยู่ในพื้นที่ของคนๆ นั้น [6]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ยอมรับสถานการณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พิจารณาว่ามันอาจจะเป็นเรื่องของความเข้ากันได้ของคำถาม. ต่อให้คนๆ หนึ่งเหมือนจะไปได้ดีกับคนอื่นๆ เขาก็อาจจะเป็นคนเหลือเชื่อสำหรับคุณก็ได้ คนบางคนอาจจะปะทะหรือไม่สามารถไปด้วยกันได้ดีก็ได้ จริงๆ แล้วอาจจะไม่มีอะไรผิดปรกติเลยทั้งคุณและเขา คุณแค่นำพาสิ่งแย่ๆ ของกันและกันออกมาเท่านั้น
    • เมื่อคนเหลือเชื่อมีถ้อยแถลงออกมาว่า “ทุกคนชอบฉันนะ” คือเขากำลังพยายามโทษคุณนั่นเอง วิธีการที่เขาปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะปัญหาคือวิธีที่คุณสองคนมีปฏิสัมพันธ์กัน จงจำไว้ว่าการกล่าวโทษไม่อาจเปลี่ยนข้อเท็จจริงได้
  2. คุณมีแนวโน้มที่จะติดพฤติกรรมของคนที่อยู่รอบๆ ตัวมาได้ ด้วยเหตุผลนี้ คุณอาจจะพบว่าตัวเองเอาลักษณะท่าทางที่คุณไม่ชอบมาโดยสุดวิสัย คุณอาจจะได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมโน้มน้ามหรือพฤติกรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลยามที่ตอบสนองต่อคนเหลือเชื่อคนใดคนหนึ่ง รู้ทันตัวเองเมื่อคุณพยายามทำสิ่งนี้และพยายามอย่างรอบคอบที่จะไม่เลียนแบบพฤติกรรมที่น่าขุ่นเคืองเหล่านี้
  3. คนเหลือเชื่อเหล่านี้จะมอบประสบการณ์ชีวิตที่หาค่าไม่ได้ให้แก่คุณ หลังจากต้องรับมือกับคนเหล่านี้ คุณจะสามารถเข้ากับคนส่วนใหญ่ได้ดีขึ้น พยายามรักษาทัศนคติและสำนึกว่าอะไรที่เหมือนจะเป็นเรื่องบ้าบอสำหรับคุณอาจจะเป็นวิธีเดียวของคนๆ นั้นที่จะใช้รับมือกับอะไรสักอย่าง พยายามมองปฏิสัมพันธ์พวกนี้ว่าเป็นวิธีสร้างความเข็มแข็งอย่างเช่น ความยืดหยุ่น สง่าราศี และความอดทน
    • อย่าให้อายุของคนๆ นั้นทำคุณสับสน ความเฉลียวฉลาดหรือจุดใดจุดหนึ่งของชีวิตต่างหากคือสิ่งที่บ่งบอกระดับความเป็นมืออาชีพ
  4. ถ้าคุณประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวคนเหลือเชื่อว่าเขาทำผิดพลาดบางอย่าง เขาอาจจะเกิดภาวะล่มสลายทางอารมณ์ แทนที่จะเชื่อว่าเขาเป็นฝ่ายถูกต้องตลอดเวลา เขาจะตัดสินใจว่าหากเขาไม่สามารถทำถูกได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขาอาจจะทำผิดตลอดมา กลไกการรับมือเหล่านี้มีไว้เพื่อดึงเอาความเห็นอกเห็นใจออกมาจากคนอื่น
    • คนเหลือเชื่อบางคนจะใช้พฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เพื่อที่จะทำให้ตกใจหรือสับสน เป็นไปได้ที่เขาไม่แม้แต่จะคาดการณ์เอาไว้เหมือนกัน จงต้านทานสิ่งที่จะทำให้พฤติกรรมที่ทำนายไม่ได้เหล่านี้ทำให้คุณกลัว [7]
    • อย่าให้คนพวกนี้ทำให้คุณสับสนด้วยการแสดงเหมือนว่าพวกเขากำลังถูกคุณกลั่นแกล้ง ถ้าพวกเขารู้สึกแย่อย่างแท้จริงต่อสิ่งที่พวกเขาทำ จงตอบสนองในทางบวกแต่อย่าให้การส่งเสริมให้เขาโน้มน้าวคุณมาในทางนี้
  5. คนหลายคนมีลักษณะที่ชดเชยกันได้ดังนั้นจงพยายามคิดถึงบางอย่าง อาจจะมีบางอย่างที่คนเหล่านี้ทำได้ดี หรือบางทีอาจจะมีช่วงเวลาที่คุณสามารถเชื่อมต่อกับเขาได้ ถ้าคุณนึกถึงอะไรในแง่ดีไม่ออกก็ให้บอกกับตัวเองว่า “ชีวิตทุกชีวิตล้วนมีค่า” หรือ “พระเจ้า/จักรวาลรักเขา” เพื่อที่จะควบคุมตัวคุณเองได้ แม้ว่าคุณจะไม่รักหรือเห็นค่าในตัวเขาก็ตาม
  6. ถ้าคุณรู้จักใครที่จะเข้าใจถึงสถานการณ์ (อาจจะเป็นเพื่อนที่ดี, ญาติ, ที่ปรึกษา ฯลฯ) ให้พูดคุยกับเขาในเรื่องนี้ เขาอาจจะเข้าใจคุณ และมันจะช่วยให้คุณดีขึ้นอย่างแน่นอน จะดีที่สุดถ้าผู้ฟังคนนี้ไม่รู้จักกับคนเหลือเชื่อคนนั้นเป็นการส่วนตัวและไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคุณ (ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมงาน)
    • ระบายผ่านบันทึกหรือช่องทางออนไลน์ก็ได้ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ป้องกันตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ในทางบวกของตัวคุณในบางหน้าของคนที่แสดงออกเป็นคนอย่างคนไม่ดีกำลังใช้ความพยายาม แทนที่จะฟังคนเหลือเชื่อพูด ให้จดจ่อไปที่คนที่ทำให้คุณมีเหตุมีผลและทำให้คุณรู้สึกดี จงรู้ว่าคนเหลือเชื่ออย่าจะทำให้คุณเจ็บปวดเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
    • ทำความเข้าใจว่าคนเหลือเชื่อคือปัญหา—ไม่ใช่คุณ อาจจะยากหน่อยเพราะคนเหลือเชื่อจะเก่งในเรื่องโยนความผิดและทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกของคุณ แต่ถ้าคุณยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องและพยายามพัฒนาตัวเอง ก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่ว่าคุณไม่ใช่คนเหลือเชื่อนั่นเอง
    • เมื่อ เธอ/เขา พยายามประดิษฐ์คำพูดอะไรมาทำให้คุณเจ็บปวด จงรู้ว่าทั้งหมดที่ เธอ/เขา ต้องการคือให้คนอื่นพูดว่าเธอ/เขาเป็นคนเจ๋งสุดยอด จงจำไว้ว่าคุณไม่ได้ต้องการการยืนยันเช่นนั้น
    • หากการต่อว่าไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริงให้ละเลยมันไป คุณไม่ได้เป็นคนแย่ๆ ขนาดที่พวกคนเหลือเชื่ออย่างให้คุณเป็นและคุณมีคนอื่นอีกมากมายที่จะเชื่อคุณ
  2. คนเหลือเชื่อจะหาทางใช้ข้อมูลส่วนตัวที่แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาหาเรื่องคุณ พวกเขาสามารถปั้นน้ำเป็นตัวแล้ววาดภาพให้คุณกลายเป็นคนไม่ดีเพียงแค่จากกความเห็นที่คุณแสดงเอาไว้ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการโน้มน้าวจิตใจ คนเหลือเชื่อจะเก่งที่สุดในเรื่องที่จะทำให้คุณเปิดใจคุยเรื่องต่างๆ กับพวกเขา [8]
    • อย่าเล่าเรื่องส่วนตัวของคุณให้พวกคนเหลือเชื่อฟัง แม้ว่าพวกเขาจะทำเหมือนตัวเองเป็นปกติหรือเป็นเพื่อนของคุณในตอนนั้น สิ่งที่คุณพูดหรือแบ่งปันด้วยความมั่นใจในตอนนั้นอาจจะกลับมาหลอกหลอนคุณโดยไม่ได้คาดหมายทั้งทางด้านชีวิตส่วนตัวและในชีวิตที่ทำงาน
  3. จงเป็นคน “ไม่เหลือเชื่อ” – ทำให้ตัวเองและชีวิตของคุณเป็นตัวอย่างของความอดกลั้น ความอดทน ความมีเมตตา และความเอื้อเฟี้อ พยายามเป็นคนมีเหตุมีผล จงพิจารณาเรื่องใดๆ ให้รอบด้านก่อนที่จะด่วนสรุป
    • เช่นเดียวกับพฤติกรรมแย่ๆ ที่ส่งผลกระทบในด้านลบให้กับเรา การเป็นคนอดทน อดกลั้น และจิตใจเอื้อเฟี้อก็มีส่วนที่จะทำให้เราเป็นคนที่ดีกว่าได้เช่นกัน
    • จำเอาไว้ว่าคุณไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างถูกต้องเสมอไป แต่จงทำให้ดีที่สุด จงเป็นคนมีความเคารพนบนอบ และหากคุณไม่ได้รับความเคารพกลับมาก็จงเข้าใจว่าคนเหลือเชื่อนั้นต่างหากคือปัญหาไม่ใช่คุณ คุณเองต้องมีวันร้ายๆ บ้าง วันดีๆ บ้างเหมือนกับทุกอย่างในชีวิตของคุณนั่นล่ะ
  4. แม้ว่าคุณจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนเหลือเชื่อในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็อย่าไปนึกถึงเขาในเวลา “พัก” ของคุณ จำเอาไว้ว่าการมานั่งเครียดเรื่องของคนๆ นั้นตลดเวลาก็คือการเสียเวลาอันมีค่าของคุณให้พวกเขาซึ่งไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวคุณเลย ทำกิจกรรมอื่นๆ หรือหาเพื่อนใหม่ นั่นเป็นหนทางที่คุณจะไม่เสียเวลาไปกับการนั่งนึกถึงสิ่งที่คนๆ นี้ได้พูดและทำเอาไว้ตลอดเวลา
  5. รู้ตัวไว้ว่าคุณอาจจะกำลังรับมืออยู่กลับผู้รังแก. คนที่ทำร้ายคนอื่นทางอารมจะทำให้คุณย่ำแย่ด้วยถ้อยคำและการกระทำของพวกเขา พวกใช้ชั้นเชิงเช่น การทำให้ขายหน้า การคัดค้าน การวิพากษ์วิจารณ์ การอยู่เหนือกว่า การกล่าวโทษ การเรียกร้อง เอาอารมณ์ออกห่างเพื่อให้คุณต้องพึ่งพิงพวกเขา อย่าให้อะไรที่พวกทำร้ายคนอื่นทางอารมณ์พูดมากำหนดความเป็นคุณ นึกเอาไว้ว่าส่งที่พวกเขาพูดหรือทำอยู่เป็นผลจากปัญหาที่แก้ไม่ตกในวัยเด็กหรือในอดีตของพวกเขาที่แสดงออกมาให้คุณเห็น [9]
    • สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ก็คือใจดีและเป็นมิตรแม้ว่าคนเหลือเชื่อจะทำตัวงี่เง่าเพื่อที่จะได้รับความสนใจทางลบ
    • ถ้าคนๆ นั้นโดดเดี่ยวแต่ไม่รู้ว่าจะหาความสนใจได้อย่างไร เขาก็จะรู้สึกเห็นค่าสิ่งที่คุณกำลังทำและเปลี่ยนแปลงตัวเอง
    • ถ้าคนๆ นั้นเป็นพวกงี่เง่าโดยธรรมชาติที่ชอบทำให้คนอื่นโกรธ สิ่งที่คุณทำก็อาจจะทำให้เขาโกรธเพราะเขาไม่สามารถหาทางที่ทำให้คุณโกรธได้ ในที่สุดแล้วคนๆ นั้นก็จะปล่อยคุณไปเอง
  6. ระบุกฎเกี่ยวกับสิ่งใดควรและสิ่งใดไม่ควรในความสัมพันธ์ จงตั้งมั่นว่าคุณทั้งคู่จะไม่หยิบเรื่องใดๆ เหตุการณ์ใดๆ บุคคลใดๆ หรือการกระทำใดๆ ขึ้นมา มันอาจจะเป็นประโยชน์ที่จะจับเข่าคุยกับคนเหลือเชื่อและบอกเขาให้รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรและจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีการล้ำเส้น เปิดโอกาสให้เขาเลือกว่าเขาจะยอมทำตามกฎนี้หรือไม่
    • เตรียมความคิดบางอย่างเอาไว้และสิ่งที่คุณต้องการหรือเห็นว่าจำเป็นเอาไว้ในหัว จับเข่าคุยกับคนๆ นั้น ถ้าเขาขัดขึ้นมาให้หยุดเขาแล้วพูดต่อไปจนกว่าจะหมดเรื่องของคุณ จงเป็นคนซื่อสัตย์ ยื่นคำขาดถ้าจำเป็น แต่ต้องจดจ่ออยู่กับผลประโยชน์ในการเลือกเก็บพฤติกรรมที่ดีหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่ดี
    • ถ้าคุณตัดสินใจจะมีความสัมพันธ์แส่วนตัวกับคนเหลือเชื่อ ให้อยู่กับตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ [10] หางานอดิเรกทำ เข้ารับการปรึกษาเชิงกลุ่ม หรือหันไปสนใจศาสนาของตัวเองแทน
    • ทำให้แน่ใจว่าคุณจะทำตามผลลัพธ์ที่ว่าหากมีการล้ำเส้น อย่าปล่อยอะไรเลยตามเลย ถ้าคุณบอกว่าคุณจะออกไปจากบ้าน ก็ให้ออกไปเลย
  7. ในที่สุดแล้วคุณจะต้องการแยกตัวออกมาจากคนเหลือเชื่อ แม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกในครอบครัว คุณจำเป็นจะต้องเดินออกมาในจุดใดจุดหนึ่ง ความสัมพันธ์ระยะยาวกับคนเหลือเชื่อไม่เป็นผลดีเลย ตัดคนเหล่านั้นออกจากชีวิตไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ [11]
    • อยู่ให้ห่างหลังจากที่แยกตัวออกมาจากคนเหลือเชื่อคนนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะรักคนนั้นขนาดไหนหรือไม่ว่าเขาจะพยายามโน้มน้าวคุณว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว อย่ากลับไป
    • ถ้าคุณไม่อาจแยกจากเขาหรือทำให้เขาจากไปได้ทันที ก็ให้แยกกันในทางอารมณ์ไปก่อนค่อยแยกกันในทางปฏิบัติ
    • การแยกย้ายกับคนเหลือเชื่ออาจจะเจ็บปวดมากในตอนเริ่มต้นแต่จะให้อิสระคุณในการเลิกจากนิสัยเก่าๆ
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

Dealing With Personality Types

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามไขให้ออกว่าอะไรในตัวของคนๆ นั้นทำให้คุณรำคาญใจ. เราทุกคนมีแง่มุมต่างๆ ในบุคลิกลักษณะที่คนอื่นจะอธิบายได้โดยใช้คำนิดหน่อย คนบางคนอาจเป็นพวกชอบเกาะติด, พวกชอบควบคุม, พวกเล่นบทเป็นเหยื่อ, พวกก้าวร้าวเก็บกด, พวกดราม่าเกินเหตุ, หรือพวกชอบเอาชนะอย่างที่สุด ถ้าคุณระบุได้ว่าอะไรในตัวของคนเหลือเชื่อเหล่านั้นที่มาปะทะขอบอะไรในตัวคุณเข้า คุณจะสามารถปักหมุดวิธีที่จะรับมือกับเขาได้ [12]
    • คนชอบเกาะติดเป็นพวกไม่มั่นคงและจะต้องการความรักความปรารถนามากเพราะพวกเขารู้สึกอ่อนแอและจะมองคนที่แข็งแรงกว่าเป็นต้นแบบ [13]
    • คนชอบควบคุมมักจะเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบอย่างรุนแรงซึ่งจำเป็นจะต้องถูกเสมอและจะกล่าวโทษคนอื่นเรื่องพฤติกรรมของพวกเขา [14]
    • คนประเภทชอบเอาชนะจะต้อการชนะและใช้ความสัมพันธ์ การสนทนา และกิจกรรม มาเป็นการแข่งขัยเพื่อจะพิสูจน์ว่าพวกเขาดีกว่าในบางสิ่งบางอย่าง [15]
    • คนก้าวร้าวเก็บกดมักจะแสดงความมุ่งร้ายของพวกเขาออกมาโดยตรงโดยการทำให้ผู้คนสุดจะทนอย่างเฉียบแหลม ตัวอย่างอยู่ในบรรทัดนี้ “ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันสบายดี” เมื่อคุณรู้อยู่ว่าถ้าคุณทำสิ่งที่กำลังทำต่อไป จะต้องมีปัญหาให้รับมือภายหลังแน่ๆ
  2. บางสิ่งบางอย่างใช้การได้ดีกว่ากับคนบางประเภทแต่ไม่ได้กับคนอีกประเภท มันอาจจะต้องใช้การทดลองและความผิดพลาดเพื่อที่จะรู้ได้ว่าอะไรใช้ได้ดีและอะไรใช้ไม่ได้ดีกับคนเหลือเชื่อ และก็เป็นไปได้ว่ามันไม่มีอะไรที่คุณจะทำกับเขาได้ในส่วนใหญ่
    • การหลีกเลี่ยงคนประเภทชอบเกาะติดจะทำให้พวกเขาพยายามเข้าหามากขึ้นอีก แต่อย่างไรก็ตามการปฏิเสธอย่างเปิดเผยก็อาจจะทำให้พวกเขากลายไปเป็นศัตรู ถ้าคุณทำตัวเข้าถึงยาก เขาก็จะเสียความรู้สึก [16]
    • สำหรับคนชอบควบคุม คุณไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าคุณถูกและเขาผิด เขาจะเป็นจะต้องถูกเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และการทำให้ดีกว่าก็จะไม่ช่วยให้คนนิยมความสมบูรณ์แบบขนาดหนักปล่อยคุณไปได้ [17]
    • คนที่ชอบเอาชนะจะใช้อะไรก็ตามที่เขาเห็นว่าเป็นความอ่อนแอของคุณมาเล่นงานคุณ ดังนั้นอย่าแสดงออกทางอารมณ์ระหว่างอยู่กับพวกเขา ถ้าคุณนึกจะสู้กลับขึ้นมาพวกเขาก็จะทิ้งคุณไปหรือไม่ก็ไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ [18]
    • อย่าเห็นด้วยกับพวกขี้บ่นแล้วพยายามทำให้พวกเขาพอใจ พวกเขาจะไปนึกโกรธเรื่องอื่นเอาอีก
    • เหยื่อทั้งหลายอยากจะให้คุณรู้สึกสงสารเขา อย่าแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ และอย่าให้พวกเขาใช้ข้ออ้างด้วย ทำตัวเป็นงานแล้วเสนอทางออกในทางอื่นๆ [19]
  3. คุณอาจจะลองพยายามกับบุคลิกลักษณะทั้งหลายเพื่อจะช่วยให้รับมือกับแง่มุมทางลบต่างๆ ใช้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพื่อช่วยแก้ปัญหาและความสัมพันธ์ระหว่างกัน และดูหมิ่นความอ่อนแอ รับมือกับบุคลิกลักษณะบางชนิดด้วยวิธีอาจจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นบวกได้
  4. รับมือกับพวกชอบเกาะติด คนชอบควบคุม คนชอบเอาชนะ. ทำความเข้าใจว่าทำไมคนประเภทนี้ทำอย่างที่เขาทำอยู่ คนที่เป็นพวกชอบเกาะติดต้องการการแนะนำและความรับผิดชอบเพื่อที่จะทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น สำหรับคนที่ชอบควบคุมจะไม่มั่นใจและหวั่นในความบกพร่องของตัวเอง คนชอบเอาชนะจะสนใจเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นเขาจะทำตัวดีและใจกว้างหลังจากที่ชนะแล้ว
    • แสดงให้คนที่ชอบเกาะติดเห็นว่าจะจัดการกับเรื่องต่างๆ อย่างไรแล้วให้พวกเขาทำเอง อย่าปล่อยให้พวกเขาโน้มน้าวให้คุณรู้สึกว่าพวกเขาไม่ควรจะทำอะไรเพราะคุณทำได้ดีกว่า มองหาสถานการณ์ที่คุณต้องการความช่วยเหลือและขอร้องให้พวกเขาช่วยเหลือคุณ [20]
    • อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกข่มขู่หรือปล่อยให้คนพวกที่ชอบควบคุมจัดการคุณได้ เรียนรู้เมื่อคุณทำงานได้ดีแล้วและอย่าต่อล้อต่อเถียงถ้าพวกเขาบอกอีกอย่างหนึ่ง [21]
    • คุณอาจจะปล่อยให้คนชอบเอาชนะชนะไปเลย ถ้าคุณกำลังถกเถียงกันและเขาไม่ยอมถอย ให้เรียนรู้ตำแหน่งของพวกเขาแล้วขอเวลาสำหรับหาข้อมูลเพิ่มเติม [22]
  5. ทำความเข้าใจว่าคนสำคัญตัวนั้นต้องการรู้สึกว่ามีผู้คนกำลังฟังเขาอยู่ คนที่ชอบบ่นก็มักจะเป็นพวกที่มีความโกรธภายในจากประเด็นที่แก้ไขไม่ได้ และต้องการผู้คนมาฟังเขา คนที่ชอบรับบทผู้ถูกกระทำมักจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขาตลอดเวลาดังนั้นเขาก็มักจะมีข้อแก้ตัวเมื่อพวกเขาไม่สามารถทำอะไรสำเร็จได้แ
    • ถ้าคุณกำลังรับมือกับพวกสำคัญตัว สิ่งที่ต้องทำก็คือรับฟังเขา [23]
    • อดทนกับคนที่ชอบบ่นมากๆ เรียนรู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรและพยายามอยู่ให้ห่างเท่าที่จะทำได้ [24]
    • ไม่ใส่ใจเหตุผลของคนชอบทำตัวเป็นเหยื่อเมื่อมาสายหรือสร้างปัญหา และทำเหมือนกับที่คุณจะทำกับคนอื่นๆ โดยปกติโดยไม่มีข้อแก้ตัว คุณอาจจะให้คำแนะนำและไม่เอาอารมณ์เข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก [25]
  6. รับมือกับพวกที่ชอบแสดงออกเกินจริงและพวกก้าวร้าวเก็บกด. คนที่มีลักษณะชอบแสดงออกเกินจริงมีชีวิตอยู่เพื่อความสนใจและจะไปได้ไกลมากเพื่อที่จะได้รับมัน พวกเขาจะต้องอยู่ในละแวกที่ใช่ ใส่เสื้อผ้าที่ใช่ และส่งลูกๆ ไปเรียนในโรงเรียนที่ใช่ พวกก้าวร้าวเก็บกดจะทำตัวเป็นศัตรูเพราะเขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกถึงสิ่งที่เขาอยากได้หรือต้องการออกมาอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร
    • ตัดเรื่องเพศและเพศภาวะออกไปแล้ว พวกที่ชอบแสดงออกเกินจริงนี้มักจะถูกเรียกว่า “ดราม่าควีน” จงหลีกเหลี่ยงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนดราม่าและมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ที่คนพวกนี้ชอบพามาด้วย ให้รับฟังแต่ให้มีระยะห่าง
    • รับมือกับคนก้าวร้าวเก็บกดด้วยการเจาะจงไปที่พฤติกรรมหรือเหตุการณ์ที่อาจจะเป็นปัญหา จากนั้นก็ระบุปัญหาโดยที่ไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างเป็นศัตรู สร้างขอบข่ายและส่งเสริมให้คนๆ นั้นแสดงออกเรื่องความต้องการหรือสิ่งที่จำเป็นด้วยวิธีการร้องขออย่างมั่นใจ [26]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณคิดว่าคุณอาจจะเป็นคนเหลือเชื่อล่ะก็ หมายความว่าคุณได้ผ่านลำดับแรกของการรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำตัวเหลือเชื่อแล้ว เรียนรู้เพื่อพิจารณาความเห็นของคนอื่นด้วยหัวใจเปิดกว้าง เก็บความเห็นของคุณเอาไว้ แต่ต้องจำอำไว้ว่าแค่เพราะความเห็นเป็นของคุณไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกต้อง
  • สงบนิ่งและจดจำรายละเอียดแต่อย่าใช้การถากถางถ้าต้องรับมือกับคนเหลือเชื่อในที่ทำงาน คุณอาจจะเสียงานได้และอาจจะถูกรายงานฉะนั้นจงทำตัวเป็นมืออาชีพ
โฆษณา
  1. http://psychcentral.com/blog/archives/2014/01/29/5-ways-to-maintain-boundaries-with-difficult-people/
  2. http://levfritt.com/pdf/1pdf/How%20to%20Deal%20With%20Impossible%20People.pdf
  3. http://www.oprah.com/shiftyourlife/How-to-Deal-with-Difficult-Even-Impossible-People
  4. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  5. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  6. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  7. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  8. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  9. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  10. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  11. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  12. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  13. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  14. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  15. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  16. http://www.huffingtonpost.com/deepak-chopra/how-to-deal-with-difficul_b_598163.html
  17. http://www.huffingtonpost.com/2014/06/26/stop-being-passive-aggressive-behavior-signs-_n_5515877.html
  18. Cavaiola, A. C., & Lavender, N. J. (2000). Toxic co-workers: How to deal with dysfunctional people on the job. Oakland, CA: New Harbinger Publications.

  19. American Psychiatric Association (1994). Diagnostic and Statistical Manual, DSM-IV-TR, 4th ed. Washington, DC: American Psychiatric Association.

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,082 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา