ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางครั้งคนอื่นก็ชอบมาทำให้เราหงุดหงิด ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าพวกเขาทำตัวเหมือนไม่มีเหตุผลหรือพวกเขาดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดตรงไหนก็ตาม การใช้เวลาร่วมกับคนที่ทำตัวไม่มีเหตุผลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่โชคดีที่คุณสามารถปรับความคิดเพื่อให้คุณรับมือกับคนที่คุณคิดว่าโง่ได้ง่ายขึ้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ปรับมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ข้อนี้ยากแต่ก็สำคัญมาก สาเหตุที่ทำให้คุณคับข้องใจกับความโง่เขลาในโลกอยู่ตลอดเวลาส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะคุณตั้งความคาดหวังที่ไม่สามารถทำได้จริง แต่ละคนก็มีภูมิหลังไม่เหมือนกัน มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน หรือให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตไม่เหมือนกัน เตือนตัวเองว่าคน "ทั่วไป" เขาไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังที่สูงส่งของคุณที่ว่าคนเราควรจะคิดหรือทำตัวอย่างไรได้หรอก จากนั้นก็ลดมาตรฐานตัวเองลงมา
    • ถ้าคุณไม่ได้คาดหวังให้คนอื่นเป็นคนฉลาดและให้เกียรติผู้อื่น คุณก็จะดีใจเวลาที่เห็นพวกเขาเป็นแบบนั้น แทนที่จะผิดหวังซ้ำๆ เวลาที่พวกเขาไม่เป็นไปตามอย่างที่คุณคาดหวัง
  2. อีกวิธีหนึ่งที่จะเปลี่ยนวิธีการรับมือกันคนที่ทำให้คุณหงุดหงิดตลอดเวลาก็คือ การพิจารณาสถานการณ์จากมุมมองของเขา แน่นอนว่าคุณอาจจะคิดว่าความคิดเห็นเรื่องการควบคุมปืนไม่มีทางจะคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ หรือว่าคุณเป็นฝ่ายถูกเรื่องการเป็นมังสวิรัติแน่นอน แต่ก่อนที่คุณจะปักใจเชื่อว่าตัวเองถูก คุณต้องเข้าใจข้อโต้แย้งของอีกฝ่ายให้มากพอเสียก่อน และพยายามดูให้ดีว่าเรื่องนี้มันอาจจะมีอีกด้านก็ได้
    • นอกจากนี้การดูว่าเขามาจากไหนก็ช่วยให้คุณเข้าใจการมองโลกของเขาหรือเธอได้ ถ้าเขาเติบโตมาในพื้นที่ที่อนุรักษ์นิยมมากๆ ในขณะที่คุณโตที่กรุงเทพฯ ก็แน่นอนว่าคุณสองคนไม่มีวันจะเห็นตรงกันไปเสียทุกเรื่องหรอก
  3. เข้าใจว่าแต่ละคนไม่ได้มีข้อได้เปรียบด้านพันธุกรรมหรือสภาพแวดล้อมเท่ากันหมด. ทั้งพันธุกรรมและโอกาสสามารถสร้างความแตกต่างให้กับ "คนฉลาด" ได้โดยรวม หนึ่งในเหตุผลที่บางคนดูฉลาดกว่าคนอื่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขามาจากสภาพแวดล้อมที่มีความอุตสาหะ เรียนหนังสือได้เกรดดี พวกเขาอาจจะเริ่มหลายสิ่งหลายอย่างจากมือเปล่า และแบกรับภาระในการดูแลสมาชิกในครอบครัว ต้องทำงานพาร์ตไทม์ระหว่างเรียนมัธยม หรือมีหน้าที่รับผิดชอบอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขาไม่เหลือเวลาที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นพ่อคนฉลาด ในทางตรงกันข้ามเราก็จะเห็นคนที่ไม่ได้ดูฉลาดนัก เข้าใจอะไรช้าแม้กระทั่งตอนเป็นเด็กๆ ไม่เคยสนใจเล่าเรียนและเรียนหนังสือไม่ได้เรื่อง เวลาที่คนโง่ทำให้คุณหงุดหงิด แค่ถามตัวเองว่าเขาได้รับโอกาสที่ดีที่สุดหรือเปล่า ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ และถ้าเขาได้เขาจะใช้มันในแบบเดียวกับที่คุณใช้หรือเปล่า ถ้าใช่ก็แปลว่าเขาไม่ใช่คนไม่ฉลาดหรอก
    • ครอบครัว ความร่ำรวย หรือความรักไม่ได้เป็นตัวกำหนดสติปัญญา แต่ประสบการณ์ชีวิตและโอกาสอาจมีผลต่อการพัฒนาทักษะและความรู้
    • การเตือนตัวเองให้พิจารณาคนเป็นกรณีๆ ไปจะทำให้คุณหงุดหงิดน้อยลง เพราะคุณจะเลิกถามตัวเองตลอดเวลาว่าทำไมคนๆ นี้ถึงไม่ทำตัวเหมือนคุณ
  4. เหมือนที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยบอกไว้ว่า “ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าคุณตัดสินปลาจากความสามารถในการปีนต้นไม้แล้วล่ะก็ ปลาตัวนั้นก็จะเชื่อว่าตัวเองโง่ไปตลอดชีวิต” หมายความว่าคุณควรจะพิจารณาว่าคนที่คุณรับมืออยู่ด้วยนั้นจริงๆ แล้วเขาไม่ได้โง่ แม้ว่าเขาหรือเธออาจจะโง่ในเรื่องสองเรื่องที่คุณคาดหวังให้เขาฉลาดก็ตาม คนที่นั่งข้างคุณในคาบวิชาคณิตที่บวกเลขไม่เป็นอาจเป็นกวีที่ยอดเยี่ยม คนที่ไม่สามารถชงลาเต้ได้ในแบบที่คุณสั่งก็อาจจะเป็นนักดนตรีมือฉมังก็ได้ เลิกคิดว่าความฉลาดหรือความโง่มีแค่แบบเดียว แล้วคุณจะเริ่มเห็นว่าคนอื่นมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิด [1]
    • ลองคิดแบบนี้ดูนะ : ถ้าคนเราจะโง่หรือฉลาดได้แค่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ก็ต้องมีคนอื่นที่เขาไม่ได้คิดว่า คุณ ฉลาดนัก ซึ่งนั่นก็ไม่จริงเลย ใช่ไหม
  5. มีอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจก่อนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่คุณไม่เห็นด้วยกับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเป็นคนใจแคบ คุณอาจจะคิดว่าเหตุผลหรือข้อเท็จจริงอย่างเดียวยังไงก็ต้องชนะทุกครั้ง และคนๆ นั้นจะต้องเดินออกไปพร้อมกับคิดว่า "โอ้โห ฉันไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย..." หลังจากที่คุณแสดงเหตุผลกับเขาหรือเธอไปแล้วสองชั้น แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป และคุณอาจจะหงุดหงิดกับเรื่องนี้ด้วย
    • ถ้าคุณรู้ว่าไม่ว่าคุณจะมีความคิดเห็นที่ถูกต้องและสมเหตุสมผลขนาดไหน คุณก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจให้เขามาเชื่อในแบบที่คุณเชื่อได้ง่ายๆ คุณก็จะเลิกทำ และถ้าคุณเลิกพยายามทำให้อีกฝ่ายเข้าใจมุมมองของคุณแล้ว คุณก็จะหงุดหงิดน้อยลงมาก
    • จำไว้ว่าเป้าหมายของคุณไม่ใช่การทำให้คนใจแคบเห็นด้วยกับคุณ แต่มันคือการทำใจให้สงบและมีสติขณะรับมือกับเขาหรือเธอ
  6. ความรู้คืออำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณรับมือกับคนที่ไม่มีความรู้ ในการที่จะรับมือกับคนโง่อย่างสุดความสามารถนั้น คุณก็ต้องพูดข้อเท็จจริงออกไปตรงๆ อ่านให้มากที่สุด ฟังพอดแคสต์ให้ความรู้ ดูและอ่านข่าว และแน่ใจว่าคุณเข้าใจแนวคิดในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ก่อนจะเริ่มถกเถียง ยิ่งคุณรู้ข้อเท็จจริง สถิติ และประเด็นถกเถียงมากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถทำให้เขาหุบปากได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
    • แม้ว่าเป้าหมายของคุณไม่ใช่การพิสูจน์ว่าคุณถูกเวลาที่คุยกับคนโง่ (เราจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร) แต่ยิ่งเขาเห็นว่าคุณศึกษามาดีเท่าไหร่ เขาก็จะมายุ่งกับคุณน้อยลงเท่านั้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทำตัวฉลาดในช่วงเวลานั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณต้องรับมือกับคนโง่ในช่วงเวลานั้น คุณก็ควรเลี่ยงอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาไม่พอใจ โกรธ หรือทำให้เขาเริ่มร่ายเหตุผลต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่าคุณผิด ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าเขาค่อนข้างจะโง่และมีความคิดเห็นที่โง่งม แล้วทำไมคุณต้องไปคุยเรื่องจริงจังที่อาจจะมีความหมายกับคุณมากๆ กับเขาด้วยล่ะ แค่ทักทายกันอย่างสุภาพก็พอ ("หวัดดี เป็นไงบ้าง") ถ้าคุณต้องเจอเขาเป็นประจำ และอย่าไปเสียเวลาในเรื่องที่เป็นประเด็กถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเลย
    • แม้ว่าคุณจะรู้ว่าเขามีความคิดเห็นโง่ๆ ในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันอยู่และคุณก็แค่อยาก "ทำให้เขาจนมุม" ให้ระงับความรู้สึกนี้ไว้ เพราะไม่คุ้มค่ากับตัวคุณและความดันโลหิตหรอก
  2. ถ้าเขาทำตัวโง่เง่าสุดๆ ก็เป็นไปได้ว่าการทำดีกับเขาอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณคิดจะทำ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมคุณจึงควรทำดีกับเขาให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าคุณทำดีกับเขามากๆ พฤติกรรมของคุณจะทำให้เขาอ่อนลงและอาจทำให้เขาสับสน ทำให้เขาหรือเธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากดีกับคุณตอบและเลิกทำตัวโง่สุดๆ เสียที แต่ถ้าคุณหยาบคาย ดูถูก หรือแม้กระทั่งร้ายใส่เขา มันก็จะยิ่งกระตุ้นให้คนๆ นั้นทำตัวโง่เง่าสุดๆ ต่อไปอีก เพราะฉะนั้นจงกัดฟันและทำตัวน่ารัก ไม่ว่ามันจะปวดใจแค่ไหนก็ตาม แล้วเขาจะเริ่มทำให้คุณรำคาญน้อยลงเอง
    • จำไว้ว่าการเป็นคนดีและสุภาพนั้นง่ายกว่าการเป็นคนใจร้ายและน่ารังเกียจเยอะ การเป็นคนใจร้ายไม่ดีต่อจิตวิญญาณและระดับความเครียดของคุณ และการเป็นคนดีให้ได้มากที่สุดก็ดีต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจของคุณด้วย
  3. อยู่ให้ห่างจากการถกเถียงที่ไม่เกิดประโยชน์. วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการเลี่ยงหัวข้อที่เป็นที่ถกเถียง ถ้าคนโง่เกิดพูดประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันขึ้นมาและเริ่มแสดงความคิดเห็นโง่ๆ ในเรื่องนั้น ให้หักห้ามใจไม่ร่วมวงเพื่อพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด จงสุภาพ และพูดประมาณว่า "เธอก็มีสิทธิ์จะคิดแบบนั้น" หรือ "ก็น่าสนใจนะ" โดยไม่ต้องบอกว่าคุณไม่เห็นด้วยเลย จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อหรือไม่ก็ขอตัวออกมา
    • การถกเถียงกับคนโง่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย แม้ว่าคุณจะคิดว่ามันทำให้คุณรู้สึกโล่งใจได้สักเดี๋ยวก็ตาม
  4. คนโง่เชี่ยวชาญในเรื่องการทำให้คนไม่พอใจหรือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ตอนนี้คุณจะไม่ปล่อยให้คนโง่มาเล่นงานคุณแบบนี้อีกแล้ว เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าคุณอยากจะเป็นคนคุมบทสนทนา คุณก็ต้องนิ่งเข้าไว้ เพราะคนที่ควบคุมอารมณ์ได้คือคนฉลาด และคุณคงไม่อยากกลายเป็นคนที่ดูโง่เสียเองแค่เพราะคุณควบคุมอารมณ์ไม่ได้หรอกใช่ไหม
    • อดทนไว้ เพราะมันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยกว่าคนโง่จะเข้าใจ อย่าเพิ่งไปโกรธหรือหงุดหงิดเดี๋ยวนั้น ให้โอกาสเขาหน่อย
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา แค่ท่องว่า เขาโง่ เขาโง่ เขาโง่ ในหัวหลายๆ ครั้งจนกว่าคุณจะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะไปใส่ใจในสิ่งที่คนๆ นี้พูดมากนัก
    • ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ ให้นับถอยหลังจาก 50 นับลมหายใจ หรือขอตัวไปเดินเล่น ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ใจคุณสงบก่อนที่คุณต้องไปเจอหน้าเขาอีกครั้ง ถ้าคุณยังต้องเจอเขาอยู่น่ะนะ
    • อย่าทำให้คนโง่พอใจที่ได้รู้ว่าเขาหรือเธอมีอำนาจเหนือคุณ ถ้าเขารู้ว่าเขามีผลต่อคุณมาก เขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ฉลาดกว่า
  5. ขอให้เขาอธิบายความคิดเห็นเพิ่มเติมด้วยข้อเท็จจริง. ถ้าคุณหงุดหงิดกับคนโง่มากจริงๆ คุณก็สามารถทำให้เขาหรือเธอหยุดพูดได้ด้วยการขอให้เขาหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เพราะเป็นไปได้ว่ามีความคิดโง่ๆ มากมายที่เขาหรือเธอไม่สามารถยกเหตุผลมาสนับสนุนได้ การขอให้เขาหรือเธอทำอย่างนี้มักจะทำให้เขาหุบปากและทำให้บทสนทนาไม่ดุเดือดไปกันใหญ่ คำพูดสุภาพที่จะทำให้เขาหยุดพูดได้ก็เช่น :
    • "อ๋อ จริงเหรอ เธอไปอ่านมาจากไหน"
    • "ความคิดเห็นของเธอมาจากบทความของ The Standard หรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้วเขาดูเหมือนจะพูดตรงข้ามกันเลยนะ..."
    • "น่าสนใจนะ เธอรู้หรือเปล่าว่ามีคนกี่เปอร์เซ็นต์ที่เป็นแบบนี้จริงๆ"
    • "น่าสนใจนะที่เธอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพัทยาได้เป็นฉากๆ เลย เธออยู่ที่นั่นมานานแค่ไหนเหรอ แต่ดูท่าเธอคงจะอยู่ที่นั่นนานมากแน่ๆ ไม่งั้นเธอคงไม่มีมุมมองที่น่าสนใจขนาดนี้"
  6. ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปสนใจ. แม้ว่าการทำเป็นไม่สนใจจะค่อนข้างหยาบคายและไม่มีวุฒิภาวะเท่าไหร่ แต่บางครั้งมันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด เช่น ถ้าคุณอยู่กันเป็นกลุ่มและไม่อยากจะออกจากการพูดคุยกับคนอื่นๆ แค่เพราะคนโง่เพียงคนเดียว คุณก็อาจจะทำเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรือไม่ตอบรับความคิดเห็นของเขาเลย เพราะเป็นไปได้ว่าถ้าความคิดเห็นของเขามันโง่เง่ามากจริงๆ คนอื่นๆ ก็จะลุกขึ้นมาจัดการเอง หรือดีกว่านั้นคือคนอื่นๆ ก็จะไม่สนใจเขาเหมือนกัน
    • ถ้าคนๆ นั้นพูดถึงคุณด้วยความคิดเห็นแบบโง่ๆ ก็แค่ยิ้มและทำเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นสิ่งที่ดีแทนที่จะไปร่วมวงกับเขา
    • แม้ว่าการเมินใส่คนโง่จะไม่ใช่วิถีของคนดีเสียทีเดียว แต่มันก็ช่วยให้คนโง่ไม่ต้องมาคุยกับคุณอีก
  7. การเดินหนีเป็นทางเลือกเหนือชั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำได้ แน่นอนว่าคุณไม่สามารถเดินหนีเจ้านายโง่ๆ ได้ถ้าคุณไม่อยากเอาตำแหน่งงานของตัวเองไปเสี่ยง แต่คุณสามารถเดินหนีคนโง่ที่ตะโกนไล่หลังคุณที่ซูเปอร์มาร์เก็ตได้หรือออกจากสถานการณ์ที่คนโง่พยายามสร้างความรำคาญให้คุณได้ นอกจากนี้การเดินหนียังเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณใจเย็นลงด้วยถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธ
    • ถ้าคนโง่คนนั้นพอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ก็แค่พูดว่า "ขอโทษนะคะ ดิฉันต้องไปแล้วค่ะ" หรือไม่ก็เดินออกมาโดยไม่ต้องพูดอะไรถ้ามันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะต้องมาอธิบายตัวเอง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้เขามาปั่นหัวคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เก็บอะไรโง่ๆ มาคิดเล็กคิดน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันจงใจจะทำให้คุณเจ็บ แต่ถ้าคุณอยากจะจัดการกับคนโง่อย่างดีที่สุดแล้วล่ะก็ คุณต้องไม่ปล่อยให้เขามาปั่นหัวคุณและปล่อยให้สิ่งที่เขาพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป ถ้าคุณเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยแล้วเจ็บปวดเสียเอง ก็เท่ากับว่าคุณมอบอำนาจที่เขาไม่ควรต้องมีให้เขา แค่เตือนตัวเองว่าคนพวกนี้เป็นคนโง่ และคุณก็ไม่ควรเก็บเอาความคิดเห็นของพวกเขามาเป็นจริงเป็นจังด้วย
    • ความคิดเห็นของคนที่คุณไม่ได้ให้ค่าสติปัญญาด้วยซ้ำไม่สามารถมากำหนดคุณค่าในตัวเองของคุณได้ จำคำพูดนี้ไว้ในครั้งหน้าที่คุณปล่อยให้คนโง่มาทำให้คุณรู้สึกด้อยค่า
  2. การพยายามคิดบวกและการยกผลประโยชน์ให้จำเลยก็เป็นอีกเคล็ดลับที่ดีในการที่จะไม่ให้คนโง่มาปั่นหัวคุณได้ แน่นอนว่าเจ้านายของคุณอาจจะสื่อสารไม่ค่อยเก่ง แต่ลองคิดดูว่าโดยรวมแล้วเขาทำอะไรให้บริษัทเรามากแค่ไหน ลูกพี่ลูกน้องของคุณอาจจะเป็นไอ้งั่งของแท้ในเรื่องการเอาข้อมูลส่วนตัวของคุณไปเปิดเผยในที่สาธารณะ แต่เมื่อไหร่ที่คุณเจอวันแย่ๆ มาเขากลับทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    • เตือนตัวเองว่าคน "โง่" ส่วนใหญ่ไม่ได้เลวไปเสียทั้งหมด และพวกเขาก็มีคุณสมบัติด้านดีด้วยเหมือนกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณควรเตือนตัวเองเอาไว้ถ้าไม่อยากประสาทเสียเวลาอยู่ใกล้คนโง่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเป็นคนที่คุณต้องเจอบ่อยๆ เช่น เพื่อนร่วมชั้นเรียนหรือเพื่อนร่วมงาน
  3. แน่นอนว่าถ้าเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนรักเพื่อนร้ายพูดอะไรที่โง่เง่าสุดๆ ที่ทำให้คุณแทบอดใจไปเล่าให้คนในวงเพื่อนที่คุณสนิทที่สุด 10 คนแทบไม่ไหว คุณอาจจะถึงขั้นอยากส่งอีเมลหรือข้อความเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังในคราวเดียว พร้อมกับเล่ารายละเอียดทุกเม็ดว่าคนๆ นี้โง่แค่ไหน แต่แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะ แน่นอนว่าคนอื่นจะต้องเห็นด้วยกับคุณและเห็นด้วยว่าคนๆ นี้โง่ แต่สุดท้ายแล้วมันมีแต่จะทำให้คุณยิ่งหงุดหงิด โกรธเคือง และรำคาญ
    • และที่แย่ที่สุดคือมันจะยิ่งทำให้คนโง่คนนั้นมีอำนาจมากขึ้น ถ้าคุณรู้จริงๆ ว่าเขาทั้งโง่และน่ารำคาญ คุณก็คงจะไม่เสียเวลามากลัดกลุ้มกับสิ่งที่เขาหรือเธอพูดหรอก จริงไหม
    • ถ้าเขาทำให้คุณไม่พอใจจริงๆ ก็ให้คุยกับเพื่อนสนิทแค่คนเดียว แต่อย่าให้มันกลายเป็นความหมกมุ่นหรือทำลายวันของคุณไป
  4. มันอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อต้องมาเจอกับความโง่เง่าขั้นสุด แต่นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงควรให้เกียรติคนที่โง่สุดๆ ให้มากที่สุด ทำราวกับเขาเป็นราชินีอังกฤษหรือผู้บริหารของบริษัทถ้าจำเป็น การปฏิบัติต่อเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่สมควรได้รับการให้เกียรติจากคนอื่นคือการทำในสิ่งที่ชอบธรรม และจะทำให้เขาทำตัวให้สมเกียรติมากขึ้นในอนาคตด้วย
    • อดใจกับความอยากในตอนแรก แน่นอนว่าคุณคงคิดแล้วล่ะว่าจะตอกกลับหรือวิจารณ์กลับไปเจ็บๆ อย่างไร แต่ก่อนพูดให้เตือนตัวเองว่าคุณไม่ได้อะไรจากการทำแบบนั้นหรอก
  5. ขอบคุณคนฉลาดๆ ทุกคนในชีวิต (รวมทั้งตัวคุณเองด้วย! ). การรับมือกับคนโง่เป็นประจำอาจทำให้คุณยิ่งรู้สึกขอบคุณคนใจเย็น มีเหตุผล และฉลาดหลักแหลมทุกคนที่คุณรู้จัก ถ้าคุณหงุดหงิดใจกับคนโง่อยู่บ่อยๆ ก็น่าจะเป็นเพราะว่าคุณมีกลุ่มเพื่อนและคนในครอบครัวที่ฉลาดมากๆ เพราะฉะนั้นพอเป็นเรื่องความฉลาดของคนอื่นคุณก็เลยมีความคาดหวังสูงไปด้วย
    • แทนที่จะไปหงุดหงิดกับคนโง่ที่อยู่ตรงหน้า ให้เตือนตัวเองว่าคุณโชคดีที่มีคนรัก เพื่อนสนิท แม่ กลุ่มเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานฉลาดๆ วิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกขอบคุณคนดีๆ ในชีวิตมากขึ้น แทนที่จะปล่อยให้คนโง่มาปั่นหัวคุณได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • นิ่งอยู่เสมอ
  • ไม่ต้องร่วมวงสนทนา การพูดแต่น้อยจะทำให้เห็นว่าใครกันแน่ที่โง่
  • ถ้าจำเป็นให้แยกตัวออกมา
  • อย่าวิจารณ์เขา แต่ถ้าจะทำอย่างนั้นก็ต้องสุภาพและอดทน
  • ถ้าเขาเป็นคนที่สำคัญกับเรา คุณควรจะช่วยให้เขาเข้าใจว่าพฤติกรรมแบบไหนของเขาที่น่าหงุดหงิดแทนที่จะเดินหนีออกไปเลย เราต้องพยายามเข้าอกเข้าใจคนทุกคน เพราะเราทุกคนต่างต้องเคยทำอะไรที่น่ารำคาญบ้างอยู่แล้ว
  • เวลาที่คนโง่ทำอะไร อย่าไปบอกเขาว่าเขายิ่งทำยิ่งแย่ เพราะการพูดแบบนั้นมีแต่จะทำให้เขาโกรธ/รำคาญและยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม แต่การให้โอกาสเขาได้ปรับปรุงตัวเองจะช่วยให้เขากลายเป็นคนที่ฉลาดขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใจร้าย เพราะเขาอาจจะไม่สามารถแก้ไขความโง่เขลาของตัวเองได้หรือไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด/ไม่ถูกต้อง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 21,135 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา