ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พฤติกรรมดื้อเงียบเป็นการแสดงความโกรธทางอ้อม โดยที่คนๆ นั้นพยายามทำให้คุณไม่พอใจหรือเจ็บปวดด้วยวิธีการที่ไม่ชัดเจน ซึ่งความท้าทายของมันก็คือคนๆ นั้นสามารถปฏิเสธได้ง่ายๆ ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด บ่อยครั้งคนเราแสดงพฤติกรรมดื้อเงียบออกมาเพราะเราไม่ได้เรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับความขัดแย้งอย่างเหมาะสม แต่ทั้งนี้ก็มีวิธีที่ช่วยให้อีกฝ่ายได้ทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง และใช้การสื่อสารเพื่อให้เขาเห็นพฤติกรรมดื้อเงียบของตัวเองด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ระบุพฤติกรรมดื้อเงียบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ธรรมชาติที่แอบแฝงของพฤติกรรมดื้อเงียบก็คือ มันจะทำให้คนที่ทำผิดปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ทำ เมื่อเผชิญหน้ากัน เขาหรือเธออาจจะปฏิเสธว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่คุณพูดหรืออาจจะหาว่าคุณตอบโต้เกินกว่าเหตุ ทำใจให้สงบกับสิ่งที่ตัวเองรู้สึก และเรียนรู้วิธีที่จะระบุพฤติกรรมดื้อเงียบ
    • การแสดงออกของพฤติกรรมดื้อเงียบก็เช่น การแสดงความเห็นและการโต้ตอบแบบเหน็บแนม การจับผิดเกินกว่าเหตุ การยอมทำตามชั่วคราว (คนๆ นั้นตกลงที่จะทำตามที่ขอปากเปล่า แต่เลือกที่จะชะลอการลงมือปฏิบัติไว้ก่อน) การจงใจทำให้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ (คนๆ นั้นตกลงทำตามที่ขอแต่กลับทำให้แบบลวกๆ) ปล่อยให้ปัญหาลุกลามด้วยการนิ่งเฉย และมีความสุขกับการที่คนอื่นจะต้องมารองรับการกระทำลับๆ ล่อๆ ที่ตามมาที่สร้างความเจ็บปวด โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อแก้แค้น ก่นด่าความไม่ยุติธรรม และได้เงียบใส่คนอื่น สิ่งที่คนดื้อเงียบมักจะพูดคือ "ฉันไม่ได้บ้านะ" กับ "ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ" [1]
    • สัญญาณอื่นๆ ของพฤติกรรมดื้อเงียบได้แก่ ความเกลียดชังที่มีต่อคำสั่งในเวลาของเขาแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนก็ตาม ความเกลียดชังต่อผู้มีอำนาจหรือคนที่มีสิทธิพิเศษมากกว่า การผัดวันประกันพรุ่งกับคำขอร้องของผู้อื่น การจงใจทำงานให้คนอื่นแบบขอไปที การแสดงพฤติกรรมเย้ยหยัน บึ้งตึง หรือชวนทะเลาะ และการบ่นว่าไม่มีใครเห็นคุณค่าของตัวเองเท่าที่ควร [2]
    • พฤติกรรมดื้อเงียบคือการต่อต้านคำสั่งของผู้อื่นอย่างอ้อมๆ และการเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง ซึ่งการเลี่ยงที่จะไม่เผชิญหน้าโดยตรงจะเป็นจุดที่เราพบปัญหามากที่สุด
  2. มันอาจจะดูเหมือนว่าคนๆ นั้นกำลังพยายามทำให้คุณรำคาญ แต่มันก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะสงสัยในตัวเขามากเกินไปและ เก็บพฤติกรรมของเขามาคิดเล็กคิดน้อย ลองตรวจสอบความรู้สึกไม่มั่นคงของตัวเองก่อน ในอดีตเคยมีใครทำให้คุณต้องลำบากหรือเปล่า แล้วคนๆ นี้ทำให้คุณนึกถึงเขาไหม คุณคิดว่าคนๆ นี้กำลังทำในสิ่งที่คนๆ นั้นเคยทำกับคุณหรือเปล่า
    • ลองนึกว่าตัวเองเป็นเขาดู จากมุมนั้นคุณคิดว่าคนที่มีเหตุผลเขาจะทำแบบเดียวกันในสถานการณ์เหล่านั้นหรือเปล่า [3]
    • นึกไว้ในใจด้วยว่าบางคนเขาอาจจะมาสายเป็นประจำหรือทำงานเสร็จช้าเพราะว่าเขามีความผิดปกติบางอย่าง เช่น เป็นโรคสมาธิสั้น อย่าเพิ่งด่วนทึกทักว่าเขาจงใจแสดงพฤติกรรมมาที่คุณโดยตรงจริงๆ
  3. การรับมือกับคนที่มีพฤติกรรมดื้อเงียบอาจทำให้คุณรู้สึกคับข้องใจ โกรธ หรือแม้กระทั่งท้อใจ เพราะมันดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่คุณจะพูดหรือทำให้เขาพอใจได้เลย [4]
    • คุณอาจรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเป็นฝ่ายรองรับพฤติกรรมดื้อเงียบ เช่น คนๆ นั้นอาจจะเงียบใส่คุณ
    • คุณอาจจะรู้สึกคับข้องใจที่เขาเอาแต่บ่นแต่ไม่เคยพยายามทำให้สถานการณ์ของตัวเองดีขึ้นเลย ฟังสัญชาตญาณของตัวเองดีๆ
    • การอยู่ใกล้คนๆ นั้นอาจทำให้คุณทั้งเหนื่อยใจและมั่นใจในตัวเองน้อยลง เพราะคุณต้องเสียพลังงานมากมายไปในการพยายามรับมือกับพฤติกรรมดื้อเงียบ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ตอบโต้พฤติกรรมดื้อเงียบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีทัศนคติ ที่เป็นบวก อยู่เสมอ. พลังของการคิดบวกช่วยให้เรารับมือกับเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ คนที่ดื้อเงียบจะพยายามดึงคุณเข้าสู่ห้วงอารมณ์ที่เป็นลบ และบางครั้งก็เฝ้าคอยการตอบสนองที่เป็นลบจากคุณเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสกลับไปเล่นงานคุณอีกครั้งโดยไม่ต้องเป็นฝ่ายผิด คุณต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น [5]
    • การคิดบวกคือการที่คุณไม่ลดตัวไปอยู่ในระดับเดียวกับเขา อย่าแสดงพฤติกรรมดื้อเงียบตอบ อย่าใช้ถ้อยคำหยาบคาย ตะคอก หรือโมโหจนเกินเหตุ ถ้าคุณยังคิดบวกอยู่ได้ คุณก็จะอยู่ในจุดที่สามารถรวบรวมความสนใจทั้งหมดไปที่พฤติกรรมของเขาได้แทนที่จะเสียพลังงานไปกับพฤติกรรมของตัวเอง เพราะถ้าคุณโกรธ ความสนใจทั้งหมดของคุณก็จะเบี่ยงเบนไปจากปัญหาที่แท้จริง
    • สร้างพฤติกรรมเชิงบวกให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ว่าคุณจะกำลังรับมือกับเด็กหรือผู้ใหญ่ ให้กล่าวถึงปัญหาด้วยท่าทางที่ทำให้เขารู้ว่าเขาต้องปฏิบัติกับคุณอย่างไร พฤติกรรมดื้อเงียบคือการระบายอารมณ์ภายใต้หน้ากากของความไม่ทุกข์ร้อน แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ให้คุณเปิดใจ ซื่อสัตย์ และกล่าวถึงอารมณ์ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เวลาที่คุณต้องเจอกับพฤติกรรมดื้อเงียบ เช่น การเงียบใส่ ให้พยายามดึงบทสนทนาไปในทิศทางที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
  2. ถ้าคุณไม่พอใจ ให้ทำใจให้สงบก่อนเกริ่นถึงปัญหา (ไปเดินเล่น เปิดเพลงดังๆ แล้วเต้นไปด้วย เล่นปริศนาอักษรไขว้) แล้วค่อยๆ คิดว่าคุณต้องการอะไรจากสถานการณ์นี้กันแน่ เช่น ผลที่ตามมาแบบไหนที่สมเหตุสมผลพอที่คุณจะยอมรับได้
    • อย่าตอบโต้เกินกว่าเหตุเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าแสดงความเดือดดาลออกไป และอย่ากล่าวหาโต้งๆ ว่าเขาเป็นคนดื้อเงียบ เพราะจะเป็นการเปิดช่องให้เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและหาว่าคุณ "คิดมากเกินไป" หรืออ่อนไหวง่าย/ขี้ระแวงได้
    • ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าหัวเสียเด็ดขาด อย่าให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาหรือเธอสามารถยั่วโมโหคุณได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันจะยิ่งส่งเสริมพฤติกรรมและอาจเพิ่มโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกได้
    • อดกลั้นความรู้สึกที่อยากเกรี้ยวกราดตอบหรือแสดงปฏิกิริยาที่เต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ถ้าคุณแสดงออกว่าคุณควบคุมตัวเองได้ คุณจะดูเป็นคนที่ใครก็มาปั่นหัวง่ายๆ ไม่ได้
  3. สมมุติว่าคุณมีอารมณ์ที่มั่นคง เชื่อมั่นใจตัวเอง และนิ่ง วิธีการที่ดีที่สุดคือก็แค่บอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น (เช่น "ฉันไม่แน่ใจนะว่าตัวเองเข้าใจถูกไหมนะ แต่เธอดูจะไม่พอใจที่โดมไม่ชวนเธอไปงานปาร์ตี้ เธออยากคุยเรื่องนี้หรือเปล่า")
    • พูดตรงๆ และเจาะจง เพราะคนดื้อเงียบจะใช้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาบิดเบือนคำพูดถ้าคุณพูดกว้างเกินไปหรือพูดจาคลุมเครือ ถ้าคุณต้องเผชิญหน้ากับคนดื้อเงียบแล้วละก็ คุณต้องพูดประเด็นที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดเจน
    • อันตรายของการเผชิญหน้ากันก็คือคำที่พูดออกไปกลายเป็นการเหมารวมเกินจริง เช่น คำพูดที่ว่า "เธอก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ!" คำพูดแบบนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะฉะนั้นคุณต้องพูดถึงพฤติกรรมของคนๆ นั้นแบบเจาะจงไปเลย เช่น ถ้าคุณประสาทเสียกับการที่เขาไม่พูดไม่จากับคุณ ก็อธิบายเหตุการณ์ที่เจาะจงไปเลยว่าเมื่อไหร่ที่การเงียบใส่ของเขาทำให้คุณรู้สึกแบบนี้
  4. พยายามทำให้เขายอมรับให้ได้ว่าเขากำลังไม่พอใจ. พูดกับเขาด้วยท่าทีที่ไม่ขึงขังแต่หนักแน่น เช่น พูดว่า "เธอดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ" หรือ "ดูเหมือนจะมีอะไรกวนใจเธออยู่นะ"
    • บอกไปว่าพฤติกรรมของเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร เช่น บอกว่า "เวลาที่เธอพูดห้วนๆ กับฉัน ฉันไม่สบายใจเลยและรู้สึกเหมือนถูกตัดบทด้วย" การพูดเช่นนี้จะทำให้เขาต้องยอมรับว่าพฤติกรรมของเขามีผลต่อคุณอย่างไร เน้นไปที่ว่าตัวคุณรู้สึกอย่างไรและอย่าใช้ภาษากล่าวโทษที่เป็นการวิจารณ์เขาอย่างรุนแรง
    • ใช้คำพูดที่ขึ้นต้นด้วย “ฉัน” เวลา สื่อสาร กับใครก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของความขัดแย้ง พยายามใช้ “คำพูดที่ขึ้นต้นด้วยฉัน” แทนที่จะเป็น “คำพูดที่ขึ้นต้นด้วยเธอ” เช่น แทนที่จะพูดว่า “เธอนี่มันหยาบคายชะมัด” คุณอาจจะพูดว่า “ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่เธอกระแทกประตูใส่ฉัน เพราะฉันรู้สึกเหมือนเธอไม่อยากฟังฉันพูด” คำพูดแรกคือคำพูดที่ขึ้นต้นด้วยเธอ ซึ่งโดยทั่วไปคำพูดที่ขึ้นต้นด้วยเธอจะสื่อถึงการกล่าวหา ตัดสิน หรือกล่าวโทษ ในขณะที่คำพูดที่ขึ้นต้นด้วยฉันจะเป็นการแสดงความรู้สึกของคุณออกมาโดยไม่บอกว่าใครผิด
    • คนที่ดื้อเงียบจะพูดอ้อมไปอ้อมมา อย่าพูดจาอ้อมค้อมกลับ ให้พูดตรงๆ อย่างมีเมตตา ซื่อสัตย์แต่อ่อนโยน และก็ไม่ต้องรักษาน้ำใจมากจนเกินไป
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปกป้องตัวเองจากพฤติกรรมดื้อเงียบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าคุณจะไม่อยากกระตุ้นการเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่คุณก็ไม่ใช่คนที่จะต้องมารองรับอารมณ์ของคนดื้อเงียบ ความดื้อเงียบเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก และถือเป็นการทำร้ายกันรูปแบบหนึ่ง คุณจึงมีสิทธิ์ที่จะกำหนดขอบเขตขึ้นมา
    • หนึ่งในความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดคือการยอมจำนนต่อความดื้อเงียบมากเกินไป พอคุณยอมสยบให้กับพฤติกรรมดื้อเงียบแล้ว คุณจะไม่เหลือทางเลือกเลย ซึ่งต้นตอของมันก็คือการดิ้นรนเพื่อให้ได้อำนาจ คุณสามารถคิดบวกและสงบนิ่งได้โดยที่ยังคงเข้มแข็งและหนักแน่นว่าตัวเองเต็มใจจะยอมแค่ไหน
    • ทำตามขอบเขตที่คุณตั้งไว้ ทำให้เขารู้ว่าคุณจะไม่ยอมให้เขาทำตัวแย่ๆ ใส่คุณ ถ้าเขามาสายเป็นประจำจนคุณหงุดหงิด ให้บอกเลยตรงๆ ว่า ครั้งหน้าถ้านัดมาดูหนังด้วยกันแล้วเธอสายอีก คุณจะเข้าไปดูคนเดียว วิธีนี้เป็นการบอกว่าคุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพฤติกรรมของเขา
  2. วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับความโกรธประเภทนี้คือ การสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้เร็วที่สุด ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการขุดลงไปให้ลึกถึงต้นตอของความโกรธ
    • ถ้าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความโกรธออกมาอยู่แล้ว ให้คุยกับคนที่สนิทกับเขามากพอที่จะบอกได้ว่าอะไรทำให้เขาหรือเธอโกรธ และมีสัญญาณเล็กๆ อะไรบ้างที่คนๆ นั้นจะแสดงออกมาเวลาโกรธ
    • ขุดลงไปให้ลึกและประเมินอย่างซื่อสัตย์ว่า อะไรที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดความดื้อเงียบ เพราะพฤติกรรมดื้อเงียบมักเป็นอาการที่มาจากสาเหตุอื่น
  3. การสื่อสารมีทั้งการสื่อสารแบบก้าวร้าว การสื่อสารแบบนิ่งเฉย และการสื่อสารแบบดื้อเงียบ ซึ่งไม่มีการสื่อสารแบบไหนมีประสิทธิภาพเท่าการสื่อสารแบบตรงไปตรงมาเลย
    • การสื่อสารแบบตรงไปตรงมาคือการสื่อสารที่แสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างชัดเจนและไม่ได้เป็นการตอบโต้ โดยที่ยังให้เกียรติอีกฝ่ายด้วย แสดงความมั่นใจ ความเต็มใจที่จะร่วมมือ และแสดงออกว่าคุณอยากจะแก้ปัญหาในแบบที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย [6]
    • นอกจากนี้คุณยังต้องรับฟังโดยแสดงการกล่าวหาหรือกล่าวโทษในบทสนทนาด้วย พิจารณาและยอมรับมุมมองของอีกฝ่าย ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขาแม้ว่าคุณจะคิดว่าเขาผิดก็ตาม
  4. ถ้าคนๆ นั้นมีพฤติกรรมดื้อเงียบใส่คุณเป็นประจำ คุณก็ควรหลีกเลี่ยงคนๆ นั้นไปเลย เพราะอย่างไรคุณก็ควรเอาสุขภาพจิตของตัวเองไว้ก่อน
    • หาทางจำกัดเวลาที่ต้องอยู่ร่วมกับคนๆ นั้น และพยายามมีปฏิสัมพันธ์กับเขาเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเท่านั้น หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง
    • ถ้าการมีเขาอยู่ในชีวิตไม่ได้ให้อะไรกับคุณมากมายนอกจากพลังงานลบ ให้ถามตัวเองว่ามันคุ้มไหมที่จะเก็บคนๆ นี้ไว้ในชีวิต
  5. ให้ข้อมูลที่คนๆ นั้นจะเอามาเล่นงานคุณทีหลังให้น้อยที่สุด. อย่าเล่าข้อมูลส่วนตัว อารมณ์ หรือความคิดให้คนดื้อเงียบฟัง
    • เขาอาจจะถามคำถามเกี่ยวกับชีวิตของคุณที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรหรือเป็นห่วงจริงๆ คุณจะตอบก็ได้ แต่อย่าให้รายละเอียด ตอบแบบสั้นๆ กว้างๆ แต่เป็นมิตร
    • หลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาที่ละเอียดอ่อนหรือเผยจุดอ่อนของคุณ คนที่มีพฤติกรรมดื้อเงียบมักจะจำสิ่งที่คุณเล่าให้เขาฟังได้ แม้ว่าบางครั้งจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณไม่ได้ใส่ใจก็ตาม และจะหาทางเอาสิ่งนั้นมาเล่นงานคุณทีหลัง
  6. ขอความช่วยเหลือจากผู้ไกล่เกลี่ยหรือผู้ตัดสิน. คนๆ นี้ควรเป็นบุคคลที่สามที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากฝ่ายบุคคล คนในครอบครัวที่ใกล้ชิด (แต่เป็นกลาง) หรือแม้กระทั่งเพื่อนของคุณทั้งสองคน ประเด็นคือต้องเป็นคนที่คนดื้อเงียบเขาเชื่อใจด้วยเช่นกัน
    • ก่อนที่จะพบผู้ไกล่เลี่ย ให้เขียนรายการสิ่งที่ทำให้คุณกังวลไปให้เขาก่อน พยายามมองเรื่องต่างๆ จากมุมมองของคนอื่น และทำความเข้าใจว่าทำไมเขาจึงโกรธ อย่าแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจ แค่บอกว่าพฤติกรรมดื้อเงียบของเขาทำให้คุณต้องตีตัวออกมาทั้งที่จริงๆ แล้วคุณตั้งใจจะช่วย
    • เวลาเผชิญหน้ากับคนดื้อเงียบด้วยตัวเอง คุณอาจจะได้ยินเขาพูดว่า "ขำๆ น่ะ แค่แหย่เล่น" หรือ "เธอคิดมากเกินไป" เพราะฉะนั้นการมีบุคคลที่สามเข้ามาร่วมด้วยจึงช่วยให้การคุยกันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  7. บอกถึงผลที่ตามมาให้ชัดเจนหากเขายังคงมีพฤติกรรมแบบนี้ต่อไป. เนื่องจากคนที่ดื้อเงียบจะทำทุกอย่างลับหลัง เขาจึงมักต่อต้านเมื่อมีคนว่ากล่าวพฤติกรรมของเขา และเขามักจะตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนด้วยการปฏิเสธ กล่าวโทษ และหาตัวคนผิด เป็นต้น
    • ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ให้ประกาศไปเลยว่าคุณจะทำอะไรถ้าเขายังไม่เลิกทำแบบนี้ ที่สำคัญคือให้บอกผลของการกระทำที่ร้ายแรงมา 1 หรือ 2 อย่างเพื่อให้คนดื้อเงียบกลับไปทบทวนพฤติกรรมของตัวเองอีกครั้ง
    • ความสามารถในการระบุและแสดงผลที่ตามมาได้เป็นหนึ่งในทักษะที่ทรงพลังมากที่สุดที่เราสามารถใช้เพื่อ "สยบ" คนดื้อเงียบได้ การพูดถึงผลที่ตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจนจะทำให้คนที่รับมือด้วยได้ยากชะงัก และบังคับให้เขาหรือเธอต้องเปลี่ยนจากขัดขวางมาเป็นให้ความร่วมมือแทน
  8. [7] ในแง่ของจิตวิทยาด้านพฤติกรรม การเสริมแรงคือสิ่งที่คุณทำหรือให้อีกฝ่ายหลังจากที่เขามีพฤติกรรมแบบใดแบบหนึ่ง เป้าหมายของการเสริมแรงคือการเพิ่มอัตราพฤติกรรมนั้น
    • การเสริมแรงอาจจะหมายถึงการให้รางวัลพฤติกรรมดีที่คุณอยากให้เกิดขึ้นต่อไป หรือลงโทษพฤติกรรมที่คุณอยากกำจัด การเสริมแรงเชิงบวกเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะพฤติกรรมที่ไม่ดีมักสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าพฤติกรรมที่ดี คอยสังเกตพฤติกรรมที่ดีเพื่อที่คุณจะได้หาโอกาสเสริมแรงในทุกๆ ครั้ง
    • เช่น ถ้าคนดื้อเงียบเปิดใจและพูดถึงความรู้สึกของเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันรู้สึกว่าเธอจงใจแกล้งฉัน!” นั่นเป็นเรื่องที่ดี! เสริมแรงพฤติกรรมนี้ด้วยการพูดว่า “ขอบคุณมากนะที่บอกฉันว่าเธอรู้สึกยังไง ฉันขอบคุณเธอมากจริงๆ ที่เธอยอมบอกฉันว่าเธอรู้สึกยังไง”
    • วิธีนี้จะดึงความสนใจเชิงบวกไปที่พฤติกรรมที่ดี ซึ่งก็คือการสื่อสารความรู้สึกของเขาออกมา โดยจุดนี้จะเป็นจุดที่คุณใช้ในการเปิดการสนทนาได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การที่คุณบ่น ตำหนิ หรือโกรธจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น และทำให้อีกฝ่ายมีข้ออ้างและข้อแก้ตัวที่จะปฏิเสธไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
  • การเล่นตามเกมของเขาหรือรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาจะยิ่งกระตุ้นให้เขาแสดงพฤติกรรมดื้อเงียบมากกว่าเดิม
  • คนที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นมักจะภูมิใจว่าเขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,066 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา