ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรื่องแม่สามีตัวแสบเป็นเรื่องที่พูดกันมาไม่รู้ตั้งแต่สมัยไหน แต่ถ้าฝ่ายที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและสร้างความขัดแย้งคือลูกสะใภ้ (หรือลูกเขย) เองล่ะ ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกสะใภ้หรือลูกเขยไม่ราบรื่นนัก และคุณก็รู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน คุณก็ต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองให้มากๆ การยอมรับว่าเขาหรือเธอคือคนที่ลูกของคุณเลือกมาเป็นคู่ชีวิตคือสิ่งสำคัญ และก็มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อ "หล่อเลี้ยงความสัมพันธ์" และปูทางสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติในความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก จริงๆ แล้วลูกสาว/ลูกชายของคุณอีกคนหรือลูก ลูกสะใภ้/ลูกเขย ของคุณเขาต้องการความช่วยเหลือด้านจิตใจหรือเปล่า ซึ่งคุณเองก็สามารถช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้ได้ด้วย

  • เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ต่อไปนี้ขอใช้คำว่าลูกสะใภ้แทนลูกสะใภ้จอมแสบ
  1. ลูกชาย/ลูกสาวของคุณรักผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจว่าลูกเห็นอะไรในตัวเธอก็ตาม นึกถึงเพลงฝรั่งสมัยก่อนที่บอกว่า "เมื่อผู้ชาย/ผู้หญิงรักผู้หญิงสักคนแล้ว ถึงเธอจะเลว เขาก็ไม่เห็น ทำอะไรเธอก็ไม่ผิด ถ้าเพื่อนของเขาทำเธอผิดหวัง เขาก็พร้อมจะหันหลังให้เพื่อน" นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด เพราะฉะนั้นในการรับมือกับเธอ ไม่ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของคุณจะเป็นอย่างไร คุณห้ามพูดไม่ดีเกี่ยวกับเธอให้ลูกชายฟังเด็ดขาด
  2. เธออาจจะเป็นคนหยาบคายที่ไม่รู้จักกาลเทศะ เธออาจจะเป็นผู้หญิงตลาดล่างที่ไม่มีสมองเอาเสียเลย เธออาจจะพูดจาหยาบคายเหมือนชาวบ้านร้านตลาดในขณะที่ครอบครัวของคุณประพฤติตัวเป็นสุภาพชน เข้าวัดตักบาตรทำบุญอยู่เสมอ ถึงเธออาจจะเป็นคนใจดำ อำมหิต หรือเป็น คนหลงตัวเองที่ชอบควบคุมและบงการ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะหนักใจแค่ไหนตราบใดที่เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการ คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แค่ สุภาพ กับเธอเหมือนที่คุณสุภาพกับคนแปลกหน้าก็พอ
    • ข้อยกเว้นข้อเดียวก็คือถ้าคุณมีเด็กเล็ก (เช่น คุณมีหลานที่เกิดจากลูกคนอื่นๆ ของคุณ) อยู่ด้วยแล้วเธอก็สบถออกมาไม่หยุด คุณก็อาจจะพูดแบบสุภาพว่า "หนู ช่วยระวังคำพูดตอนที่เด็กๆ อยู่ด้วยได้ไหมจ้ะ ถ้าเด็กๆ จำไปพูดต่อล่ะเรื่องใหญ่แน่ๆ แล้วแม่ก็ไม่อยากให้เด็กๆ จำไปจากบ้านนี้ด้วย ขอบใจนะ" ไม่ว่าเธอจะน่ารังเกียจขนาดไหน ให้ นิ่ง เยือกเย็น หนักแน่น และสุภาพเข้าไว้
  3. ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาความสัมพันธ์กับลูกชายเอาไว้ คุณก็อาจจะไม่อยากสนับสนุนความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้เลย ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจของคุณ เพราะฉะนั้นแค่สร้างขอบเขตขึ้นมาเพื่อให้เขาสองคนเข้าใจตั้งแต่ต้นก็พอ [1]
    • ถ้าลูกสะใภ้เยาะเย้ยหรือวิจารณ์สมาชิกในครอบครัวคนอื่น (เช่น ลูกสะใภ้ของคุณอีกคนหนึ่ง) อย่างเผ็ดร้อน ให้พูดว่า "ถึงเธอจะแต่งตัวไม่ค่อยเป็น แต่เธอก็เป็นคนที่อ่อนหวานที่สุดเท่าที่แม่รู้จักคนนึงเลย แล้วแม่ก็รักเธอมากๆ" วิธีนี้เป็นวิธีที่บอกให้เธอรู้ว่าคุณไม่ได้สนใจฟังคำนินทาว่าร้าย​ แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้ว่ากล่าวอะไรเธอด้วย
    • ถ้าจู่ๆ เธอก็โผล่มาแบบไม่บอกกล่าว ไม่ต้องโกหก แต่ให้หยุดเธอไว้ที่หน้าประตูพร้อมกับแสดงความเสียใจแต่หนักแน่นว่า "ขอโทษทีนะอ้อย แล้วลองนึกถึงตอนที่ลูกมีธุระต้องทำ​ ตอนนี้แม่ก็มีธุระต้องไปทำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้แม่ต้องไปแล้ว แล้วถ้าจะให้ดีลูกควรจะโทรมาบอกก่อน จะได้แน่ใจว่าแม่ไม่ได้กำลังอาบน้ำ เต้นแก้ผ้า หรือทำอย่างอื่นอยู่" จากนั้นยิ้มแล้วหันหลังกลับไป ถ้าเธอบอกคุณว่าเธอขอไปด้วย ให้บอกเธอว่าคุณกำลังจะไปรับเพื่อนและนี่ก็เป็นเวลาที่คุณจัดสรรไว้เพื่อไปหาเพื่อน บอกเธอว่าคุณไม่ค่อยได้อยู่กับเพื่อนเท่าไหร่ และคุณก็คงไม่ชอบใจถ้าเพื่อนเอาใครไปด้วยในนาทีสุดท้าย ซึ่งในครั้งนี้คุณเองก็จะเคารพมารยาทสังคมเล็กๆ น้อยๆ นั้นด้วย "...แต่ถ้าลูกบอกแม่ก่อนว่าลูกจะมา แม่ก็จะนัดเวลากับบุญมีเขาใหม่ ไม่ก็ถามเขาว่าให้ลูกไปด้วยได้ไหม ครั้งหน้าน่าจะไม่มีปัญหานะ!"
    • พูดเชิงบวกเข้าไว้
  4. นึกไว้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะกลายเป็นแม่ของหลานคุณ. เธอจะควบคุมการเข้าถึงหลานๆ ทุกคนที่เกิดจากการแต่งงานของเธอกับลูกชายของคุณ วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปเยี่ยมบ่อยๆ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ กัดลิ้นไว้ไม่ให้พูดเพื่อรักษาความเป็นสุภาพชน อย่าวิจารณ์การเลี้ยงลูกของเธอ อย่าโกรธถ้าเธอเปลี่ยนแผนการในนาทีสุดท้าย แล้วปล่อยให้คุณคอยเก้อทั้งที่คุณวางแผนไว้แล้วว่าจะเอาหลานมาอยู่ด้วยในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะนี่เป็นหนึ่งในวิธีที่บางคนใช้ควบคุมสถานการณ์และคนอื่น (อ่าน วิธีการรู้ทันแฟนประเภท 'จอมบงการ' ) สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือ เข้าใจว่าเธอมีอำนาจสูงสุดในการบอกให้ลูกทำอะไร อย่าหลอกตัวเองว่าคุณมีสิทธิ์มากมายขนาดนั้น เพราะศาลมักจะไม่เข้าข้างปู่ย่าตายายยกเว้นว่าพ่อและ/หรือแม่จะถูกศาลสั่งว่าเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมในการเลี้ยงดูบุตรหรือถูกจับข้อหาร้ายแรง แค่พยายามรักษาความสัมพันธ์ให้ดำเนินต่อไปได้ แม้ว่าคุณจะต้องกัดลิ้นจนเลือดท่วมปากก็ตาม
  5. แต่ก็ระวังด้วย อย่าเอาแต่ร่ายนิสัยที่น่ารังเกียจของลูกสะใภ้ แต่ให้พยายามคุยกับลูกแบบละมุนละม่อมและไม่วิพากษ์วิจารณ์ บอกว่าปัญหาคืออะไร จากนั้นขอให้ลูกแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่คุณเสนอ
    • ตัวอย่าง 1: ลูกสะใภ้จะต้องพาหลานมาค้างกับคุณในคืนวันศุกร์ แต่กลับไม่มา คุณรออยู่ชั่วโมงครึ่งแล้วจึงโทรหาลูกชายด้วยความกังวลและไม่พอใจ แล้วก็มารู้จากลูกว่าพวกเขาเปลี่ยนแผนและไม่มาเยี่ยมแล้ว คุณควรรอให้ผ่านวันนั้นไปก่อน จากนั้นโทรหาลูกชายหรือลูกสาวอีกครั้งเพื่อพูดคุยถึงวิธีการรับมือกับปัญหานี้อย่างเหมาะสม
      • คุณ: "จ๊อบ ลูกถามพ่อกับแม่ว่าอยากให้เด็กๆ มาค้างด้วยช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วหรือเปล่า ซึ่งอ้อยก็ควรจะต้องมาส่งเด็กๆ ตอน 5 โมงเย็นวันศุกร์แล้วก็มารับกลับตอนบ่ายวันอาทิตย์ แต่วันศุกร์อ้อยก็ไม่มา แล้วพอแม่รอถึง 6.30 พ่อกับแม่ก็เริ่มกังวล แม่ก็เลยต้องโทรไปหา​ ลูก ถึงจะรู้ว่าลูกเปลี่ยนแผนแล้ว ซึ่งลูกเองก็รู้เรื่องนี้กันตั้งแต่วันพฤหัส"
      • จ๊อบ (ลูกชายของคุณ): "ขอโทษครับแม่ ผมคิดว่าอ้อยโทรไปบอกแม่แล้ว และอ้อยก็คิดว่าผมโทรไปบอกแม่แล้ว ก็เลยคลาดกันน่ะครับ เราสองคนยุ่งมาก แล้วเราก็เปลี่ยนแผนกันในนาทีสุดท้าย ผมขอโทษนะครับแม่"
      • คุณ: "แม่เข้าใจว่าครั้งนี้มันคลาดกันไปหน่อย แต่มันก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แล้วเรื่องของเรื่องคืออ้อยไม่เคยโทรมาบอกพ่อกับแม่เลยว่าเปลี่ยนแผน แต่ต้องเป็นแม่ที่โทรไปหา ลูก ถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกไม่คิดถึงใจเขาใจเรากันบ้างเลย พ่อกับแม่ก็มีชีวิตของเราเองเหมือนกัน แล้วเราก็ยุ่งเหมือนลูกนั่นแหละ เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วเราเคลียร์ตารางไว้เพื่อให้เด็กๆ มาอยู่กับเรา พ่อเองก็ต้องปฏิเสธไม่ไปตกปลากับเพื่อนๆ ต่อไปแม่อยากให้ลูกโทรมาบอกแม่ก่อนอย่างน้อย 1 วันล่วงหน้าถ้าแผนเปลี่ยน แต่ไม่ว่ายังไง แม่อยากให้ ลูก เป็นคนโทรมาแทนที่จะคิดว่าอ้อยจะเป็นคนโทร แม่ไม่อยากทำตัวเป็นแม่สามีใจร้ายที่ก่อปัญหาให้ภรรยาของลูกหรอกนะ แต่แม่ก็ไม่อยากถูกทิ้งให้คอยเก้อ ทำเหมือนแม่เป็นของตายที่ลูกจะทำยังไงก็ได้ แม้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เถอะ เพราะฉะนั้นลูกสัญญากับแม่ได้มั้ยว่าต่อไปถ้าแผนเปลี่ยนและลูกไม่มาแล้ว ลูก จะเป็นคนโทรมา ไม่ใช่อ้อย"
    • ตัวอย่าง 2: ในสถานการณ์กลับกัน อ้อยเอาลูกมาและจู่ๆ ก็จะมาฝากลูกไว้กับคุณเสมอ ทำให้คุณแทบไม่มีหรือไม่มีเวลาของตัวเองเลย และทำเหมือนว่าคุณเป็นผู้ช่วยที่จ้างมาหรือเป็นบริการเลี้ยงเด็กส่วนตัวของเธอ พอเธอหันหลังกลับก็ให้เรียกเธอ
      • คุณ: "อ้อย แม่ต้องขอโทษด้วย แต่ตอนนี้แม่ดูเด็กๆ ให้ไม่ได้หรอก"
      • อ้อย: "หนูรู้ค่ะว่าหนูบอกคุณแม่กระชั้นชิดเกินไป (แต่จริงๆ แล้ว ไม่มี การบอกล่วงหน้าเลยต่างหาก) แต่ขอร้องล่ะนะคะคุณแม่ หนูต้องไปทำ..." (ขณะที่เธอกำลังพาเด็กๆ มาที่ประตู)
      • คุณ: (ยืนนิ่งๆ ตรงทางเข้าประตู) ลูกจ้ะ แม่ขอโทษนะ แต่ครั้งนี้แม่ดูเด็กๆ ให้ไม่ได้จริงๆ แม่ก็อยากดูให้หรอก แต่ลูกต้องบอกแม่ล่วงหน้า แม่มีนัดที่เลื่อนไม่ได้ และแม่ก็เอาเด็กๆ ไปกับแม่ไม่ได้ด้วย"
      • อย่า อ่อนข้อ เพื่อ "รักษาความสงบ" เพราะมันไม่ได้ผลหรอก เธอก็จะยังทำแบบนี้ต่อไป และใจคุณก็จะเดือดพล่านด้วยความโกรธ และในที่สุดคุณก็อาจจะระเบิดออกมาและพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ทำให้เกิดรอยร้าวใหญ่ในครอบครัว [2] แต่ให้ยืนหยัดในสิ่งที่คุณพูดอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่น และกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน [3] จากนั้นก็โทรหาลูกชาย
      • คุณ: "แม่เดาว่าอ้อยคงไปบอกลูกว่าวันนี้แม่ "ใจดำ" กับเธอและไม่ยอมดูลูกให้"
      • จ๊อบ: "ครับแม่" (เขาอาจจะเข้าใจและไม่โกรธคุณ แต่โมโหที่ภรรยาของเขาโกรธคุณเรื่องนี้และไม่รู้จะให้เธอเลิกว่าคุณได้อย่างไร)
      • คุณ: "แม่ก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันจ้ะ แต่ลูกจ๊ะ แม่เองก็มีชีวิตของแม่เหมือนกัน และหลังๆ มานี่อ้อยก็ทึกทักเอาเองว่าแม่ช่วยดูลูกให้ได้เวลาที่เธออยากออกไปชอปปิ้งกับเพื่อนๆ หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ แม่ไม่ชอบถูกทำเหมือนของตายหรอกนะ แม่เองก็ไม่อยากก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่นี่หรอก แล้วแม่ก็ไม่ได้อยากทำร้ายความรู้สึกเธอด้วย แม่รักหลานๆ และแม่ก็อยากอยู่กับหลานๆ เสมอ แต่จ๊อบ แม่แค่อยากให้บอกกันล่วงหน้าสักหน่อย แค่อยากให้อ้อยคิดถึงแม่สักนิดว่าการดูแลเด็กเล็กมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแม่ ถึงแม่จะรักหลานๆ แต่แม่ก็แก่แล้ว แม่เลี้ยงลูกๆ ของแม่ มาแล้ว และอย่างน้อยเธอก็ควรถามแม่ก่อนว่าแม่สะดวกจะดูหลานๆ ให้มั้ย แทนที่จู่ๆ ก็เอามาโยนให้แม่ ลูกช่วยคุยกับเธอให้หน่อยได้มั้ย แม่คิดว่าถ้าลูกพูดเองเธออาจจะฟังลูกมากกว่า แต่ต่อไปแม่อยากให้เธอโทรมาบอกแม่ก่อน แค่ 2-3 ชั่วโมงก่อนหน้าก็ยังดี อย่างน้อยให้แม่ได้มีทางเลือกว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ แค่นี้แม่ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ"
      • เช่นเดียวกันคือ ไม่ว่าคุณจะคิดว่าอ้อยไม่รู้กาลเทศะและไม่มีมารยาทขนาดไหน คุณก็ควรจะพูดถึงความรู้สึก ของคุณ มากกว่าจะไปวิพากษ์วิจารณ์เธอ จ๊อบจะต้องเข้าใจแน่นอน และถ้าคุณให้เขาไปคุยกับภรรยาของเขาได้แทนที่จะปล่อยให้คุณเป็นฝ่ายปฏิเสธเธอร่ำไป ความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนก็จะราบรื่น แต่ถ้าจ๊อบพยายามแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะว่าภรรยาของเขาเป็นพวกที่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้แม้ว่าคนอื่นจะไม่สะดวกขนาดไหนก็ตาม คุณก็ต้องกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนและไม่ยอมอ่อนข้อให้ [4] คำแนะนำ: อย่าดูหลานให้ถ้าเธอไม่ได้บอกก่อน 24 ชั่วโมง แต่จ๊อบกับอ้อยต้องรู้กฎข้อนี้ บอกพวกเขาว่าคุณก็มีชีวิตของตัวเองเหมือนกันและถ้าบอกก่อนล่วงหน้า 1 วัน คุณจะดูแลหลานๆ ให้ได้ แต่ถ้าหลังจากนั้นคุณจะไม่สะดวก พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเธอโทรมาและขอให้คุณช่วยดูหลานให้ 1 ชั่วโมงก่อนหน้า คุณก็แค่บอกว่าคุณมีแผนจะทำอย่างอื่น ถ้าคุณหนักแน่นและไม่ปล่อยให้เธอบังคับคุณ แต่แค่บอกเธอโดยไม่อธิบายอะไรมากอย่างอดทนและใจเย็น ไม่ช้าเธอก็จะรู้ว่าเธอจะมาหวังให้คุณช่วยดูหลานๆ ให้ไม่ได้
  6. ถ้าลูกชายของคุณมีลูกกับผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับเธอ หลานๆ ก็ยังต้องการแม่ [5] การพยายามสร้างรอยร้าวระหว่างหลานๆ กับแม่มีแต่จะสร้างความบาดหมางระหว่างคุณกับลูกชายและหลานๆ แต่ให้ยอมรับว่า ถึงเธอจะไม่ใช่ลูกสะใภ้ในฝัน แต่เธอก็เป็นลูกสะใภ้ในความจริง ของคุณ เลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับเธอแบบไหนก็ได้เพื่อให้คุณยังได้ติดต่อกับลูกชายและหลานๆ
  7. ถ้าคุณรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไร้สาระ ก็ให้ชมเธอ ถ้าคุณรู้ว่าเธอขี้นินทา ก็ไปอยู่ตรงอื่นเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องร่วมวงด้วย ถ้าเธอพูดหยาบคายและคุณไม่พอใจ อย่าว่ากล่าวเธอในบ้าน ของเธอ แต่คุณสามารถบอกให้เธอพูดจาดีๆ หน่อยในบ้าน ของคุณ ได้ ถ้าเธอวิจารณ์ฝีมือทำอาหาร รสนิยมการตกแต่ง การแต่งตัวของคุณอย่างรุนแรง ก็ปล่อยไป เรียนรู้ วิธีรับมือกับคนที่เหมือนมาจากโลกอื่น รับฟังอย่างสุภาพและตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูดให้ดี จากนั้นก็ไปทำอะไรต่อมิอะไรที่คุณอยากทำ ถ้าเธอ แค่ รับมือได้ยาก นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะคาดหวังจากเธอได้ แต่ถ้าเธออันตราย อันนี้จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง (เช่น เหตุผลที่ทำให้คุณรับมือกับเธอได้ยากในบางครั้งก็เพราะว่าเธอเมา ติดยา และอื่นๆ) และในกรณีแบบนั้นคุณก็ควรติดต่อฝ่ายคุ้มครองเด็ก (หรือองค์กรที่คุ้มครองเรื่องเดียวกัน)
  8. รู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนให้เธอ เพราะคุณเองก็ไม่ได้อะไรจากการบ่นเธอให้ลูกชายฟังเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าคุณแสดงความรู้สึก กำหนดขอบเขตชัดเจน และขอให้ลูกชายช่วยพูดให้แล้ว แต่ก็แทบจะไม่ได้ผลหรือไม่ได้ผลเลย ก็แค่ปล่อยไปตามน้ำ ทั้งหมดที่คุณจะทำได้ก็คืออย่าปล่อยให้เธอมาทิ้งหลานๆ ไว้ให้คุณเลี้ยงชนิดไม่บอกกันล่วงหน้าและไม่มีเหตุจำเป็นอยู่เสมอ และอื่นๆ​ ถ้าเธอมีปากเหมือนกรรไกรที่คอยวิพากษ์วิจารณ์หรือถากถางคนอื่นอยู่เสมอ ก็แค่ปล่อยผ่าน และ อย่า วิจารณ์หรือพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอให้หลานๆ ฟัง เพราะอย่างไรเธอก็เป็น แม่ ของหลานๆ และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบใจแค่ไหน แต่แม่ก็ชนะย่า เสมอ อย่างน้อยก็จนกว่าหลานๆ จะโตพอที่จะเห็นว่าแม่เป็นคนที่รับมือด้วยได้ยาก น่าสับสน และหลงตัวเองแค่ไหน พยายามเข้ากับเธอให้ได้เพื่อหลานๆ เพื่อที่คุณจะได้เป็นคนที่สร้างความมั่นคงและความเมตตาในชีวิตของพวกเขา และหวังว่าสิ่งนั้นจะช่วยบรรเทาความเสียหายที่เธอก่อไว้กับพวกเขาได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยายามอย่าไปลงกับลูกชาย
  • คิดเสียว่าคุณเปลี่ยนเธอไม่ได้​ แต่คุณเปลี่ยนวิธีที่จะตอบโต้กับเธอได้​ คิดอย่างนี้ได้คุณก็จะสบายใจ
  • ถ้าเธอวิจารณ์คุณอย่างไม่รักษาน้ำใจหรือไม่ไว้หน้า ก็อย่าเสียเวลาโกรธเธอเป็นชั่วโมง​ๆ​ จำไว้ว่าคำพูดคำจาที่ไม่น่ารักบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเธอมากกว่าตัวคุณ
  • ทัศนคติที่ดี และการเต็มใจที่จะทำให้ดีที่สุดไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างคุณกับผู้หญิงคนนี้จะเป็นอย่างไรจะช่วยคุณได้ในระยะยาว
  • แสดงการให้เกียรติ​ แม้ว่าเธอจะไม่ให้เกียรติคุณก็ตาม
  • รู้ว่าเธออาจจะขี้อาย​ ไม่ไว้ใจใคร​หรือพยายามที่จะได้รับการยอมรับจากครอบครัวมากเกินไป​ และการพยายามมากเกินไปนี้เองที่ทำให้เธอล้ำเส้นปกติเข้ามา ซึ่งมันอาจจะเหมือนเป็นความขัดแย้งที่มีมานาน แต่ในความเป็นจริงแล้วพอผ่านไปสักพักมันก็อาจจะค่อย​ๆ​ กลืนไปเรื่อยๆ​ เพราะเธอก็รู้สึกว่าครอบครัวต้อนรับเธอและเธอก็เป็นคนในครอบครัว ถ้าคุณต้อนรับขับสู้เธอมาตลอด​แต่กลับถูกปฏิเสธ​ ก็ให้ต้อนรับเธอด้วยดีเหมือนเดิมจนกว่าเธอจะรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง​ ไม่ใช่ลูกจอมเจ้ากี้เจ้าการที่ควบคุมไม่ได้​ หรือเป็นคนแปลกหน้าที่เย็นชา​ ห่างเหิน​ หรือน่ารังเกียจ
  • ยอมรับว่าคนบางคนก็เหมือนน้ำกับน้ำมันที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้​ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคุณหรือเธอเป็นคนใจจืดใจดำ​ แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าบุคลิกของคุณสองคนไม่เข้ากัน​ เราทุกคนต่างมีคนที่เราไ​ม่ชอบ​ ถ้าคุณยอมรับได้ว่าเธอไม่มีวันจะเป็นคนโปรดของคุณและพยายามเห็นคุณค่าของช่วงเวลาที่คุณ สามารถ อยู่ร่วมกับเธอได้​ คุณก็จะรับมือกับเรื่องนี้ได้ดีขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • ลูกชายของคุณอาจจะไม่ชอบที่คุณด่าว่าเธอแรงๆ​ เพราะฉะนั้นอดทน​และอดทนไว้
  • การที่คุณไม่พอใจเธออาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต​ เพราะฉะนั้นถ้าคุณสามารถ​ "เริ่มใหม่" ได้ทุกครั้งที่คุณเจอเธอ​ หรือพูดอีกอย่างคือคุณสามารถลืมเหตุการณ์ในอดีตและมองเธอเหมือนว่าเธอไม่เคยทำให้คุณไม่พอใจมาก่อนได้ทุกครั้ง​ คุณก็จะไม่ต้องเคียดแค้นหรือหล่อเลี้ยงความผิดหวังเก่าๆ​ และไม่ต้องมานั่งนับว่ามันเกิดขึ้นกี่ครั้งแล้วในใจ
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,544 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา