ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การทำร้ายแสดงออกมาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะถูกแฟนหนุ่มครอบงำทางอารมณ์ ถูกทำให้อับอายซ้ำซาก ถูกตำหนิ หรือถูกทำให้ขายหน้า นั่นหมายความว่าคุณกำลังอดทนอยู่กับการทำร้ายทางอารมณ์ (Emotional abuse) ถ้าคุณเคยถูกแฟนหนุ่มทำร้ายทางร่างกายหรือล่วงละเมิดทางเพศ นั่นหมายความว่าคุณกำลังอดทนอยู่กับการทำร้ายทางร่างกาย (Physical abuse) วิธีเดียวที่จะช่วยให้คุณรับมือกับแฟนหนุ่มที่ชอบทำร้ายได้ก็คือการยุติความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเอง นอกจากนี้ คุณต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับเรื่องนี้โดยทันดี แล้วเดินหน้าต่อไป

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

หลีกหนีจากการทำร้าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่ช่วยเหยื่อจากการถูกทำร้าย ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรหรือถ้าคุณแค่อยากจะพูดกับใครสักคนถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายหรือไม่ก็ตาม ให้ลองเลือกแหล่งขอความช่วยเหลือดังต่อไปนี้ ในกรณีที่คุณใช้ชีวิตร่วมกับแฟนหนุ่มที่ชอบทำร้าย ให้ระวังการใช้คอมพิวเตอร์ภายในบ้านหรือโทรศัพท์มือถือของคุณให้ดี เพราะเว็บไซต์ที่คุณเข้าหรือหมายเลขที่คุณโทรนั้นอาจจะถูกเก็บไว้ที่ประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือประวัติการโทร ซึ่งเขาอาจจะคอยติดตามอยู่ก็เป็นได้
    • ในประเทศไทย: http://www.violence.in.th/ หรือสายด่วนศูนย์ประชาบดี โทร 1300
    • ในสหรัฐอเมริกา: http://www.thehotline.org/ :สายด่วนความรุนแรงในครอบครัวแห่งชาติ โทร 1-800-799-7233(SAFE)
    • ในสหราชอาณาจักร: http://www.womensaid.org.uk/ : องค์กรช่วยเหลือสตรี โทร 0808 2000 247
    • ในประเทศออสเตรเลีย : https://www.1800respect.org.au/ : ศูนย์บริการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว (1800respect) โทร 1800 737 732
    • ในระดับสากล http://www.hotpeachpages.net/ : เจ้าหน้าดูแลปัญหาความรุนแรงในครอบครัวนานาชาติ
  2. คนที่ชอบทำร้ายโดยทั่วไปมักจะทำให้เหยื่อเชื่อว่าเป็นความผิดของตัวเอง การที่แฟนหนุ่มทำตัวก้าวร้าว รุนแรง หรือพยายามควบคุมคุณนั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ ให้รู้ไว้ว่าความสัมพันธ์ของคุณจะยังเป็นอันตราย แม้ว่า:
  3. การทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจนั้นควรจะพิจารณารับมือด้วยการยุติความสัมพันธ์ อย่าคำนึงถึงความรักที่มีให้แก่กัน เวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ว่าคุณจะมีลูกหรือสัตว์เลี้ยง หรือแม้ว่าคุณจะใช้ชีวิตร่วมกันก็ตาม เพราะสุดท้ายความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายทางกายและจิตใจต้องสิ้นสุดลง ให้เริ่มวางแผนที่จะยุติความสัมพันธ์อย่างปลอดภัยให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ [5]
    • คิดถึงที่ที่คุณจะไปเมื่อคุณยุติความสัมพันธ์กับเขาแล้ว
    • นึกถึงสิ่งที่คุณต้องเอาติดตัวไปด้วย ถ้าถึงเวลาจำเป็นจริงๆ ให้เตรียม “กระเป๋าฉุกเฉิน” แล้วซ่อนเอาไว้เพื่อให้คุณพร้อมที่จะออกไปข้างนอกได้ตลอดเวลา [6]
    • ถ้าคุณแบ่งปันข้อมูลในโทรศัพท์มือถือร่วมกัน ให้จำไว้ว่าโทรศัพท์หลายๆ ชนิดมีระบบติดตามด้วยจีพีเอส (GPS tracking) ซึ่งเขาจะหาตัวคุณหรือคอยติดตามคุณผ่านโทรศัพท์ได้ ให้พิจารณาทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้แล้วไปซื้อโทรศัพท์และเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่
    • ตัดสินใจว่าคุณจะต้องทำอะไรต่อไปเพื่อรักษาความปลอดภัยหลังจากยุติความสัมพันธ์แล้ว คุณต้องการคำสั่งศาลห้ามคู่กรณีเข้าใกล้คุณ (Restraining order) หรือไม่ หรือต้องการย้ายไปอยู่เมืองอื่น ต้องการเปลี่ยนตัวตนใหม่ หรือเปลี่ยนกลอนประตูหรือไม่
    • วางแผนรักษาความปลอดภัยให้กับคนอื่นๆ ด้วย ลูกหรือสัตว์เลี้ยงอาจจะต้องย้ายออกไปด้วยเช่นกัน และพวกเขาอาจจะอยู่หรือไม่สามารถอยู่กับคุณได้ ให้วางแผนอุปการะพวกเขาเมื่อคุณยุติความสัมพันธ์กับเขาแล้ว
  4. คุณควรจะต้องทำให้การยุติความสัมพันธ์นั้นชัดเจนโดยไม่มีความหวังที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมในภายภาคหน้า ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดหรือกลัวว่าจะถูกคุกคาม คุณก็ควรจะยุติความสัมพันธ์โดยไม่เจอหน้ากันหรือให้ใครสักคนเป็นตัวกลางถ้าคุณอยากจะยุติความสัมพันธ์ขึ้นมา
    • อย่าพยายามยุติความสัมพันธ์ในขณะที่คุณอยู่บ้านกับคนที่ทำร้ายคุณตามลำพัง ความตั้งใจของคุณอาจจะทำให้ความรุนแรงของเขาเพิ่มมากขึ้น และคุณอาจจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายระดับร้ายแรงได้
    • พิจารณายุติความสัมพันธ์ด้วยการเขียนจดหมายหรือบอกผ่านโทรศัพท์ แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีที่คุณใช้โดยปกติก็ตาม แต่ความปลอดภัยสำคัญกว่ามารยาททางสังคม
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณต้องขอยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มของคุณต่อหน้า ให้ทำในที่สาธารณะที่มีคนอื่นๆ อยู่ด้วย และให้สนทนาอย่างกระชับ
    • พูดสั้นๆ และเข้าประเด็นทันที คุณอาจจะพูดอะไรง่ายๆ อย่างเช่น “เราอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว” พยายามหลีกเลี่ยงประโยคประมาณว่า “ตอนนี้” “ณ เวลานี้” หรือ “จนกว่าคุณจะเปลี่ยน” ถ้าคุณคิดจะปิดประตูความสัมพันธ์ ก็ขอให้ปิดให้สนิท
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

รักษาความปลอดภัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทันทีที่คุณปลอดภัยจากการถูกทำร้ายแล้ว การพูดคุยกับหน่วยงานแล้วจัดการปัญหาตามกฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ หรืออย่างน้อยก็มองหาทางเลือกให้กับตัวเอง คุณควรจะรู้วิธีที่จะดำเนินคดีและเรียนรู้เกี่ยวกับการขอความคุ้มครองจากตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าการทำร้ายจะยุติลง
    • คุณควรจะติดต่อกับที่ปรึกษาความรุนแรงในครอบครัวและเรียนรู้ที่จะหาทางเลือกในการก้าวเดินต่อไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และระยะเวลาความสัมพันธ์ของคุณ ซึ่งบางครั้งการหางานใหม่ หาห้องเช่าใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆ ในชีวิตก็อาจจะทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวจะสามารถช่วยคุณได้
  2. [7] พยายามบันทึกทุกปฏิกิริยาที่คู่รักของคุณพยายามติดต่อคุณหลังจากยุติความสัมพันธ์ไปแล้ว เขียนรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าหรือทางโทรศัพท์ และเก็บหลักฐานทางกายภาพเอาไว้ เช่น อีเมล ข้อความที่ได้รับจากสื่อสังคม หรือข้อความตัวอักษร
    • คุณต้องบันทึกการติดต่อทุกอย่างที่คุณได้รับ โดยเฉพาะถ้าการติดต่อนั้นมีการคุกคามด้วยความรุนแรง ถ้าคุณทำให้ ให้บันทึกการทำร้ายร่างกายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะที่คุณเป็นเหยื่อและหลังจากยุติความสัมพันธ์ลงแล้ว
    • การทำแบบนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นในการฟ้องร้องทางกฎหมายกับคนที่ทำร้ายคุณ และยังช่วยในกรณีที่คุณต้องการคำสั่งศาลที่ห้ามคู่กรณีเข้าใกล้คุณอีกด้วย
  3. คำสั่งศาลห้ามคู่กรณีเข้าใกล้ หรือที่รู้จักกันในชื่อคำสั่งให้ความคุ้มครองบุคคล (ต่อการทำร้ายร่างกาย) จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายจากคนที่ทำร้ายคุณ ให้ยื่นหลักฐานที่เกี่ยวกับการทำร้ายทั้งหมดรวมทั้งจดหมายเขียนอธิบายถึงสถานการณ์การทำร้ายและความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนหนุ่มที่ทำร้ายคุณที่คุณมีต่อศาล พวกเขาจะช่วยแนะนำการกรอกข้อมูลเพื่อขอคำสั่งห้ามคู่กรณีเข้าใกล้ [8]
    • ถ้าศาลอนุมัติคำสั่งห้ามคู่กรณีเข้าใกล้ คำสั่งนี้จะต้องส่งไปยังคู่กรณีของคุณด้วย หลังจากที่ส่งคำสั่งไปแล้ว คุณจะต้องยื่นหลักฐานการคุ้มครองต่อศาล ให้ปรึกษาวิธียื่นหลักฐานกับเสมียนประจำศาล [9]
    • เก็บสำเนาคำสั่งศาลห้ามคู่กรณีเข้าใกล้ไว้ติดตัวตลอดเวลา เพื่อที่จะแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นได้เสมอเมื่อถึงเวลาจำเป็น คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณจะไปอยู่ตรงไหนและไม่รู้ว่าคู่กรณีของคุณตัดสินใจที่จะละเมิดคำสั่งเมื่อใด [10]
    • ตระหนักไว้ว่าคำสั่งห้ามคู่กรณีเข้าใกล้ไม่ได้ยืนยันความปลอดภัยของคุณอย่างแน่นอน [11] เพราะคำสั่งนี้จะทำให้คู่กรณีของคุณถูกจับกุมได้ง่ายขึ้นเมื่อถึงกรณีเกิดเหตุจริงๆ อย่างไรก็ตาม คำสั่งศาลอาจจะช่วยให้คู่กรณีออกห่างจากคุณได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  4. พอแล้วก็คือพอ เมื่อคุณยุติความสัมพันธ์กันแล้ว อย่าถอยกลับ ติดต่อ หรือกลับไปคืนดีกับเขา เพราะมันจบไปแล้ว ปล่อยให้เขาได้รับข้อความที่มีคำสั่งศาลห้ามคู่กรณีเข้าใกล้ก็พอ
    • ถ้าคุณเคยถูกทำร้ายอย่างทรมาน ก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีกแล้ว อย่าฟังข้อต่อรอง คำขอโทษ คำสัญญาที่แฟนหนุ่มของคุณบอกว่าจะ “ไม่ทำอีก” การทำร้ายทำลายทุกอย่าง และยังทำให้ความสัมพันธ์ยุติลงด้วย
  5. เมื่อคุณเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง ให้พยายามและหลีกเลี่ยงการกลับไปติดต่อกับคู่กรณี หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่คุณเจอเขาบ่อยๆ และเปลี่ยนกิจวัตรของตัวเองเพื่อไม่ให้เขารู้ที่อยู่ของคุณ [12] เราไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองให้อึดอัดหรือพาตัวเองไปเจอเรื่องอันตราย
    • ถ้าคุณไปเรียนหรือทำงานพร้อมกับคู่กรณี หรือเจอกันบ่อยๆ ให้พยายามไม่รับรู้การมีตัวตนของเขาให้มากที่สุด พยายามไปเดินกับคนอื่นตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปทำงาน เลิกงาน หรือไปขึ้นรถ คุณยังสามารถพูดคุยกับหัวหน้า เจ้าหน้าที่แผนกจัดการทรัพยากรมนุษย์ หรืออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อเปลี่ยนสถานที่ทำงาน เวลาทำงาน หรือเปลี่ยนตารางเรียนเพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวเองได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ก้าวต่อไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การที่เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาหาเหาใส่หัวตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้เพราะเกิดจากการครอบงำทางความคิดจากคนที่ทำร้ายพวกเขานั่นเอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครต้องรับผิดชอบกับการหาเหาใส่หัวตัวเอง [13] หลังจากที่การทำร้ายสิ้นสุดลงแล้ว ให้เริ่มต้นสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่จากตอนที่คุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่อันตราย
    • นัดพับกับนักบำบัดเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง
    • อยู่กับเพื่อนและครอบครัวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมขึ้นมาใหม่
    • มองหาความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวเองโดยที่ไม่มีการทำร้ายเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย [14]
  2. การพูดกับใครสักคนที่เข้าใจบาดแผลทางจิตใจจากการทำร้ายและเวทย์มนต์ที่ร่ายโดยคนที่ทำร้ายคุณนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ให้มองหาและเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือเรื่องความรุนแรงในครอบครัวใกล้บ้านให้เร็วที่สุดเพื่อเริ่มต้นการรักษา
  3. อารมณ์โกรธกว่าจะปลดปล่อยออกมาได้อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก แต่ก้นบึ้งของความโกรธมักจะซ่อนอยู่ภายใต้อารมณ์อื่นๆ ของคุณ ความโกรธไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ความโกรธเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง [15] ถ้าความโกรธเข้าครอบงำคุณ ก็ปล่อยมันไป และปลดปล่อยความโกรธแค้นออกไปกับการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงาน ออกไปวิ่ง ต่อยกระสอบทราย เล่นโยคะ ปลดปล่อยความโกรธแค้นออกไปให้หมด
    • ระวังตัวเองจะไปเปลี่ยนความโกรธเป็นพฤติกรรมเสี่ยงหรือพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง พยายามกำจัดความโกรธด้วยวิธีที่ปลอดภัย
  4. การทำร้ายจะทำลายเกราะของคุณจนคุณไม่เหลืออะไรป้องกันตัวเอง การสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ให้เป็นคนที่โดดเด่น น่ารัก น่าสนใจดังที่คุณเคยเป็นและสมควรที่จะเป็นอาจจะต้องใช้เวลานาน [16]
    • ปล่อยให้ตัวเองเสียใจสักพัก จากนั้นหาอะไรทำให้ตัวเองยุ่ง ในการยุติความสัมพันธ์นั้น คุณอาจจะอยากใช้เวลาสัก 1 สัปดาห์บนเตียงนอน ทำอะไรไม่ได้นอกจากเศร้าโศกเสียใจ การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การตระหนักถึงเวลาที่ควรลุกออกจากเตียงและก้าวต่อไปก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
    • พยายามหลีกเลี่ยงการจมปลักอยู่กับอดีตและความเสียใจมากเกินไป คุณได้มาจนถึงขั้นตอนสำคัญในการยุติความสัมพันธ์และก้าวต่อไปแล้ว แค่ดีใจกับตัวเองที่ไม่เสียเวลาไปกับคนแบบนี้ก็พอ หรือคุณจะกลับไปอยู่ในวังวนของการทำร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดต่อไป ให้คิดถึงอนาคตของตัวเองเข้าไว้
  5. สร้างรายชื่อคนที่เป็นห่วงคุณจริงๆ คิดถึงคนที่คอยช่วยเหลือคุณมาตลอด คนที่รักคุณหมดใจ และคอยให้กำลังใจคุณเวลาที่ยากลำบาก ครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนบ้านที่ไว้ใจ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่คุณต้องใช้เวลาร่วมด้วย ณ ตอนนี้ ปล่อยให้ตัวเราอยู่กับพวกเขา
  6. [17] อาจจะใช้เวลาสักพักกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น กว่าจะสามารถใช้เวลากับคนในครอบครัว หรือกว่าจะทำสิ่งเล็กๆ ได้โดยที่ไม่กลัวว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้แฟนหนุ่มขี้โมโหกลับมาดึงคุณไปอยู่ในวังวนของการทำร้ายอีก แต่คุณจะค่อยๆ เริ่มปล่อยวางความกลัวและความรู้สึกผิดที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่อันตรายนี้อย่างช้าๆ แล้วค้นพบความสนุกของชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตระหนักไว้ว่าคนที่ชอบทำร้ายจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และคุณก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา
โฆษณา

คำเตือน

  • ดูให้ดีว่าคุณ เพื่อน และครอบครัวต่างรักษาระยะห่างกับเขา
  • ไม่ต้องทำให้เขากลัวหรือเศร้า แค่ตอบโต้อย่างสงบและออกไปจากชีวิตเขา
  • ดูให้ดีว่าคุณได้ดูแลรักษาเด็กที่ถูกทำร้ายด้วยเช่นกัน
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
จบความสัมพันธ์
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 23,697 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา