เป็นธรรมดาที่คนเรานานๆ ทีก็มีฝันกลางวันหรือเพ้ออะไรไปตามเรื่องตามราวบ้าง บางทีคุณก็พบว่าตัวเองใจลอยไปไหนต่อไหนทั้งๆ ที่ตอนนั้นต้องตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แต่ก็มีหลายคนที่หนักข้อถึงขั้นฝันเฟื่องหรือฝันกลางวันเพื่อหนีปัญหาหรือให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แบบนี้เขาเรียกเข้าข่าย "โรคฝันกลางวัน" หรือ maladaptive daydreaming ถือเป็นอันตรายที่จะกีดกันคุณจากการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ กระทั่งแทรกแซงชีวิตประจำวันของคุณ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นโรคฝันกลางวัน ก็ลองมาศึกษาอาการดูและเรียนรู้วิธีรับมือกับมัน
ขั้นตอน
-
คุณใจลอยจริงจังถึงขั้นเป็นโรคหรือเปล่า. เพราะทุกคนก็ฝันกลางวันกันเป็นปกติ คุณอาจมองว่าถึงคุณฝันกลางวันแบบจริงจังและบ่อยแค่ไหนก็ยังถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเข้าข่ายอันตรายก็คือคุณจะมีปัญหากับการควบคุมพฤติกรรมฝันกลางวันของคุณ รู้สึกแย่ที่ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ จนหนักเข้าก็กลายเป็นความละอายไป และอาจเริ่มฝันกลางวันแบบไม่ถูกที่ถูกทาง [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- คำว่า "โรคฝันกลางวัน" หรือ "maladaptive daydreaming" นั้นถูกคิดค้นขึ้นในปีพ.ศ. 2545 แต่ยังไม่ถือเป็นโรคที่ถูกบรรจุไว้ในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจก็อาจเป็นสาเหตุ. คนที่เป็นโรคฝันกลางวันหลายคนเคยถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจตอนที่ยังเด็ก จากการฝันเฟื่องไปตามเรื่องตามราวเลยพัฒนาไปเป็นการฝันกลางวันเพื่อหนีความเจ็บปวด และจะเริ่มได้รับผลกระทบจากการฝันกลางวันก็ตอนเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าคุณเคยถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ และประสบปัญหาจากโรคฝันกลางวัน ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัดจะดีกว่า
- เช่น การฝันกลางวันธรรมดาทั่วไปตอนเด็กๆ อาจพัฒนากลายเป็นการเพ้อฝันเพื่อหนีจากความเจ็บปวดจากการทารุณกรรมหรือประสบการณ์เลวร้ายได้
-
แยกให้ออก แบบไหนเรียกโรคฝันกลางวัน. นอกจากการทารุณกรรมในช่วงวัยเด็กแล้ว พฤติกรรมทางกายก็บอกให้รู้ได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ อย่างการโยนของไปมา หรือเอามือหมุนอะไรเล่นระหว่างฝันกลางวัน [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ส่วนอาการอื่นๆ ก็เช่น [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เอาแต่จะฝันกลางวัน เรียกได้ว่าเข้าขั้นเสพติด
- ฝันกลางวันแบบลงลึกถึงรายละเอียดจนน่าตกใจ
- แสดงความเพ้อฝันออกมา แต่ยังแยกได้ว่าอันไหนจริงอันไหนเป็นแค่ความฝัน (ไม่เหมือนกับคนเป็นโรคจิตเภทหรือโรคจิต)
- ฝันกลางวันจนเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำกิจวัตรประจำวัน (อย่างการกิน อาบน้ำ หรือนอน)
-
หาตัวกระตุ้นให้เจอแล้วหลีกเลี่ยงซะ. ตัวกระตุ้นให้คุณฝันกลางวันนั้นเป็นได้ทั้งสถานการณ์ สถานที่ ความรู้สึก หรือความคิด ที่จะมาเปิดสวิทช์ให้คุณเริ่มฝันกลางวันหรือกลับไปฝันกลางวันอีก คุณต้องหาให้เจอว่าอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นบ้าง ลองจดไว้ก็ได้ ว่าคุณมักฝันกลางวันตอนไหน เกิดอะไรขึ้นคุณถึงได้เริ่มฝัน เช่น คุณอาจจับทางได้ว่าฝันกลางวันบ่อยเวลาเดินเข้าไปในห้องไหน หรือชอบฝันกลางวัน (แถมฝันดีสมจริงสุดๆ) ตอนที่คุณกำลังเซ็งๆ คุณต้องหาตัวกระตุ้นพวกนี้ให้เจอ และหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
- เช่น ถ้าตัวกระตุ้นอยู่ในบ้านของคุณเอง คุณก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ประมาณว่าย้ายมาทำงานในห้องครัวแทนห้องนอน ไม่ก็ออกไปนอกบ้านซะเลย จะไปเดินเล่นก็ได้ หรือหาร้านกาแฟน่านั่งใช้เป็นที่ทำงานจำเป็นแทนการทำงานอยู่กับบ้าน [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
พักผ่อนให้เพียงพอ. คุณนอนหลับสนิทขึ้นได้ด้วยหลายวิธีด้วยกัน พยายามอย่าดื่มพวกคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพราะเดี๋ยวจะนอนตาค้างจนพักผ่อนไม่พอ และต้องจัดตารางเวลา เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมทุกๆ วัน เพิ่มกิจวัตรประจำวันก่อนนอนอย่างการแปรงฟัน อาบน้ำ และอ่านหนังสือเข้าไปด้วยก็ได้ ต่อไปนี้พอคุณทำเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่ สมองจะได้รู้ตัวว่าเกือบจะได้เวลานอนแล้ว [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- มีการวิจัยกันมาแล้วว่าถ้านอนน้อยเกินไปหรือหลับไม่สนิทก็เป็นสาเหตุให้เผลอใจลอยฝันกลางวันบ่อยๆ ได้ [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล หรือบางทีก็จำอะไรไม่ค่อยได้ มีปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง สมาธิสั้น ที่สำคัญก็คือฝันกลางวันพร่ำเพรื่อ
-
อย่าปล่อยให้หัวว่างระหว่างวัน. ใช้สมองหน่อย อย่าให้หัวว่างจนเผลอไปฝันกลางวัน เลือกกิจกรรมที่ต้องใช้สติปัญญาและสมาธิเป็นพิเศษ อย่างการอ่านหนังสือหรือการเล่น crosswords และจะยิ่งดีถ้าเป็นกิจกรรมที่ใช้ทั้งสมองและร่างกายอย่างการเล่นกีฬา (เช่น บาสเกตบอล) หรือการเต้นรำ อีกตัวเลือกคือการเข้าสังคม ชวนเพื่อนไปดื่มกาแฟกัน หรือร่วมกิจกรรมการกุศลบำเพ็ญประโยชน์ก็ดี
- มีทฤษฎีนึงที่เชื่อว่าการฝันกลางวันเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง เป็นเหมือนการปลอบใจหรือบรรเทาความเจ็บปวดกังวลใจให้เรา [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ลองผ่อนคลายตัวเองด้วยกิจกรรมบางอย่างแทนจะดีกว่า อย่างการทำอาหาร เล่นโยคะ หรือนัดเพื่อนสาวไปทำเล็บกัน
-
จดไว้วันนึงฝันกลางวันกี่ครั้ง จะได้ป้องกันถูก. ถ้าให้หักดิบเลิกฝันกลางวันเลยอาจจะยากอยู่สักหน่อย เพราะงั้นให้เริ่มจากการจับให้ได้ไล่ให้ทัน ว่าวันนึงเผลอฝันกลางวันไปกี่รอบ จากนั้นบังคับตัวเองให้ลดจำนวนครั้งลง เช่น ลองจับเวลาดูก่อนสัก 3 นาที ว่าระหว่างนี้เผลอเพ้อไปกี่ครั้ง จับทางตัวเองซ้ำๆ จนกว่าจะฝันกลางวันน้อยลง [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตอนแรกคุณคงยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันหรอก ดีไม่ดีจะสะดุ้งตื่นจากภวังค์เพราะนาฬิกาจับเวลาของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นไร คอยฉุดตัวเองจากฝันกลางวันด้วยนาฬิกาจับเวลาแบบนั้นไปก่อน จนกว่าจะรู้ตัวได้เอง [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การตั้งนาฬิกาปลุกไว้เป็นวิธีที่ดีในการจับตาดูตัวเอง คุณจะได้เฝ้าระวังการฝันกลางวันของตัวเองได้ และเพราะวิธีนี้เป็นการใช้เทคนิคปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะฉะนั้นก็จะเห็นผลในระยะยาว [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
จดบันทึกไว้จะได้ไม่หลุด. ตอนนี้อาจยังไม่ค่อยมีงานวิจัยหรือวิธีรักษาโรคฝันกลางวันแบบจริงจังมากนัก แต่หลายคนในชุมชนออนไลน์ของคนเป็นโรคนี้ ก็เห็นตรงกันว่าการจดบันทึกอาการของคุณไว้น่ะมีประโยชน์เลยทีเดียว ให้คุณบันทึกชีวิตประจำวันของคุณไว้ พวกความคิดความในใจต่างๆ จะได้เป็นการเรียบเรียงความคิด และไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างจนเผลอฝันกลางวัน [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การจดบันทึกฝันกลางวันของคุณก็ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบันมากขึ้นและฝันเฟื่องน้อยลง ถ้าจะให้ดีก็เขียนรายละเอียดไปด้วย ว่าฝันกลางวันนั้นส่งผลยังไงกับอารมณ์ของคุณ กระทั่งส่งผลยังไงกับชีวิตของคุณ
- ถึงจะยังต้องวิเคราะห์วิจัยกันอีกเยอะ ว่าทำไมการจดบันทึกถึงช่วยให้โรคฝันกลางวันของคุณนั้นดีขึ้นได้ แต่อย่างน้อยก็เห็นผลแล้วว่าการจดบันทึกนั้นช่วยให้คุณฉุกคิดมากขึ้น ให้โอกาสคุณได้สำรวจตัวเอง แถมยังผ่อนคลายความเครียดอีกด้วย [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ฝันกลางวันให้เป็นประโยชน์. พอรู้แล้วว่าตัวเองชอบฝันกลางวัน แถมรู้ด้วยว่าอะไรที่เป็นตัวกระตุ้น ก็ให้คุณเริ่มเจาะลึกว่าเวลาฝันแล้วคุณรู้สึกอย่างไร คุณอาจพบว่าบางฝันทำให้คุณเครียดหรือกลัว แต่ฝันกลางวันอื่นๆ ทำให้ตื่นเต้นมีแรงบันดาลใจ ถ้าพบว่าตัวเองชอบเผลอฝันเรื่องเดิมบ่อยๆ เหมือนกระตุ้นให้คุณทำอะไรสักอย่าง ก็ลองใช้มันเป็นแรงผลักดันทำไปตามฝันให้สำเร็จจริงๆ ซะเลย [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น คุณชอบใจลอยจินตนาการอยู่บ่อยๆ ว่าคุณได้อยู่ในเมืองนอก ทำงานอะไรที่ต่างออกไป กรณีนี้คุณทำฝันกลางวันให้กลายเป็นจริงได้ แค่ลงมือทำอะไรสักอย่าง อย่างการเดินทางหรือย้ายที่อยู่และหางานใหม่
-
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็ดีเหมือนกัน. ตอนนี้โรคฝันกลางวันยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นอาการทางการแพทย์ ยังไม่มีงานวิจัยรองรับมากพอ จึงยังไม่มียาหรือลักษณะการรักษาที่ชัดเจน เอาจริงๆ ถ้าคุณไปถามหายารักษาโรคนี้ที่ไหน ใครต่อใครเขาก็คงทำหน้าเหวอกัน ทางที่ดีไปปรึกษานักจิตบำบัดหรือจิตแพทย์จะตรงจุดกว่า เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวิเคราะห์เจาะลึกอาการฝันกลางวันของคุณได้
- เช่น ถ้าคุณเผลอฝันกลางวันทุกครั้งที่เครียดหรือรำคาญใจ คุณหมอเขาก็อาจแนะนำหาวิธีรับมือกับความเครียดหรือความโกรธให้คุณแทน
-
หาแนวร่วมในเน็ต. โรคฝันกลางวันยังเป็นโรคที่ใหม่มาก เลยยังไม่ค่อยมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหรือการรักษาที่ตรงจุด เรียกได้ว่าเป็นโรคที่ยังไม่ได้รู้จักกันในวงกว้างด้วยซ้ำ วิธีศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโรคฝันกลางวันได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะประสบการณ์ตรงและคำแนะนำในการปฏิบัติตัว ก็คือลองพูดคุยกับคนที่ประสบปัญหาหรือมีอาการเดียวกันตามเน็ตหรือเว็บบอร์ดนั่นเอง วิธีนี้นี่แหละที่คุณจะสามารถเจาะลึกเกี่ยวกับโรคนี้ได้มากที่สุด [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเพื่อรักษาโรคฝันกลางวันแล้วก็ให้ทำไปตามนั้นก่อน พออีกหน่อยมีคนรู้จัก วิเคราะห์วิจัยกันมากขึ้น ก็อาจมีวิธีรักษาหรือวิธีการรับมือใหม่ๆ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน
โฆษณา
เคล็ดลับ
- บางทีพอได้เปิดอกเปิดใจกับคนที่มีอาการเหมือนๆ กันก็อาจช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ทั้งเข้าใจถึงปัญหาและรักษาให้หายขาด
- หาคนคุยเถอะ! อย่าคิดว่าคุณอยู่ตัวคนเดียวในโลก! ยังมีอีกหลายคนเลยที่กำลังประสบปัญหาเดียวกับคุณ
โฆษณา
คำเตือน
- ห้ามรักษาโรคฝันกลางวันด้วยยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์เด็ดขาด พอเมาหรือเมาค้างเมื่อไหร่ ทีนี้ล่ะหลุดโลกแน่
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://books.google.com/books?id=jUwhAQAAQBAJ&pg=PA155&lpg=PA155&dq=compulsive+fantasy&source=bl&ots=g-Mezzrrsg&sig=pcMCZ09n6aA1eInbdko8FQ53_pI&hl=en&sa=X&ei=QrSNVZjcG8fytQWgoJVY&ved=0CDkQ6AEwBTgK#v=onepage&q=daydream&f=false
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21959201
- ↑ http://www.theatlantic.com/health/archive/2015/04/when-daydreaming-replaces-real-life/391319/
- ↑ http://www.somer.co.il/articles/2002Malaptdaydr.contemp.psych.pdf
- ↑ http://www.somer.co.il/articles/2002Malaptdaydr.contemp.psych.pdf
- ↑ http://www.medicaldaily.com/maladaptive-daydreaming-what-it-247629
- ↑ http://www.nova.edu/gsc/forms/client_handout_4_6_exercise_on_identifying_triggers.pdf
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/in-depth/sleep/art-20048379
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3946719/
- ↑ https://books.google.com/books?id=jUwhAQAAQBAJ&pg=PA155&lpg=PA155&dq=compulsive+fantasy&s
- ↑ https://www.interventioncentral.org/self_management_self_monitoring
- ↑ https://www.interventioncentral.org/self_management_self_monitoring
- ↑ https://www.interventioncentral.org/self_management_self_monitoring
- ↑ http://www.theatlantic.com/health/archive/2015/04/when-daydreaming-replaces-real-life/391319/
- ↑ http://www.goodtherapy.org/journal-therapy.html#
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/the-power-daydreaming/201001/how-work-your-daydreams
- ↑ http://www.theatlantic.com/health/archive/2015/04/when-daydreaming-replaces-real-life/391319/
โฆษณา