PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

เป็นเมนส์ตอนไปโรงเรียนทีไรเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะคนที่มักปวดท้องเมนส์ แล้วต้องทนนั่งเรียนนานๆ กว่าจะมีโอกาสได้ลุกไปห้องน้ำ แต่ถ้ารู้จักเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ถึงเป็นวันมามากหรือเจอ "น้องแดง" แบบเซอร์ไพรซ์ก็หายห่วง จุดสำคัญคือต้องเตรียมของใช้ที่จำเป็นให้พร้อมสรรพ เวลาต้องลุกไปห้องน้ำจะได้ไม่ต้องเครียด สุดท้ายเมนส์หรือประจำเดือนก็สมชื่อ คือเป็นอะไรที่ต้องเจอเดือนละครั้งเท่านั้นเอง เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่มีอะไรน่าอาย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

เตรียมตัว

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พกผ้าอนามัยตลอดเวลา จะแบบแผ่นหรือแบบสอดก็ได้. [1] ถ้าอยากเตรียมรับมือ เมนส์จะมาตอนอยู่ที่โรงเรียนก็ไม่เป็นไร ก็ต้องพกผ้าอนามัยติดตัวไว้ตลอดเวลา เดี๋ยวนี้มีให้เลือกทั้งแบบแผ่น แบบสอด และกางเกงอนามัย ก็ให้พกชนิดที่คุณใช้เป็นประจำตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงเรียน เมนส์มาเมื่อไหร่จะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาและไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ ดีไม่ดีจะมีเพื่อนมายืมด้วยซ้ำ
    • วัยรุ่นฝรั่งบางคนก็ใช้ menstrual cup หรือถ้วยอนามัย เป็นถ้วยที่สอดไว้ในอวัยวะเพศเพื่อรองรับและซึมซับประจำเดือนที่ด้านล่าง อยู่ได้นานถึง 10 ชั่วโมง ใส่ไว้ก็แทบไม่รู้สึกเลย แต่เพราะเป็นของใหม่ เลยยังไม่นิยมเท่าผ้าอนามัยแบบแผ่นหรือแบบสอด ซึ่งจริงๆ แล้วก็ปลอดภัยพอกัน
    • ถ้าเคยมีเมนส์แล้ว และสังหรณ์ใจว่าเมนส์กำลังจะมาวันนี้ (หรือใครที่จดบันทึกไว้เป็นประจำจนรู้รอบเดือนของตัวเอง) ก็ให้ใส่ผ้าอนามัยเตรียมไว้ตั้งแต่ออกจากบ้านเลย แบบนี้ก็สบายใจหายห่วง
  2. จริงๆ แล้วการมีเมนส์และใช้ผ้าอนามัยก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เป็นสาวเป็นนางจะเที่ยวโชว์ผ้าอนามัยให้ใครเห็นก็ใช่ที่ เพราะงั้นเราต้องหาที่เหมาะๆ เก็บผ้าอนามัย เช่น ในกระเป๋าเป้ กระเป๋านักเรียน ในกระเป๋าผ้าใส่ทิชชู่ (เดี๋ยวนี้มีแบบใส่ผ้าอนามัยโดยเฉพาะด้วย) กล่องดินสอ หรือง่ายหน่อยก็ใส่กระเป๋ากระโปรงพกติดตัวไว้ตลอดเวลา ถ้าหา “ที่เหมาะๆ” สำหรับเก็บผ้าอนามัยไว้แต่เนิ่นๆ ก็จะไม่วิ่งวุ่นหาตอนถึงเวลานั้นของเดือน [2]
    • ถ้าโรงเรียนมีตู้ล็อคเกอร์ประจำตัวให้ใช้ก็สะดวกเลย แต่ถ้าไม่มีก็ซ่อนไว้ลึกๆ ในเก๊ะของโต๊ะเรียนนั่นแหละ เป็นอีกที่ที่เก็บผ้าอนามัยได้ทั้งปีการศึกษา (ถ้าครูไม่สั่งสลับโต๊ะกันซะก่อน) พอเมนส์มาเมื่อไหร่ถึงลืมใส่หรือเอามาจากบ้านก็มีสำรองให้ใช้ตลอด
  3. ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันจนกางเกงในหรือกระโปรงนักเรียนเลอะ อย่างน้อยถ้ามีกางเกงในสำรองหรือกางเกงพละ ก็เปลี่ยนแก้ขัดได้ไม่ต้องเครียด ยิ่งใครทิ้งไว้ที่ล็อคเกอร์ส่วนตัวเลยยิ่งสบายใจหายห่วงเวลาเมนส์มากะทันหัน
    • ถ้าเลอะแล้วสุดวิสัยไม่ได้เตรียมกางเกงในหรือกางเกงพละสำรอง ง่ายที่สุดคือเอาเสื้อกันหนาวมาผูกเอวปิดก้นไว้ซะเลย
  4. ถ้าเป็นเมนส์จนมองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด คงต้องพึ่งช็อกโกแลตสักแท่ง เขาวิจัยกันมาแล้วว่าช็อกโกแลตช่วยบรรเทาอาการ PMS หรืออาการก่อนมีประจำเดือนได้ แถมช็อกโกแลตยังหวานอร่อย กินแล้วมีความสุขอย่าบอกใคร เท่านี้อาการเหวี่ยงวีนของคุณก็น้อยลง อารมณ์มั่นคงขึ้น
  5. ถ้ารู้ตัวว่าชอบปวดท้องเมนส์ ท้องอืด คลื่นไส้ หรืออื่นๆ เวลาเป็นเมนส์ ก็ต้องพกยาเผื่อไว้ (แต่ปกติห้องพยาบาลก็มี) เช่น Tylenol, Advil, Midol หรือยาแก้ปวดอื่นๆ ที่มีขายตามร้านขายยา อะไรก็ได้ที่กินแล้วได้ผลสำหรับคุณ ถ้าไม่ปวดท้องเมนส์ก็ไม่จำเป็นต้องกินยา แต่เตรียมเผื่อไว้ไม่เสียหาย อุ่นใจซะอีก
    • ปรึกษาคุณหมอหรือพ่อแม่ก่อนใช้ยา จะได้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมทำคุณแพ้หรือเป็นอันตราย
  6. ช่วงวัยรุ่นเมนส์จะมาไม่ค่อยแน่ค่อยนอน แต่ถ้าจดบันทึกไว้ ก็จะพอจับทางได้ว่าน่าจะมาเมื่อไหร่ นอกจากจะลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ คุณยังรู้ว่าถึงเวลาเตรียมตัว เช่น ใส่ผ้าอนามัยในช่วงอาทิตย์ที่เมนส์น่าจะมา เท่านี้ก็พร้อมเสมอ แต่ถ้ายังไม่เคยเป็นเมนส์มาก่อน แล้วร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง ก็ต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเช่นกัน โดยเฉพาะวันที่ต้องไปโรงเรียน
    • ปกติ 1 รอบเดือนคือ 28 วัน แต่บางทีก็เป็น 21 - 45 วัน โดยเฉพาะถ้าเป็นวัยรุ่นหรือเพิ่งเข้าวัยผู้ใหญ่ ให้หาสมุดหรือปฏิทินไว้จดบันทึกวันที่เริ่มเป็นเมนส์ หรือใช้แอพในมือถือที่เอาไว้ติดตามรอบเดือนของตัวเองก็ได้ เช่น Clue, Period Tracker Lite, My Calendar และ Monthly Cycles [3]
  7. เมนส์มักมาพร้อมอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดท้องเมนส์ ท้องอืด สิวบุก และกดเจ็บตามหน้าอก ถ้าพบหนึ่งในอาการต่อไปนี้ และเป็นแบบต่อเนื่อง แสดงว่าเมนส์กำลังจะมาแล้ว [4]
    • ถ้าพบอาการที่ว่ามา ควรเตรียมตัวตามขั้นตอนด้านบนให้พร้อม โดยเฉพาะเตรียมผ้าอนามัย “สำรอง” ตามที่ต่างๆ และตุนผ้าอนามัยกับยาแก้ปวดไว้ที่บ้าน
    • ใส่เสื้อผ้าสีเข้มๆ ดำๆ ช่วงที่ใกล้เมนส์มา เผื่อเลอะเทอะแบบไม่ตั้งใจจะได้กลืนๆ กันไป
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

รับมือเมื่อเมนส์มา

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะได้แอบดูประเมินสถานการณ์ แล้วรวบรวมของใช้จำเป็นประจำวัน ทันทีที่เมนส์มา ให้แอบลุกไปกระซิบขอคุณครูไปห้องน้ำเลย
    • ปลีกตัวไปหาครูตอนเพื่อนในห้องกำลังวุ่นๆ ถ้าสะดวกใจก็บอกไปเลยตรงๆ ว่าจะขอไปห้องน้ำเพราะมีประจำเดือน แต่ถ้าเขิน (จริงๆ ไม่ต้องเขิน เป็นเรื่องธรรมชาติ) ก็อาจจะบอกทำนองว่า “ครูขา หนูขออนุญาตไปห้องน้ำ เรื่องด่วนค่ะ” [5]
  2. คุณครู ครูห้องพยาบาล และเพื่อนนี่แหละกำลังเสริม. ถ้าอยู่ๆ เมนส์ก็มาแถมไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย ก็อย่าเพิ่งหน้าตาตื่นหรือเขินอาย ลองถามเพื่อนดูว่ามีผ้าอนามัยไหม แต่ถ้าเพื่อนเองก็ไม่มี ก็ไปถามคุณครูผู้หญิงได้ (แต่เลือกที่สาวๆ หน่อย เพราะคุณครูวัย 45 - 50 ปีจะเริ่มหมดประจำเดือนกัน)
    • ห้องพยาบาลหรือสหกรณ์ของโรงเรียนนี่แหละที่มีผ้าอนามัยให้หรือขายให้แน่นอน ใครใช้มือถือในโรงเรียนได้จะปรึกษาคุณแม่ก็ดี แต่จริงๆ แล้วคุณครูหลายคนเป็นที่ปรึกษาให้ได้แน่นอน ย้ำกันอีกทีว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
    • คุณครูห้องพยาบาลนี่แหละที่จะเข้าใจและอธิบายได้ดีที่สุด โดยเฉพาะถ้าคุณเพิ่งจะเคยเป็นเมนส์ครั้งแรก หรือถ้าต้องการความช่วยเหลือเรื่องผ้าอนามัยหรือเสื้อผ้าสำรองก็สบายมาก [6]
  3. ถ้าสุดวิสัยจริงๆ เข้าห้องน้ำแล้วเจอ "น้องแดง" จังๆ ก็ต้องหาอะไรทำผ้าอนามัยแก้ขัดไปก่อน หรือก็คือดึงทิชชู่ให้ยาวๆ แล้วมาม้วนทบกันหนาๆ รอบมือ อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 10 รอบขึ้นไป แล้ววางตามยาวที่กลางกางเกงใน จากนั้นดึงทิชชู่ยาวๆ อีกรอบมาพันรอบทิชชู่รอบแรกและกางเกงในของคุณ 8 - 10 รอบ จนแน่ใจว่าผ้าอนามัยจำเป็นนี้จะไม่เลื่อนหลุดแน่นอน จะทำซ้ำอีกรอบก็ได้ ถึงจะใช้ได้ไม่ดีเท่าผ้าอนามัยจริงๆ แต่ก็แก้ขัดไปได้ [7]
    • ถ้ามีเมนส์แต่มาน้อยมาก ก็ใช้ผ้าอนามัยแก้ขัดนี้ได้เหมือนกัน แค่ดึงทิชชู่ให้ยาวประมาณแถบผ้ากลางกางเกงใน จากนั้นพับ 2 - 3 ทบ แล้วใส่ได้เลย
  4. ถ้าเป็นหน้าหนาวหรือปกติห้องเรียนแอร์เย็นจนต้องพกเสื้อหนาว ก็เอาแขนมาผูกรอบเอว ปิดก้นไว้ซะเลย โดยเฉพาะถ้าใครกังวลว่าเมนส์จะเลอะซึมออกมาที่กระโปรง อย่างน้อยก็ช่วยปิดบังรอยด่างดำได้ชั่วคราว จนกว่าจะหากางเกงในหรือกางเกงพละสำรองได้
    • ถ้าเพิ่งเคยเป็นเมนส์ครั้งแรก ก็สบายใจได้ เพราะจะยังไม่ค่อยมามาก ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นรอยจางๆ ทันแก้ไขก่อนของจริงจะตามมา แต่ก็ควรเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ อย่างที่บอก หรือถ้าไม่ทันก็รีบแก้ไขหรือขอความช่วยเหลือ จะได้ไม่เลอะเทอะให้ต้องกลุ้มใจ [8]
    • ถ้าเมนส์เลอะซึมออกมาเรียบร้อยแล้ว ให้รีบเปลี่ยนไปใส่กางเกงพละ (ถ้ามีสำรองหรือหาได้) หรือสอบถามครูห้องพยาบาลหรือครูที่ปรึกษา ส่วนใหญ่โรงเรียนจะมีชุดนักเรียนสำรองอยู่แล้ว ถ้าใช้มือถือได้จะให้ผู้ปกครองช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้ใหม่ก็ได้ มีแล้วเปลี่ยนเลยไม่ต้องกลัวเพื่อนล้อ ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายถามก็บอกไปว่าเผลอทำอะไรหกใส่ตอนกินข้าวเที่ยง แค่นี้ก็เรียบร้อย
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เรื่องอื่นๆ ที่ต้องทำ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาจจะฟังดูผิดจุดประสงค์ เพราะทำให้ต้องลำบากไปเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าเดิม แต่บอกเลยว่าช่วยให้ร่างกายไม่กักตุนน้ำ อันเป็นสาเหตุทำคุณท้องอืดระหว่างเป็นเมนส์ ให้คุณพกขวดน้ำติดตัว กดน้ำที่ตู้ หรือซื้อน้ำที่ร้านค้าในโรงเรียน แล้วดื่มให้เยอะๆ ระหว่างคาบเรียน ดื่มให้ได้ 10 แก้วต่อวัน (แก้วละ 8 ออนซ์) อยู่โรงเรียนอาจจะดื่มน้ำเยอะๆ ได้ไม่สะดวกเท่าตอนอยู่บ้าน ถ้าแบบนั้นให้ดื่มน้ำเยอะๆ ทั้งตอนก่อนออกจากบ้านและหลังกลับถึงบ้านแล้ว [9]
    • นอกจากนี้ให้กินอาหารที่ฉ่ำน้ำ จะได้ยิ่งช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ เช่น แตงโม สับปะรด ขึ้นฉ่าย และผักกาดหอม
    • ลดหรืองดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ทั้งพวกน้ำอัดลม ชา และกาแฟ เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ แถมปวดท้องเมนส์หนักกว่าเดิม
  2. วิธีดูแลตัวเองตอนเป็นเมนส์ได้ดีที่สุด ก็คือหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องอืด ตัวการสำคัญก็คือพวกอาหารมันๆ และอัดลม เพราะงั้นที่ห้ามเลยก็คือเฟรนช์ฟรายส์ ไอศครีม หรือแฮมเบอร์เกอร์ และน้ำอัดลม กินอาหารกลางวันที่โรงเรียนจัดเตรียมจะดีที่สุด เพราะเขาจัดมาให้แล้วครบ 5 หมู่ อย่าไปซื้ออาหารที่ว่ากินเองตามร้านค้าในโรงเรียนหรือหน้าโรงเรียน เน้นกินผัก ข้าว หรือแซนวิชก็ยังดี ส่วนเครื่องดื่มก็เปลี่ยนจากน้ำอัดลมเป็นน้ำเปล่าแทน หรือชาแบบไม่หวาน (ไม่ใส่น้ำเชื่อม) เท่านี้ก็รู้สึกดีขึ้นได้ [10]
    • อาหารทอดๆ มันๆ ทำให้ร่างกายยิ่งกักเก็บน้ำจนท้องอืดได้
    • นอกจากนี้ที่ควรหลีกเลี่ยงก็มีโฮลเกรน (ธัญพืชเต็มเมล็ด) ถั่วฝัก ถั่วเลนทิล กะหล่ำปลี แล้วก็กะหล่ำดอก [11]
  3. อย่าโดดเรียนหรือลาวิชาพละ เพราะช่วยลดอาการปวดท้องเมนส์ได้. ตอนเป็นเมนส์ อย่าว่าแต่เรียนพละเลย หลายคนไม่อยากขยับตัวด้วยซ้ำ แต่เขาวิจัยกันมาแล้ว ว่าจริงๆ แล้วการออกกำลังกายช่วยให้สบายตัวขึ้นได้ตอนเป็นเมนส์ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เพราะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินต้าน prostaglandins หรือสารเคมีตามธรรมชาติในร่างกาย ช่วยลดอาการปวดท้องเมนส์ (ปวดเกร็ง) แทนที่จะจับเจ่านั่งปวดอยู่คนเดียว ลงสนามไปออกกำลังกายกับเพื่อนๆ ให้สบายตัวสบายใจดีกว่า
    • ถ้ารู้สึกไม่ดีจริงๆ จะหยุดออกกำลังกายสักวันก็ได้ แต่บอกเลยว่าถ้าฝืนใจไปออกกำลังกายสักหน่อย สุดท้ายจะรู้สึกดีขึ้นอีกเยอะ
    • ถ้าโดดหรือลาวิชาพละเพราะเป็นเมนส์ ระวังจะเด่นจนหลายคนถามไถ่ (โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชาย) ถ้าแข็งใจลงสนาม นอกจากไม่มีใครสงสัย ยังช่วยให้สนุก ลืมปวดไปเลย
  4. ก่อนไปโรงเรียนให้หาช่องเลยว่า ต้องเข้าห้องน้ำทุก 2 - 3 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนผ้าอนามัย โดยเฉพาะวันมามาก หรือเพื่อความสะอาดสบายตัว อย่างน้อยก็ได้เช็คว่าทุกอย่างยังอยู่ดี ไม่ซึมเปื้อน ถ้าเป็นผ้าอนามัยแบบสอด ก็ไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนทุก 2 ชั่วโมง สัก 3 - 4 ชั่วโมงกำลังดี (วันมามาก) ยิ่งถ้ามาน้อยจะเปลี่ยนทุก 5 - 6 ชั่วโมงก็ยังได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะอาจเกิดอาการช็อคเฉียบพลัน อีกวิธีป้องกันคือเลือกผ้าอนามัยแบบซึมซับน้อยหน่อย จะได้เปลี่ยนบ่อยๆ
    • ไปห้องน้ำทุก 2 - 3 ชั่วโมงจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กระเพาะปัสสาวะด้วย เพราะถ้าปวดฉี่หรือปวดหน่วงแล้วไปทำธุระซะ จะช่วยลดอาการปวดท้องเมนส์ได้ [12]
  5. เวลาอยู่ที่โรงเรียน ต้องแน่ใจว่าทิ้งผ้าอนามัยที่ใช้แล้วอย่างถูกสุขลักษณะ ห้ามทิ้งในชักโครกเด็ดขาด เพราะจะทำให้ท่อตัน น้ำเจิ่งย้อนออกมาน่าสยดสยอง ให้เลือกห้องน้ำที่มีถังขยะแบบปิดฝาได้ หรืออย่างน้อยก็มีถังขยะ ให้คุณห่อผ้าอนามัยใช้แล้วด้วยทิชชู่หรือห่อของผ้าอนามัยแผ่นใหม่ นอกจากสะอาดแล้วยังเป็นมารยาทที่ควรกระทำด้วย
    • ถ้าไม่มีถังขยะในห้องน้ำ ก็ต้องห่อด้วยวิธีเดียวกันแล้วเอาออกมาทิ้งถังขยะรวม ไม่ต้องอาย บอกแล้วเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง
    • ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอนามัย
  6. ใส่เสื้อผ้าสีเข้มหรือดำถ้ากังวลเรื่องซึมเปื้อน. เวลาไปโรงเรียน เครื่องแบบส่วนใหญ่จะเป็นกระโปรงสีดำหรือกรมท่าอยู่แล้ว แต่ถ้าโรงเรียนใครใช้สีอื่น ก็ให้ระวังตัวตามคำแนะนำในข้ออื่นๆ ที่ผ่านมา ส่วนเวลาไปเรียนพิเศษหรือใส่ชุดไปรเวท ก็กันไว้ก่อนโดยสวมเสื้อผ้าสีเข้มหรือดำ จะได้สบายใจ เช่น กางเกงยีนส์ เดรส หรือกระโปรงสีเข้มออกดำ แบบนี้ก็ไม่ต้องคอยเหลียวหลังหรือกวนเพื่อนให้คอยดูว่าเลอะไหมทุก 2 วินาที จะเตรียมชุดไว้ล่วงหน้าให้น่ารักเข้ากันก็ได้จะได้สะดวกสบายใจ
    • แต่ถึงเป็นเมนส์ก็ไม่จำเป็นต้องใส่แต่ชุดสีเข้มหรือดำ เลือกสีและแบบที่น่ารักสมวัยหรือตามสไตล์ที่ชอบได้เลย เช่น ชุดสีอ่อนหรือสีพาสเทล อย่ากังวลจนเกินเหตุ บอกแล้วว่าเรื่องธรรมชาติ ถ้าทำตามคำแนะนำในบทความนี้ ไม่พลาดแน่นอน
  7. ถ้ามีคนถามเรื่องเมนส์แบบขวานผ่าซาก ควรตอบยังไง. ก็ตอบไปแบบรักษาน้ำใจ ถึงเขาจะไม่รักษาน้ำใจเราเท่าไหร่ก็เถอะ ห้ามหยาบคายหรือร้ายตอบ แต่ถ้าใครถามเซ้าซี้หรือจงใจล้อ ก็ฟ้องครูหรือพ่อแม่ไปเลย หรือตอบไปประมาณว่า
    • "อย่าพูดแบบนั้นสิ เราไม่ชอบนะ"
    • "หยุดก่อนได้ไหม เรารู้สึกไม่ค่อยสบาย"
  8. ถ้าเรียนอยู่แล้วมีเหตุจำเป็น เช่น ไปห้องน้ำหรือไปห้องพยาบาล ก็ต้องบอกคุณครูอย่างสุภาพ อธิบายความจำเป็น จากนั้นจะไปเปลี่ยนผ้าอนามัย กินยา หรือนอนพักก็แล้วแต่ วิธีขอครูออกจากห้องแบบไม่ต้องลงลึกถึงรายละเอียดก็เช่น
    • "หนูปวดท้องมากเลยค่ะ ขออนุญาตไปห้องน้ำนะคะ"
    • "พอดีเป็นวันนั้นของเดือนค่ะอาจารย์ ขอไปห้องน้ำนะคะ"
    • "หนูปวดท้องมาก ขอไปห้องพยาบาลค่ะ"
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ทำใจให้สบาย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะเป็นคนแรกในห้องหรือในชั้นที่มีเมนส์ หรือกระทั่งเพื่อนๆ เขาเป็นกันหมดแล้วแต่เรายังไม่เคย ก็ไม่ต้องอายกลุ้มใจไป จะช้าหรือเร็วเดี๋ยวก็ต้องมีกันทุกคน เรื่องนี้เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่จำเป็นของการเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง มีเมนส์เป็นสัญญาณบอกว่าถึงวัยเจริญพันธุ์ เป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ใครจะล้อหรือสงสัยก็ช่างเขา
    • ลองคุยกับเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงดูสิ จะได้ไม่กลัวหรือกังวลอยู่คนเดียว
  2. หลายคนกลัวว่าเป็นเมนส์แล้วจะมี “กลิ่นไม่พึงประสงค์” หรือคนทั่วไปจะบอกได้ว่าคุณกำลังเป็นเมนส์ จริงๆ แล้วเมนส์ไม่ได้ทำให้เกิดกลิ่น ที่จะมีกลิ่นก็คือผ้าอนามัยที่ดูดซับเลือดไว้ 2 - 3 ชั่วโมง วิธีแก้ก็คือหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่าให้เกินนั้น หรือใช้ผ้าอนามัยแบบสอดแทน บางคนก็ชอบใช้ผ้าอนามัยแบบมีกลิ่น เช่น ชาเขียว หรือซากุระ แต่จริงๆ แล้วกลิ่นสังเคราะห์จะฉุนชัดกว่าผ้าอนามัยแบบไม่แต่งกลิ่นซะอีก เพราะงั้นอาจทำจุดซ่อนเร้นระคายเคืองได้ แต่ก็ไม่เสมอไป อันนี้ต้องลองเลือกใช้ตามความชอบส่วนตัว
    • ลองใส่ผ้าอนามัยแบบมีกลิ่นตอนอยู่บ้านก่อนก็ได้ เผื่อมีปัญหาอะไรยังไงจะได้แก้ไขทันก่อนเอาไปใช้ที่โรงเรียน
  3. มีเมนส์แล้วไม่จำเป็นต้องเก็บเงียบไว้คนเดียว และไม่ใช่เรื่องน่าอาย ตอนแรกอาจรู้สึกเขินๆ บ้าง (ก็คนไม่เคย) แต่มีอะไรก็ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ได้เลย โดยเฉพาะแม่และพี่สาวหรือญาติๆ ที่เป็นผู้หญิง จะทั้งหาผ้าอนามัย และแนะนำให้คำปรึกษาจนสบายใจ ย้ำอีกเป็นรอบที่ร้อยว่าประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าเก็บไว้คนเดียวจะทุกข์ใจเปล่าๆ ให้บอกคุณพ่อคุณแม่ไปเลยตั้งแต่มีเมนส์ครั้งแรก
    • พ่อแม่ผู้ปกครองจะดีใจแน่นอน โดยเฉพาะแม่นี่อาจถึงขั้นน้ำตาไหลว่าลูกเราเป็นสาวแล้ว
    • ถ้าอยู่กันสองคนกับพ่อ อาจจะรู้สึกเขินๆ เวลาเล่าเรื่องแบบนี้ แต่พอบอกไปแล้วจะสบายใจขึ้นอีกเยอะ คุณพ่อจะได้สบายใจด้วยว่าไม่มีความลับระหว่างกัน
  4. ถ้าต้องขออนุญาตคุณครูผู้ชาย หรือกลัวเพื่อนผู้ชายได้ยิน ก็บอกไปว่าปวดท้องมากหรืออะไรก็แล้วแต่ (ที่ไม่ทำให้เพื่อนได้ยินแล้วเอามาล้อกัน) อย่าปล่อยให้ความอายมาขัดขวางการรักษาความสะอาด เช่น เวลาต้องไปเปลี่ยนผ้าอนามัย ถ้าทำใจให้สบาย คิดซะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็ไม่เครียดเวลาต้องไปห้องน้ำ ถึงมีเมนส์ก็พร้อมเสมอ ให้ขอครูไปห้องน้ำอย่างสุภาพและมั่นใจ หรือจะบอกครูไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มคาบก็ได้ว่ามีความจำเป็นต้องไปห้องน้ำระหว่างเรียน [13]
    • ครูผู้หญิงกับครูห้องพยาบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำปรึกษาเสมอล่ะถ้าเป็นเรื่องประจำเดือน จำไว้ว่าคุณไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนแรกในโรงเรียนที่มีเมนส์ ไม่มีอะไรต้องกลัว!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ช่วงเป็นเมนส์อย่าพยายามใส่เสื้อผ้าสีอ่อนถ้ากังวลเรื่องซึมเปื้อน
  • ระหว่างอยู่ที่โรงเรียนแน่นอนว่าต้องนั่งแช่แทบทั้งวัน เพราะงั้นต้องเลือกใช้ผ้าอนามัยที่ใส่สบายและไม่ซึมเปื้อน
  • ถ้าสุดท้ายแล้วเกิดซึมเปื้อนตอนอยู่ที่โรงเรียนแถมไม่มีผ้าอนามัย ก็อย่าเพิ่งเครียดไป เรื่องแบบนี้คุณครูช่วยได้แน่นอน ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
  • เวลาเป็นเมนส์ ต้องทำให้ตัวเองผ่อนคลายสบายตัวสบายใจ ต้องรักษาความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จำเป็น และกินยาแก้ปวดถ้าปวดท้องเมนส์มากเป็นพิเศษ
  • ถ้ากลัวซึมเปื้อนมาก ก็ต้องเสริมผ้าอนามัยเข้าไปอีก
  • ถ้ากลัวใครเห็นกระเป๋าใส่ผ้าอนามัย ก็เอาซ่อนไว้ลึกๆ หรือใส่ไว้ใต้ของชิ้นอื่นๆ เช่น ซุกไว้ในก้นกระเป๋าเป้ แล้วเอาห่อทิชชู่และอื่นๆ ทับไว้
  • เวลาจะเปลี่ยนผ้าอนามัยก็แค่เอาใส่กระเป๋ากระโปรงหรือกางเกงพละ แล้วเดินเข้าห้องน้ำได้เลย
  • ถ้าเพิ่งเคยมีเมนส์ครั้งแรก ลองปรึกษาพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เคยมีเมนส์แล้วดู
  • ถ้าใช้ผ้าอนามัยแบบสอด จะใส่แบบแผ่นหรือกางเกงอนามัยอีกทีก็ได้ จะได้กันซึมเปื้อนเป็นสองเท่า
  • ถ้าไม่มีเลกกิ้ง กางเกง หรือกางเกงยีนส์สีดำ ก็ให้ใส่เลกกิ้งธรรมดาแล้วสวมกระโปรงหรือกางเกงขาสั้นทับ ถ้าอากาศไม่ร้อนเกินไป
  • บางโรงเรียนก็มีตู้ขายผ้าอนามัยแบบหยอดเหรียญในห้องน้ำให้ใช้กัน
  • ตามห้างจะมีกางเกงในผ้ายืดแบบขาสั้นขาย จะใส่ทับกางเกงในปกติด้วยก็ได้ ถ้ากลัวเรื่องซึมเปื้อน
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามฉีดน้ำหอมใส่ผ้าอนามัยก่อนใส่เด็ดขาด ทั้งแบบแผ่นและแบบสอด รวมถึงห้ามฉีดน้ำหอมบริเวณอวัยวะเพศ บอกเลยว่าแสบลืม เราเตือนคุณแล้ว!
  • เปลี่ยนผ้าอนามัยแบบแผ่นทุก 4 - 6 ชั่วโมง ถ้าเป็นแบบสอดก็เปลี่ยนทุก 4 - 8 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นวันมามากก็ต้องเปลี่ยนบ่อยกว่านั้น
  • รักษาความสะอาด ทุกครั้งก่อนออกจากห้องน้ำ ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าไม่เหลือคราบหรือสิ่งสกปรกตกค้าง และล้างมือให้สะอาดหลังทำธุระ
  • จริงๆ ที่ห้องพยาบาลก็มียาแก้ปวดท้องเมนส์อยู่แล้ว แต่จะพกยา Advil หรือ Pamprin ไปเองก็ได้ ถ้าคุณครูสอบถามก็อธิบายไปว่าเป็นยาอะไร หรือบอกว่าเป็นยาประจำตัวที่คุณหมอหรือพ่อแม่ให้มา
  • อันนี้ไม่ค่อยนิยมกันในไทย แต่ก็ควรรู้ไว้ ว่าถ้าใช้ผ้าอนามัยแบบสอดแล้วทิ้งไว้นานๆ อาจเกิด toxic shock syndrome หรืออาการช็อคเฉียบพลัน โอกาสเกิดน้อยแต่อันตรายถึงตายได้ เพราะงั้นถึงต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 - 8 ชั่วโมง และอ่านคำแนะนำในการใช้งานให้ละเอียด
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ผ้าอนามัยแบบแผ่นหรือแบบสอด
  • ยาแก้ปวด (เช่น Tylenol, Advil, Midol)
  • เงินไว้ซื้อผ้าอนามัยจากร้านค้าในโรงเรียนหรือห้องพยาบาล หรือเหรียญไว้หยอดเครื่องขายผ้าอนามัย ถ้ามี
  • กางเกงพละหรือกางเกงในสำรอง
  • เสื้อกันหนาว

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 33,281 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา