ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รีเซ็ตมือถือแล้วทุกข้อมูลจะถูกลบหายไป กลับมาใช้ค่าโรงงานเหมือนเพิ่งซื้อใหม่แกะกล่อง เป็นวิธีช่วยแก้ปัญหามือถือได้แทบ "ทุกโรค" ถ้าเป็นที่ระบบ ไม่เกี่ยวกับชิ้นส่วนนะ และเป็นเรื่องที่ควรทำก่อนขายหรือบริจาคมือถือเก่า จุดสำคัญคืออย่าลืม backup ข้อมูลไว้ก่อน ย้ำอีกทีว่าทุกอย่างจะถูกลบไป

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

iPhone

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รีเซ็ต iPhone แล้วข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบหายไป ถ้า backup ข้อมูลไว้ ก็เซฟกลับลง iPhone ได้หลังรีเซ็ต ส่วนเพลงกับไฟล์อื่นๆ ใน iTunes ต้อง sync จาก iTunes ใหม่อีกรอบ หรือดาวน์โหลดมาใหม่จาก iCloud หลังรีเซ็ต คุณ backup ข้อมูลใน iPhone ได้ 2 วิธีคือ [1]
    • เปิดแอพ Settings แล้วเลือก "iCloud" จากนั้นเลื่อนลงไปแตะ "Backup" แล้วแตะ "Back Up Now" เพื่อเริ่ม backup iCloud ทุกอย่างที่เปิดสวิตช์ on ไว้ในหน้าจอที่แล้ว จะถูกเซฟลงบัญชี iCloud ของคุณ
    • เสียบ iPhone กับคอม แล้วเปิด iTunes จากนั้นเลือก iPhone จากปุ่มต่างๆ ในแถวด้านบน แล้วคลิก "Back Up now" อย่าลืมเลือก "This Computer" เพื่อเริ่มสร้าง backup ข้อมูลใน iPhone ลงคอม รูปและวีดีโอต่างๆ ก็จะถูกเซฟด้วย
  2. คุณรีเซ็ตได้โดยตรงจากใน iPhone เลย ไม่ต้องเข้า iTunes ในคอม แต่ถ้าเข้ามือถือไม่ได้ หรือเครื่องล็อคเพราะลืมรหัส Restrictions passcode ให้อ่านขั้นตอนถัดไป
    • เปิดแอพ Settings ใน iPhone แล้วเลือก "General"
    • เลื่อนลงมาแตะ "Reset"
    • แตะ "Erase All Content and Settings" แล้วยืนยันว่าจะลบทุกอย่างในมือถือ จะมีให้ใส่ passcode ปลดล็อคหน้าจอ รวมถึง Restrictions passcode ถ้ามี
    • รอจน iPhone ลบข้อมูลเสร็จแล้วรีสตาร์ท อาจต้องรอนานหน่อย พอ iPhone เปิดกลับมาใหม่ ก็ตั้งค่าเป็นเครื่องใหม่ หรือโหลดข้อมูลที่ backup ไว้กลับมาได้เลย
  3. ถ้าเข้า iPhone ไม่ได้เพราะไม่รู้หรือลืม passcode ปลดล็อคหน้าจอ หรืออีกทีคือลืม Restrictions passcode ก็ต้องรีเซ็ต iPhone ด้วย iTunes แทน
    • บูทเครื่องเข้า Recovery Mode ถ้าจำ passcode ปลดล็อคหน้าจอไม่ได้ โดยปิด iPhone แล้วกดปุ่ม Home ค้างไว้ จากนั้นเสียบ iPhone กับคอม ต่อมาเปิด iTunes แล้วกดปุ่ม Home ต่อไปจนโลโก้ iTunes โผล่มาในหน้าจอ iPhone คุณก็รีเซ็ต iPhone ใน iTunes ได้เลย
    • เสียบ iPhone กับคอม แล้วเปิด iTunes
    • เลือก iPhone แล้วคลิกปุ่ม "Restore iPhone"
    • รอจน iPhone ลบข้อมูลทั้งหมดแล้วรีเซ็ตเสร็จ
  4. ถ้าไม่มีคอมไว้เสียบ iPhone แถมเครื่องล็อคเพราะลืมรหัสปลดล็อคหรือ Restrictions passcode ก็ให้รีเซ็ต iPhone ระยะไกลด้วย Find My iPhone แทน
    • เข้าเว็บ icloud.com/find แล้วล็อกอินด้วย Apple ID เดียวกับที่ใช้ใน iPhone หรือจะใช้แอพ Find My iPhone ในอุปกรณ์อื่นของ Apple ก็ได้ โดยล็อกอินเป็น guest
    • คลิกเมนู "All Devices" แล้วเลือก iPhone ของคุณ
    • คลิกปุ่ม "Erase iPhone" แล้วยืนยัน เท่านี้ iPhone ก็จะรีเซ็ตอัตโนมัติ
  5. iPhone ทุกเครื่องที่เปิดใช้ Find My iPhone ไว้ จะมี Activation Lock เพื่อป้องกันขโมย ไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตมารีเซ็ต iPhone ของคนอื่นได้ ถ้าจะ bypass ข้าม activation lock นี้ ต้องใส่รหัสผ่าน Apple ID ของ ID ที่พ่วงไว้กับอุปกรณ์
    • ถ้าซื้อ iPhone มือสองมา แล้วไม่รู้รหัสของเจ้าของเก่า ก็ต้องรีบติดต่อสอบถาม ถ้าเจ้าของก็ลืมเหมือนกัน ก็ต้องเข้าไปลบความเป็นเจ้าของเครื่องก่อน โดยล็อกอินเข้า icloud.com/settings เลือก iPhone ในส่วน "My Devices" แล้วคลิกปุ่ม "X"
    • นี่คือวิธีเดียวที่จะ bypass ข้าม activation lock ได้ ถ้าติดต่อเจ้าของเก่าไม่ได้จริงๆ ก็หมดสิทธิ์ใช้เครื่อง เพราะงั้นต้องเช็คให้ดีก่อนซื้อ iPhone มือสอง ว่าปิด activation lock แล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

Android

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รีเซ็ต Android แล้วเท่ากับคืนค่าโรงงาน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบหายไป เพราะงั้นต้อง backup ทุกข้อมูลที่จะเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยรีเซ็ตกลับค่าโรงงาน
  2. คุณรีเซ็ตอุปกรณ์ Android ได้โดยเข้าแอพ Settings ขั้นตอนต่อไปนี้อาจแตกต่างไปบ้างตามยี่ห้อและรุ่นอุปกรณ์ Android ที่ใช้ แต่หลักๆ จะเหมือนกัน ถ้าเปิดแอพ Settings ไม่ได้เพราะเครื่องล็อค ให้ข้ามไปอ่านขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการนี้
    • เลือก "Backup & reset" ปกติจะอยู่ในส่วน "Personal"
    • แตะ "Factory data reset" แล้วยืนยัน เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ Android แล้วตั้งค่าใหม่เหมือนเพิ่งซื้อมา
  3. ถ้าเข้าอุปกรณ์ Android ไม่ได้เพราะเครื่องล็อค หรือเครื่องหายเลยอยากลบข้อมูลจากระยะไกล ก็ให้ใช้ Android Device Manager
    • เข้าเว็บ google.com/android/devicemanager หรือเปิดแอพ Android Device Manager ในอุปกรณ์ Android เครื่องอื่น แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Google
    • คลิกปุ่ม "Erase" ในการ์ดของอุปกรณ์ Android แล้วยืนยันว่าจะลบข้อมูลทั้งเครื่อง
  4. ถ้าเข้าอุปกรณ์ Android ไม่ได้ แถมใช้ Android Device Manager ไม่ได้ด้วย ก็ยังรีเซ็ตอุปกรณ์ Android ได้ด้วย Recovery Mode
    • ปิดมือถือ Android ไปเลย
    • กดปุ่ม Recovery Mode ค้างไว้ อันนี้แล้วแต่อุปกรณ์ที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่ปุ่มที่ต้องกดคือปุ่ม Volume Up (เพิ่มเสียง) + Home + Power หรือปุ่ม Volume Down (ลดเสียง) + Power กดปุ่มค้างไว้จนโลโก้ Recovery Mode โผล่มา
    • กดปุ่มเพิ่ม/ลด volume เพื่อไปยังเมนู recovery แล้วกดปุ่ม Power เพื่อเลือก
    • เลือก "recovery" แล้วเลือก "wipe data/factory reset"
  5. ใส่รหัสผ่านบัญชี Google ของเจ้าของเครื่อง (ถ้าต้องใส่). ถ้าเป็นอุปกรณ์ Android ใหม่ๆ จะพ่วง Activation Lock ในมือถือไว้กับบัญชี Google ของเจ้าของ เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพ activate มือถือ Android ที่ขโมยไปได้ ถ้ามีขึ้นเตือนก็ต้องใส่รหัสผ่านของบัญชี Google ที่พ่วงไว้กับอุปกรณ์ก่อนรีเซ็ตเครื่อง
    • ถ้าซื้อ Android มือสองมา ก็ต้องติดต่อเจ้าของคนก่อน เพื่อสอบถามรหัสผ่าน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

Windows Phone

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รีเซ็ต Windows Phone แล้วข้อมูลทั้งหมดในเครื่องจะถูกลบหายไป เพราะงั้นต้องย้ายรูปลงคอมหรือบัญชี OneDrive ก่อน และเซฟข้อมูลอื่นๆ ที่จะเก็บ ไว้ในที่ที่ปลอดภัย
    • คุณ backup ข้อมูลส่วนใหญ่ของ Windows Phone ได้ โดยเข้าเมนู Settings เลือก "Update & security" แล้วแตะ "Backup" ต้องเปิดทั้ง 2 ตัวเลือกก่อน แล้วค่อยเสียบชาร์จ Windows Phone แล้วต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi แต่รูปจะยังไม่ถูก backup
  2. คุณรีเซ็ต Windows Phone ได้โดยตรงด้วยแอพ Settings ถ้าเครื่องล็อค ให้ข้ามไปขั้นตอนถัดไป
    • เข้าเมนู Settings ปกติจะอยู่ในรายชื่อ "All apps" ในหน้า Start
    • เลือก "About" อาจจะต้องเปิด "System" ก่อน ถ้าใช้ Windows 10
    • แตะ "Reset your phone" พอยืนยันแล้ว ก็จะเริ่มขั้นตอนรีเซ็ต Windows Phone ทันที ให้รอสักพัก
  3. ถ้าไม่มีรหัสผ่าน เข้าใช้เครื่องไม่ได้ หรือเครื่องล็อค ก็รีเซ็ตได้โดยเข้าเว็บ Find My Phone
    • เข้าเว็บ account.microsoft.com/devices แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft
    • เลือก Windows Phone ที่จะลบ
    • คลิกปุ่ม "Erase" ข้างรายละเอียดมือถือ พอยืนยันแล้วจะเริ่มรีเซ็ตเครื่องทันที
  4. ถ้าเข้าใช้ Windows Phone ไม่ได้ ก็ให้รีเซ็ตด้วย recovery mode [2]
    • ปิดเครื่อง แล้วกดปุ่ม Power กับลดเสียง (Volume Down) ค้างไว้จนมือถือสั่น
    • พอรู้สึกว่าเครื่องสั่นแล้ว ให้ปล่อยทั้ง 2 ปุ่ม แล้วกดปุ่มลดเสียง (Volume Down) ค้างไว้
    • พอเห็นเครื่องหมายตกใจ (!) ให้กดปุ่มเพิ่มเสียง (Volume Up), ลดเสียง (Volume Down), Power, ลดเสียง (Volume Down) แล้วปล่อย ตามลำดับ เพื่อเริ่มขั้นตอนรีเซ็ต
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

BlackBerry

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รีเซ็ต BlackBerry แล้วทุกข้อมูลจะถูกลบหายไป เพราะงั้นต้องเซฟข้อมูลสำคัญเก็บไว้ก่อน นอกจากนั้น เวลารีเซ็ต BlackBerry แล้วจะลบ IT policy ใน BlackBerry ที่ BlackBerry Enterprise Server ของบริษัทกำหนดด้วย เพราะงั้นให้เช็คกับแผนก IT ก่อน ถ้าคุณใช้มือถือบริษัทอยู่
    • วิธี backup BlackBerry แบบง่ายสุดๆ คือใช้ BlackBerry Desktop Software ให้เสียบ BlackBerry กับคอมผ่าน USB แล้วคลิกปุ่ม "Back Up Now" ใน BlackBerry Desktop Software เพื่อเริ่มขั้นตอน backup
  2. ถ้าใช้ BlackBerry รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ BlackBerry 10 (Z10, Q10, Q5, Z30, P'9982, Z3, Passport, Classic, Leap) จะลบข้อมูลในเครื่องอย่างปลอดภัยต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ แต่ถ้าใช้รุ่นเก่ากว่า ให้ข้ามไปขั้นตอนถัดไป [3]
    • ปัดหน้า Home ลงมา แล้วแตะปุ่ม "Settings"
    • แตะ "Security and Privacy" แล้วแตะ "Security Wipe"
    • พิมพ์ "blackberry" ในช่องที่มี เพื่อยืนยันว่าจะลบข้อมูลในเครื่อง
    • ใส่ ID กับรหัสผ่านของ BlackBerry ถ้าใช้เวอร์ชั่น 10.3.2 หรือใหม่กว่า
    • แตะ "Delete Data" เพื่อเริ่มลบข้อมูลและรีเซ็ตเครื่อง ระหว่างนี้อย่าปิดเครื่องหรือถอดแบต
  3. ถ้าใช้ BlackBerry รุ่นเก่าๆ (Bold, Curve, Pearl, Storm, Torch, Style) จะลบข้อมูลในเครื่องอย่างปลอดภัยต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ [4]
    • คลิก "Options" ในหน้า Home ของ BlackBerry
    • คลิก "Security" หรือ "Security Options" แล้วคลิก "Security Wipe"
    • ติ๊กช่องเลือกประเภทข้อมูลที่จะลบ
    • พิมพ์ "blackberry" ในช่องแล้วคลิก "Wipe" ระหว่างนี้อย่างเพิ่งปิดมือถือหรือถอดแบต
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,475 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา