ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โทรศัพท์มือถือปกติจะอำนวยความสะดวก แต่ถ้าขัดข้องขึ้นมา โดยเฉพาะในเวลาสำคัญ ก็ทำเอาปวดหัวน่าดู จนบางทีทางแก้เดียวที่มีก็คือต้องรีเซ็ตเครื่อง ที่ปวดหัวอีกรอบคือแล้วจะทำ factory reset หรือ hard reset ดีนี่สิ ฟังดูก็คล้ายๆ กัน แต่บอกเลยว่าเลือกผิดชีวิตเปลี่ยน! บทความวิกิฮาวนี้จะมาแนะนำข้อแตกต่างระหว่างการทำ hard reset กับ factory reset ให้คุณเอง ทั้งของ iPhone และ Android เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ข้อแตกต่างของ Hard Reset กับ Factory Reset

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ส่งผลต่อพื้นที่เก็บข้อมูลในมือถือ อาจจะทำ hard reset ตอนมือถือค้างก็ได้ จะต่างจากการรีสตาร์ทเครื่องทั่วไป ตรงที่ต้องกดปุ่ม power ค้างไว้นานหน่อย
    • ถึงทำ hard reset สมาร์ทโฟนแล้วไม่ส่งผลต่อข้อมูลที่เก็บไว้ในเครื่อง แต่ข้อมูลของแอปที่ไม่ได้ autosave อาจจะหายไปตอนรีบูทได้
    • การทำ hard reset บางทีก็เรียกว่า "force restart" หรือบังคับรีสตาร์ทนั่นเอง [1]
  2. อาจจะทำ factory reset ตอนที่คิดว่ามือถือน่าจะติดไวรัส หรือเครื่องทำงานผิดพลาดขั้นสุด พอทำ factory reset แล้ว มือถือจะย้อนกลับไปใช้ factory settings เหมือนเครื่องใหม่แกะกล่อง ต้องตั้งค่าใหม่อีกรอบเลย
    • อย่างที่เห็นว่าทำ factory reset แล้วผลกระทบรุนแรงแค่ไหน เลยแนะนำให้เก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีที่วิธีการไม่ได้ผลแล้วเท่านั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ทำ Hard Reset ใน iPhone

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แค่กดปุ่มแล้วปล่อย อย่ากดค้างไว้
    • ขั้นตอนนี้ หน้าจอต้องปิดอยู่
  2. เหมือนเดิม คือไม่ต้องกดค้างไว้
  3. กดปุ่ม "Sleep/Awake" ที่ฝั่งตรงข้ามของเครื่อง ค้างไว้. iPhone จะขึ้นว่า "Slide to Power Off button" ก็ไม่ต้องสนใจ ให้กดปุ่ม "Sleep/Awake" ค้างไว้ต่อ จนโลโก้ Apple โผล่มา เท่านี้ iPhone ก็จะเริ่ม hard reset
    • ถ้าเป็น iPhone รุ่นเก่าๆ ก็แค่กดปุ่ม "Sleep/Awake" กับปุ่ม "Home" ค้างไว้พร้อมกัน จนโลโก้ Apple โผล่มา ย้ำว่าต้องกดค้างไว้ เพราะถ้ากด 2 ปุ่มนี้พร้อมกัน แต่ปล่อยเร็วไป จะเป็นการแคปหน้าจอแทน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ทำ Factory Reset ใน iPhone

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แอป Settings ใน iPhone ไอคอนจะเป็นฟันเฟืองซ้อนเหลื่อมกัน ให้แตะแล้วเตรียมทำ factory reset
    • ย้ำว่าต้อง backup ข้อมูลใน iPhone เก็บไว้ก่อนทำ factory reset จะได้เซฟกลับเครื่องได้ หลังรีเซ็ต iPhone แล้ว
  2. แอป Settings จะมีหลายหัวข้อด้วยกัน ถ้าจะทำ factory reset ให้ไปที่หัวข้อ General ของ settings [2]
  3. เตือนกันอีกทีว่าทำ factory resetting ใน iPhone แล้วจะกลับไปแก้อะไรไม่ได้อีก
  4. มือถือจะเตือนครั้งสุดท้าย ก่อนเข้าสู่ขั้นตอน factory reset ถ้าแน่ใจแล้วก็ยืนยันไปว่าจะทำ factory reset ขั้นตอนจะใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที
    • พอทำ factory reset เสร็จ จะตั้งค่ามือถือเหมือนใหม่ หรือเซฟข้อมูลจาก iCloud กลับลงเครื่องก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ทำ Hard Reset ใน Android

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติถ้าเป็นมือถือ Android สองปุ่มนี้จะอยู่ฝั่งเดียวกันของเครื่องอยู่แล้ว ทำให้กดง่าย
    • จริงๆ การกด 2 ปุ่มนี้ก็ใช้แคปหน้าจอด้วย ถ้ากดพลาดแล้วกลายเป็นการแคปหน้าจอ ก็ไม่เป็นไร เพราะรีเซ็ตแล้วเดี๋ยวรูปในเครื่องก็หายไปอยู่ดี
  2. [3] กดค้างไว้จนหน้าจอดับไป ใช้เวลาประมาณ 15 วินาที เท่านี้ก็รีเซ็ต Android เรียบร้อย รีบูทกลับมาก็ใช้งานได้ตามปกติ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ทำ Factory Reset ใน Android

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตัวเลือก factory reset จะอยู่ในแอป Settings ของ Android วิธีเข้า Settings แบบด่วนทันใจที่สุด คือลากกรอบ notifications ลงมา แล้วแตะไอคอนฟันเฟืองมุมขวาล่าง
  2. เลื่อนไปตามตัวเลือกต่างๆ จนเจอ System ทางด้านล่าง เจอแล้วแตะเลย
  3. เพื่อเปิดตัวเลือกเพิ่มเติม
  4. เพื่อเปิดเมนูที่มีตัวเลือกต่างๆ สำหรับรีเซ็ต รวมถึงตัวเลือกรีเซ็ต Wi-Fi และ Bluetooth settings หรือรีเซ็ตค่าต่างๆ ของแอปด้วย
  5. ปกติจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายในเมนู Reset options โดย Android จะขึ้นเตือนอีกที ว่ารีเซ็ตแล้วข้อมูลทั้งหมดจะหายไป ถ้าแน่ใจว่าจะไปต่อ ก็แตะเพื่อยืนยันทำ factory reset ได้เลย [4]
    • มือถือจะเริ่มทำ factory reset ใช้เวลาหลายนาทีหน่อย พอรีบูทกลับมา ก็ตั้งค่าให้มือถือเป็น Drive ได้ด้วย
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,833 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา