ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การรู้จักตัวเองเป็นขั้นตอนสำคัญที่นำไปสู่ความสุขและความสงบ ในการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณนั้น คุณต้องระบุคุณสมบัติที่ทำให้คุณไม่เหมือนคนอื่นขึ้นมาก่อน การทบทวนตัวเองและการฝึกสมาธิทุกวันช่วยให้คุณได้สร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับตัวตนของคุณ และเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่คุณได้ค้นพบก็จะนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมายกับตัวเอง
ขั้นตอน
-
เรียนรู้ที่จะ ซื่อสัตย์กับตัวเอง. การรู้จักตัวเองคือการตระหนักถึงส่วนต่างๆ ของตัวตน บุคลิกภาพ และการดำรงอยู่ เป้าหมายไม่ใช่เพื่อวิจารณ์ตนเอง แต่คือการรับรู้บุคลิกภาพของตัวเองในทุกด้าน เปิดใจรับความเป็นไปได้ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับตัวเอง
- เวลาที่ประเมินตัวเอง ให้สังเกตสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ อารมณ์เหล่านี้บ่งบอกว่าคุณกำลังเบี่ยงเบนประเด็น คุณรู้สึกไม่มั่นคงในคุณสมบัตินั้นของตัวเองหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะเอาชนะมันได้อย่างไร
- เช่น ถ้าคุณไม่ชอบส่องกระจก ถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร คุณรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองหรือเปล่า หรือว่าคุณกังวลเรื่องอายุ จากนั้นคุณก็อาจจะทบทวนดูว่า คุณสามารถเอาชนะความกลัวนี้ได้ไหม
-
ถามคำถามที่ลึกซึ้งกับตัวเอง. การรู้ในสิ่งนี้ช่วยให้คุณตระหนักว่า อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขหรือเครียด คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณได้ใช้เวลาทำกิจกรรมและเป้าหมายที่มีประโยชน์สำหรับคุณ คำถามที่คุณจะถามตัวเองก็เช่น : [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณชอบทำอะไร
- ความฝันในชีวิตของคุณคืออะไร
- คุณอยากให้อะไรเป็นมรดกของคุณ
- คำวิจารณ์ที่ใหญ่ที่สุดที่คุณบอกกับตัวเองคืออะไร
- คุณเคยผิดพลาดเรื่องอะไร
- คนอื่นมองคุณอย่างไร คุณอยากให้พวกเขามองคุณอย่างไร
- ใครเป็นแบบอย่างของคุณ
-
สังเกตเสียงที่อยู่ข้างใน. เสียงที่อยู่ข้างในจะแสดงสิ่งที่คุณรู้สึกและเชื่อมั่น เวลาที่มีอะไรทำให้คุณไม่พอใจหรือดีใจ เสียงข้างในก็จะตอบสนอง พยายามตั้งใจฟังเสียงที่อยู่ข้างใน มันพูดว่าอะไร แล้วมันรับรู้โลกรอบตัวของคุณอย่างไร [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เดินไปที่กระจก เริ่มจากการพูดเกี่ยวกับตัวเองก่อน จะพูดออกมาหรือพูดในใจก็ได้ สิ่งที่คุณพูดเกี่ยวกับตัวเองเป็นด้านบวกหรือด้านลบ มันเน้นไปที่รูปลักษณ์ภายนอกหรือการกระทำ คุณพูดเรื่องความสำเร็จหรือความล้มเหลว
- เมื่อคุณเริ่มคิดลบ ให้หยุดแล้วถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น การก่นด่าหรือการวิจารณ์ตัวเองอาจเป็นสัญญาณว่า คุณกำลังปกป้องตัวเองจากความคิดที่คุณไม่อยากนึกถึง
- ความคิดทั้งบวกและลบเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยามว่าคุณมองตัวเองอย่างไร ถ้าภาพลักษณ์ของคนๆ นี้ไม่สอดคล้องกับคนที่คุณอยากจะเป็น คุณก็อาจจะกำหนดขั้นตอนต่างๆ ที่จะพัฒนาช่วยพัฒนาตนเองหรือเรียนรู้ลักษณะนิสัยใหม่ๆ
-
เขียนบันทึกทุกวัน. การเขียนบันทึกช่วยให้คุณตระหนักถึงแรงผลักดัน อารมณ์ และความเชื่อเพื่อที่คุณจะสามารถปรับตัวได้อย่างมีทิศทางในชีวิต ในแต่ละวันให้ใช้เวลาไม่กี่นาทีเขียนสิ่งที่คุณทำ รู้สึก และคิดมาตลอดทั้งวัน ถ้าคุณมีประสบการณ์ที่ไม่ดี ให้เขียนลงไปว่าทำไมมันถึงมีผลกับคุณ ถ้าคุณทำพลาด ให้ระบุว่าคุณจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of Rochester Medical Center ไปที่แหล่งข้อมูล
- มองหารูปแบบในงานเขียน ไม่แน่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะเจอความต้องการและความปรารถนาที่คุณเขียนซ้ำไปซ้ำมาก็ได้
- คุณจะเขียนอะไรก็ได้ที่อยู่ในใจ การเขียนแบบอิสระช่วยปลดล็อกความคิดใต้จิตสำนึกเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า อะไรที่กวนใจคุณอยู่ตอนนี้
- อีกวิธีหนึ่งก็คือคุณสามารถใช้หัวข้อเป็นแนวทางในการเขียนได้ เลือกหัวข้อที่บอกให้คุณอธิบายบุคลิกภาพหรือนิสัยของคุณในบางมุม
-
กำหนดช่วงฝึกเจริญสติไว้ในกิจวัตร. การเจริญสติคือการอยู่กับปัจจุบันเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจความคิดและการกระทำของตัวเอง การเจริญสติมักต้องอาศัย การฝึกสมาธิ เป็นประจำทุกวัน แต่ก็มีการฝึกอย่างอื่นด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มันเป็นสภาวะของการกำหนดจิตไปที่ตัวเองและโลกที่คุณกำลังสัมผัส [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้เวลาสักครู่เชื่อมโยงกับประสาทสัมผัสทั้งห้า คุณสัมผัส ลิ้มรส ได้ยิน เห็น และได้กลิ่นอะไรบ้าง
- อย่ารับประทานอาหารหน้าคอมพิวเตอร์หรือทีวี หยุดพักเพื่อรับประทานอาหารอย่างเดียว ดื่มด่ำกับรสชาติ เนื้อสัมผัส อุณหภูมิ และความรู้สึกของการรับประทานอาหารแต่ละคำ
- ใช้เวลาวันละไม่กี่นาทีเพื่อหยุดพักและสังเกตโลกรอบข้าง พยายามสังเกตการรับรู้ถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณให้ได้มากที่สุด คุณได้ยิน รู้สึก ลิ้มรส และได้กลิ่นอะไรบ้าง
- เวลาที่คุณมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ ให้ตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้น สาเหตุมาจากอะไร
-
ระบุภาพลักษณ์ของตัวเอง. พยายามเขียนรายการคำคุณศัพท์เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตัวเอง พอเขียนเสร็จแล้ว ให้หยิบมาทบทวนอีกที ทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติด้านลบหรือด้านบวก ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีภาพลักษณ์ที่เป็นลบ พยายามหาวิธีที่จะรักร่างกายของตัวเอง เพราะความมั่นใจในร่างกายของตัวเองสามารถต่อยอดไปเป็นความมั่นใจในด้านอื่นๆ ของชีวิตได้ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พยายามเปลี่ยนการรับรู้ที่เป็นลบให้เป็นบวก เช่น ถ้าคุณมีไฝที่ทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจ ลองเรียกมันว่ารอยเสน่ห์ จำไว้ว่ามีนักแสดงชื่อดังหลายคนที่มีรอยเสน่ห์
- แต่ถ้ามันทำให้คุณไม่มีความสุขจริงๆ ลองพิจารณาสิ่งที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างสมเหตุสมผล ถ้าคุณไม่มั่นใจเรื่อง สิว คุณก็อาจจะไปพบแพทย์ผิวหนังหรือหัดแต่งหน้า
โฆษณา
-
ระบุบทบาทที่คุณทำ. ทุกคนล้วนรับบทต่างๆ ในชีวิตบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เมื่อคุณเขียนรายการบทบาททั้งหมดของคุณลงไปแล้ว ให้เขียนลงไปว่าแต่ละบทบาทมีความหมายต่อคุณอย่างไร ตัวอย่างบทบาทได้แก่ : [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พ่อ/แม่
- เพื่อน
- หัวหน้าทีม
- ผู้ให้ความช่วยเหลือด้านอารมณ์
- ที่ปรึกษา/ผู้รับคำปรึกษา
- คนที่ได้รับการไว้วางใจ
- ผู้สร้าง
- นักแก้ปัญหา
-
เขียน VITALS ของคุณลงไป. VITALS เป็นตัวย่อที่ย่อมาจาก Value (ค่านิยม) Interest (ความสนใจ) Temperament (นิสัย) Activity (กิจกรรม) Life Goal (เป้าหมายในชีวิต) และ Strength (จุดแข็ง) พยายามให้นิยามแต่ละหมวดหมู่สำหรับตัวเองลงในสมุดหรือโปรแกรมประมวลคำ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ค่านิยม: สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณคืออะไร คุณสมบัติอะไรที่คุณภูมิใจในตัวเองและผู้อื่น อะไรที่เป็นแรงผลักดันให้คุณทำบางสิ่งบางอย่างได้สำเร็จ
- ความสนใจ: สิ่งที่คุณสงสัยใคร่รู้คืออะไร เวลาว่างคุณชอบทำอะไร อะไรที่ทำให้คุณหลงใหล
- นิสัย: เขียนสิบคำที่บอกถึงบุคลิกภาพของคุณ
- กิจกรรม: คุณใช้เวลาในแต่ละวันอย่างไร ส่วนไหนในแต่ละวันที่คุณชอบมากที่สุดและน้อยที่สุด คุณมีพิธีกรรมประจำวันไหม
- เป้าหมายในชีวิต: เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณมีอะไรบ้าง เพราะอะไรมันถึงสำคัญ คุณเห็นภาพตัวเองอยู่ตรงไหนในอีก 5 ปีข้างหน้า แล้วอีก 10 ปีล่ะ
- จุดแข็ง: ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ของตัวเองคืออะไร คุณถนัดอะไรจริงๆ
-
ทำแบบทดสอบประเมินบุคลิกภาพออนไลน์. แม้ว่าแบบทดสอบบุคลิกภาพจะไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์ แต่พวกเขาก็จะถามคำถามที่บังคับให้คุณต้องพิจารณาแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับลักษณะของตัวเอง มีแบบทดสอบที่มีชื่อเสียงมากมายที่คุณสามารถทำได้ทางออนไลน์ ได้แก่ : [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Harvard Business Review ไปที่แหล่งข้อมูล
- ตัวชี้วัดของไมเออร์ส-บริกส์ (Meyers-Brigg Type Indicator)
- แบบสํารวจบุคลิกภาพรวมมินนิโซตา (MMPI)
- แบบประเมินพฤติกรรมดัชนีคาดการณ์ (Predictive Index Behavioral Assessment)
- แบบทดสอบบุคลิกภาพใหญ่ 5 อย่าง (Big 5 Personality Assessment)
-
ขอความคิดเห็นจากคนอื่น. แม้ว่าคุณไม่ควรนิยามตัวเองจากสิ่งที่คนอื่นพูด แต่การถามความคิดเห็นของคนอื่นที่มีต่อตัวคุณช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
- เริ่มจากการถามคนที่คุณรักก่อนว่า เขานิยามบุคลิกภาพหรือลักษณะของคุณอย่างไร
- ถ้าคุณสบายใจที่จะถาม คุณก็สามารถถามหัวหน้า ที่ปรึกษา หรือคนรู้จักว่า เขามองว่าบุคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร
- ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคนอื่น ก็ไม่เป็นไร! คำวิจารณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวตัดสินคุณ และคุณอาจจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นมากขึ้นก็ได้
-
วัดความพึงพอใจจากผลลัพธ์. พอคุณประเมินบุคลิกภาพและลักษณะของตัวเองได้แล้ว ให้ทบทวนสิ่งที่คุณได้เรียนรู้เพื่อดูว่า คุณมีความสุขกับตัวเองหรือเปล่า ค่านิยมและคุณสมบัติเหล่านี้สอดคล้องกับคนที่คุณอยากจะเป็นหรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ ให้มองหาทางที่จะขยายหรือสร้างลักษณะคุณสมบัติเหล่านี้เพิ่มเติม แต่ถ้าคำตอบคือไม่ พยายามตั้งชุดเป้าหมายส่วนบุคคลเพื่อพัฒนาตนเอง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้จุดแข็งช่วยให้คุณพบความสุข เช่น ถ้าคุณรู้ว่าคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และชอบใช้มือทำงาน คุณก็อาจจะไปลงเรียนศิลปะหรือเริ่มทำงานประดิษฐ์ชิ้นใหม่ก็ได้
- ถ้าคุณอยาก พัฒนาบางสิ่งบางอย่าง ให้ใช้ความรู้ในการวางแผนส่วนบุคคลขึ้นมา เช่น ถ้าคุณรู้ว่าคุณเป็นคนชอบอยู่กับตัวเองแต่อยากเข้าสังคมให้มากกว่านี้ คุณก็อาจจะเรียนรู้จากการเข้าสังคมกลุ่มเล็กๆ ก่อน การจัดสรรเวลาอยู่กับตัวเองและผู้อื่นอย่างสมดุลจะช่วยให้คุณมีชีวิตสังคมที่เหมาะกับคุณ
โฆษณา
-
ดูแลตัวเอง. ถ้าจิตใจคุณมีแต่ความเครียดและเรื่องงาน คุณก็อาจจะหาเวลาทบทวนตัวเองได้ยาก แต่คุณต้องดูแลตัวเองทั้งทางอารมณ์และทางร่างกาย เพราะการดูแลตัวเองจะทำให้คุณสบายใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นมากขึ้น [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Alliance on Mental Illness ไปที่แหล่งข้อมูล
- ออกกำลังทุกวันจนเป็นนิสัย คุณอาจจะออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ 20 นาทีหรือแค่เดินเร็วก็ได้
- นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมง
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ที่มีผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากๆ
- หาเวลาผ่อนคลายทุกวัน คุณอาจจะนั่งสมาธิหรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้ผ่อนคลาย เช่นถักนิตติ้ง เล่น เกมปริศนา หรืออ่านหนังสือ
-
สร้างสมดุลที่ดีระหว่างการทำงานและชีวิต. อย่าให้อาชีพหรือความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นสิ่งเดียวที่นิยามความเป็นคุณ แม้ว่าความภูมิใจในงานที่ทำจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ให้พยายามหาพื้นที่ให้ตัวเองนอกเหนือจากเรื่องงานด้วย อย่าเอางานกลับมาทำที่บ้าน หาเวลาในแต่ละวันทำตามเป้าหมายอื่นๆ งานอดิเรก และสิ่งที่คุณสนใจ [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Harvard Business Review ไปที่แหล่งข้อมูล
- งานสำคัญก็จริง แต่คุณก็ควรให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองด้วย
- กำหนดขอบเขตที่ทำงานเพื่อให้แน่ใจว่า งานจะไม่เข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ด้านอื่น เช่น ไม่ตอบอีเมลที่ไม่เร่งด่วนนอกเวลางาน
-
กำหนดขอบเขตของตัวเองในความสัมพันธ์. การเข้าใจข้อจำกัดของตัวเองจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น พยายามระบุให้ได้ว่าปฏิสัมพันธ์แบบไหนที่ทำให้คุณอึดอัด เครียด หรือไม่มีความสุข ใช้สิ่งเหล่านี้สร้างขอบเขตส่วนบุคคลขึ้นมา [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถามตัวเองว่าสถานการณ์แบบไหนที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ เช่น คุณไม่ชอบคนเยอะๆ หรือเปล่า มีมุกตลกแนวไหนที่คุณไม่ชอบไหม
- ทบทวนว่าในชีวิตของคุณมีใครที่ร้องขอจากคุณมากเกินไปหรือบังคับให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่อยากทำหรือเปล่า ลองดูว่าการขอร้องหรือคำสั่งไหนที่คุณไม่เต็มใจทำ
-
ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้คุณมีความสุข. การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้คุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตนี้ พยายามตั้งเป้าหมายสัก 2-3 ข้อที่ช่วยให้คุณไปถึงความฝันในชีวิต ตั้งเป้าหมายที่ทำให้คุณมีความสุข ไม่ใช่เป้าหมายที่มาจากแรงผลักดันภายนอก เช่น เงินหรือเกียรติยศ
- เช่น คุณอาจจะเริ่มตั้งเป้าหมายที่จะเขียนให้ได้วันละ 500 คำ ซึ่งคุณควรทำเพราะว่าคุณรักการเขียน ไม่ใช่เพราะว่าคุณอยากเป็นนักเขียนดัง
- เป้าหมายของคุณจะเล็กและเป็นส่วนตัวแค่ไหนก็ได้ เช่น คุณอาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะต้องพัฒนาทักษะการตกแต่งคุกกี้ให้ได้ก่อนถึงวันหยุดยาว
- ถ้าเป้าหมายของคุณใหญ่ ให้แบ่งเป็นเป้าหมายย่อยๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ไล่ตามเป้าหมายใหญ่ไปเรื่อยๆ เช่น ถ้าความฝันของคุณคือการแบกเป้ไปเที่ยวให้ทั่วยุโรป ให้ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่จะเก็บเงิน ซื้อตั๋ว และวางแผนท่องเที่ยว
-
ปรับความปรารถนาและความต้องการอยู่เป็นระยะ. ทบทวนตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว ความปรารถนาของคุณเปลี่ยนไปบ้างไหม มีอะไรใหม่ๆ ในชีวิตที่เข้ามาเปลี่ยนลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ หรือเปล่า การรู้จักตัวเองคือกระบวนที่ไม่จบสิ้น ตัวเราก็เหมือนเพื่อนเก่านั่นแหละ เราต้องหมั่นคอยถามไถ่กันบ้าง
- อ่านบันทึกบ้างเป็นครั้งคราว วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่านิสัยหรือลำดับความสำคัญของคุณเปลี่ยนไปอย่างไร
- หลังจากความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เช่น งานใหม่หรือย้ายที่อยู่ คุณก็อาจจะประเมินว่า กิจวัตร การทำสิ่งต่างๆ และความปรารถนาของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
- ถ้าคุณมีนิสัยหรือแนวโน้มบางอย่างที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการหรือเป้าหมายอีกต่อไปแล้ว คุณก็อาจจะ ทิ้งมันไป แล้วแทนที่ด้วยกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมาย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.prolificliving.com/get-to-know-yourself/
- ↑ https://au.reachout.com/articles/how-to-become-self-aware
- ↑ https://www.urmc.rochester.edu/encyclopedia/content.aspx?ContentID=4552&ContentTypeID=1
- ↑ https://www.mindful.org/how-do-i-bring-more-mindfulness-into-my-life/
- ↑ http://kidshealth.org/en/teens/body-image.html#
- ↑ https://www.forbes.com/sites/womensmedia/2015/07/08/need-a-boost-in-confidence-identify-your-top-life-roles/#79b798921c97
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
- ↑ https://hbr.org/2015/02/5-ways-to-become-more-self-aware
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
โฆษณา