ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทั้งลูกแมวและแมวโตเต็มวัย ก็มีโอกาสพบปรสิตในลำไส้ (intestinal parasite) หรือพยาธิ (worm) ได้ทั้งนั้น โดยติดมาได้ด้วยหลายวิธีด้วยกัน เช่น ลูกแมวก็ติดไข่พยาธิมาทางนมแม่ ส่วนแมวเด็กก็ติดพยาธิปากขอทางผิวหนัง ติดพยาธิตัวตืดเพราะเลียขนจนเผลอกินหมัดเข้าไป บางทีก็ติดมาจากหนูหรือกระต่าย แมวติดพยาธิได้ง่ายมากและได้ตลอด ทาสแมวอย่างคุณจึงควรหมั่นสังเกตอาการที่บอกว่าแมวกำลังมีพยาธิ จะได้พาไปหาหมอหรือถ่ายพยาธิเองโดยเร็ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

อาการที่บอกว่าแมวมีพยาธิ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แมวที่มีพยาธิเยอะๆ มักพุงป่อง ทั้งๆ ที่มีไขมันบริเวณสันหลังกับเชิงกรานนิดหน่อย ท้องป่องหรือพุงโลที่ว่า จะเต่งๆ ออกกลม บางตัวก็ห้อยต่ำ จนนึกว่าท้อง [1] ข้อแตกต่างระหว่างแมวพุงโลกับแมวอ้วน ก็คือมีพยาธิเยอะแล้วแมวจะเต่งแต่ที่ท้อง ส่วนร่างกายผอมโทรม
    • ถ้าแมวพุงโล มักเป็นเพราะพยาธิตัวกลม (roundworms) แต่บางทีก็พบพยาธิชนิดอื่นได้เช่นกัน
  2. เวลาเอานิ้วลูบไปตามกระดูกสันหลังของแมวสุขภาพดี จะเจอกระดูกสันหลังเป็นคลื่นๆ เล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับแข็งทิ่มเป็นข้อๆ ชัดเจน เพราะมี fat pad หรือชั้นไขมันซ้อนอยู่ แต่ถ้าแมวมีพยาธิเยอะ จะไม่เจอชั้นไขมันนี้ มีแต่กระดูกปูดโปนตามสันหลังและเชิงกราน
    • แมว "โทรม" หรือปกติ ดูได้จากไขมันที่หุ้มกระดูกตามตัว จุดสังเกตคือตามสันหลัง สะโพก และเชิงกราน
  3. พยาธิจะดึงสารอาหารไปจนแมวได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีนไม่เพียงพอจะมาบำรุงร่างกายและขน เลยมีอาการ
    • ขนหยาบ
    • ขนไม่เงางาม
    • ขนด้าน
  4. พยาธิจะไประคายเคืองผนังกระเพาะและลำไส้ ทำให้แมวท้องเสียและอาเจียน ยิ่งถ้าพยาธิเยอะเป็นพิเศษ อาจถึงขั้นอุดตันจนแมวขับถ่ายไม่ออก และอาเจียนหนักจนเป็นอันตรายต่อชีวิต ในอ้วกแมวจะมีพยาธิปนออกมาเป็นกระจุก เหมือนเส้นสปาเก็ตตี้กระดุกกระดิกได้ [2]
    • ถ้าแมวอ้วกหนักไม่ยอมหยุด ให้รีบพาไปหาหมอทันที
  5. พยาธิบางชนิด โดยเฉพาะพยาธิปากขอ (hookworm) จะทำให้เลือดตกในได้ แมวเลยค่อยๆ เสียเลือด เกิดภาวะโลหิตจาง แมวจะถึงขั้นเฉื่อย อ่อนแรง ถ้าเป็นมาก และถ้าเกิดในลูกแมวก็ถึงตายได้เลย [3]
    • วิธีสังเกตภาวะโลหิตจาง คือเผยอปากแมวขึ้น ให้เห็นสีเหงือก ถ้าเหงือกแข็งแรงสุขภาพดี จะเป็นสีชมพู แต่ถ้ามีภาวะโลหิตจาง เหงือกจะขาวซีด ออกเทา หรือสีชมพูตุ่นๆ
  6. แมวที่มีพยาธิมักเชื่องช้าเฉื่อยชา ร่างกายไม่ค่อยเจริญเติบโต ยิ่งถ้าเป็นลูกแมวจะเห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากพี่น้องร่วมครอก ตัวจะเล็ก ไม่ซน ขนหยาบด้าน พุงโล และไม่ค่อยมีไขมันตามซี่โครงและกระดูกสันหลัง
    • ถ้าไม่มีลูกแมวตัวอื่นให้เปรียบเทียบ ก็ยากจะบอกได้ชัดเจน แต่รวมๆ คือแมวที่สุขภาพแข็งแรงจะร่าเริง เล่นซน ตัวอวบ และขนนุ่มเงางาม
    • ถ้ามีพยาธิเยอะเป็นพิเศษ อาจส่งผลให้ลูกแมวโตมาแบบไม่แข็งแรง หรือกลับมาเจ็บป่วยเรื่อยๆ ตลอดชีวิต
  7. เพราะหมัดเป็นพาหะของไข่พยาธิตัวตืด (tapeworm) เวลาแมวเลียขนตัวเอง ก็อาจเผลอกินหมัดเข้าไปไม่รู้ตัว ไข่พยาธิตัวตืดเลยเข้าสู่ร่างกาย
    • ขี้หมัดจะหาง่ายกว่าตัวหมัดเอง โดยจะเป็นจุดเลือดแห้งจากตัวหมัด มักพบตามขนของแมวที่หมัดไปอาศัยอยู่
    • วิธีหาขี้หมัด คือให้แปรงแบบทวนแนวขน จะเห็นจุดดำๆ เล็กๆ ที่ขนหรือผิวหนังของแมว
    • ถ้าอยากรู้ให้แน่ ว่าจุดที่เจอเป็นขี้หมัดหรือแค่ฝุ่นผงและสะเก็ดผิวหนัง ให้เอาจุดนั้นวางบนทิชชู่สีขาวชื้นๆ อยากที่บอกว่าขี้หมัดเป็นจุดเลือดแห้ง เพราะฉะนั้นพอเจอทิชชู่เปียกน้ำ ก็จะละลายกลายเป็นคราบสีส้มหรือแดง
    • ถ้าเจอหมัดหรือขี้หมัดที่ตัวแมว ต้องรีบกำจัดหมัดทั้งที่ตัวแมวและในบ้าน รวมถึงเบาะนอน ไม่งั้นหมัดเพิ่มจำนวนแน่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

รู้จักพยาธิสายพันธุ์ต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าสงสัยว่าแมวจะมีพยาธิ ขั้นต่อไปคือต้องรู้ว่าเป็นพยาธิชนิดไหน เพราะจะช่วยให้หายากำจัดพยาธิแบบเห็นผลต่อไปได้
  2. ยกหางแมวสำรวจแถวก้น เพราะมักมีไข่พยาธิตัวตืดเป็นแพโผล่มาตามรูก้นหรือขนรอบๆ ไข่พยาธิจะสีขาวครีม บางคนก็ว่าเหมือนเมล็ดข้าว เมล็ดแตงกวา หรือเมล็ดงา [4]
    • ไข่พยาธิอาจติดอยู่ตามเบาะนอนของแมว เพราะงั้นต้องสำรวจด้วย
    • ถ้าเจอไข่พยาธิ ให้รีบพาแมวไปหาหมอ จะได้กำจัดพยาธิตัวตืด
  3. ถ้าแมวใช้กระบะทรายจะหาเจอง่ายมาก เพราะจะติดอยู่กับก้อนอึเลย บางทีก็โผล่มาให้เห็นในกระบะตื้นๆ แต่ส่วนใหญ่ต้องใส่ถุงมือแล้วใช้อุปกรณ์ (แบบใช้แล้วทิ้ง) เขี่ยๆ หรือหั่นก้อนอึเพื่อมองหาพยาธิตัวตืดที่อาจซ่อนอยู่ด้านใน
    • พยาธิตัวตืดจะแบนๆ เป็นท่อนๆ สีขาวครีม ส่วนใหญ่จะยาวประมาณ 4 - 28 นิ้ว (10 - 70 ซม.) [5] [6]
    • Dipylidium caninum : แมวติดพยาธิตัวตืดชนิดนี้ได้จากการกินหมัดที่มีไข่พยาธิตัวตืดเข้าไป [7]
    • Taenia taeniaeformis : แมวติดพยาธิตัวตืดชนิดนี้ได้จากการจับหนูที่มีพยาธิตัวตืดแล้วกินเข้าไป [8]
  4. roundworm หรือพยาธิตัวกลม จะพบบ่อยที่สุด หน้าตาเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว ปกติจะยาวประมาณ 2 - 4 นิ้ว (5 - 10 ซม.) แต่บางทีก็ยาวได้ถึง 5 นิ้ว (13 ซม.) เลยทีเดียว [9] พยาธิตัวกลมมี 2 ชนิดด้วยกัน แต่ละแบบก็ติดมาได้ต่างวิธีกัน
    • Toxocara cati : เป็นพยาธิที่ลูกแมวติดมาจากนมแม่ ส่วนใหญ่ลูกแมวมักมีพยาธิชนิดนี้ตั้งแต่เกิด ลูกแมวบางตัวถึงได้พุงโล อ้วก และท้องเสีย
    • Toxascaris leonine : เป็นพยาธิตัวกลมที่ติดมาหลังคลุกคลีกับแมวหรือขี้หนูที่มีพยาธิ บางทีแมวก็อ้วกเอาพยาธิออกมาทั้งตัว แต่บางทีก็มาแค่บางท่อน
  5. hookworm หรือพยาธิปากขอ เป็นพยาธิเล็กๆ ขดๆ (ยาว 0.5 - 1 ซม.) มีปากเหมือนตะขอ มองหาด้วยตาเปล่ายากมาก Ancylostoma duodenalis มักพบในนมของแม่แมว แต่บางทีลูกแมวก็ติดมาจากการเดินย่ำเบาะนอนที่สกปรก มีพยาธิ
    • ปากที่เหมือนมีฟันแหลมๆ จะเกาะติดผนังลำไส้เล็กของแมว แล้วปล่อย anticoagulant หรือสารกันเลือดแข็งตัวออกมา ทำให้แมวเลือดตกใน จนเกิดภาวะโลหิตจาง อ่อนแรง ไม่ค่อยเติบโตสมวัย
  6. heartworm หรือพยาธิหนอนหัวใจ ปกติพบมากในหมา ไม่ค่อยพบในแมว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่พบเลย เป็นพยาธิชนิดที่พบในหลอดเลือด มากกว่าในลำไส้ แบบนี้เลยต้องพาแมวไปหาหมอ เพื่อตรวจเช็คว่ามีพยาธิชนิดนี้หรือเปล่า
    • Dirofilaria immitis : แมวจะได้รับไข่พยาธิชนิดนี้เข้าสู่กระแสเลือดจากยุง อาการจะไม่ค่อยเห็นชัดเจน โดยอ่อนแรง น้ำหนักลด และไอ แต่ที่น่ากลัวคือแมวหลายตายไปเลย โดยไม่แสดงอาการ เพราะเกิดการอุดตันในเส้นเลือดใหญ่ที่ไปยังหัวใจ
  7. วิธีเช็คชนิดพยาธิได้ตรงที่สุด (ยกเว้นพยาธิหนอนหัวใจ) ก่อนจะก่อปัญหาสุขภาพร้ายแรง ก็คือต้องเก็บตัวอย่างอึที่ยังใหม่ๆ ไปให้คุณหมอดู พยาธิโตเต็มวัยจะวางไข่ตอนอยู่ในลำไส้ของแมว ไข่พวกนี้มักออกมากับอึ (ไม่เสมอไป) เลยสังเกตเห็นได้ถ้าเก็บตัวอย่างเร็วและส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ [10]
    • ไข่ของพยาธิแต่ละชนิด ก็จะหน้าตาแตกต่างกันไป ทำให้ระบุสายพันธุ์ได้ง่ายขึ้น
    • ถ้าสำรวจตามตัวและอึแมวแล้วแต่ไม่เจอ ก็ไม่ได้แปลว่าแมวจะไม่มีพยาธิ แต่แปลว่าพยาธิไม่ออกมากับอึ ยังอยู่ในร่างกาย เพราะพยาธิเยอะจนอุดตัน วิธีเดียวที่จะแน่ใจได้ ก็คือต้องเก็บตัวอย่างอึไปให้คุณหมอตรวจสอบในห้องปฏิบัติการต่อไป [11]
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Brian Bourquin, DVM

    สัตวแพทย์แมว
    ไบรอัน บูร์ควิน หรือที่ลูกค้ารู้จักในชื่อ “Dr. B” เป็นสัตวแพทย์และเจ้าของ Boston Veterinary Clinic คลินิกรักษาและดูแลสัตว์เลี้ยงในเซาธ์เอนด์/เบย์วิลเลจ กับบรู๊คไลน์ในบอสตัน คลินิกแห่งนี้ขึ้นชื่อด้านการปฐมพยาบาลสัตว์เลี้ยงรวมถึงการดูแลป้องกัน การผ่าตัดเนื้อเยื่ออ่อนและสุขภาพฟัน นอกจากนี้ยังมีบริการฝึกนิสัย โภชนาการและการฝังเข็มหรือเลเซอร์ด้วย คลินิกแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้รับมาตรฐาน AAHA (American Animal Hospital Association) และเป็นที่แรกและที่เดียวในบอสตันที่เป็นคลินิกแบบไร้ความกลัว ไบรอันมีประสบการณ์ 19 ปีและจบปริญญาเอกด้านสัตวแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล
    Brian Bourquin, DVM
    สัตวแพทย์แมว

    ผู้เชี่ยวชาญของเราเห็นตรงกันว่า : คุณควรนำอึแมวไปตรวจปีละสองครั้งเพื่อเช็กเรื่อยๆ ว่าแมวมีพยาธิหรือไม่ โดยเฉพาะหากแมวของคุณอยู่นอกบ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแมวที่อยู่ในบ้านจะไม่มีความเสี่ยง

    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • นอกจากเก็บเป็นความรู้แล้ว การแยกพยาธิชนิดต่างๆ ยังเป็นประโยชน์ต่อการเลือกยากำจัดให้เหมาะสมต่อไป แต่ขั้นแรกก็คือต้องสงสัยขึ้นมาซะก่อน ว่าแมวน่าจะมีพยาธิ
  • เวลาจะระบุชนิดพยาธิ ถ้าพอรู้แหล่งที่แมวจะติดพยาธิมาได้ จะช่วยได้มาก
  • แมวที่ท้องเต่งกลม แต่ตัวผอม ไม่ค่อยมีไขมัน และไม่ได้ถ่ายพยาธิมานาน 6 เดือนขึ้นไป เป็นไปได้มากว่าจะมีพยาธิ แต่บางทีก็เป็นอาการของโรคอื่นเช่นกัน ยังไงควรพาไปหาหมอซะก่อน
โฆษณา

คำเตือน

  • นอกจากพยาธิหนอนหัวใจแล้ว ก็ไม่ค่อยมีวิธีป้องกันพยาธิได้ชะงัด เว้นแต่จะไม่ให้แมวสัมผัสกับแหล่งที่มีพยาธิเลย
  • ทั้งคุณและเด็กๆ ในบ้านต้องล้างมือทุกครั้งหลังเล่นแมวหรือลูกแมวที่ไม่รู้แน่ชัดว่าเคยถ่ายพยาธิไหมหรือเมื่อไหร่ ถึงพยาธิในแมวจะอยู่ในลำไส้คนไม่ได้ ก็ยังมีโอกาสชอนไชเข้าใต้ผิวหนัง คิดดูว่าจะน่ากลัวและอันตรายขนาดไหนถ้าไปไกลถึงดวงตา
  • หาก่อนว่าแมวมีพยาธิไหม? ถ้ามี เป็นชนิดไหน? จะได้หาทางกำจัดต่อไปเพื่อสุขภาพอันดีของแมวและลูกแมว นอกจากนี้ สาเหตุก็คือพยาธิบางชนิดติดต่อมายังคนได้ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ไม่ค่อยล้างมือหลังเล่นแมว แค่คุณหมั่นดูแลสุขภาพแมว ทำความสะอาดกระบะทราย และเก็บตัวอย่างอึไปให้คุณหมอตรวจสอบทุกปี ทั้งแมวและบ้านของคุณก็จะปลอดพยาธิแน่นอน
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.aspca.org/pet-care/cat-care/worms
  2. Kirk & Bistner's Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment
  3. http://www.vcahospitals.com/main/pet-health-information/article/animal-health/anemia-in-cats/51
  4. Blackwell's Five-Minute Veterinary Consult Clinical Companion: Canine and Feline Infectious Diseases and Parasitology. 2nd edition. Wiley-Blackwell
  5. www.cdc.gov/parasites/dipylidium/faqs.html
  6. www.pets.webmd.com/cats/tapeworms-cats
  7. http://pets.webmd.com/cats/tapeworms-cats
  8. http://pets.webmd.com/cats/tapeworms-cats
  9. http://pets.webmd.com/cats/roundworms-cats
  1. Blackwell's Five-Minute Veterinary Consult Clinical Companion: Canine and Feline Infectious Diseases and Parasitology. 2nd edition. Wiley-Blackwell
  2. Blackwell's Five-Minute Veterinary Consult Clinical Companion: Canine and Feline Infectious Diseases and Parasitology. 2nd edition. Wiley-Blackwell

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 119,322 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา