ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ระดับของโพแทสเซียมนั้นส่งผลต่อระบบประสาทและการสื่อสารของเซลล์กล้ามเนื้อในระบบย่อยอาหาร หัวใจ และในกล้ามเนื้ออื่นๆ โพแทสเซียมในร่างกายส่วนใหญ่อยู่ภายในเซลล์ และโดยปกติแล้วระดับของโพแทสเซียมในกระแสเลือดจะอยู่ระดับเฉพาะที่ควบคุมโดยระบบต่อมไร้ท่อ ภาวะโพแทสเซียมต่ำกว่าปกติ (Hypokalemia) เป็นอาการทางการแพทย์ที่ระดับโพแทสเซียมของคุณต่ำกว่าปกติและลดความไวต่ออินซูลิน ผู้ที่มีภาวะโพแทสเซียมต่ำกว่าปกติจะต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับทางด้านร่างกายหลายอย่าง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ระบุสัญญาณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สัญญาณแรกของระดับโพแทสเซียมค่อนข้างต่ำกว่าปกตินั่นคือจะมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว อาการอ่อนเพลียผิดปกติ (กล้ามเนื้อเกี่ยวกับทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหารจะอ่อนแรงหากเป็นในกรณีรุนแรง) [1] ระดับโพแทสเซียมที่ต่ำลงจะทำให้เซลล์ที่เส้นประสาทไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วซึ่งก็จะทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่ากล้ามเนื้อนั้นจะมีปัญหาในการหดตัว
    • อาการหน้ามืด เจ็บกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหดเกร็ง และอาการปวดแปลบที่กล้ามเนื้อหรืออาการชา นั้นจะบ่งบอกถึงภาวะขาดโพแทสเซียมที่แย่ลงและควรไปให้แพทย์ตรวจอย่างทันที [2]
  2. ภาวะขาดโพแทสเซียมที่ปล่อยไว้นานและอยู่ในระดับต่ำมากๆ นั้นจะส่งผลกระทบต่อหัวใจ ระดับโพแทสเซียมที่ต่ำลงนั้นจะเปลี่ยนแปลงการทำงานจนผิดปกติ ซึ่งได้แก่อาการจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ อย่างโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อันตรายในกรณีที่ร้ายแรง ภาวะโพแทสเซียมต่ำที่ปล่อยไว้นานจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านโครงสร้างและการทำงานของไต
    • นอกจากนี้ยังมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง ซึ่งอันตรายกว่า: อาการของการมีโพแทสเซียมมากเกินไปอย่างร้ายแรงคือ ใจสั่น ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือชา มีอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ มีสิทธิหัวใจวายและถึงแก่ความตายได้ [5]
  3. ระวังสถานการณ์ที่นำไปสู่ระดับโพแทสเซียมที่ต่ำลง. หากคุณเผชิญกับอาการท้องเสีย ภาวะขาดน้ำ อาเจียน หรืออ่อนแรง คุณควรไปตรวจระดับโพแทสเซียมของคุณ การตรวจนี้จะต้องเจาะเลือดและนำไปตรวจวัดคุณสมบัติทางเคมีของเลือดหรือ Basic Metabolic Panel (BMP) [4] ซึ่งก็จะตรวจระดับอิเล็กทรอไลต์ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม คลอไรด์ ไฮโดรเจนฟอสเฟส และไฮโดรเจนคาร์บอเนต)
    • ขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของคุณ แพทย์อาจจะต้องการให้คุณตรวจแบบ Comprehensive Metabolic Panel (CMP) [5] ซึ่งก็จะเพิ่มการตรวจการทำงานของตับด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

วินิจฉัยอาการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ระดับเซรุ่มโพแทสเซียมที่มีน้อยกว่า 3.5 มิลลิโมลต่อลิตร (mmol/L) นั้นถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ช่วงปกตินั้นจะอยู่ที่ 3.6-5.2 mmol/L [6] ระดับอิเล็กทรอไลต์อื่นๆ อย่าง แคลเซียม กลูโคส แมกนีเซียม และฟอสฟอรัสก็จะตรวจไปพร้อมกันด้วย
    • การวิเคราะห์เลือดนั้นอาจจะใช้การตรวจแบบ Blood Urea Nitrogen (BUN) และการตรวจดูสาร Creatine ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การทำงานของไต
    • ผู้ป่วยที่กำลังใช้ยารักษาโรคหัวใจประเภทดิจิทัลลิส (digitalis) นั้นจำเป็นต้องตรวจระดับไดจอกซิน (digoxin) ด้วยเพราะยาตัวนี้ส่งผลกระทบต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ
  2. นี่จะช่วยตรวจดูการทำงานของหัวใจเพื่อดูสัญญาณของความเสียหายหรือปัญหาอื่นๆ [7] แพทย์จะโกนบางส่วนของผิวหนังของคุณถ้าคุณมีขนเยอะ และจะติดตั้งเครื่องบันทึกคลื่นหัวใจทั้ง 12 ตัวที่แขน หน้าอก และขา แต่ละตัวจะส่งข้อมูลกระแสไฟฟ้าเกี่ยวกับหัวใจไปที่เครื่องวัดเป็นเวลา 5-10 นาที ผู้ป่วยจะต้องอยู่นิ่งๆ เท่าที่เป็นไปได้ และถ้าจำเป็นก็จะต้องตรวจแบบ ECG อีกครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ระบุถึงปัญหา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การใช้ยาเจือจางเลือดนั้นจะนำไปสู่ภาวะโพแทสเซียมต่ำโดยตรง ผู้ป่วยบางคนที่มีปัญหาสุขภาพอย่างความดันเลือดสูงนั้นจะต้องใช้ยาเจืองจางเลือดในการรักษา อย่างไรก็ตามหากมันทำให้โพแทสเซียมอยู่ในระดับต่ำ คุณจำเป็นต้องพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับยาตัวอื่นเป็นทางเลือก [10]
    • ยาเจือจางเลือดนั้นเป็นยาประเภทหนึ่งที่มีฟูโรซีไมด์ (furosemide) และไฮโดรคลอโรไทอะไซด์ (hydrochlorothiazide (HCTZ)) ยาเจือจางเลือดนั้นจะเน้นที่การลดความดันเลือดสูงโดนการเพิ่มอัตราของการปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม นี่จะทำให้แร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมนั้นอยู่ในภาวะสมดุลตามความต้องการของร่างกายได้ยากเพราะมันถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ
  2. ประเมินการใช้ชีวิตของคุณเพื่อหาสาเหตุที่เป็นไปได้. แม้ว่าปัญหาบางอย่างที่ทำให้มีภาวะโพแทสเซียมต่ำนั้นเป็นปัญหาทางการแพทย์ สาเหตุบางอย่างนั้นสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ถ้าคุณดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก ใช้ยาระบายบ่อยเกินไป หรือมีเหงื่อออกเยอะมาก นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ระดับโพแทสเซียมต่ำ [11] ให้พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนิสัยหรือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเพื่อจะได้แก้ปัญหานี้
    • คุณอาจจะต้องไปรับการรักษาเพื่อแก้เรื่องการเสพติดแอลกอฮอล์หากคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้น้อยลงหากทำได้ด้วยตนเอง
    • หากคุณใช้ยาระบายมากเกินไป ให้ลองพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับวิธีที่คุณจะพึ่งมันน้อยลงโดยใช้วิธีการธรรมชาติ
    • ถ้าคุณมีเหงื่อออกเยอะ คุณอาจจะต้องเปลี่ยนการทำงานหรือการอยู่อาศัย ให้อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นขึ้น ทำให้ร่างกายชุ่มชื้น หรือใช้วิธีทางการแพทย์เพื่อทำให้เหงื่อออกน้อยลงหากจำเป็น
    • อาการอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่ภาวะโพแทสเซียมต่ำได้แก่ โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคท้องร่วง โรคความดันสูง และการใช้ยาปฏิชีวนะ
  3. ภาวะโพแทสเซียมต่ำนั้นสามารถเป็นสิ่งบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ร้ายแรง โรคไตเรื้อรังและภาวะคีโตซีสนั้นสามารถทำให้โพแทสเซียมมีระดับต่ำลงและควรไปตรวจอย่างทันที [12] อาการอื่นๆ ที่จะทำให้โพแทสเซียมอยู่ในระดับต่ำนั่นคือการขาดกรดโฟลิกหรือมีอาการเจ็บป่วยที่กระเพาะซึ่งทำให้อาเจียนและท้องเสียอยู่ตลอด
  4. วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มระดับโพแทสเซียมก็คือการทานอาหารที่อุดมด้วยโพแทสเซียม คุณจะทานอาหารเสริมโพแทสเซียมก็ได้ แต่ขอให้แน่ใจว่าได้พูดคุยกับแพทย์เพื่อที่คุณจะได้ไม่รับเอาโพแทสเซียมเข้ามาในร่างกายมากเกินไป อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงนั้นได้แก่ [14]
    • กล้วย
    • อะโวคาโด
    • มะเขือเทศ
    • มันฝรั่ง
    • ผักโขม
    • ถั่วฝักและถั่วฝักเมล็ดกลม
    • ผลไม้แห้ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณอาจจะต้องทานโพแทสเซียมแบบน้ำหรือแบบเม็ดเพื่อเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือดหากผลตรวจระบุมาเช่นนั้น (ให้ถามแพทย์เกี่ยวกับสาเหตุที่แฝงอยู่ด้วยเช่น อาการ และยาที่แพทย์จ่าย เช่น ยาเจือจางเลือด)
  • กรณีที่ร้ายแรงของภาวะโพแทสเซียมต่ำกว่าปกตินั้นสามารถรักษาได้ด้วยวิธีของแพทย์โดยการฉีดสารละลายโพแทสเซียมไปที่เส้นเลือดโดยตรงหรือทานโพแทสเซียมแบบเม็ด ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานในระดับโคม่าและภาวะคีโตซีส อาจจะต้องใช้ทั้งสองวิธีนี้ควบคู่กัน
  • โพแทสเซียมนั้นเป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเหมือนกับเกลือ ตัวอย่างเช่น โพแทสเซียมคลอไรด์นั้นใช้แทนเกลือได้ แต่ไม่แนะนำและมันก็มีรสชาติที่แตกต่างจากเกลือปรุงอาหาร (โซเดียมคลอไรด์) ปกติแล้วมันพบในสาหร่ายหรือในแร่ธาตุหลายอย่างและเป็นสารสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
  • ภาวะโพแทสเซียมต่ำกว่าปกติในระดับเล็กน้อยนั้นอาจจะไม่ต้องใช้การรักษาจากแพทย์หากมัน "ไม่มีอาการ" แพทย์อาจจะแค่ให้คุณพึ่งการทานอาหารและความสามารถของร่างกายในการปรับระดับโพแทสเซียมจากระดับต่ำให้เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติโดยการทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 34,797 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา