ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ในโลกนี้ มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก (Facebook) กว่า 1,000 ล้านคน และเฟซบุ๊กก็อนุญาตให้คุณลงโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนใดก็ได้ตามที่คุณต้องการ แม้บางคนอาจจะต้องการโฆษณาผ่านกูเกิล (Google) เพราะสามารถหาลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าได้มากกว่า แต่เฟซบุ๊กดีกว่าตรงที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้คนได้ทุกกลุ่มและทุกแห่งหนได้ในระยะเวลาอันสั้น ทุกคนสามารถสร้างโฆษณาบนเฟซบุ๊กได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพจ (Facebook Page) กิจกรรม (Event) แอพพลิเคชั่น (App) หรือช่องทางอื่นๆ บนเฟซบุ๊ก ให้ศึกษาบทความดังต่อไปนี้เพื่อเรียนรู้วิธีการโฆษณา

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เตรียมตัวสำหรับการโฆษณา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลงทะเบียนผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ถ้าคุณยังไม่เคยมีบัญชีมาก่อน. แม้ว่ากิจกรรมหรือธุรกิจของคุณจะไม่เกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กก็ตาม แต่คุณต้องลงทะเบียนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเพื่อลงโฆษณา
    • คุณอาจจะต้องการสร้างบัญชีผู้ใช้งานใหม่ และอย่าใช้บัญชีส่วนตัว โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการรับชำระเงินด้วยแล้ว การสร้างบัญชีผู้ใช้งานใหม่เป็นสิ่งที่ดีกว่าเพราะคุณจะได้ไม่ต้องใช้รหัสผ่านร่วมกัน
  2. เลือกประเภทและชื่อของเพจที่แสดงความเป็นบริษัทหรือบริการของคุณ. เพจเป็นหน้าต่างของบริษัทของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องสร้างเพจเพื่อที่จะลงโฆษณาบนเฟซบุ๊ก แต่บริษัทใหญ่ๆ ส่วนมากล้วนมีเพจเป็นของตัวเอง โดยบนเพจนั้น คุณสามารถโฆษณาสินค้าหรือบริการ ติดต่อกับลูกค้า และสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ได้ง่าย
  3. อัปโหลดโลโก้หรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับบริษัท. ส่วนใหญ่จะเป็นโลโก้ที่คนทั่วไปเห็นแล้วรู้ว่าเป็นบริษัทของคุณ
  4. ภาพพื้นหลังจะเป็นสิ่งแรกที่คนเห็นเมื่อเข้ามาดูเพจธุรกิจของคุณ เพราะภาพพื้นหลังจะมีขนาดใกล้เคียงกับความกว้างของหน้าเพจทั้งหมด และควรเป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้ว่าภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณกำลังทำเพจสำหรับธุรกิจของคุณในชื่อว่า บาร์บาร่า คาร์เทอร์ คัพเค้ก คุณอาจจะต้องแสดงให้เห็นถึงภาพคัพเค้กในระยะใกล้ หรืออาจจะเป็นรูปภาพของบาร์บาร่าที่กำลังทำขนมอยู่
  5. เขียนประโยคกล่าวถึงสิ่งที่ธุรกิจของคุณทำ คุณอาจจะเลือกใช้เป็นสโลแกน ซึ่งควรจะอยู่บริเวณใต้ภาพโลโก้และประเภทของบริษัทของคุณ. ลูกค้าที่เข้ามาในเพจควรจะเข้าใจถึงสินค้าและบริการที่คุณมีทันทีผ่านประโยคดังกล่าว
  6. เลือกที่อยู่เว็บไซต์ที่ใช้งานได้เพื่อเป็นอีกแนวทางในการโฆษณา
  7. โพสต์ (Post) อาจจะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่การประกาศลดราคาช่วงฤดูร้อนไปจนถึงการเปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ โพสต์ของคุณอาจจะเป็นการปรับปรุงเนื้อหา รูปภาพ หรือวิดีโอ คนที่ชอบสินค้าของคุณจะเห็นโพสต์เหล่านี้ในหน้านิวฟีดส์ (News feed)
  8. ผู้โฆษณาต้องตระหนักว่าทุกโพสต์ไม่ได้สร้างมาเพื่อส่งผลกระทบที่เท่าเทียมกัน ถ้าคุณต้องการให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางธุรกิจผ่านการโพสต์เฟซบุ๊ก และต้องการให้ธุรกิจเติบโตในทิศทางที่ถูกต้อง ดูให้ดีว่าคุณได้ทำตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้ :
    • เขียนให้สั้นและอ่อนหวาน. จากการศึกษาของเฟซบุ๊กนั้น โพสต์ที่สั้นประมาณ 100-250 คำจะมีคนกดไลก์ (Like) แสดงความเห็น (Comment) และเผยแพร่ต่อ (Share) มากกว่าปกติถึง 60% [1] ซึ่งเป็นตัวเลขที่แตกต่างกันมาก
    • แสดงภาพให้เห็น ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรับข้อมูลผ่านตัวอักษรได้ดี จริงๆ แล้วนั้น มีหลายคนที่เรียนรู้ผ่านการรับรู้ภาพ ดังนั้น อัลบั้มภาพ รูปภาพ และวิดีโอควรทำมาใช้บนเพจด้วย
    • ใช้เพจอินไซต์ (Page Insight) เพื่อช่วยคุณ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเห็นสถิติเพื่อให้สามารถติดต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ตั้งเป้าหมายของโฆษณา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แน่ใจว่าคุณได้ใส่ข้อมูลที่จำเป็นต่อการสร้างโฆษณา. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนการโฆษณาของคุณ คุณอาจจะแนบที่อยู่เว็บไซต์ ช่วงเวลากิจกรรม วันและสถานที่ รายละเอียดของกิจกรรมพิเศษที่คลับ หรือจะเป็นภาพหรือโลโก้ใส่ไว้ในโฆษณาของคุณ
  2. ไปยังหน้าแรกของเฟซบุ๊กและสังเกตบริเวณแถบด้านขวามือ มองหาส่วนที่เขียนว่า “Sponsored” บริเวณที่มีโฆษณาปรากฏอยู่. โดยถัดจากคำว่า “Sponsored” จะมีลิงก์ว่า “Create an Ad” คลิกที่ปุ่มดังกล่าว
  3. จำไว้ว่าตัวเลือกในการสร้างโฆษณาแต่ละตัวนั้น เฟซบุ๊กจะสร้างแบบร่างบริเวณด้านล่างสุดของเพจโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณจะสามารถเห็นได้ทันทีว่าโฆษณาของคุณเป็นอย่างไรก่อนที่จะเผยแพร่
    • จุดหมาย: เลือกระหว่างการสร้างที่อยู่ภายนอก (เว็บไซต์) หรือเพจเฟซบุ๊ก
    • สำหรับการเลือกรูปภาพเพื่อใช้ในการโฆษณานั้น ระวังให้ดีว่ารูปดังกล่าวไม่ได้มีเจ้าของอยู่แล้ว เพราะคุณต้องใช้รูปของตัวเองในการเผยแพร่สู่สาธารณะ
      • สำหรับที่อยู่ภายนอกนั้น คุณจะต้องแนบที่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แล้วเขียนชื่อหัวข้อของโฆษณา เนื้อหาในโฆษณา และภาพหรือโลโก้
      • สำหรับเพจเฟซบุ๊กนั้น คุณสามารถเลือกระหว่าง Sponsored Story ซึ่งจะรวมไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนของคนที่เข้ามาดูเรื่องราวของโพสต์ในเพจ หรือ Facebook Ad ซึ่งจะมีข้อความเฉพาะเจาะจงและคำชวนให้เกิดการตอบสนองที่เขียนโดยคุณ
        • สำหรับ Sponsored Story คุณต้องเลือกระหว่าง Page Like Story กับ Page Post Story โดย Page Like Story จะแสงรายชื่อเพื่อนที่กดไลก์เพจของคุณ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้มให้ผู้อ่านกดปุ่ม “Like” ส่วน Page Post Story จะแสดงให้ผู้ใช้งานเห็นภาพจากโพสต์ล่าสุดของคนบนเฟซบุ๊ก ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้ใช้งานเลือกกดแสดงความคิดเห็น กดไลก์ หรือกดเผยแพร่
        • สำหรับ Facebook Ad นั้น คุณจะต้องเลือก Destination Tab หรือแถบของเพจที่เชื่อมโยงไปถึงโฆษณาของคุณจะไปถึงผู้ใช้ได้โดยตรง จากนั้น คุณก็เขียนเนื้อหาโฆษณา ข้อความโฆษณา และแนบภาพหรือโลโก้
  4. โฆษณาของเฟซบุ๊กจะให้ความหลากหลายแก่บริษัทหรือผู้บริการ คุณคาดว่าโฆษณาของคุณจะบรรลุจุดประสงค์ใดดังต่อไปนี้
    • เพิ่มยอดไลก์ คนที่กดไลก์เพจของคุณจะมองเห็นโพสต์ที่คุณสร้างภายในเพจบ่อยขึ้น ยิ่งคุณมีคนกดไลก์มากเท่าใด ก็จะมีคนเห็นโพสต์ที่คุณสร้างมากขึ้นเท่านั้น
      • การโฆษณาเพื่อเรียกยอดไลก์ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ บางคนคิดว่าเป็นเรื่องดี บางคนคิดว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และเป็นการเสียเงินเปล่า
      • ดูว่าจำนวนไลก์ของคุณมาจากไหน โฆษณาโครงการบางอย่างจบลงที่ได้ยอดไลก์จำนวนมากที่มาจากประเทศโลกที่ 3 ซึ่งธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมไปถึง
    • โฆษณาโพสต์ของเพจ โฆษณาโพสต์ที่คุณสร้างโดยเฉพาะ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้อ่านมากยิ่งขึ้น
    • ได้ผู้ใช้งานใหม่ ตั้งเป้าที่กลุ่มคนที่คาดว่าจะดาวน์โหลดและใช้แอพพลิเคชั่นของคุณ
    • เพิ่มความสนใจ ตั้งเป้าที่กลุ่มคนที่คาดว่าจะสนใจระบบหรือบริการบางอย่างของคุณ
  5. อย่าโฆษณาโดยไม่มีจุดหมาย ให้โฆษณา อย่างฉลาด ใครคือเป้าหมายที่โฆษณาของคุณจะส่งผลกระทบมากที่สุด ถ้าคุณไม่ได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม คุณก็จะเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
    • สถานที่: เลือกเมือง จังหวัด หรือประเทศที่ต้องการให้เห็นโฆษณาของคุณ
    • กลุ่มประชากร: เลือกช่วงอายุ รวมไปถึงเพศของผู้อ่าน ว่าเป็นกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิง หรือทั้งคู่
    • ยอดไลก์และยอดคนสนใจ: กำหนดกลุ่มผู้สนใจโดยเฉพาะ แล้วเฟซบุ๊กจะนำโฆษณาของคุณให้ไปปรากฎบนหน้าแรกของกลุ่มผู้ใช้งานที่ได้เขียนความสนใจนั้นลงบนโปรไฟล์ของพวกเขา
    • การติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก: เลือกว่าคุณต้องการเป้าหมายเป็นคนกลุ่มไหน ตัวเลือกอาจจะเป็นได้ตั้งแต่เพื่อนของคุณไปจนถึงคนที่แฟนคลับหรือไม่ใช่แฟนคลับของเพจของคุณ หรือผู้ใช้เฟซบุ๊กทั้งหมด
    • เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ระดับการศึกษาของผู้ใช้งาน หรือจะเลือกเฉพาะวันเกิดของกลุ่มผู้ใช้งาน ภาษาของผู้ใช้งาน และสถานะความสัมพันธ์ของผู้ใช้งาน
  6. เมื่อคุณเลือกกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว เฟซบุ๊กจะบอกคุณว่าโฆษณาของคุณจะเข้าถึงผู้คนได้มากแค่ไหน
    • คุณเลือกกลุ่มคนชอบดื่มเบียร์ในประเทศเยอรมนี คุณอาจจะพบว่าคุณเข้าถึงประชาการเกือบทั้งประเทศ
    • ถ้าคุณเลือกกลุ่มคนชอบใช้ยาฆ่าแมลงที่อยู่ในรัฐพอร์ตแลนด์ โอเรกอน คุณอาจจะพบว่าคุณเข้าถึงผู้คนได้น้อยมาก การเข้าถึงกลุ่มในลักษณะนี้ (ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มใดก็ตาม) เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด แต่ถ้าคนกลุ่มดังกล่าวมีจำนวนน้อยเกินไป ลองคิดถึงการขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น
      • บางทีกลุ่มคนที่คุณพยายามเข้าถึงอาจจะไม่บอกว่าพวกเขาชื่นชอบการใช้ยาฆ่าแมลง แต่คุณอาจจะสามารถเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้ด้วยการขยายขอบเขตกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทำไร่หรือคนทำสวนแอปเปิลก็ได้
  7. เลือกว่าคุณจะจ่ายเงินต่อหนึ่งคลิกหรือต่อหนึ่งความประทับใจและตั้งราคา. คุณอาจจะเลือกว่าจะจ่ายเงินต่อหนึ่งคลิก (Pay per click: CPC) หรือจ่ายเงินต่อหนึ่งความประทับใจ ครั้ง (Pay per impression: CPM) ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าคุณจะตั้งงบประมาณไปกับการจ่ายต่อหนึ่งความประทับใจอย่างไร คุณอาจจะต้องเตรียมเงินเพื่อจ่ายต่อหนึ่งความประทับใจมากกว่าจ่ายเงินจ่ายเงินต่อหนึ่งคลิก
    • โครงการ การตั้งราคา และเวลาการเผยแพร่: คุณสามารถเลือกสกุลเงินที่คุณต้องการจ่ายให้กับโฆษณา ตั้งงบประมาณโครงการว่าจะจ่ายรายวันหรือเหมาจ่าย และเลือกเวลาที่คุณต้องการให้โฆษณาปรากฎได้
  8. ดูให้ดีว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นถูกต้อง ในหน้านี้ คุณยังมีโอกาสที่จะกลับไปและแก้ไขส่วนต่างๆ ของโฆษณาที่คุณออกแบบไว้
  9. คุณสามารถชำระด้วยบัตรเครดิตหรือ PayPal ก็ได้ เมื่อเสร็จแล้ว โฆษณาของคุณจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการ และเพิ่มโอกาสที่จะได้เงินทุนกลับคืนมาได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำกำไรจากโฆษณาให้มากที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณจ่ายเงินไปมากกว่า 600 บาทต่อวันในการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ให้ตั้งงบประมาณไว้ที่วันละ 600 บาท การตั้งงบประมาณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ห้ามลืมเด็ดขาด
  2. วิธีที่สำคัญที่สุดในการสร้างผลลัพธ์สูงสุดในโฆษณาเฟซบุ๊กคือตั้งกลุ่มเป้าหมายให้แคบ. ยกตัวอย่างเช่น:
    • ถ้าคุณกำลังขายเบียร์ในรัฐโอเรกอน ก็ตั้งโฆษณาให้แสดงบนผู้ใช้ที่อาศัยอยู่ภายในรัฐที่ชอบดื่มเบียร์ (มีความสนใจเรื่องเบียร์ในโปรไฟล์ของพวกเขา) แน่นอนว่าคุณควรตั้งกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุเกิน 21 ปี และอาจจะเลือกเป็นกลุ่มผู้ชายเท่านั้น
    • ถ้าคุณกำลังโฆษณาวงดนตรี คุณจะต้องหาวิธีโฆษณาที่ได้ผลดีที่สุดกับคนที่ชอบวงดนตรี แนวเพลงของวงดนตรีของคุณ และวงดนตรีที่ทีความใกล้เคียงกับวงของคุณ
  3. เฟซบุ๊กจะแสดงโฆษณาโดยอิงจากความถี่ในการคลิกเข้าไปดู. ระบบนี้เรียกว่าการนับอัตราผ่านการคลิก (Click Through Rate: CTR) ถ้าโฆษณาของคุณกำลังเผยแพร่ แต่ยังไม่มีอะไรแสดงให้เห็นเลย นั่นอาจจะเพราะว่าอัตราการคลิกของคุณต่ำเกินไป พยายามเปลี่ยนภาพในโฆษณาและลองเผยแพร่ใหม่อีกครั้ง
  4. รูปภาพเป็นสิ่งที่ควรลงทุนมากกว่าการตั้งเป้าหมาย. การใช้รูปภาพโฆษณาที่แตกต่างกันไปตามเวลาเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลอง
  5. แก้ไขโฆษณาด้วยมุมมองจากโทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต. จากแหล่งข้อมูลบางแหล่งพบว่า ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กกว่า 60% ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต จริงๆ แล้วนั้น โฆษณาเฟซบุ๊กบนโทรศัพท์มือถือได้ผลตอบรับดีกว่าโฆษณาบนคอมพิวเตอร์ถึง 2.5 เท่า และตลาดโทรศัพท์มือถือกำลังขยายตัว: เพราะในไตรมาสแรกของปี 2013 ยอดขายโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นถึง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า [2] [3] ตัวเลขนี้บอกอะไรกับเรา นั่นหมายความว่าโฆษณาไม่ควรมีพื้นที่บริเวณขวามือ ซึ่งเป็นส่วนที่มือของคนใช้มือถือจะบังส่วนดังกล่าว แต่สามารถแสดงบนคอมพิวเตอร์ได้ และเพื่อให้โฆษณาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ให้นึกถึงข้อเท็จจริงนี้ไว้ระหว่างการแก้ไข
    • ใช้แอพพลิเคชั่น Facebook's Power Editor ในการแปลงโฆษณาจากรูปแบบให้อยู่ในรูปของโทรศัพท์มือถือ คุณอาจจะต้องใช้โปรแกรม Google Chrome ในการดาวน์โหลดและใช้งาน ในการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวนั้น:
      • เปิด Google Chrome
      • ไปยังหน้า Ads Manager บนเฟซบุ๊ก
      • ไปยังแถบ Power Editor บริเวณซ้ายมือ
      • ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Power Editor
      • เมื่อแอพพลิเคชั่นทำงาน คลิก "download" และทำตามคู่มือ
    • ในแอพพลิเคชั่น Power Editor นั้น ให้สนใจส่วนของการวางตำแหน่งโฆษณา บางคนแนะนำให้วางโฆษณาทั้งในรูปแบบหน้าจอคอมพิวเตอร์ และ หน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อเพิ่มอัตราการคลิกให้มากขึ้น คุณอาจจะลองผสมผสานการวางตำแหน่งโฆษณาและลองดูว่าการวางแต่ละแบบนั้นส่งผลอย่างไร
  6. คุณอยากจะติดต่อกับลูกค้าในอนาคตและเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าไหม คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ๆ ด้วยให้ข้อเสนอแก่ลูกค้า ซึ่งคุณอาจจะต้องแถมของฟรี เพราะลูกค้าชอบของฟรี และการดึงดูดให้ซื้อสินค้าและบริการด้วยของฟรีก็เป็นวิธีที่ช่วยติดต่อลูกค้าใหม่ๆ และช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้เป็นอย่างดี
    • ถ้าคุณกำลังเพิ่มยอดอยู่นั้น ให้ลองตั้งพื้นที่บริเวณท้ายเพจสำหรับกรอกชื่อและอีเมล์ เมื่อลูกค้ากรอกชื่อและอีเมล์ของตัวเองแล้ว ให้ส่งรหัสส่วนลดหรือข้อเสนอของคุณไปให้พวกเขา ลูกค้าได้ของฟรี ส่วนคุณก็ได้ยอดเพิ่ม
  7. ประหยัดเงินด้วยการปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย. ถ้าคุณสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าประจำได้ ให้คุณตั้งเป้าหมายโดยมุ่งไปที่พวกเขาโดยตรง ลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการของคุณเป็นประจำนั้นจะเสียค่าโฆษณาถูกกว่าและจะได้อัตราการคลิกที่สูงกว่า ซึ่งทำให้คุณเสียเงินไปกับการโฆษณาน้อยลง
  8. เฟซบุ๊กเริ่มมีการแก้ไขข้อบังคับการใช้ภาพบนโฆษณา คุณไม่สามารถโฆษณาด้วยการใช้ตัวอักษรมากเกินกว่า 20% ของพื้นที่รูปภาพทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือ เฟซบุ๊กพยายามแนะนำผู้ทำโฆษณาให้ใช้ภาพในการโฆษณาให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น ดูให้ดีว่าคุณได้ทำตามข้อบังคับนี้เมื่อคุณทำโฆษณา
  9. เฟซบุ๊กอนุญาตให้ทำโฆษณาที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ใช่ลูกค้าประจำเพื่อหวังยอดไลก์ได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการทำวิดีโอ เพราะวิดีโอที่ทำมาอย่างดีจะก่อให้เกิดความตื่นเต้น เป็นที่จดจำ และที่สำคัญคือสร้างความไว้ใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อเพิ่มลูกค้าประจำ
    • เมื่อคุณทำวีดิโอ พยายามทำให้สั้นและอ่อนหวาน เช่นเดียวกับภาพโฆษณา และรู้ถึงกลุ่มผู้ชมของคุณ ในตอนจบของวิดิโอ ให้แนบสิ่งที่ช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงสินค้า วิดิโอที่ดีจะช่วยสร้างความเชื่อใจมากกว่าการใช้สื่ออื่นๆ หรือโปรโมชั่น ดังนั้น ใช้สื่ออย่างฉลาด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เฟซบุ๊กกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งคลิกสูงสุดโดยอิงจากกลุ่มลูกค้าของคุณ คุณสามารถตั้งราคาที่แตกต่างออกไปได้ถ้าคุณต้องการประหยัดงบประมาณ ซึ่งเฟซบุ๊กจะพิจารณาที่จะอนุมัติหรือปฏิเสธก็ได้
  • ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะเขียนอะไร ลองคลิกที่ “Suggest an Ad” แล้วเฟซบุ๊กจะสร้างตัวอย่างโฆษณาให้คุณ ซึ่งคุณสามารถแก้ไขได้ตามต้องการ
  • ดูให้ดีว่าคุณได้ทำตามคำแนะนำในการโฆษณาของเฟซบุ๊ก เพื่อไม่ให้ถูกปฎิเสธในภายหลัง
  • ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือช่วยในการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก รวมไปถึงเครื่องมือจัดการงบประมาณและเครื่องมือติดตามประสิทธิภาพของโฆษณา
โฆษณา

คำเตือน

  • เฟซบุ๊กเป็นสื่อที่ดีต่อการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากกว่ากระตุ้นยอดขายตรง ผู้ทำโฆษณาจะได้รับคำเตือนว่าอย่าคาดหวังว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในทันทีจากการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก จำข้อคิดนี้ไว้ในตอนที่คุณทำงบประมาณ
  • นายฮง เก (Hong Ge) ผู้จัดการแผนกวิศวะกรรมของเฟซบุ๊กกล่าวว่า เฟซบุ๊กกำลังปรับเปลี่ยนการวางแผนโฆษณา โดยจะรวมไปถึงปัจจัยจำนวนคนที่เลือกกดซ่อนโฆษณาที่ได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโฆษณา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,753 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา