ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรตินเอ (Retin-A) เป็นยาที่แพทย์นิยมสั่ง สร้างขึ้นจากกรดวิตามินเอ โดยทั่วไปมีชื่อว่ากรดเทรทิโนอิน ( tretinoin acid) หรือกรดเรติโนอิก (retinoic acid) แม้ว่าเดิมกรดวิตามินเอจะใช้เพื่อรักษาสิว แต่ผู้แพทย์ผิวหนังพบว่าครีมเรตินเอนั้นสามารถใช้รักษาสัญญาณของการเสื่อมวัยได้ดี เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ หรือความหย่อนคล้อย บทความนี้จะบอกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการใช้เรตินเอเพื่อลดริ้วรอย เพื่อให้คุณกลับมาดูอ่อนวัยได้อีกครั้ง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เริ่มต้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าใจถึงประโยชน์ของการใช้เรตินเอกับการชะลอวัย. เรตินเอเป็นวิตามินเอสังเคราะห์ซึ่งแพทย์ผิวหนังใช้เพื่อรักษาการเสื่อมวัยมากว่า 20 ปี โดยเริ่มต้นมาจากการใช้เพื่อรักษาสิว แต่ผู้ป่วยที่ใช้เรตินเอในการรักษาสิวพบว่าผิวของตนเรียบเนียน กระชับ และดูอ่อนวัยมากขึ้น แพทย์ผิวหนังจึงเริ่มศึกษาประโยชน์ของเรตินเอในฐานะการชะลอวัย [1]
    • เรตินเอทำงานโดยการเร่งการผลัดของผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และผลัดผิวชั้นนอกสุดเพื่อเผยผิวใหม่ข้างใต้ที่ดูสดชื่น อ่อนเยาว์
    • นอกจากจะช่วยลดการเกิดของริ้วรอยแล้ว เรตินเอยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ฝ้า และผิวเสียจากแสงแดด ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง และทำให้ผิวยืดหยุ่นและเรียบเนียน
    • ในปัจจุบัน เรตินเอเป็นวิธีรักษาริ้วรอยที่ได้รับอนุมัติจากองค์กรอาหารและยาที่ใช้ได้ผลดีมาก แพทย์และป่วยต่างก็ยืนยันผลลัพธ์ได้เป็นอย่างดี [2]
  2. เรตินเอเป็นชื่อทางการค้ายี่ห้อหนึ่งของตัวยาที่มีชื่อว่าเทรทิโนอิน ซึ่งเป็นยาที่ซื้อได้ผ่านใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ดังนั้น คุณจะต้องนัดพบแพทย์ผิวหนังถ้าคุณสนใจที่จะรักษาด้วยวิธีนี้ [3]
    • แพทย์ผิวหนังจะประเมินผิวของคุณและพิจารณาว่าเรตินเอเป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษา ถ้าใช้เรตินเออย่างถูกต้องจะสามารถรักษาได้ในผิวเกือบทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เรตินเอทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ
    • เรตินเอสามารถใช้ได้ทั้งในรูปแบบครีมและเจล ตัวครีมมีความเข้มข้นต่างๆ ให้เลือกใช้ เช่น ครีมที่มีความเข้มข้น 0.025% ใช้สำหรับรักษาปัญหาผิวทั่วไป ครีมที่มีความเข้มข้น 0.05% ใช้สำหรับลดริ้วรอย ในขณะที่ครีมที่มีความเข้มข้น 0.1% มักใช้ในแง่ของการรักษาสิวอักเสบและสิวหัวดำ
    • แพทย์อาจจะเลือกใช้ครีมที่มีความเข้มข้นต่ำก่อนจนกว่าผิวของคุณจะปรับตัวเข้ากับตัวยาได้ จากนั้นก็จะเริ่มรักษาโดยใช้ครีมที่เข้มข้นขึ้นถ้าจำเป็น
    • เรตินอลเป็นวิตามินเอสังเคราะห์อีกตัวหนึ่งที่พบเจอได้ตามผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าทั่วไป ซึ่งให้ผลเช่นเดียวกับการรักษาด้วยเรตินเอ แต่ด้วยสารประกอบที่มีความรุนแรงน้อยกว่า ก็อาจจะเห็นผลไม่ดีมากนัก (แต่จะระคายเคืองน้อยกว่า) [4]
  3. เรตินเอเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดี คุณจะเห็นผลลัพธ์ได้ไม่ว่าคุณจะเริ่มรักษาในช่วงอายุใดก็ตาม [5]
    • การเริ่มต้นรักษาด้วยเรตินเอตอนอายุ 40 ช่วงอายุ 50 ขึ้นไปอาจจะช่วยย้อนเวลาคุณให้กลับไปเป็นเด็กด้วยการทำให้ผิวนุ่มเด้ง ลดฝ้ากระ และลดการเกิดริ้วรอย ไม่มีใครแก่เกินกว่าจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
    • อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงในช่วงอายุ 20 ปีและ 30 ปีก็สามารถใช้ประโยชน์จากเรตินเอได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเด้งและกระชับ การเริ่มรักษาเรตินเอแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใต้ผิวหนังส่วนลึกในช่วงอายุที่มากขึ้นได้ [6]
  4. ข้อเสียอย่างหนึ่งของการรักษาด้วยเรตินเอคือตัวครีมนั้นมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งราคาของเรตินเอจะอยู่ที่ 3000-5000 บาทต่อการรักษา 1 เดือน [7]
    • ราคาจะแตกต่างตามความเข้มข้นของครีม ซึ่งจะมีตั้งแต่ 0.025% ไปจนถึง 1% ไม่ว่าคุณจะใช้เรตินเอจากยี่ห้อแบรนด์เนมหรือเป็นตัวยาเทรทิโนอินก็ตาม
    • ข้อดีของการใช้สินค้าแบรนด์เนมคือบริษัทเหล่านี้จะเพิ่มสารให้ความชุ่มชื้นให้แก่เนื้อครีม ทำให้ลดการระคายเคืองได้มากกว่าการใช้เป็นตัวยาทั่วไป นอกจากนี้ เรตินเอแบบแบรนด์เนมจะมีวิธีการปล่อยตัวยาที่พิเศษ หมายความว่าสารออกฤทธิ์จะเข้าสู่ผิวได้ดีมากกว่าปกติ
    • การรักษาด้วยเรตินเอจะอยู่ภายใต้หลักประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทประกันชีวิตจะไม่คุ้มครองค่ารักษาของการใช้เรตินเอถ้าเป็นการใช้งานเพื่อความงาม เช่น การรักษาชะลอวัย
    • แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูง แต่ก็มีคุณค่าพอที่จะจดจำมากกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ายี่ห้อหรูราคาแพงที่มีขายตามท้องตลาด ถ้าไม่ได้แพงกว่าครีมเรติเอ ตามความเห็นของแพทย์ผิวหนังแล้วนั้น ครีมเรตินเอจะใช้รักษาปัญหาผิวที่เกิดจากวัยได้ดีกว่าครีมที่มีขายตามท้องตลาด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การใช้เรตินเอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผลิตภัณฑ์จากเรตินเอควรจะใช้ในตอนกลางคืน เพราะสารประกอบวิตามินเอนั้นมีความไวต่อแสง และจะทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ตอนกลางคืนจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ตัวยาจะซึมเข้าผิวได้อย่างเต็มที่ [8]
    • หากคุณคิดจะใช้เรตินเอระหว่างเวลกลางวัน ให้แน่ใจว่าได้ใช้ครีมกันแดดหลังจากนั้นและหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงถ้าเป็นไปได้ อีกทั้งควรสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่สลายเมื่อถูกแสงแดด ซึ่งสูตรใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะใช้ได้ แต่สูตรเก่าบางตัวใช้ไม่ได้ [9]
    • เมื่อคุณเริ่มรักษาด้วยเรตินเอ แพทย์จะแนะนำให้ใช้ทุกๆ 2-3 คืน
    • ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีเวลาปรับตัวเข้ากับครีมและช่วยหลีกเลี่ยงการระคายเคือง เมื่อผิวของคุณปรับตัวได้แล้ว คุณสามารถเริ่มใช้ครีมทุกคืนได้
    • ใช้เรตินเอกับผิวที่แห้งสนิทหลังจากล้างหน้าไปแล้ว 20 นาที
  2. เรตินเอเป็นการรักษาที่รุนแรง ดังนั้นการใช้อย่างถูกวิธีและใช้ในพื้นที่เล็กๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด [10]
    • ส่วนใหญ่จะใช้ครีมบนใบหน้าในขนาดเท่าเมล็ดถั่ว และใช้ทาบริเวณคออีกเล็กน้อย เทคนิคที่ดีคือให้เริ่มทาครีมในบริเวณที่มีริ้วรอยมากๆ หรือบริเวณที่มีริ้วรอยแห่งวัยก่อน จากนั้นปาดครีมที่เหลืออยู่ให้ทั่วทั้งใบหน้า
    • คนส่วนใหญ่จะกลัวการใช้เรตินเอเพราะใช้ครีมมากเกินไปและพบกับผลข้างเคียงเช่น ผิวแห้ง การระคายเคือง อาการแสบ และสิวเห่อ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้จะลดลงถ้าคุณใช้ครีมในปริมาณที่พอดี
  3. เนื่องจากผลลัพธ์เรื่องผิวแห้ง การใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นทุกเช้าและเย็นเป็นประจำเป็นสิ่งที่ควรทำ [11]
    • ในตอนกลางคืน ให้รอ 20 นาทีเพื่อให้ครีมซึมเข้าผิวอย่างเต็มที่ จากนั้นใช้สารให้ความชุ่มชื้น เมื่อตื่นขึ้นมา ให้ล้างหน้าให้ทั่วก่อนจะใช้สารให้ความชุ่มชื้นที่มีสารกันแดดที่เข้มข้น
    • บางครั้ง การเกลี่ยครีมเรตินเอขนาดเท่าเม็ดถั่วให้ทั่วหน้าเป็นเรื่องที่ยาก วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือการผสมครีมเรตินเอกับสารให้ความชุ่มชื้นก่อนที่จะทาลงบนใบหน้า
    • วิธีนี้จะทำให้เรตินเอกระจายไปทั่วทั้งใบหน้า และทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยลงเพราะสารให้ความชุ่มชื้นทำให้ตัวครีมเจือจางลงเล็กน้อย
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าผิวแห้งและสารให้ความชุ่มชื้นทั่วไปไม่เพียงพอ ลองทาน้ำมันมะกอกสดก่อนนอน น้ำมันจะมีกรดไขมันซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผิวหน้านุ่มนวล
  4. คนส่วนใหญ่มักจะเจอปัญหาผิวแห้งและระคายเคืองหลังจากรักษาด้วยเรตินเอ และมีคนจำนวนหนึ่งที่เจอปัญหาสิวเห่อ อย่ากังวล อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติ ตราบใดที่คุณใช้อย่างถูกวิธี อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะดีขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ [12]
    • สิ่งที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้คือคุณต้องค่อยๆ ใช้ครีมเป็นประจำทุกคืน และใช้ในปริมาณเท่าเม็ดถั่วควบคู่กับสารให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ
    • คุณควรจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากสารธรรมชาติโดยไม่มีน้ำหอมและเจือสี นอกจากนี้ ลองใช้สครับแบบอ่อนโยนสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
    • ถ้าผิวของคุณระคายเคืองและแพ้ง่ายเป็นอย่างมาก ให้หยุดใช้เรตินเอจนกว่าผิวของคุณตะฟื้นตัว จากนั้น คุณจึงค่อยกลับไปใช้ใหม่ ผิวบางประเภทต้องใช้เวลาปรับตัวกับเรตินเอมากกว่าประเภทอื่น
  5. ช่วงเวลาในการใช้เรตินเอเพื่อผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้นั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล [13]
    • บางคนจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 1สัปดาห์ ในขณะที่บางคนอาจจะต้องรอถึง 8 สัปดาห์
    • อย่ายอมแพ้ เรติเอได้ยืนยันว่าจะได้ผลดีและเป็นครีมลดริ้วรอยที่ ได้ผลดีที่สุด ที่มีในตลาด
    • นอกเหนือจากเรตินเอแล้ว วิธีที่ได้จัดการริ้วรอยได้ดีกว่าคือการไปฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือพิจารณาเข้ารับการทำศัลยกรรมตกแต่ง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รู้ว่าควรหลีกเลี่ยงอะไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดไกลโคลิก (glycolic acid) หรือเบ็นโซอิล เปอออกไซด์ (benzoyl peroxide) ร่วมกับเรติเอ.กรดไกลโคลิกหรือเบ็นโซอิล เปอออกไซด์เป็นส่วนผสมที่มักจะพบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้ส่งผลให้ผิวแห้ง ดังนั้น การหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้ร่วมกับการใช้เรตินเอเป็นวิธีที่ดีที่สุด [14]
  2. เรตินเอทำงานโดยการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดออก ดังนั้น ผิวจะบางและอ่อนแอ การแว็กซ์ขนบริเวณผิวใบหน้าในขณะที่ใช้เรตินเอนั้นไม่ใช่แนวคิดที่ดี [15]
  3. เรตินเอทำให้ผิวคุณไวต่อแสงแดดเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรใช้ตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม คุณควรจะระวังในช่วงกลางวันด้วยการทาครีมกันแดด ทุกวัน โดยไม่สนว่าจะมีแดดหรือไม่มีแดดก็ตาม ผิวคุณต้องได้รับการปกป้อง [16]
  4. ครีมเรตินเอไม่ควรใช้ระหว่างการตั้งครรภ์ ช่วงที่คุณสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ พยายามที่ตั้งครรภ์ หรือระหว่างให้นมบุตร เพราะมีการรายงานว่าการรักษาด้วยเทรทิโนนินอาจจะทำเด็กเสียชีวิตหรือพิการได้ [17]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้วาสลีนทาริมฝีปากก่อนใช้เรตินเอ เรตินเอนั้นระคายเคืองริมฝีปากได้ง่าย โดยเฉพาะตรงมุมปาก
  • อย่าใช้ยาเกินกว่าที่ได้รับใบจากสั่งยา เพราะไม่ได้ทำให้ได้ผลดีขึ้น
  • ทดสอบอาการแพ้เรติน และแนะนำให้เริ่มใช้ยาในปริมาณที่ต่ำก่อน
โฆษณา

คำเตือน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์
  • อย่าผสมเรตินเอเข้ากับตัวยาอื่นๆ เพราะอาจจะก่อให้เกิดการผลัดผิวมากเกินไปหรือทำให้ผิวไหม้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,588 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา