ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เคยตื่นขึ้นมาส่องกระจกแล้วพบกับสิวแดง ๆ เม็ดเป้งบนใบหน้าไหม? ถึงสิวจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนทั่วไป แต่ความบวมแดงที่มากับมันน่ะไม่ใช่หรอก การพยายามลดความบวมแดงของสิวอาจเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดได้เช่นเดียวกับการป้องกันไม่ได้สิวเกิดหรือการกำจัดสิวหากคุณไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง โชคดีที่มีวิธีการลดอาการบวมแดงที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้จริงหลายวิธีเลย เราจะสาธิตให้คุณดูเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

วิธีแก้ระยะสั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้นวิทช์ฮาเซล (Witch Hazel) เป็นพืชที่คนมักใช้เป็นยาสมานแผล ทำหน้าที่ปรับสภาพผิวชั่วคราว นอกจากนั้นวิทช์ฮาเซลยังเป็นยารักษาสิวที่ใช้กันทั่วไปเพื่อลดอาการคันและแดงด้วย ถึงแม้ว่าวิทช์ฮาเซลจะไม่สามารถ รักษา สิวได้ แต่มันก็จะช่วยลดความระคายเคืองผิวและทำให้เม็ดสิวดูจางลงแน่นอน [1]
    • วิทช์ฮาเซลมักวางจำหน่ายในรูปแบบของยาสมานแผล คุณจะซื้อยาวิทช์ฮาเซลแบบผสมหรือไม่ผสมแอลกอฮอล์ก็ได้ (ปกติยามักจะผสมแอลกอฮอล์ประมาณ 14%) แต่ก็แนะนำให้ซื้อยาแบบที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ [2]
  2. วิธีนี้เหมาะสำหรับสิวที่แดงและเจ็บ ให้ใช้ก้อนน้ำแข็งที่ออกจากช่องแข็งแล้ว 1-2 นาที นำมาวางบนเม็ดสิวเพื่อลดอาการบวมเล็กน้อย ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังหดตัว ส่งผลให้สิวดูจางลงและแดงน้อยลง [3]
  3. ให้ใส่ถุงชาในน้ำอุ่นซัก 1 นาที ยิ่งถ้าเป็นชาดำจะยิ่งดี (คุณจะดื่มน้ำชาตามทีหลังเพื่อสุขภาพก็ได้) เมื่อครบ 1 นาทีแล้วก็หยิบถุงชาขึ้นมาแล้วบีบน้ำเกือบทั้งหมดให้ออกไป รอให้ถุงชาเย็นลงเล็กน้อยแล้ววางลงบนเม็ดสิว
    • ถุงชามีสารแทนนินในปริมาณที่กำลังดี แทนนินจะช่วยลดอาการบวม และมักใช้กันเพื่อแก้ปัญหาตาบวมด้วย [4]
  4. Serrapeptase เป็นสารเคมีธรรมชาติที่สกัดได้จากตัวไหม และได้รับการจัดประเภทอย่างเป็นทางการว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Serrapeptase ช่วยลดการอักเสบได้โดยการสลายโปรตีนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น [5]
  5. ทำยาพอกจากยาแอสไพรินเพื่อลดอาการบวมแดง . การใช้ยาแอสไพรินเป็นวิธีการแก้อาการบวมแดงที่ได้รับความนิยมสูง [6] เนื่องจากตัวยาแอสไพรินมีกรดซาลิซิลิก ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยแก้ปวดและแก้อักเสบเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ [7] ยาแอสไพรินจะช่วยลดความบวมพร้อมทำให้สิวแห้ง ถือว่าจ่ายหนึ่งได้ถึงสองเลยทีเดียว
    • บดยาเม็ดแอสไพรินให้เป็นผงละเอียดและผสมกับน้ำทีละหยดสองหยด เติมน้ำให้ยามีลักษณะเหมือนแป้งเปียกหยาบ ๆ
    • ใช้คอตตอนบัดจุ่มยาพอกแล้วนำมาแตะที่สิวให้ปกคลุมสิวทั้งเม็ด
    • ปล่อยให้ยาแห้งทิ้งไว้หลาย ๆ ชั่วโมง บางคนชอบผสมยาและทาก่อนนอนเลย แล้วค่อยล้างยาออกตอนเช้า
  6. Watermark wikiHow to ลดอาการบวมแดงของสิว
    ใช้น้ำมันสะเดาและน้ำมันทีทรีเพื่อลดอาการบวม. น้ำมันหอมระเหยทั้งสองชนิดนี้มาจากต้นไม้ และสามารถลดอาการบวมได้โดยการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว น้ำมันสะเดานั้นสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย แต่น้ำมันทีทรีมีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการรักษาการติดเชื้อหรือโรคทางผิวหนัง [8] [9]
    • ด้วยเหตุว่าน้ำมันหอมระเหยทั้งสองชนิดนี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้หากใช้ในรูปแบบบริสุทธิ์ (ของดีมากไปก็ไม่ดีหรอกนะ) ให้ผสมน้ำมันกับน้ำปริมาณเท่ากันก่อนใช้ จากนั้นใช้คอตตอนบัดจุ่มน้ำมันแล้วนำมาแต้มสิว ทิ้งไว้ 10-20 นาที จากนั้นเช็ดออก
  7. Watermark wikiHow to ลดอาการบวมแดงของสิว
    มาสก์โคลนจะช่วยดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว จึงช่วยลดการอักเสบและดูดหนองออกจากสิวด้วย ผู้ใช้หลายคนมีรูขุมขนที่ดูเล็กลงและตึงขึ้นหลังจากใช้โคลนพอกหน้า ทางที่ดีให้พอกหน้าทั้งหน้าอาทิตย์ละครั้งและแต้มโคลนตามจุดที่เป็นสิวในวันที่ไม่ได้พอกหน้า
  8. สามทหารเสือธรรมชาตินี้เคยช่วยลดอาการอักเสบให้คนที่พยายามรักษาสิวที่บ้านมามากมายแล้ว ถึงแม้ว่าผักผลไม้แต่ละชนิดจะออกฤทธิ์กันคนละแบบ แต่ก็เชื่อกันว่าทั้งสามรักษาสิวได้ชะงัดเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าพืชทั้งสามชนิดนี้สามารถรักษาสิวหรือลดอักเสบได้จริง ฉะนั้นควรพิจารณาให้ดีก่อนใช้
    • ฝานมะนาวเป็นแว่นแล้วนำมาวางบนสิว กรดซิตริกในน้ำมะนาวจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียในสิวและยังช่วยรักษาแผลเป็นอีกด้วย [10] แต่จำไว้นะว่าการใช้น้ำมะนาวจะทำให้แสบ แน่นอน
    • เป็นที่รู้กันว่าแตงกวาช่วยแก้อักเสบได้ [11] ให้ฝานแตงกวาเป็นแว่นแล้ววางบนสิว แตงกวาจะช่วยทำให้ผิวรู้สึกสบายขณะที่ลดอาการอักเสบไปพร้อม ๆ กัน
    • สภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ ของมะเขือเทศก็ช่วยรักษาสิวได้ ที่จริงแล้วยาแก้สิวหลายชนิดเลยมีส่วนผสมของวิตามินเอและวิตามินซี ซึ่งก็พบได้ในมะเขือเทศ [12] ให้ฝานมะเขือเทศเป็นแว่นแล้ววางบนสิว ทิ้งไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

วิธีดูแลระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทุกคนล้วนมีผิวประเภทใดประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผิวปกติ ผิวแห้ง ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวมัน หรือผิวผสม [13] หากคุณรู้ประเภทผิวของตัวเอง คุณก็จะสามารถเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม และรักษาสิวได้โดยลดการระคายเคืองให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าคุณไม่รู้ประเภทผิวของตัวเอง จะปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ช่างแต่งหน้าหรือพนักงานในร้านขายเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็ได้ พวกเขาจะทดสอบผิวของคุณและให้คำแนะนำในการดูแลผิว
    • ผิวปกติ: แทบมองรูขุมขนไม่เห็น ผิวไม่แพ้ง่าย สีผิวสม่ำเสมอ
    • ผิวแห้ง: รูขุมขนเล็ก มีรอยแดง ๆ ผิวไม่ค่อยยืดหยุ่นและดูหมอง
    • ผิวแพ้ง่าย: ผิวมักจะแดง คัน แสบ หรือแห้งเมื่อสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง
    • ผิวมัน: รูขุมขนใหญ่ ผิวมัน มีสิวเสี้ยน สิว และรอยอื่น ๆ
    • ผิวผสม: ผิวปกติในบางบริเวณ ผิวแห้งหรือมันในจุดอื่น โดยเฉพาะบริเวณทีโซน
  2. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าอ่อน ๆ. พยายามล้างหน้าด้วยความอ่อนโยนที่สุดที่เท่าเป็นไปได้ในบริเวณที่เป็นสิว และให้ใช้น้ำอุ่น ไม่ใช่น้ำร้อน สบู่อ่อน ๆ ของยี่ห้อโดฟ (Doves) เจอร์เกนส์ (Jergens) และไดอัล (Dial) ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดปัญหาสิวแต่ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง หรือคุณจะใช้โฟมล้างหน้าที่ประกอบด้วยสารที่ช่วยรักษาและป้องกันสิวอย่างกรดซาลิซิลิกก็ได้
    • ล้างหน้าด้วยนิ้วมือที่สะอาดและอย่าใช้อุปกรณ์ที่จะทำให้ผิวระคายเคืองอย่างเช่นใยบวบหรือผ้า แค่มือของคุณก็พอแล้วสำหรับการล้างหน้า เพราะของอย่างอื่นท่าทางจะทำให้รู้สึกเคืองผิวมากกว่าช่วยผิว
  3. Watermark wikiHow to ลดอาการบวมแดงของสิว
    การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์จะช่วยให้ผิวไม่ระคายเคืองได้ดีมาก ถ้าทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บ่อย ๆ ก็จะทำให้ผิวเต่งตึงและสุขภาพดีอีกด้วย ทางที่ดีควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้งหลังล้างหน้าด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบ Noncomedogenic ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์นี้จะไม่ไปอุดตันรูขุมขน
    • ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นคนผิวมัน ให้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ระบุไว้บนฉลากว่า ‘ไม่มีน้ำมัน’ คุณไม่จำเป็นต้องทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บ่อย ๆ ก็ได้ แต่ถ้ามีเก็บไว้เผื่อวันไหนที่ผิวแห้งก็จะดี ซึ่งปัญหานี้มักเกิดในช่วงฤดูหนาวเพราะอากาศที่เย็นและลมที่แรง
    • หลัก ๆ แล้วมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์อยู่ 2 ประเภท คือแบบเจลกับแบบครีม มอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบเจลเหมาะสำหรับผิวมันหรือผิวผสม ส่วนมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบครีมเหมาะกับผิวแห้งหรือผิวบอบบางแพ้ง่ายมากกว่า
  4. การดื่มน้ำเยอะ ๆ ช่วยให้ร่างกายสุขภาพดีและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ถ้าคุณดื่มน้ำก็น่าจะแปลว่าคุณไม่ดื่มเครื่องดื่มที่น้ำตาลสูง เช่นน้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะมีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่าสิ่งที่คุณบริโภคเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับปริมาณสิวที่จะเกิดด้วย [14] [15] [16] การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ผิวได้รับน้ำเพียงพอ ทำให้ผิวดูเต่งตึงสุขภาพดี
  5. Watermark wikiHow to ลดอาการบวมแดงของสิว
    อย่าขี้เกียจและปล่อยเครื่องสำอางทิ้งไว้นะ เพราะมันอาจจะไปอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวมากขึ้นอีก ให้เก็บทิชชู่เปียกไว้ข้างเตียงและใช้เช็ดหน้าในกรณีที่คุณรู้สึกขี้เกียจเกินจะเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ
  6. นี่จะเป็นการช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวนุ่มและเนียนขึ้น จะซื้อสครับหรือสารเร่งการผลัดเซลล์ผิวมาใช้ก็ได้ แต่จำไว้นะว่าใช้เยอะไม่ได้ดีเสมอไป การขัดผิวเกินอาทิตย์ละครั้งอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้
  7. Watermark wikiHow to ลดอาการบวมแดงของสิว
    สารฝาดสมานเป็นสารที่ทำให้ผิวเต่งตึงและปรับสภาพผิวโดยการทำให้รูขุมขนตึง ถึงจะไม่ควรใช้สารฝาดสมานบ่อยนัก แต่มันก็ทำหน้าที่กำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกก่อนล้างหน้าได้ดี
    • ถ้าอยากใช้สารฝาดสมานแบบธรรมชาติ ให้ลองใช้มะแนวหั่นเป็นแว่นมาถูกับผิว จากนั้นล้างหน้าแล้วปล่อยให้แห้งหรือซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู วิธีนี้ช่วยให้ได้กลิ่นหอมสะอาดด้วยนะ
    • ถ้าคุณใช้สารฝาดสมานชนิดแรง อย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งเกินไปนะ ถ้าใช่มะนาวก็ต้องระวังไม่ให้น้ำมะนาวเข้าตาด้วย แต่หากเกิดเข้าตาขึ้นมาจริง ๆ ให้หยุดแล้วล้างตาด้วยน้ำเปล่าซักพัก
  8. แม้ว่าการได้รับแสงแดดนิดหน่อยจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าได้รับมากเกินไปก็อาจทำให้ผิวหน้าแดงและระคายเคืองได้ นอกจากนั้น รังสียูวียังทำให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ฉะนั้นก่อนออกจากบ้าน ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีค่า SPF 30-45
    • โดยปกติแล้วมักไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF สูง ๆ เพราะ SPF 30 และ 45 ก็ป้องกันรังสีที่เป็นอัตรายได้มากกว่า 90% แล้ว
  9. วัยรุ่นกับสิวเป็นของคู่กัน แต่สิวนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย สาเหตุของสิวมีดังต่อไปนี้:
    • ความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน: อาจเกิดจากการเริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มสาว การกินยาบางชนิด การกินยาคุมกำเนิด ฯลฯ
    • อาหาร: ผลิตภัณฑ์นมและกลูเตนอาจทำให้เป็นสิวได้
    • ผมที่ไม่ได้สระ: น้ำมันในผมอาจอุดตันรูขุมขน โดยเฉพาะบริเวณรอบ ๆ กระหม่อม
    • ถ้าคุณใช้เครื่องสำอาง หลังจากล้างหน้าแล้วก็อาจจะยังมีเครื่องสำอางหลงเหลือติดอยู่ในรูขุมขน ทำให้กลายเป็นสิว ฉะนั้นคุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางดี ๆ นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มันหรือแรงเกินไปสำหรับประเภทผิวของคุณก็ส่งผลเสียแบบเดียวกันได้
    • เหงื่อและความชื้นที่มากเกินไป: อาจจะฟังดูแปลก แต่ว่าบนผิวของเรามียีสต์ชนิดหนึ่งเรียกว่า Malassezia ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่สร้างปัญหาให้ผิว แต่เมื่อยีสต์ได้รับความชื้นมากเกินไป มันจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดสิวได้
  10. ถึงแม้ว่าสิว (โดยเฉพาะสิวเสี้ยนและสิวหัวช้าง) จะน่าบีบแค่ไหน บีบไปก็ยิ่งส่งผลเสีย เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่ก่อสิวแพร่ไปส่วนอื่นของใบหน้า นอกจากนั้น มือของคุณยังมีฝุ่น น้ำมันและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะจะสัมผัสกับผิวที่บอบบาง ฉะนั้นพยายามอย่าใช้มือแตะใบหน้าและบริเวณที่มักเกิดสิวอื่น ๆ เลย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าใช้มือหรือนิ้วสัมผัสใบหน้า ผิวของคุณสร้างน้ำมันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ฉะนั้นการจับหน้าจะทำให้หน้ายิ่งมันและรูขุมขนอุดตัน
  • อย่าลองใช้วิธีแก้สิวทุกวิธีพร้อมกัน ให้เลือกซัก 1-2 วิธีมาใช้ด้วยกันดูและดูว่าวิธีไหนที่มีประสิทธิภาพ การใช้เยอะไม่ได้ดีเสมอไปหรอก
  • มีมาสก์สำหรับใบหน้าที่ช่วยลดความแดงและเพิ่มความชุ่มชื้นได้ชั่วคราว ถ้าคุณสนใจจะลอง ให้หามาสก์ที่มีว่านหางจระเข้หรือสารที่ช่วยแก้ความระคายอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบมาใช้
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าเวลาผ่านไปหลายอาทิตย์แล้วสิวยังไม่หาย ให้นัดพบแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ผิวหนังดู สิวบางประเภทดื้อมากและสามารถรักษาให้หายได้เฉพาะเมื่อใช้ยาตามใบสั่งแพทย์และ/หรือโลชั่นซึ่งมีเชื้อยา นอกจากนั้น การที่สิวไม่ยอมหายอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผิวของคุณมีปัญหาอื่นอีกก็เป็นได้


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 78,311 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา