บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการล้างไฟล์ โปรแกรม และ settings เก่าที่ทำให้คอมอืดชะมัดยาด ถ้าทำตามวิธีการต่างๆ ในบทความนี้แล้วคอมยังทำงานได้ไม่รวดเร็วทันใจ ให้ศึกษาวิธีการเพิ่มเติมจากในเน็ตดู ว่าทำยังไงถึงจะใช้คอมทั้ง Windows และ Mac ทั้งแล็ปท็อปและคอมตั้งโต๊ะได้ลื่นไหลสมใจ
ขั้นตอน
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ
-
พิมพ์ disk cleanup . เพื่อค้นหาโปรแกรม Disk Cleanup ในคอม นี่คือ utility สำหรับค้นหาแล้วลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นจากคอม
-
คลิก Disk Cleanup . ที่เป็นไอคอนรูปแฟลชไดรฟ์ ทางด้านบนของเมนู Start แล้ว Disk Cleanup จะเปิดขึ้นมาในอีกหน้าต่างหนึ่ง
- ถ้าเปิดอีกหน้าต่างไว้ ให้คลิกไอคอน Disk Cleanup ที่กะพริบอยู่ท้ายหน้าจอก่อนทำขั้นตอนต่อไป
-
คลิก Clean up system files . ที่เป็นตัวเลือกมุมซ้ายล่างของหน้าต่าง Disk Cleanup เพื่อให้ Disk Cleanup หาไฟล์ที่จะลบเพิ่ม
-
ติ๊กทุกช่องในหน้า. ทุกอย่างที่เห็นในหน้านี้ คุณลบได้ทั้งหมด แล้วจะทวงคืนพื้นที่ว่างในคอมมาได้เยอะเลย
- อาจจะต้องเลื่อนลงไปก่อนถึงจะเจอช่องติ๊กทั้งหมดในหน้าต่างหลัก
-
คลิก OK . ท้ายหน้าต่าง
-
คลิก Delete Files ตอนที่ขึ้น. Disk Cleanup จะเริ่มลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นในคอม ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร ต้องอดใจรอหน่อย
-
ถอนการติดตั้งโปรแกรมที่ไม่จำเป็น. ถ้ามีแอพหรือโปรแกรมไหนที่ไม่ใช้แล้ว ไม่อยากเก็บไว้ให้รกคอม ก็ลบไปเลยเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างในคอม จะทำให้คอมทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโฆษณา
-
เปิด Apple menu . คลิกโลโก้ Apple ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก About This Mac . ทางด้านบนของเมนูที่ขยายลงมา แล้วหน้าต่าง About This Mac จะเปิดขึ้นมา
-
คลิก tab Storage . ที่เป็นตัวเลือกทางด้านบนของหน้าต่าง
-
คลิก Manage… . ที่ด้านขวาบนของหน้าต่าง เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่ที่มีตัวเลือก storage [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อันนี้แล้วแต่ Mac เวอร์ชั่นที่ใช้ อาจจะต้องคลิก Details... แทน
-
คลิก Optimize… . ทางขวาของหัวข้อ "Optimize Storage" เพื่อให้ Mac ลบไฟล์ชั่วคราว (temporary) และไฟล์ที่ไม่จำเป็น รวมถึงย้ายหนังและรายการทีวีที่ดูแล้วไปไว้ใน iCloud
-
ถอนการติดตั้งโปรแกรมที่ไม่จำเป็น. ถ้ามีแอพหรือโปรแกรมไหนที่ไม่ใช้แล้ว ไม่อยากเก็บไว้ให้รกเครื่อง Mac ก็ลบไปเลยเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง จะทำให้ใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโฆษณา
-
เปิด Recycle Bin. ดับเบิลคลิกไอคอนของแอพ Recycle Bin ที่เป็นรูปถังขยะสีขาว มีไอคอนรีไซเคิลสีฟ้าด้านบน ปกติจะอยู่ในหน้า desktop
-
กู้คืนอะไรที่ไม่อยากลบ. ถ้ามีไฟล์หรืออะไรที่อยากกู้คืนจากถังขยะกลับเข้าคอม ให้ดับเบิลคลิกไฟล์นั้น แล้วคลิก Restore ในเมนู pop-up ที่โผล่มา
-
คลิก tab Manage . ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง แล้ว toolbar จะโผล่มาทางด้านบนของหน้าต่าง
-
คลิก Empty Recycle Bin . ปกติจะอยู่ทางซ้ายของ toolbar
-
คลิก Yes ตอนที่ขึ้น. เพื่อลบไฟล์ทั้งหมดใน Recycle Binโฆษณา
-
เปิด Trash. คลิกไอคอน Trash หรือถังขยะใน Dock ของ Mac แล้วหน้าต่าง Trash จะเปิดขึ้นมา
-
กู้คืนอะไรที่ไม่อยากลบ. ถ้ามีไฟล์หรืออะไรที่อยากกู้คืนจากถังขยะกลับเข้าเครื่อง Mac ให้คลิกแล้วลากไฟล์จากหน้าต่าง Trash ไปไว้ที่หน้า desktop ของ Mac ได้เลย
-
คลิกไอคอน Trash ค้างไว้. วินาทีเดียวเมนู pop-up ก็โผล่มาแล้ว
-
คลิก Empty Trash . ในเมนู pop-up
-
คลิก Empty Trash ตอนที่ขึ้น. เพื่อล้างทุกอย่างในโฟลเดอร์ Trashโฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 7:
ปรับแต่งโปรแกรมที่เปิดขึ้นมาพร้อมคอม (Startup Programs) ใน Windows
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ
-
พิมพ์ task manager . เพื่อค้นหา Task Manager ในคอม เป็นโปรแกรมใช้ปิดโปรแกรมต่างๆ ที่ดื้อไม่ยอมปิดหรือเกิด error
-
คลิก Task Manager . ทางด้านบนของเมนู Start แล้วแอพ Task Manager จะเปิดขึ้นมา
-
คลิก tab Processes . ปกติอยู่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง Task Manager
-
ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็น. ถ้าเห็นแอพไหน memory usage สูงๆ แถมไม่ต้องใช้ในตอนนี้ ให้คลิกชื่อแอพ คลิก End task ที่มุมขวาล่างของหน้าต่าง แล้วทำซ้ำแบบเดียวกันกับทุกแอพและโปรแกรมที่อยากให้ปิดไป
- ขั้นตอนนี้จะง่ายขึ้นถ้าคลิก tab Memory เพื่อจัดเรียงโปรแกรมไล่จากที่เปลืองความจำของคอมมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด
-
คลิก tab Startup . ทางด้านบนของหน้าต่าง Task Manager
-
เช็ครายชื่อโปรแกรม startup. ทุกโปรแกรมในรายชื่อนี้ จะเปิดขึ้นมาพร้อมกับคอมตามค่า default ทำให้คอมอืดได้ถ้ามีโปรแกรมนี้เยอะๆ
-
ปิด startup program. คลิกโปรแกรมที่จะเอาออกจากรายชื่อ startup แล้วคลิก Disable ที่ด้านขวาล่างของหน้าต่าง
- ถ้าปุ่มที่ด้านขวาล่างเป็น Enable แทน แสดงว่าโปรแกรมนั้นไม่ได้เปิดขึ้นมาพร้อมคอม
- ให้ทำซ้ำตามขั้นตอนกับโปรแกรม startup อื่นๆ ตามต้องการ
- เสร็จแล้วก็ปิด Task Manager ได้เลย เพื่อเซฟ settings ใหม่
โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 7:
ปรับแต่งโปรแกรมที่เปิดขึ้นมาพร้อมคอม (Startup Programs) ใน Mac
-
เปิด Spotlight . คลิกไอคอนรูปแว่นขยาย ที่มุมขวาบนของหน้าจอ
-
พิมพ์ activity monitor . เพื่อค้นหาโปรแกรม Activity Monitor ในเครื่อง Mac เป็นโปรแกรมสแกนหาแล้วปิดโปรแกรมที่เปลืองความจำเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญผู้เชี่ยวชาญการซ่อมอุปกรณ์ของ Apple และประธานของ CleverTechกอนซาโล มาร์ติเนซเป็นประธานของ CleverTech ธุรกิจซ่อมอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เขาก่อตั้งมากว่า 5 ปี CleverTech LLC เชี่ยวชาญการซ่อมอุปกรณ์ของ Apple อย่าง iPhones, iPads, Macbooks และ iMacs บริษัทของเขาเป็นผู้นำในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำอลูมิเนียม ชิ้นส่วนแสดงผล และกระทั่งส่วนประกอบปลีกย่อยในเครื่องมาใช้ในการซ่อมครั้งหน้า โดยเฉลี่ยแล้วสามารถรักษาปริมาณขยะอิเลคโทรนิกได้มากกว่าร้านซ่อมทั่วไปถึง 1-2 กิโลกรัม
ใช้ “Activity Monitor” ในการตามรอยโปรแกรมที่เปิดอยู่ กอนซาโล มาร์ติเนซ ผู้เชี่ยวชาญการซ่อมคอมพิวเตอร์ Apple บอกว่า: "Activity Monitor เป็น โปรแกรมที่ติดมากับเครื่อง ใน Mac ซึ่งจะแสดงโปรแกรมที่เปิดอยู่ ถ้ามีอะไร กำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง โดยคุณไม่รู้ หรือหากเบราเซอร์กินความเร็วในการประมวลผล คุณสามารถ บังคับปิด โปรแกรมเหล่านั้นได้”
-
ดับเบิลคลิก Activity Monitor . ที่เป็นตัวเลือกในผลการค้นหาของ Spotlight เพื่อเปิด Activity Monitor
-
คลิก tab CPU . ทางด้านบนของหน้าต่าง Activity Monitor
-
เลือกโปรแกรมที่จะปิด. โดยคลิกโปรแกรมที่เปลืองความจำ
- อย่าเลือกโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ (เช่น เบราว์เซอร์)
-
คลิก X . ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง
-
คลิก Quit หรือ Force Quit ตอนที่ขึ้น. ถ้าคลิก Quit โปรแกรมจะสร้าง recovery save ในกรณีที่คุณทำงานค้างอยู่ แต่ถ้าคลิก Force Quit จะเป็นการปิดโปรแกรมทันที [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เปิด Apple menu . คลิกโลโก้ Apple ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก System Preferences… . ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง System Preferences
-
คลิก Users & Groups . ที่เป็นตัวเลือกในหน้าต่าง System Preferences
-
เลือกชื่อตัวเอง. คลิก username ตัวเองทางซ้ายของหน้าต่าง
-
คลิก Login Items . ใน tab ทางด้านบนของหน้าต่าง
-
ปิด startup programs. เอาติ๊กออกจากช่องของโปรแกรมในหน้านี้ เพื่อปิดไม่ให้โปรแกรมนั้นเปิดขึ้นมาพร้อมคอม [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อาจจะต้องคลิกไอคอนรูปแม่กุญแจที่มุมซ้ายล่างของหน้าก่อน จากนั้นใส่รหัสผ่าน ถึงจะแก้ไขเมนูนี้ได้
โฆษณา
-
defragment คืออะไร. การทำ defragment ฮาร์ดไดรฟ์ นั้นจำเป็นเฉพาะเครื่อง Windows ที่ใช้งานหนักๆ พอใช้ฮาร์ดไดรฟ์ไปนานๆ ข้อมูลจะกระจายออกเป็นส่วนๆ ทั่วระบบ ทำให้เสียเวลานานขึ้นกว่าจะรวบรวมแล้วแสดงข้อมูลนั้น พอ defragment ฮาร์ดไดรฟ์ เท่ากับรวบรวม "fragments" หรือชิ้นส่วนข้อมูลพวกนั้นกลับมาอยู่เป็นที่เป็นทางในฮาร์ดไดรฟ์
- ถ้าคอมใช้ solid-state drive (SSD) ห้าม defragment เด็ดขาด
- ถ้าฮาร์ดไดรฟ์ของคอมเกือบเต็ม ถึง defragment ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ
-
พิมพ์ defragment and optimize drives . เพื่อค้นหาแอพ Disk Defrag
-
คลิก Defragment and Optimize Drives . ทางด้านบนของหน้าต่าง Start
-
เลือกฮาร์ดไดรฟ์. คลิกฮาร์ดไดรฟ์ที่จะ optimize ในคอมส่วนใหญ่ชื่อฮาร์ดไดรฟ์หลักจะเป็น OS (C:)
-
คลิก Optimize . ปกติจะอยู่ทางขวาของหน้าต่าง เท่านี้ Disk Defrag ก็จะเริ่มทำงาน
-
ปล่อยให้ Disk Defrag ทำงานไป. อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะ defragment ฮาร์ดไดรฟ์ของคอมเสร็จ เพราะงั้นอย่าลืมเสียบปลั๊กคอมไว้ และอย่าไปเสียบอุปกรณ์หรือทำอะไรที่จะรบกวนกระบวนการโฆษณา
เคล็ดลับ
- แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คอมง่ายๆ อย่างปิดคอมทุกวันเว้นวัน และเสียบชาร์จไว้เสมอ ก็ช่วยให้คอมทำงานได้ดีขึ้นเยอะแล้ว
- สแกนคอมด้วยโปรแกรม antivirus เรื่อยๆ เพราะไวรัสและมัลแวร์ต่างๆ ทำให้คอมอืดขึ้นเยอะเลย
- คอมเก่าก็ทำงานช้าลงแน่นอน เพราะงั้นบางทีที่คอมอืดก็ไม่ได้เป็นเพราะไวรัสหรือ error อะไร แค่เก่าไปแล้วเท่านั้น
โฆษณา
คำเตือน
- ไม่ควรติดตั้งโปรแกรม antivirus ในคอมทีเดียวหลายๆ โปรแกรม เพราะปกติ Windows ก็มีโปรแกรม Windows Defender ติดมาแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรม antivirus เพิ่มเติม
- ห้าม defragment คอมที่ใช้ Solid State Drive เพราะอาจทำไฟล์เสียหาย หรือทำไดรฟ์อืดถาวรได้เลย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา