PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

จุดซ่อนเร้นเป็นบริเวณที่บอบบางของร่างกายที่ต้องการการดูแลอย่างถูกต้องเพื่อรักษา ความสะอาดและสุขภาวะที่ดี ตามปกติแล้วจุดซ่อนเร้น (รูเปิดด้านในที่เป็นทางเข้าสู่ปากมดลูก) เป็นอวัยวะที่ทำความสะอาดตัวเองและไม่จำเป็นต้องล้าง แต่คุณก็ต้องทำความสะอาดบริเวณปากช่องคลอด (ด้านนอกของอวัยวะเพศ) และบริเวณรอบๆ ทวารหนักให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคืองในจุดซ่อนเร้น กำหนดกิจวัตรประจำวันในการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเพื่อให้บริเวณโดยรอบสะอาด และคุณยังสามารถรักษาความสะอาดได้ด้วยการสร้างสุขลักษณะที่ดีจนเป็นนิสัย เช่น ใส่กางเกงในผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศ และเช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังเวลาเข้าห้องน้ำ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

กำหนดกิจวัตรประจำวันในการทำความสะอาด

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างบริเวณรอบๆ อวัยวะเพศอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง. ตลอดทั้งวันจะมีเหงื่อและความชื้นสะสมอยู่ตรงบริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ล้างบริเวณนี้เป็นประจำทุกวันขณะที่อาบน้ำหรือสระผมตามปกติเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อวัยวะเพศและกลิ่นไม่พึงประสงค์ [1]
    • ถ้าเป็นช่วงที่มีประจำเดือน คุณควรล้างอวัยวะเพศมากกว่าวันละ 1 ครั้ง
  2. ใช้สบู่ธรรมดาไม่มีกลิ่นทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ. เวลาที่คุณทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ให้ใช้น้ำอุ่นกับสบู่อ่อนไม่มีกลิ่น สบู่ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น หรือสบู่เหลวถูตัว เพราะสบู่ออกฤทธิ์แรงและผสมน้ำหอมอาจทำให้ปากช่องคลอดและช่องคลอดระคายเคือง และอาจทำให้ค่า pH ตามธรรมชาติในช่องคลอดเสียสมดุลจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ [2]
    • บางคนก็สามารถใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้โดยไม่มีปัญหา แต่ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อและระคายเคือง ให้ลองเปลี่ยนไปใช้สบู่ที่ไม่มีกลิ่นหรือสบู่สำหรับผิวแพ้ง่าย
    • คุณสามารถใช้มือหรือผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นุ่มๆ ทำความสะอาดปากช่องคลอดได้ แต่อย่าใช้ผ้าสากๆ หรือใยบวบ เพราะการขัดถูบริเวณนั้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ [3]
  3. ขณะที่คุณล้างอวัยวะเพศ ให้ทำความสะอาดกลีบและซอกรอบๆ ช่องคลอดทั้งหมด ค่อยๆ แหวกแคมนอก (เนื้อนูนนิ่มๆ ขนาดใหญ่หรือ “กลีบ” ที่อยู่ด้านนอกของปากช่องคลอด) และถูบริเวณซอกที่อยู่ด้านใน และอย่าลืมทำความสะอาดหัวคลิตอริสและบริเวณรอบนอกของทางเข้าช่องคลอด [4]
    • ระวังอย่าให้สบู่เข้าไปในช่องคลอด เพราะมันจะทำให้ช่องคลอดแห้งและระคายเคือง
  4. ทำความสะอาดบริเวณทวารหนักเป็นขั้นตอนสุดท้าย. เมื่อคุณทำความสะอาดปากช่องคลอดเสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดฝีเย็บ (บริเวณที่อยู่ระหว่างอวัยวะเพศกับทวารหนัก) จากนั้นก็ทวารหนักและบริเวณที่อยู่ระหว่างแก้มก้น ขณะทำความสะอาดให้ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคจากบริเวณทวารหนักเข้าสู่อวัยวะเพศ [5]
  5. หลังจากที่คุณล้างบริเวณอวัยวะเพศทั้งหมดแล้ว ให้ใช้น้ำอุ่นธรรมดาล้างสบู่ออกให้หมด อย่าลืมล้างฟองสบู่ที่เหลือออกให้หมด เพราะฟองสบู่ที่เหลืออยู่อาจทำให้ผิวหนังรอบๆ อวัยวะเพศแห้งหรือระคายเคืองได้ [6]
    • ถ้าคุณใช้ฝักบัวแรงดันสูงแบบถอดได้ ระวังอย่าให้ฝอยน้ำกระเด็นเข้าไปในช่องคลอด การฉีดน้ำเข้าไปในช่องคลอดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ค่า pH ตามธรรมชาติในช่องคลอดเสียสมดุล หรือทำให้แบคทีเรียที่ไม่พึงประสงค์เล็ดลอดเข้าไปในมดลูกได้ [7]
  6. หลังล้างสบู่แล้วให้ใช้ผ้าเช็ดตัวสะอาดซับให้แห้ง. เมื่อคุณทำความสะอาดและล้างสบู่ออกหมดแล้ว ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวที่แห้งและสะอาดซับบริเวณอวัยวะเพศให้แห้ง แต่อย่าถูเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ [8]
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถผึ่งปากช่องคลอดและบริเวณขาหนีบให้แห้งได้ด้วยไดร์เป่าผม โดยตั้งค่าให้เป็นลมเย็นอ่อนๆ
  7. อย่าใช้อุปกรณ์ฉีดล้างช่องคลอด ทิชชู่เปียกผสมน้ำหอม และสเปรย์ดับกลิ่น. ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์มากมายที่อ้างว่าสามารถช่วยรักษาสุขอนามัยที่ดีของอวัยวะเพศและทำให้มีกลิ่นหอมสดชื่น แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและกำจัดแบคทีเรียที่ดีออกไปได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ เพราะฉะนั้นอย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมตรงบริเวณปากช่องคลอดหรือในช่องคลอดเด็ดขาด และอย่าใช้อุปกรณ์ฉีดล้างช่องคลอดใดๆ ก็ตามยกเว้นว่าเป็นคำแนะนำของแพทย์ [9]
    • หลีกเลี่ยงน้ำมันอาบน้ำที่มีกลิ่นหอมหรือเจลอาบน้ำที่ทำให้เกิดฟอง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการติดเชื้อที่อวัยวะเพศได้

    รู้หรือไม่ อวัยวะเพศที่มีสุขภาวะที่ดีจะมีจำนวนแบคทีเรียที่มีประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยควบคุมเชื้อราและแบคทีเรียที่ไม่ดีเอาไว้ได้ เมื่อประชากรแบคทีเรียที่ดีเสียสมดุล สิ่งมีชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ก็จะเข้าไปข้างในและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ [10]

วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

รักษาสุขอนามัยที่ดีของจุดซ่อนเร้น

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใส่กางเกงในผ้าฝ้ายเพื่อป้องกันการระคายเคืองและลดความอับชื้น. วัสดุสังเคราะห์ เช่น ไนลอนและโพลีเอสเตอร์กักเก็บความอับชื้นและความร้อนรอบบริเวณจุดซ่อนเร้นเอาไว้ ซึ่งทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา [11] เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ คุณควรเลือกกางเกงในผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้มากกว่า และเปลี่ยนกางเกงในวันละ 1 ครั้ง (หรือมากกว่านั้นถ้ากางเกงในของคุณชื้นหรือซับเหงื่อ)
    • เลี่ยงกางเกงในจีสตริงและเลกกิ้งหรือกางเกงขายาวรัดรูป เพราะมันกักเก็บความร้อนและความชื้น ทำให้ปากช่องคลอดระคายเคือง [12]
    • ไม่ใส่กางเกงในนอนหรือใส่กางเกงบ็อกเซอร์ผ้าฝ้ายตัวหลวมตอนกลางคืนแทน
  2. กางเกงในที่ซื้อมาใหม่อาจจะมีสีย้อมหรือสารเคมีตกค้างที่ทำให้ปากช่องคลอดและช่องคลอดเกิดการระคายเคือง เพราะฉะนั้นให้ซักกางเกงในตัวใหม่ทุกครั้งก่อนใส่ครั้งแรก [13]
    • เวลาที่ซักกางเกงใน ให้ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนไม่ผสมน้ำหอม และอาจจะล้างน้ำเพิ่มอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าล้างน้ำยาซักผ้าออกหมดแล้ว
  3. ทุกครั้งที่คุณเข้าห้องน้ำ ให้เช็ดเบาๆ จากหน้าไปหลัง แม้ว่าคุณจะแค่ปัสสาวะอย่างเดียวก็ตาม เพราะการเช็ดจากหลังมาหน้าอาจแพร่แบคทีเรียจากบริเวณทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอดหรือท่อปัสสาวะได้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่อวัยวะเพศหรือทางเดินปัสสาวะ [14]
    • หลีกเลี่ยงกระดาษชำระที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี หรือโลชั่น เพราะอาจทำให้ปากช่องคลอดและช่องคลอดเกิดการระคายเคือง เพราะฉะนั้นใช้กระดาษชำระสีขาวธรรมดาเท่านั้น [15]
  4. แพทย์ไม่แนะนำให้คุณใช้ทิชชูเปียก แม้จะเป็นแบบที่ไม่ผสมน้ำหอมก็ตาม ถ้าคุณรู้สึกว่าการเช็ดด้วยกระดาษอย่างเดียวหลังขับถ่ายมันไม่สะอาดและสดชื่น คุณก็สามารถหยดน้ำมันแร่หรือสบู่ไม่ผสมน้ำหอม (เช่น สบู่เหลวของโดฟและเซตาฟิล) เล็กน้อยลงบนกระดาษชำระเพื่อให้เช็ดง่ายขึ้นได้ เสร็จแล้วก็ล้างน้ำเล็กน้อยและซับให้แห้ง [16]
    • งานวิจัยพบว่า การใช้แผ่นเช็ดทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นนั้นนอกจากจะทำให้แสบและระคายเคืองแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะด้วย [17]
  5. ถอดเสื้อผ้าที่เปียกทันทีหลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกาย. หลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกายแล้ว ให้ถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกทันทีและเช็ดตัวให้แห้งสนิท [18] การใส่เสื้อผ้าที่เปียกหรือชุ่มเหงื่อจะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและเชื้อราข้างในและรอบๆ ช่องคลอด
    • นอกจากนี้คุณก็ควรอาบน้ำทันทีหลังจากออกกำลังกายหรือว่ายน้ำเพื่อชำระล้างเหงื่อไคล สิ่งสกปรก หรือคลอรีนออกไป
  6. ระหว่างมีประจำเดือนให้เปลี่ยนผ้าอนามัยและผ้าอนามัยแบบสอดบ่อยๆ. ถ้าคุณมีประจำเดือน ให้เปลี่ยนผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอดบ่อยๆ [19] อย่าใส่ผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอดนานเกินกว่า 8 ชั่วโมง เพราะอาจเกิดกลุ่มอาการท็อกซิกช็อกที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และพยายามเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างน้อยทุก 3-4 ชั่วโมงแม้ว่าประจำเดือนจะไม่ได้เยอะมากก็ตาม [20]
    • อย่าใช้ผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอดที่มีส่วนผสมของน้ำหอม และถ้าเป็นไปได้ให้ใช้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าฝ้าย 100% เท่านั้น [21]
  7. ใช้ถุงยางอนามัย เมื่อมีเพศสัมพันธ์ และหลังจากมีเพศสัมพันธ์ให้ปัสสาวะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ. ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ คุณสามารถลดโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือการติดเชื้อแบคทีเรียได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง [22] ขอให้คู่นอนของคุณใส่ถุงยางอนามัย หรือ ใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง เพื่อปกป้องอวัยวะเพศของคุณ
    • นอกจากนี้คุณก็ควรปัสสาวะและอาบน้ำทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ด้วย [24] เพราะวิธีนี้ช่วยชะล้างแบคทีเรีย เหงื่อ และสารคัดหลั่งอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้

    ข้อควรระวัง : แม้ว่าการล้างอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันปัญหา เช่น การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือ การตั้งครรภ์ ได้ การใช้ถุงยางอนามัยเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง [23] นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้ร่วมกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน

  8. กลิ่นอ่อนๆ และตกขาวส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติและปกติดี แต่ถ้ามันกวนใจคุณ คุณก็สามารถแช่น้ำเบกกิ้งโซดาเพื่อทำความสะอาดปากช่องคลอดและลดกลิ่นได้ เติมน้ำอุ่นๆ ลงในอ่างน้ำพอประมาณและคนเบกกิ้งโซดา 4-5 ช้อนโต๊ะ (60-70 กรัม) ลงไป แล้วแช่ตัววันละ 1-3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที [25]
    • นอกจากนี้การแช่น้ำเบกกิ้งโซดายังช่วยลดอาการคันและอาการแสบร้อนที่เกิดจากการระคายเคืองหรือการติดเชื้อได้ด้วย

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณสังเกตว่าอวัยวะเพศมีกลิ่นแรงหรือกลิ่นเหม็น หรือถ้าคุณสังเกตว่ามีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น รอยแดง คัน แสบร้อน หรือมีของเหลวที่ผิดปกติไหลออกจากช่องคลอด ให้นัดพบแพทย์หรือนรีแพทย์ แพทย์จะสามารถระบุได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรและรักษาได้อย่างถูกต้อง [26]
  • แม้ว่าผู้หญิงหลายคนจะโกนหรือเล็มขนอวัยวะเพศด้วยเหตุผลในเรื่องสุขอนามัย แต่งานวิจัยกลับพบว่า การกำจัดขนที่อวัยวะเพศไม่ได้เอื้อประโยชน์ในด้านสุขภาพอย่างชัดเจนนอกจากการป้องกันโลนเท่านั้น [27] ถ้าคุณอยากกำจัดขนที่อวัยวะเพศจริงๆ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือการใช้กรรไกรเล็มขนแทนที่จะโกน แวกซ์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดขนที่เป็นสารเคมี [28]

สิ่งของที่ใช้

กำหนดกิจวัตรประจำวันในการทำความสะอาด

  • สบู่อ่อนที่ไม่ผสมน้ำหอม
  • น้ำอุ่น
  • ผ้าขนหนูผืนเล็กนุ่มๆ (ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
  • ผ้าเช็ดตัวที่สะอาดและแห้ง

รักษาสุขอนามัยที่ดีของจุดซ่อนเร้น

  • กางเกงในผ้าฝ้าย 100%
  • กระดาษชำระที่ไม่ย้อมสีและไม่มีน้ำหอม
  • น้ำมันแร่หรือสบู่เหลวไม่ผสมน้ำหอม
  • ผ้าอนามัยและผ้าอนามัยแบบสอดที่ไม่มีกลิ่นหอมและทำจากผ้าฝ้าย 100%
  • ถุงยางอนามัย
  • เบกกิ้งโซดา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 100,906 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม