ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การโดนเมินมันเจ็บ และการตัดสินใจว่าจะวางตัวอย่างไรเมื่อโดนเมินก็ชวนให้สับสนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจหรือแค่บังเอิญเมินคุณ การวางตัวของคุณต้องขึ้นอยู่กับว่าคนที่เมินคุณนั้นเมินคุณเป็นประจำอยู่แล้วหรือเปล่า และโดยปกติแล้วคนๆ นั้นมีวิธีการสื่อสารกับคนอื่นอย่างไร การทำความเข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงเมินคุณ จะช่วยให้คุณตอบสนองกลับไปได้อย่างเหมาะสมและมั่นใจ
ขั้นตอน
-
ถามตัวเองว่าทำไมคนๆ นั้นถึงเมินคุณ. [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คนที่เมินคุณอาจจะเมินคุณโดยตั้งใจหรือโดยไม่เจตนาก็ได้ ลองนึกดูว่าตอนที่คุณคุยกับอีกฝ่ายครั้งสุดท้ายนั้นเป็นอย่างไร ทางนั้นมีท่าทีโกรธเคืองหรือไม่เป็นมิตรต่อคุณไหม? คุณได้พูดอะไรที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่า? ถ้าใช่ คนๆ นั้นอาจจะยังโกรธคุณอยู่ด้วยเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่พอใจตั้งแต่ตอนนั้น แต่ถ้าครั้งล่าสุดที่เจอกันคุณก็มีช่วงเวลาดีๆ กับคนๆ นั้น สาเหตุที่ทางนั้นเมินคุณอาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้คนๆ นั้นเมินคุณโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้ บางทีเขาอาจจะกำลังเครียดกับการเตรียมตัวสอบหรืออาจจะหลงอยู่กับความรักครั้งใหม่ก็ได้
-
ถามบุคคลที่สามว่าทำไมคุณถึงถูกเมิน. หากคนที่เมินคุณเป็นเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน ลองถามเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานอีกคนที่รู้จักทั้งคุณและอีกฝ่ายดูเผื่อเขาจะรู้ว่าทำไมคุณถึงถูกเมิน บางทีเพื่อนคนนี้อาจจะสามารถระบุสาเหตุหรืออธิบายได้ว่าทำไมคนที่เมินคุณถึงทำแบบนั้น บางทีคุณอาจจะไปทำให้ทางนั้นโกรธโดยที่คุณไม่รู้ตัว แล้วแทนที่จะบอกคุณตรงๆ ทางนั้นก็เลือกที่จะเมินคุณแทนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ทำให้เกิดปัญหาบานปลาย บุคคลที่สามอาจจะสามารถช่วยประเมินสถานการณ์ได้อย่างเป็นกลางมากกว่าและช่วยให้คุณคิดถึงสาเหตุของการโดนเมินออกได้
-
ถามคนที่เมินคุณไปตรงๆ เลยว่าทำไมถึงเมินคุณ. เผชิญหน้ากับคนที่เมินคุณตรงๆ และขอให้อีกฝ่ายคุยกับคุณสองต่อสอง เลือกสถานที่เงียบๆ และเป็นส่วนตัวและถามอีกฝ่ายดีๆ ว่า “นี่ ฉันสงสัยน่ะว่าทำไมเธอถึงเมินฉัน?” พร้อมยกตัวอย่างประกอบว่าอีกฝ่ายเมินคุณอยู่จริงๆ เช่น ไม่โทรกลับหรือตอบอีเมล ไม่พูดด้วยเมื่อคุณพูดด้วย เป็นต้น ตั้งใจฟังคำอธิบายของทางนั้นดีๆ ล่ะ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ระวังพฤติกรรมควบคุมแอบแฝง. หากนี่เป็นครั้งแรกที่คนๆ นั้นเมินคุณ ทางนั้นอาจจะมีเหตุผลดีๆ จะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานมักจะเมินคุณหรือคนอื่นๆ แบบเดิมๆ ตลอด คนๆ นั้นอาจจะแค่รู้สึกดีก็ได้ที่ได้ทำแบบนั้นก็ได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง และคนๆ นั้นอาจจะแค่ใช้ความเงียบกดดันให้คุณขอโทษหรือยอมทำตามคำขอบางอย่าง และสุดท้ายแล้วเขาก็อาจจะแค่เมินเพื่อให้ได้มีอำนาจเหนือคุณเท่านั้นเอง เช่น อีกฝ่ายอาจจะพูดกับคุณว่า “ถ้าเธอรู้จักฉันดีพอ/รักฉัน เธอก็คงจะไม่ต้องถามฉันหรอกว่าทำไมฉันถึงเมินเธอ” คำอธิบายด้านบนทั้งหมดคือสิ่งที่ชี้ให้เห็นพฤติกรรมหลงตัวเองของคนๆ นั้นที่คุณควรระวังไว้แต่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจโฆษณา
-
ตัดสินคนที่เมินคุณจากการกระทำของอีกฝ่าย. สมมติว่าคุณได้เผชิญหน้ากับคนที่เมินคุณและทางนั้นแสดงความเข้าอกเข้าใจว่าทำไมคุณถึงมาพบ หรืออาจจะถึงขั้นขอโทษที่เมินกัน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป อีกฝ่ายกลับเมินคุณอีก หากเป็นอย่างนี้ คุณควรเข้าใจได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่จริงใจและไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคุณ
-
ยอมรับการตัดสินใจหากอีกฝ่ายอยากเว้นระยะห่างจากคุณ. อย่าเดินหน้ากดดันขอให้อีกฝ่ายขอโทษที่เมินคุณหรือเรียกร้องขอให้ฝ่ายนั้นอธิบายว่าพฤติกรรมของเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไรหากคุณได้ทำเช่นนั้นไปแล้ว [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คนที่เมินคุณตลอดอาจจะรู้สึกดีที่ได้ทำอย่างนั้น อย่ายอมเล่นเกมนี้ด้วยการพยายามไกล่เกลี่ยปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
-
อย่าโทษตัวเองเพราะพฤติกรรมของคนอื่น [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หากคนๆ นั้นยังคงเมินคุณแม้ว่าคุณได้พยายามคืนดีด้วยแล้ว ก็ปล่อยตามใจเขาเถอะ คุณไม่ควรจะต้องมานั่งกลุ้มคิดว่าหากตัวเองได้พูดหรือทำอะไรต่างไปจากเดิม ทางนั้นเข้าใจคุณหรือมุมมองของคุณมากขึ้นไหม
-
เปิดโอกาสรอไว้เสมอ. บอกให้เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่เมินคุณทราบว่าคุณยังอยากคืนดีด้วยเสมอ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่าถึงกับตัดความสัมพันธ์กันไป คนบางคนอาจจะมีปัญหาส่วนตัวที่ต้องจัดการให้จบก่อนถึงจะหันมาใส่ใจในการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าคุณอยู่ตรงนี้เสมอหากอีกฝ่ายอยากจะพูดคุยหรือต้องการความช่วยเหลืออะไรโฆษณา
-
คิดซะว่าปัญหาเกิดจากวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน. [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง พยายามคิดเสียว่าเพื่อนหรือคนรักของคุณไม่ได้เมินคุณเพราะอยากจะใจร้ายกับคุณ บางทีคนรักของคุณอาจจะแค่เมินคุณเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ทำให้ปัญหาบานปลายและความขัดแย้งใหญ่โตขึ้นก็ได้ เขาอาจจะแค่อยากได้พื้นที่ไว้หายใจและปล่อยให้คุณทั้งคู่เย็นลงสักหน่อยหลังเพิ่งมีปัญหากันมา เมื่อคุณพยายามทำความเข้าใจในความเงียบที่อีกฝ่ายแสดงออก คุณก็จะมีโอกาสที่ดีขึ้นในการขอคืนดีและหลีกเลี่ยงไม่ทำให้ปัญหายิ่งบานปลาย
-
ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง. แน่นอนว่าคุณต้องรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกคนที่คุณให้ความสำคัญเมินใส่ คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิด โกรธ หรือเศร้าเมื่อถูกเมิน หากคุณรู้สึกเช่นนี้ อย่าแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไร [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้เป็นขั้นแรกของการแสดงความรู้สึกของคุณออกมาและทำให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังใจร้ายกับคุณอยู่
-
ลองใช้วิธีการพูดคุยแบบวางแผนไว้ล่วงหน้าดู. การวางแผนการสนทนาไว้ล่วงหน้าคือการจัดสรรเวลาพูดคุยกันเป็นการเฉพาะเจาะจงโดยมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน โดยการพูดคุยนี้ต้องดำเนินไปตามกฎที่วางไว้ซึ่งห้ามไม่ให้ตะโกนหรือเรียกกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย ในการพูดคุยกันแบบวางแผนไว้นี้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องเตรียมตัวมาเผชิญกับปัญหาตรงหน้าและซักซ้อมพูดถึงประเด็นพื้นฐานที่ต้องการจะเน้นไว้ก่อน [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การลองเสนอให้อีกฝ่ายพูดคุยกันแบบวางแผนไว้ล่วงหน้านั้นอาจได้ผลหากคนๆ นั้นเมินคุณเพราะปัญหาที่เรื้อรังมานานหรือปัญหาหลายๆ อย่างที่สะสมไว้เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไม่สร้างแผลลึกในใจต่อกันและกัน
-
กล้าหนีจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง. ลองหัดสื่อสารด้วยรูปแบบอื่นๆ ดูบ้าง [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หากคุณมัก "หัวร้อน" เวลาที่ต้องพูดคุยเพื่อสะสางปัญหา เช่น ชอบตะโกน โกรธ หรืออารมณ์ขึ้นง่าย ลองพยายามควบคุมอารมณ์เดือดของสถานการณ์นั้นๆ ดู แต่หากปกติแล้วคุณมักจะ "เย็นชา" เวลาต้องไกลเกลี่ยปัญหา เช่น เมินคนอื่น หนีไปหาพื้นที่ส่วนตัวเมื่อเกิดปัญหาแล้วค่อยพยายามอธิบายถึงตัวเองและมุมมองของคุณหลังจากใช้เวลาคิดไตร่ตรองถึงคำตอบสักพักแล้ว ลองพยายามเร่งรัดและใส่อารมณ์มากขึ้นเมื่อต้องลองแก้ไขความขัดแย้ง (แต่อย่าอินเกินจนตะโกนหรือด่าทอคนอื่นล่ะ)
-
ขอโทษกันและกันหากจำเป็น. หากคุณได้รับรู้จากคำอธิบายของอีกฝ่ายแล้วว่าทางนั้นรู้สึกว่าคุณทำร้ายจิตใจ คุณควรจะอธิบายให้อีกฝ่ายทราบว่าคุณไม่ได้เจตนาและเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คุณต้องหนักแน่นและอธิบายไปด้วยว่าคุณก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกันที่ถูกคนๆ นั้นเมินใส่ ให้อภัยคนที่เมินคุณและแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณหวังว่าทางนั้นคงจะพอให้อภัยคุณได้เช่นกันหากคุณคิดว่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงโกรธที่เราทำหรือพูดไปทั้งๆ ที่เราไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แม้ว่าคนๆ นั้นจะมีเหตุผลที่ไม่เพียงพอหรือไม่เข้าท่าที่เมินคุณ ยังไงการขอโทษกันไว้ก่อนก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ให้เวลาคนที่เมินคุณหน่อยแล้วค่อยๆ กลับไปพูดคยกับอีกฝ่ายอีกครั้ง! หากคนนั้นๆ ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณจริงๆ เขาก็คงจะไม่เมินคุณนานนักหรอก
- หากคุณถูกใครสักคนเมินโดยไม่รู้สาเหตุ ลองพูดคุยกับคนๆ นั้นและหาทางแก้ปัญหาร่วมกันดู
- บ่อยครั้ง คนเรามักเมินคนอื่นเมื่อต้องการเวลาและระยะห่างในการแก้ปัญหาส่วตัว อย่าไปคิดมากและให้ความเคารพสิทธิส่วนบุคคลของคนแต่ละคนนะ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.clarke.edu/page.aspx?id=3568
- ↑ http://www.clarke.edu/page.aspx?id=3568
- ↑ http://blogs.psychcentral.com/therapy-soup/2014/11/the-silent-treatment-and-what-you-can-do-to-stop-it-cold/
- ↑ http://www.clarke.edu/page.aspx?id=3568
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/romance-redux/201205/why-you-blame-yourself-bad-relationships-and-how-stop
- ↑ http://psychcentral.com/ask-the-therapist/2009/02/19/family-feud/
- ↑ http://psychcentral.com/blog/archives/2014/05/10/different-communication-styles-dont-have-to-wreak-havoc-on-your-marriage/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/pieces-mind/201204/understanding-validation-way-communicate-acceptance
- ↑ https://books.google.com/books?id=kVEiyrmDDJIC&lpg=PA180&ots=cjWs5BQkqV&dq=structured%20conversation%20relationships&pg=PA177#v=onepage&q&f=false
โฆษณา