ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เพียงใช้ความพยายามเพิ่มอีกนิดเดียว การเดินทางแบบสะพายเป้ก็อาจสนุกขึ้นได้ แค่วางแผนดีๆ จะทำให้คุณได้จุดกางเต้นท์อย่างสวยโดยไม่ต้องรับมือกับผู้คนที่เบียดเสียดกันตามลานกางเต้นท์หรือสถานที่ตั้งแคมป์ ถ้าอยากลองมีประสบการณ์สุดระทึกของการเข้าป่าและหาทางออกมาให้ได้ คุณก็ต้องเรียนรู้วิธีการที่จะวางแผนอย่างปลอดภัยตลอดทาง เรียนรู้สิ่งที่ต้องนำไป รวมทั้งวิธีการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพและให้กลุ่มที่ไปปลอดภัยเท่าที่ทำได้


ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

วางแผนการเดินทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เดินป่าตอนกลางวันก่อนแล้วค่อยคิดเดินป่าข้ามคืน. ก่อนที่จะมีทริปการเดินทางยาวๆ หลายวันลองไปเดินป่าตอนกลางวันซัก 2-3 ครั้งในที่และอากาศต่างกันดูก่อนว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง ดีกว่ามารู้ตัวเองเดินอยู่กลางป่าไปแล้ว
    • เดินป่าไปสัก 2-3 กิโลเมตรกับเพื่อนโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไร แค่มีน้ำ ขนมขบเคี้ยวเล็กๆ แผนที่ และรองเท้าบูทเหมาะๆ ก็พอ
    • ถ้าชอบก็ลองเดินให้ไกลขึ้นในพื้นที่ที่ทรหดขึ้นดูสิ และถ้ายังชอบอยู่ก็สะพายเป้แล้วออกไปสนุกกับมันเลย แล้วค่อยๆ ทำให้การเดินทางมันยากขึ้น
  2. อยากไปภูเขา ทุ่งหญ้า หรือทะเลสาบไหม ขึ้นอยู่กับที่ที่คุณอยู่ อาจจะมีที่ที่น่าไปอยู่ใกล้ๆ หรืออยากจะไปเสี่ยงภัยในที่ที่ไกลขึ้นก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องนั่งรถไปอุทยานของรัฐหรืออุทยานแห่งชาติถึงครึ่งวันหรอก
    • เลือกเวลาที่เหมาะสำหรับสถานที่นั้นๆ บางที่อาจจะมีคนมากในช่วงหนึ่งของปี ตลอดทั้งเทศกาล ขณะที่บางที่ก็ไม่เหมาะกับการไปในช่วงนั้นของปี เช่น ไปทะเลทรายในกลางฤดูร้อน เพราะมันคงแย่มากสำหรับมือใหม่ [1]
    • ระวังที่ที่มีหมีด้วยในฤดูที่หมีเยอะ
  3. อยากปีนเขา ล่องแก่งหรือตั้งเต้นท์ล่ะ เลือกพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์ในที่แห้งแล้งเหล่านี้ได้เลย และนี่เป็นแหล่งเป้าหมายหลักของการตั้งแคมป์ในไทย :
    • อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
    • อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
    • อุทยานแห่งชาติป่าพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
    • อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
    • อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    • อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
    • อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
    • อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์
  4. สถานที่ต่างๆ จะมีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับนักปีนเขา ดูแผนที่เพื่อจะหาทางเดินหรือเข้าดูที่เว็บไซต์ของอุทยานแห่งชาติ [2] โดยปกติแล้วการเดินป่ายาวๆ จะมี 3 แบบ เลือกได้จากความแตกต่างของสภาพพื้นดินและวิวที่ปลายทาง มีดังนี้ :
    • การเดินแบบวน เป็นวงใหญ่และจะจบตรงที่เริ่ม
    • การเดินแบบย้อนรอยทางเดิม
    • การเดินแบบจบ ทิ้งรถไว้ที่จุดจบหรือให้มีคนมารับ ใช้สำหรับการเดินป่าที่ไกลมากและไปได้หลายที่
  5. ทำตามแผนเส้นทางและตารางในการเดินทางครั้งแรก. อยากทำอะไรที่แตกต่างก็ต้องคิดถึงสภาพพื้นดิน อากาศ หรือประสบการณ์หรือของกลุ่มตอนที่วางแผนว่าจะเดินทางไกลแค่ไหนในแต่ละวัน บางทางมันเดินยาก ควรจะเริ่มจากระดับต้นๆ ก่อน เอาแบบที่ท้าทายพอประมาณก็พอ
    • ผู้ที่เพิ่งเริ่มไม่ควรเดินเกินวันละ 9.7 – 19.3 กิโลเมตร ในที่ลำบากๆ มันเกินเพียงพอไปเสียอีก
    • บางครั้งนักเดินป่าที่มีประสบการณ์และรูปร่างดีๆ ก็เดินได้มากถึง 16 – 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นดิน แต่อย่าเพิ่งลองเลย
  6. ดูว่าที่นั่นต้องได้รับการอนุญาตหรือมีการเตรียมการล่วงหน้าก่อนไหม. ถ้าตั้งแคมป์ในที่สาธารณะ อาจจะต้องมีค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการเข้าและการตั้งแคมป์ มันไม่แพงมากหรอกไม่เกิน 500 บาทต่อคืน ขึ้นอยู่กับฤดูกาล :
    • อุทยานส่วนใหญ่ต้องติดป้ายที่ได้รับอนุญาตไว้บนรถตอนที่เดินป่า และรวมถึงสิ่งที่อยู่ในเต้นท์ กระเป๋าหรืออื่นๆ ด้วย เมื่อไปถึงแล้วเจ้าหน้าที่อุทยานจะบอกกฎให้ฟังเอง
    • อุทยานแห่งชาติและที่สาธารณะส่วนใหญ่จะมีคำแนะนำที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของที่แห่งนั้น ในเวลาที่ไปตั้งแคมป์
  7. การก่อกองไฟจะดีถ้ามันถูกกฎหมาย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะห้ามก่อไฟในหน้าแล้ง ส่วนช่วงอื่นอาจจะอนุญาตแค่ในบางพื้นที่โดยจะมีกองไฟไว้ให้อยู่แล้ว และบางที่แยกให้ใช้แค่สำหรับทำอาหารเท่านั้น
    • อย่าปล่อยไฟไว้โดยไม่ดูและอย่าจุดไฟถ้ามีน้ำไม่พอที่จะดับมัน รวมทั้งต้องมีการระวังล่วงหน้าด้วยการจัดการพื้นที่รอบๆ วงไฟ 5 เมตรให้โล่ง เพื่อกันลมที่จะลามไฟไปเผาของอย่างอื่น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จัดกระเป๋าไปเดินป่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะเป้เล็กหรือใหญ่ก็ได้แค่ขนของพอสำหรับการเดินเที่ยว แต่ก็ไม่หนักเกินที่จะทำให้เกิดอาการปวดตลอดการเดินป่า ลองมองหาเป้ที่มีโครงใน สายรัดหน้าอกและเข็มขัดที่จะช่วยปรับให้มันเหมาะกับตัวคุณดูสิ
    • เป้แบบนี้มักจะขายที่ร้านอุปกรณ์กีฬาส่วนใหญ่และเข้ากับรูปร่างและส่วนสูงของคุณ ต้องลองให้เหมาะกับตัวเองจริงๆ
    • กระเป๋าควรจะมีที่ว่างเพียงพอสำหรับอาหารและน้ำ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล อุปกรณ์กันฝน อุปกรณ์กันแดด ไฟฉายธรรมดาหรือไฟฉายติดศีรษะหัวและถ่าน เต้นท์และถุงนอน ซึ่งบางทีอาจจะไม่ต้องใช้ทั้งหมดนั่นก็ได้สำหรับการเดินป่าแบบกลุ่ม
  2. การเดินป่าจะไม่ใช่การเดินป่าถ้าใส่รองเท้าแบบผิดๆ ถ้าต้องเดินระยะไกล ต้องดูว่ารองเท้าที่ใส่ทนความกดดันของเท้าได้ไหม มันไม่คุ้มกันหรอก ใส่บูทที่กันน้ำได้พอที่จะช่วยและทำให้ดีขึ้นตลอดการเดินทางดีกว่า
    • อย่าเดินทางหลายๆ วันด้วยรองเท้าแตะหรือรองเท้าผ้าใบบางๆ และฉีกขาดง่ายคู่เดียว ใช้รองเท้าเทนนิสก็โอเคนะ น้ำหนักเบาและเยี่ยมสำหรับการเดินป่า แต่ต้องดูด้วยว่ามันแข็งแรงพอจะเดินไปบนพื้นพวกนั้นไหม
  3. ทำให้เกิดความสะดวกในสภาพอากาศที่แตกต่าง ถึงแม้ว่าอากาศจะอุ่นตอนเริ่มออกเดินทางก็ไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นอย่างนั้นตลอดทั้งวันหรอกนะ
    • ภูเขาขึ้นชื่อเรื่องการเปลี่ยนสภาพอากาศอย่างกะทันหันอยู่แล้ว แม้ว่าตอนออกเดินทางจะอุณหภูมิสูงถึง 32 องศา ก็อย่าลืมเอาเสื้อกันฝนหรืออย่างน้อยก็เสื้อกันหนาวใส่กระเป๋าไปด้วยล่ะ รวมทั้งหมวก ถุงมือ แผ่นรองรองเท้า ถุงเท้า ชุดชั้นใน กางเกงและกางเกงขาสั้นเบาๆ และรองเท้าบูทสำหรับเดินป่าทนๆ [3]
    • เอาชุดที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ ขนแกะหรือขนนุ่มๆ ไปด้วยจะทำให้อุ่นและแห้งเร็วกว่าผ้าฝ้ายนะ
    • เอาถุงเท้าไปเยอะๆ เพราะต้องเดินมากเลยต้องทำให้เท้าสะอาดและแห้งตลอดการเดินทาง
  4. เอาอาหารที่มีพลังงานสูงและน้ำหนักเบาไปพอสำหรับทุกคน. การเดินป่าไม่ใช่เวลาสำหรับการกินสมอร์หรือเบคอน ถ้าเดินทางแบบเบาๆ ให้เลือกอาหารอย่างซุปและสตูว์ ที่ใช้น้ำหรืออาหารที่อบแห้ง เส้นพาสตาก็ใช้กันเยอะนะ
    • ถ้าทุกคนเอาขนมไปกันเองแต่เอามากินด้วยกันจะดีมาก พวกขนมที่พลังงานสูง อุดมไปด้วยโปรตีน อย่างถั่วและผลไม้แห้งจะช่วยเติมพลังให้ก้าวต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกเกด ถั่วลิสง เชอร์รี่ อัลมอนด์ M&M วอลนัท แครนเบอร์รี่ ฯลฯ หรือไม่ก็อาจจะเป็นแซนด์วิชชิ้นเล็กๆ ก็ได้ [4]
  5. ทุกคนควรจะเอาถุงนอนของตัวเองไปและควรมีที่นอนในเต้นท์พออยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องไปกัน 3 คน โดยมีเต้นท์ตั้ง 4 หลัง หรือเตาทำอาหาร 5 เตาแต่มีกระป๋องอาหารแค่กระป๋องเดียว จัดกระเป๋าให้ฉลาดหน่อยสิ ลองถามในกลุ่มว่าจะใช้อะไรร่วมกันได้บ้างจะได้ลดพื้นที่ในกระเป๋าลงไง
    • สิ่งที่ต้องเอาไปอย่างน้อยหนึ่ง :
      • ที่กรองน้ำ
      • เตาทำอาหาร
      • หม้อหรือกระทะทำอาหาร
    • ของที่ต้องมีสำรอง:
      • อุปกรณ์ปฐมพยาบาล
      • เข็มทิศ
      • แผนที่
      • ไฟแช็กหรือไม้ขีดไฟ
      • ไฟฉาย
  6. ดูว่ามันยังทำงานได้ดีไหม โดยใช้เวลาทดสอบและซ่อมหรือหาอันใหม่มาแทนสำหรับอุปกรณ์ที่พังแล้ว
    • ทำความสะอาดเต้นท์ถ้าหลังจากใช้ครั้งที่แล้วยังไม่ได้ทำ อาจจะมีเศษดินหรือเศษอาหารหลงเหลืออยู่ก็ได้ โดยตั้งมันขึ้นมาแล้วตากลมก่อนที่จะเก็บเข้าเหมือนเดิม
    • เอาไฟแช็กใหม่ และน้ำมันจุดไฟใหม่ไปเสมอ แล้วก็ตรวจดูว่าถ่านของไฟฉายหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่จะช่วยในยามลำบากใช้ได้ไหม
  7. ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน นกหวีดใช้ตอนที่คลาดกัน ยิ่งถ้าเป็นสถานการณ์ที่เคร่งเครียดกว่านั้นก็ต้องใช้กระจกโดยใช้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ บางครั้งสิ่งเล็กๆ เหล่านี้แหละก็ช่วยชีวิตเราไว้ได้
  8. การมีแผนที่ที่มีรายละเอียดของที่ที่จะไปเดินป่าเป็นสิ่งที่ดีและปลอดภัยมาก ปกติแล้วแผนที่อุทยานมักจะอยู่ที่ทางเข้าเหมือนกับสถานที่สำหรับเข้าเยี่ยมชมหลายๆ ที่ หรือจะซื้อแผนที่ภูมิประเทศของตัวเองที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาก็ได้
    • อุทยานแห่งชาติหรืออุทยานของรัฐมักจะมีการจัดการที่ไม่ดีจึงสามารถเดินป่าได้แค่ตอนกลางวัน แต่กรมสรรพาวุธของอังกฤษ หรือองค์กรสำรวจทางภูมิศาสตร์ของอเมริกาก็ได้มีการจัดทำโครงร่างเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่สูงและยังแม่นยำ และน่าเชื่อถือได้ในกรณีฉุกเฉินอีกด้วย แผนที่พวกนี้จะมีขายที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาของที่ที่คุณจะไป
    • เอาเข็มทิศไปแล้วก็ต้องรู้วิธีการอ่าน และการใช้กับแผนที่ด้วยล่ะ
    • ใช้โปรแกรมเพื่อจะพิมพ์แผนที่บนกระดาษที่กันน้ำได้ ถึงจีพีเอสจะบอกตำแหน่งได้แต่ก็ควรเอาแผนที่กับเข็มทิศไปอยู่ดี
  9. กระเป๋าน่ะอาจจะไม่เป็นอะไรแต่ตัวคุณน่ะสิ ถ้ามันไม่โอเคมันจะแสดงอาการปวดไหล่อย่างหนัก เมื่อเดินไปแล้ว 3 – 5 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นมากที่จะเอาของหนักๆ เหล่านั้นออกมา และทำให้กระเป๋าหนักเท่ากันทั้ง 2 ข้าง และสมดุลกันทั้งล่างและบน [5]
    • ใส่ของที่หนักที่สุดและเบาลงตามมาในกระเป๋าเพื่อความสมดุล โดยเริ่มด้วยของที่ใหญ่สุดและหนักสุด จากนั้นเอาเสื้อผ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ใส่ตามไป
    • อ่านบทความนี้เพื่อจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดกระเป๋าเดินเที่ยวที่ถูกต้อง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

วางแผนเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะเริ่มต้องรู้ด้วยว่าสิ่งที่เป็นอันตรายของที่แห่งนั้นคืออะไร อาจจะมีต้นโอ๊กพิษให้ต้องระวัง งูหางกระดิ่ง หมี หรือเป็นฤดูของตัวต่อไหม แล้วจะทำยังไงถ้าถูกต่อย
    • การระวังฟ้าผ่าก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความปลอดภัยของนักเดินป่า โดยต้องเรียนรู้วิธีที่จะแยกแยะและหาที่หลบภัยในตอนที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น
    • ถ้าขึ้นไปประมาณ 6,000 ฟุต ต้องเรียนรู้อาการป่วยจากภูเขาแบบฉับพลันและวิธีการรับมือกับมัน
    • ต้องรู้วิธีการปฐมพยาบาลสำหรับกระดูกที่หัก แตกละเอียดหรือโดนตัด
  2. ถ้ายังไม่มีประสบการณ์พอ ไปกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ ซัก 2 – 5 คนที่รู้ใจกันเพื่อความปลอดภัยสำหรับการเดินป่าในครั้งแรก ที่จริงแล้วควรจะมีนักเดินป่าที่ชำนาญไปด้วยจะดีกว่า
    • ถ้ามีประสบการณ์ก็มีโอกาสที่จะแนะนำคนที่เข้ามาใหม่เกี่ยวกับการเดินเที่ยว แต่ถ้าไม่ก็หาผู้รู้ซะ
    • ถ้าคู่เดินทางเข้ากันได้ทั้งความเร็วในการเดิน ระยะทางที่อยากเดิน และรูปแบบที่เที่ยวจะดีมาก บางคนอาจจะอยากเที่ยวน้อยแต่อยากเดินป่าไกลๆ บางคนแค่อยากออกไปสูดอากาศนอกรถ
    • ถ้าไปคนเดียวต้องบอกให้คนอื่นรู้แผนการเดินทางไว้ซักคนและมีอุปกรณ์และทักษะที่เพียงพอ
  3. ถึงน้ำจะหนักแต่ก็สำคัญมากสำหรับการเดินทาง ต้องเอาน้ำไปมากพอที่จะให้ทุกคนได้ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร โดยเฉพาะถ้าเดินป่ามากๆ และเสียเหงื่อเยอะ
    • ถ้าใช้ที่กรองน้ำ ต้องเอาไส้ไปด้วย
    • การต้มน้ำให้เดือดอย่างน้อย 1 นาที เป็นวิธีสำรองที่ใช้ได้ผลในกรณีฉุกเฉิน [6]
  4. ทิ้งข้อมูลการเดินทางไว้กับคนที่ไม่ได้ไปด้วยรวมทั้งเส้นทาง ข้าวของที่มีติดตัว และพื้นที่ที่จะพัก เพราะมันจำเป็นที่จะให้มีคนรอคอยการกลับมาของคุณ และถ้าไม่กลับ แล้วอย่าลืมติดต่อกลับเมื่อกลับอย่างปลอดภัย
    • อย่างน้อยก็ทิ้งโน้ตไว้บนรถ ในกรณีทีไม่ปรากฏตัวตรงเวลา
    • เช็คอินที่สถานีของเจ้าหน้าที่อุทยานหรือศูนย์สำหรับผู้เยี่ยมชมก่อนไปตั้งแคมป์ เป็นวิธีการที่จะให้คนรู้ว่าคุณจะอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน
  5. การเดินป่าโดยเฉลี่ยนั้นจะเดิน 3 – 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่าพยายามมากเกินไป ประมาณการพื้นที่ที่จะพักแรมเอาไว้ในแต่ละคืน และวางแผนเดินทางให้แคมป์อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำที่ใช้ได้ในแต่ละคืน
  6. ควรให้ห่างจากหมีและแยกออกจากตัวเต้นท์ แม้ว่าปกติพื้นที่นั้นจะไม่มีหมีก็ตาม แต่มันก็สำคัญมากที่จะป้องกันตัวเองจากสัตว์อยากรู้อยากเห็นพวกนั้นที่อาจจะมาทำลับๆ ล่อๆ
    • ถ้าอยากไปที่ที่มีหมี อย่าลืมเอากระเป๋าและเชือกแขวนอาหารไว้บนต้นไม้หรือใช้ถุงอาหารหรืออาหารที่ป้องกันหมี ขึ้นอยู่กับกฎของพื้นที่นั้นๆ ด้วย
    • ทำตามข้อระวังเกี่ยวกับกลิ่น รวมไปด้วยผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม แชมพู โลชั่น ยาสีฟันและหมากฝรั่ง
    • ใส่อาหารที่จะแขวนและของมีกลิ่นไว้ในกระเป๋าใบเดียวกันจนออกจากค่าย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตรวจดูว่าอุทยานหรือป่าสงวนแห่งชาติให้พักแรมได้ตอนไหนของแต่ละฤดู และสิ่งของที่ต้องเอาไปและต้องห้าม
  • ดูเว็บไซต์ขององค์กรสำรวจทางภูมิศาสตร์ของอเมริกาและรู้จักมุมเบนและวิธีการตั้งเข็มทิศ รวมทั้งการอ่านแผนที่แบบรอบเดียว
  • มีแหล่งข้อมูลออนไลน์มากมายเกี่ยวกับเป้าหมาย การเดินทาง รายการอุปกรณ์ที่ต้องใช้ และบางอย่างก็มีอยู่ข้างล่างแล้ว
  • ถ้าเดินทางไปต่างประเทศ ต้องรู้ด้วยว่าห้ามขนอะไรไปสำหรับการนั่งเครื่อง และถึงแม้ว่าอาจจะต้องใช้เตาไฟทำอาหารก็จริงแต่ก็เอาน้ำมันจุดไฟไปด้วยไม่ได้นะ ไปซื้อเอาที่ปลายทางดีกว่า
  • เอาเครื่องมือสารพัดอย่างไปด้วย มันสะดวกดีนะ
  • เรียนวิธีจุดไฟแบบโบราณถ้าต้องเข้าไปตั้งแคมป์ในป่าลึก
  • จัดของหนักๆ เอาไว้ตรงกลางเป้ดีกว่าไว้ล่างสุด
โฆษณา

คำเตือน

  • จับสัญญาณของสัตว์ป่าจากรอยเท้าหรือการแตกกลุ่ม และยิ่งถ้ามีการแตกกลุ่มใหม่ๆ ตรงนั้นก็ควรจะคิดที่ตั้งแคมป์ใหม่
  • การเดินเที่ยวอาจจะมีสิ่งที่ต้องทำเยอะแต่ถ้าได้ลองทำซักครั้งจะติดใจ
  • เลือกที่พักแรมอย่างระมัดระวัง โดยดูกิ่งไม้ที่อาจตกลงมาบนเต้นท์ได้ และตรวจดูดินว่ามีน้ำท่วมมาก่อนหน้านี้ไหม หรือถ้ามีการพยากรณ์ว่ามีพายุฝนฟ้าคะนองก็อย่าไปอยู่ตามสันเขา
  • ควรใส่เสื้อผ้าที่ทำให้อุ่นตอนที่เปียกอย่างขนสัตว์และขนแกะ(โดยเฉพาะในสภาพอากาศหนาวๆ ) แต่ควรหลีกเลี่ยงผ้าฝ้าย


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,925 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา