ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เป็นที่ทราบกันดีว่าการวิ่งเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมีไว้ การวิ่งนั้นดีต่อรูปร่างและทำให้หัวใจแข็งแรง อีกทั้งยังมีประโยชน์ยามฉุกเฉินอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์ที่ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดจะมาถึงเมื่อไหร่ เราอาจต้องวิ่งหนีสัตว์ป่าหรือพนักงานขายตรงก็เป็นไปได้ ข้อเสียอย่างเดียวคือ การวิ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานานนั้นเป็นเรื่องยากเพราะหลายคนรู้สึกเหนื่อยจนไปต่อไม่ไหว ร่างกายก็จะยอมแพ้อยู่รอมร่อจนอยากจะล้มคว่ำไปเลย ไม่เป็นไร เคล็ดลับที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการวิ่งให้ดีขึ้น และหากคุณเป็นนักวิ่งที่ดีแล้ว ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

รู้ไว้ก่อนวิ่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สุขภาพต้องดีถ้าคิดจะวิ่ง พยายามงดอาหารขยะ ดื่มนมขาดมันเนย (ต่างจากนมพร่องมันเนย) หรือนม 2% ดื่มน้ำมากๆ ทานผักและผลไม้เยอะๆ การเลือกกินอาหารอย่างสมดุลจะทำให้ร่างกายแข็งแรง
  2. ออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ เช่น เดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน นอกจากจะแข็งแรงขึ้นแล้วยังช่วยเสริมสร้างความทนทานของกล้ามเนื้อในทุกๆ วันที่เราออกกำลังกายอีกด้วย
    • การออกกำลังกายแบบแอโรบิคช่วยได้ ลองเล่นกีฬาจำพวก ฟุตบอล เบสบอล หรือ บาสเกตบอล
  3. ก่อนเริ่มออกกำลังกายหรือวิ่ง ต้องอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอ การทำแบบนี้จะช่วยให้สมองรับรู้ว่าเรากำลังจะออกกำลังกายอย่างจริงจัง ทางที่ดีคือเริ่มต้นด้วยการยืดกล้ามเนื้อ ในกรณีนี้การยืดกล้ามเนื้อขาเหมาะสมสำหรับการวิ่งที่สุด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ระหว่างวิ่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หายใจเข้าให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ
    • ใช้ลมหายใจเป็นตัวกำหนดความเร็วในการวิ่ง เช่น หายใจเข้า-ออกสั้นๆ ทีละสองครั้ง พยายามกำหนดจังหวะการวิ่งด้วยการหยุดพักเป็นระยะ
  2. ร่างกายมนุษย์ต้องการน้ำเพื่ออยู่รอด ควรดื่มน้ำประมาณ 8 แก้วต่อวัน ก่อนเริ่มวิ่งให้ดื่มน้ำสักแก้ว ถ้ามีขวดน้ำติดตัวให้เติมน้ำให้เต็มเอาไว้จิบระหว่างทาง
  3. ให้วิ่งเหยาะๆ ก่อนตอนเริ่ม หาจังหวะที่เหมาะสมจากนั้นค่อยเพิ่มความเร็วจนอัตราการเต้นของหัวใจถึงระดับที่ตั้งเป้าไว้ หลังจากทำตามคำแนะนำนี้ควรวิ่งได้อย่างน้อย 400 เมตรโดยไม่รู้สึกเหนื่อย หากเริ่มไม่ไหวให้กลับมาวิ่งเหยาะๆ จนกว่าจะดีขึ้น ดื่มน้ำเย็นช้าๆ เพื่อความสดชื่น พยายามอย่าหยุดจนกว่าจะทำได้ตามแผน หากสามารถวิ่งโดยไม่รู้สึกเหนื่อยได้แล้วให้เพิ่มความเร็วขึ้น แต่ระวังอย่าให้เร็วจนเกินไป
  4. อย่าให้ความเหนื่อยเป็นอุปสรรคขัดขวาง อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกหมดแรงให้เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินเร็ว หากรู้สึก ปวดร่างกาย นั่นหมายความว่าออกแรงมากเกินไป
    • พุ่งเป้าหมายไปที่การเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย จะช่วยให้วิ่งได้ไกลขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

สร้างแรงบันดาลใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพลงทำให้เราอยากลุกขึ้นมาเต้นใช่ไหม จังหวะเพลงทำให้เราอยากวิ่งต่อมากขึ้น หาเพลงที่มีทำนองชวนให้รู้สึกกระตือรือร้นมาใส่ไว้ใน iPhone หรือเครื่องเล่นเพลงที่ชอบใช้ ใส่หูฟังแล้วเริ่มวิ่งเลย
    • ฟังเพลงที่มีจังหวะสม่ำเสมอเพื่อใช้กำหนดความเร็วของการวิ่งให้คงที่
    • ให้จินตนาการว่ากำลังอยู่ในภาพยนตร์ เรากำลังจะไปช่วยกู้โลก หาเพลงให้เข้ากับอารมณ์มา จะรู้สึกสนุกกับการวิ่งมากขึ้น
  2. บอกตัวเองว่า เราทำได้และจะทำสำเร็จแน่นอน
    • นึกถึงหน้าคนที่จะภูมิใจในตัวเราเมื่อบรรลุเป้าหมาย
    • แบ่งระยะการวิ่ง สมมติว่าเราวิ่ง 10 กิโลเมตร ให้แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะละ 5 กิโลเมตร เมื่อเราวิ่งจบระยะหนึ่งให้คิดว่า ฉันแค่ต้องวิ่งต่อในระยะเท่ากันอีกครั้งเท่านั้น
    • นึกถึงความรู้สึกดีๆ ตอนวิ่งเสร็จตามเป้า ใช้ความทรงจำเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้พยายามวิ่งต่อจนจบ
    • นับระยะทางไปด้วยระหว่างวิ่ง ให้เห็นว่าตอนนี้ระยะทางเริ่มลดลงเรื่อยๆ แล้ว
  3. มีเพื่อนไปด้วยจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้วิ่งต่อไป เพื่อนมีไว้เพื่อให้กำลังใจกันและกัน เมื่อวิ่งจบจะได้เอาผลลัพธ์มาเทียบกันด้วย
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

หลังวิ่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้เวลา 10-15 นาทีสุดท้ายของการวิ่งเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ลดความเร็วในการวิ่งลงทีละนิดจนเป็นเดิน เมื่อการวิ่งสิ้นสุดลด ทำท่าผ่อนคลายกล้ามเนื้อต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายไม่เมื่อยล้า
  2. อย่าหักโหมทุกวันจนหมดทั้งแรงกายแรงใจ ใช้เวลาสักวันพักผ่อนหรือออกกำลังบริหารหน้าท้อง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากวางแผนจะวิ่งเป็นระยะทางไกล อย่าวิ่งเร็วจนเกินไปตอนเริ่มต้นเพราะจะทำให้เหนื่อยเร็ว พยายามวิ่งด้วยความเร็วคงที่จนกว่าจะรู้สึกชิน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มความเร็วทีละนิด
  • เข้าห้องน้ำก่อนวิ่ง จะได้รู้สึกเบาสบายหายห่วง
  • พยายามเพิ่มความเร็วในการวิ่งของเราทุกๆ หนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่าจะวิ่งบนลู่วิ่งหรือข้างนอก
  • อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป การวิ่งควรเป็นสิ่งที่ทำแล้วสนุก
  • อย่าหักโหม การที่ร่างกายเราแสดงอาการต่างๆ นั้นย่อมมีเหตุผล สังเกตร่างกายตัวเองให้ดี แต่ก็รักษามาตรฐานการออกกำลังกายของเราให้พอที่จะภูมิใจกับผลลัพธ์ได้
  • เข้าร่วมกลุ่มนักกีฬา ครูฝึกจะมีข้อมูลน่ารู้มาสอนเราแบบมืออาชีพ
  • ศึกษาเส้นทางก่อนวิ่ง เพราะเมื่อเราวิ่งถึงจุดหนึ่งจะได้รู้ว่าเหลือระยะทางเท่าไหร่ก่อนจบ
  • ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังหลังวิ่งเสมอ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของเครื่องดื่มที่เหมาะสมต่อการออกกำลังกายเพื่อจะเลือกซื้อได้ถูกต้อง
  • สร้างนิสัยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากเราสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างสุดความสามารถ ก็จะทำได้ดีขึ้น รูปร่างก็กระชับได้สัดส่วน แถมเวลาวิ่งยังไม่เหนื่อยง่ายอีกด้วย
  • ขณะวิ่งพยายามยืดหลังให้ตรง คลายฝ่ามือออก อย่าห่อตัวหรือกำมือแน่นเพราะจะทำให้เหนื่อยง่ายขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • อบอุ่นร่างกายและคูลดาวน์ทุกครั้ง หากละเลยอาจช็อคได้ หรือถ้าลืมแล้วเกิดอาการขึ้น อย่างน้อยร่างกายก็กำลังบอกเราว่ามันไม่ถูกต้องถ้าจะออกกำลังกายทันทีโดยไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการเตือนร่างกายเลย
  • สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ควรศึกษาให้มั่นใจว่าระยะทางและความเร็วในการวิ่งนั้นเหมาะสมกับเรา หากฝืนตัวเองมากเกินไป อาการอาจกำเริบหนักได้ พยายามพกยาพ่นหรือยาอื่นๆ ที่จำเป็นไว้กับตัวตลอดเวลาเผื่อต้องใช้
  • ระวังให้ดีเมื่อวิ่งในอากาศร้อนจัด อาจเป็นลมแดดได้
  • เมื่อรู้สึกเหนื่อยมากให้พักดื่มน้ำก่อนเริ่มวิ่งต่อ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,053 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา