ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ปัจจุบันมีการพิสูจน์แล้วว่านักบำบัดสามารถช่วยเหลือคนได้ทุกวัยที่มีปัญหาตั้งแต่โรคซึมเศร้าและกังวลไปจนถึงปัญหาความกลัวและการใช้สารเสพติด [1] หลายคนอาจลังเลหรือต่อต้านการไปพบนักบำบัดด้วยเหตุผลมากมาย ถ้าคนที่คุณรู้จักต้องการพบนักบำบัด ก็มีวิธีมากมายที่จะพูดถึงการไปพบนักบำบัดโดยไม่ทำให้เพื่อนหรือคนรักของคุณนั้นเกิดความอับอายหรืออึดอัดใจ การรู้วิธีดังกล่าวโดยที่ไม่เป็นการละลาบละล้วงคนอื่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนที่คุณรักได้รับการช่วยเหลือได้สำเร็จ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

สนับสนุนคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการบำบัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกเพื่อนหรือคนรักของคุณว่าสิ่งที่เขารู้สึกนั้นเป็นเรื่องปกติ. ไม่ว่าบุคคลที่คุณสนับสนุนให้ไปหานักบำบัดนั้นจะป่วยมีปัญหาทางจิตหรือปัญหาเสพติดอะไรบางอย่างหรือเพียงแค่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การบอกคนที่คุณรักว่าสิ่งที่เขารู้สึกอยู่นั้นเป็นเรื่องปกตินั้นเป็นขั้นตอนแรกที่จะทำลายอคติที่เขามีต่อการบำบัด [2] บอกคนรักหรือเพื่อนของคุณว่าคนที่มีอายุ เพศ เชื้อชาติ สัญชาติเดียวกันและมีปัญหาเหมือนกันกับเขาสามารถและเข้ารับการบำบัดได้โดยปราศจากตราบาปหรือความอับอาย
  2. ย้ำกับคนที่คุณรักว่าปัญหาที่เขาเผชิญอยู่นั้นเป็นภาวะทางการแพทย์. อาการซึมเศร้า อาการกังวลและความกลัวล้วนเป็นปัญหาทางการแพทย์ [3] อาการเสพติดก็เช่นกันที่มีต้นตอมาจากภาวะทางการแพทย์ [4]
    • พยายามเทียบการบำบัดเหมือนการไปพบแพทย์ที่รักษาโรคต่างๆ ถามคนรักของคุณว่า “คุณคงไม่หลีกเลี่ยงการไปหาหมอ ถ้าคุณเป็นโรคหัวใจหรือโรคปอดใช่ไหม? แล้วมันต่างกับโรคที่คุณเป็นตรงไหนล่ะ?”
  3. ย้ำกับเขาว่าบางครั้งทุกคนก็ต้องการความช่วยเหลือนะ. จากผลการศึกษาในช่วงที่ผ่านมา 27% ของผู้ใหญ่ในอเมริกาหาและได้รับการรักษาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพจิต เท่ากับจำนวนคนมากกว่า 1 ใน 4 หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 80 ล้านคนทีเดียว [5]
    • ลองพูดว่า “ฉันอยู่ข้างเธอเสมอนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอยังเป็นเธอคนเดิมสำหรับฉันเสมอแม้ว่าเธอจะต้องได้รับความช่วยเหลือก็ตาม”
  4. การที่คุณบอกเขาว่าคุณไม่ได้มองเขาเปลี่ยนไปเลยถ้าเขาจะไปบำบัดสามารถช่วยทำให้คนที่คุณรักมั่นใจได้ว่าการบำบัดไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเป็นตราบาปอะไรในชีวิตเลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

สนับสนุนคนที่กลัวการบำบัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การให้คนที่คุณรักเปิดใจเกี่ยวกับความกลัวและความกังวลใจอาจเป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับการไปพบนักบำบัด
    • ลองเริ่มบทสนทนาด้วยการยอมรับว่าคุณเองก็มีความกลัวและความกังวลใจเหมือนกัน การทำแบบนี้จะช่วยให้บทสนทนาฟังดูเหมือนการคุยเรื่องความกลัวและการบำบัดมากกว่าการสั่งให้เขาไปบำบัด
    • ถ้าคุณมีเพื่อนคนอื่นที่ไปบำบัดแล้วได้ผล ลองยกคนนั้นเป็นตัวอย่างว่าการบำบัดนั้นช่วยได้จริง
    • คุณสามารถขอให้เพื่อนที่เคยผ่านการบำบัดมาเล่าประสบการณ์ให้คนรักของคุณฟัง เพื่อช่วยตอบคำถามและช่วยให้ความกลัวสงบลง
  2. เหตุผลและตรรกะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำลายความกลัวและความคิดแง่ลบ [6]
    • ถ้าคนรักของคุณกังวลว่าการบำบัดนั้นจะต้องทำตลอดไม่จบสิ้น บอกให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ใช่แบบนั้น การบำบัดความคิดและพฤติกรรมส่วนใหญ่มีการเข้าพบเพื่อบำบัดคอร์สละ 10-20 ครั้ง แม้ว่าบางคอร์สอาจมีระยะเวลานานหรือสั้นกว่านั้นก็ได้ [7] การเข้ารับจิตบำบัดสามารถมีระยะเวลาถึง 1-2 ปี ขึ้นกับว่าปัญหานั้นได้รับการวินิจฉัยเป็นอย่างไร แม้ว่าคนไข้มีอาการดีขึ้นแล้วหลังการเข้าบำบัดเพียงแค่ครั้งเดียว [8] จำไว้ว่า คนรักของคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าบำบัดมากน้อยแค่ไหนเพราะไม่มีเงื่อนไขบังคับ
    • ถ้าคนรักของคุณกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำบัด ช่วยเขาหานักบำบัดที่ประกันครอบคลุมหรือนักบำบัดที่ลดค่าธรรมเนียม
    • ไม่ว่าเพื่อนหรือคนที่คุณรักจะกลัวอะไร พยายามคลายความกังวลใจของเขาด้วยการพูดว่า “มันจะไม่มีปัญหา” และเสนอทางแก้และวิธีทำอย่างเป็นขั้นตอน
    • นักบำบัดบางคนอาจให้รับคำปรึกษาฟรีทางโทรศัพท์ก่อนนัดพบ สิ่งนี้อาจเป็นโอกาสที่คนรักของคุณจะได้ถามเกี่ยวกับความกลัวและเริ่มทำความรู้จักกับนักบำบัด
  3. การหานักบำบัดสำหรับคนรักของคุณอาจทำได้โดยง่ายทางอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น สมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกามีบริการระบุตำแหน่งนักบำบัดให้ผู้ป่วยด้วยที่เว็บไซต์ http://locator.apa.org/ .
  4. อาสาไปสถานบำบัดเป็นเพื่อนคนรักของคุณในการเข้าพบครั้งแรก. คุณอาจจะไม่สามารถเข้าฟังระหว่างการบำบัดได้ แต่การมีคนคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ อาจช่วยให้การบำบัดเป็นไปได้ง่ายขึ้น นักบำบัดบางคนอาจอนุญาตให้คุณเข้าฟังการบำบัดได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของคนรักของคุณ [9]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

สนับสนุนคนที่กังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยความรู้สึกในการบำบัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกคนรักของคุณเกี่ยวกับความลับระหว่างหมอกับคนไข้. สิ่งที่คนรักของคุณพูดในการบำบัดจะได้รับการปกป้องและเก็บเป็นความลับ [10]
    • จำไว้ว่ากฎหมายแต่ละรัฐและแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันออกไป แต่นักบำบัดทุกคนต้องไม่เปิดเผยข้อมูลลับทั้งในรูปแบบการสนทนาและลายลักษณ์อักษร คุณสามารถขอสำเนาข้อตกลงยินยอมก่อนที่ทำการนัดพบได้
  2. ถามคนรักของคุณเกี่ยวกับความกลัวที่จะเปิดเผยความรู้สึกอ่อนแอ. ย้ำกับคนรักของคุณว่าการร้องไห้ออกมาหรือการพูดคุยปัญหากับคนอื่นสามารถทำให้เราสบายใจขึ้นได้ จากผลการสำรวจ เกือบ 89% -ของคนที่รู้สึกดีขึ้นหลังได้ปลดปล่อยอารมณ์ เช่น การร้องไห้ [11] และแพทย์แนะนำอย่างกว้างขวางว่าการพูดคุยถึงปัญหาเป็นวิธีการระบายอย่างหนึ่ง [12]
    • ลองบอกเพื่อนหรือคนรักของคุณว่า “การเปิดใจคุณกับใครสักคนเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นสิ่งที่เราทำกับเพื่อนหรือคนสำคัญในชีวิต คุณต้องสร้างสัมพันธ์กับนักบำบัดนะ แล้วก็เปิดใจอย่างตรงไปตรงมาต่อเขา นั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยคุณได้”
    • ย้ำกับคนที่คุณรักว่าการจัดการกับอารมณ์อาจจะน่ากลัว โดยเฉพาะถ้าเขาเก็บกดมันไว้ แต่นักบำบัดได้รับการฝึกมาให้ช่วยคนไข้ในการจัดการกับอารมณ์ที่รุนแรงอย่างปลอดภัยและป้องกันไม่ให้คนไข้รู้สึกว่าความรู้สึกถาโถมมากไป
  3. สิ่งที่แย่ที่สุดจากการพบนักบำบัดคือไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ผลที่ดีที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้คือคนรักของคุณรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายและพบกับมุมมองใหม่ของชีวิต
    • ย้ำกับเพื่อนหรือคนรักอีกครั้งว่าคุณเป็นห่วงและจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
    • สนับสนุนให้คนรักเปิดใจและซื่อสัตย์ต่อนักบำบัดและอธิบายกับนักบำบัดว่าอะไรที่ยังมีปัญหา นักบำบัดอาจมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน เขาอาจช่วยคนรักของคุณหานักบำบัดที่เหมาะสมในการรักษามากที่สุดให้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แนะนำว่าคนรักของคุณควรคุยกับแพทย์ถึงความต้องการในการรักษาและควรหาคำแนะนำ รวมถึงแรงสนับสนุนตลอดการบำบัดนี้ กระบวนการนี้สำคัญเพราะนักบำบัดไม่สามารถแนะนำยาได้ หากไม่ได้ผ่านกระบวนการรักษาทางการแพทย์อย่างเหมาะสม การดูแลของแพทย์ในตอนแรกอาจเป็นการให้ยารักษาอาการซึมเศร้าหรือการให้ยาอื่นที่เป็นส่วนสำคัญในการรักษาโดยรวม
  • ช่วยคนที่คุณรักหาข้อมูลนักบำบัดทางออนไลน์ ควรเสนอให้นัดพบนักบำบัด ถ้าหากเขาไม่กล้าที่จะทำมันด้วยตัวเอง
  • ลองเข้าหาแหล่งข้อมูลทางการแพทย์ เช่น http://locator.apa.org/ เพื่อหาแพทย์ใกล้บ้าน
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคนนั้นคิดฆ่าตัวตาย อย่ามัวแต่คิด ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญทันที
  • ตรวจสอบหลักฐานรับรองของนักบำบัดเสมอ แพทย์ทุกคนจะมีใบรับรองวิชาชีพ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทางอินเทอร์เน็ตหรือทางโทรศัพท์ ถ้าสงสัยให้ติดต่อสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมวิชาชีพ แพทย์ที่จะดูแลรักษาคนรักของคุณต้องสามารถช่วยเขาได้โดยมีใบรับรองอย่างถูกต้อง
  • คุณอาจจะต้องย้ำเรื่องเดิมๆ กับคนรักของคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจจะใช้เวลาเป็นเดือนๆ เลยก็ได้ คุณอาจจะเหนื่อยกาย เหนื่อยใจหรือสับสนไปเลยก็ได้ เพราะมันจะเหมือนคุณพูดกับกำแพง ห้ามสิ้นหวัง พยายามเตือนตัวเองว่าเขาสำคัญกับคุณมากแค่ไหน จำไว้ว่าการแสดงความรักบางทีก็เป็นสิ่งที่ยากมากๆ คุณอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่มันช่วยคนรักได้จริงๆ หรือ ใช่คุณกำลังช่วยเขาอยู่นะ เข้มแข็งเข้าไว้ เขาต้องการคุณ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,254 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา