ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางครั้งการจะรู้สึกสนุกก็เป็นเรื่องยากเวลาที่คุณต้องทำอะไรที่ไม่สนุกเลยสักนิด แต่โชคดีที่ชีวิตก็สนุกขึ้นได้มากหากคุณเปลี่ยนมุมมอง แค่มีเครื่องมือไม่กี่อย่าง คุณก็สามารถเรียนรู้ที่จะสนุกไปกับการทำสิ่งต่างๆ ได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ให้ความสำคัญกับความสนุก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] ผู้ใหญ่มักคิดว่าชีวิตควรจะเป็นเรื่องจริงจัง เต็มไปด้วยงานและภาระเรื่องครอบครัว แต่เมื่อคุณโตขึ้น เวลาเล่นก็สำคัญพอๆ กับตอนที่คุณยังเด็ก ผู้ใหญ่เล่นเพื่อที่จะเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ เพื่อให้รู้สึกท้าทาย เพื่อความสนุก และเพื่อจมอยู่กับกิจกรรมที่เพลิดเพลินใจ อย่าคาดหวังให้ความสนุกมาเจอคุณ คุณต้องใฝ่หากิจกรรมสนุกๆ ที่คุณชอบทำเข้ามาในชีวิตประจำวันและ/หรือตารางประจำสัปดาห์ของคุณ
    • ตัวอย่างการเพิ่มเวลาเล่นในชีวิตก็อาจจะเป็นการหางานอดิเรกใหม่ๆ เกี่ยวกับศิลปะ การใช้เวลากับลูกๆ ให้มากขึ้น หรือเริ่มกิจกรรมคืนแห่งเกมหรือคืนแห่งการดูหนังกับเพื่อนๆ เป็นประจำ
  2. คุณสามารถเรียนรู้ที่จะสนุกไปกับเกือบทุกกิจกรรมได้ด้วยการมองหาแง่มุมดีๆ แม้แต่งานที่ทรหดก็ยังให้คุณค่าบางอย่างแก่คุณ คุณแค่ต้องมองหาด้านดีๆ และโอบกอดมันไว้ให้ได้ [2]
    • ฝึกหาแง่มุมดีๆ ในแต่ละวันด้วยการทำกิจกรรมต่อไปนี้ แบ่งเวลาวันละ 10 นาทีเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มจากการเขียน 5 สิ่งที่คุณชอบทำในชีวิต (เช่น "ดูพระอาทิตย์ขึ้นทุกเช้า" หรือ "ได้ยินเสียงคนรักหัวเราะ") ถึงตอนนี้ลองนึกถึงช่วงเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นดั่งใจ อธิบายสถานการณ์ จากนั้นให้มองหาด้านดีๆ จากประสบการณ์ที่เลวร้ายให้ได้สัก 3 อย่าง
    • เช่น รถของคุณเสียระหว่างทางไปทำงาน คุณกระวนกระวายและแทบจะรอช่างมาซ่อมไม่ไหว แต่ช่วงเวลาที่รอทำให้คุณมีโอกาสได้อ่านกลอนที่เพื่อนสนิทขอให้คุณอ่านอย่างละเอียด นอกจากนี้คุณยังมีเวลา 2 – 3 นาทีได้โทรศัพท์ไปถามแม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง สุดท้ายช่วงเวลาระหว่างรอทำให้คุณได้รวบรวมความคิดก่อนเริ่มงานวันใหม่ การสังเกตแง่มุมดีๆ ช่วยให้คุณเห็นว่า มันมักจะมีมุมดีๆ ในสถานการณ์แย่ๆ เสมอ
  3. คุณอาจจะไม่รู้สึกสนุกกับชีวิตเพราะว่าคุณไม่ได้ฉวยประโยชน์จากความมหัศจรรย์และความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านมาคุณประสบความสำเร็จบ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ฉลองเลย เพื่อนของคุณเพิ่งได้งานใหม่หรือเปล่า หรือเพิ่งลดน้ำหนักได้ใช่ไหม ถ้าใช่ก็ฉลองเลย หาวิธีที่จะมีความสุขไปกับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต [3]
    • หาปฏิทินที่มีวันหยุดแปลกๆ และพยายามเข้าร่วมการเฉลิมฉลองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ [4]
  4. เพิ่มความสนุกสนานให้แก่สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ที่โรงเรียน หรือที่บ้าน ตกแต่งออฟฟิศหรือห้องนอนใหม่ด้วยแสงสว่างๆ เร้าใจที่ทำให้คุณยิ้มได้ หาต้นไม้มาปลูก เปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้วยแสง ผ้า สี และของตกแต่งอื่นๆ ที่ต่างออกไป เช่น หนังสือ ที่ทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น [5]
    • สีที่คุณใช้ในสภาพแวดล้อมสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่ออารมณ์และทัศนคติของคุณที่มีต่อชีวิตได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่อยู่ในห้องสีเขียวเครียดน้อยกว่าคนที่อยู่ในห้องสีแดงมาก [6]
    • โดยทั่วไปคนจะมีความสุขมากกว่าเวลาอยู่ท่ามกลางสีเหลืองและสีเขียว [7] แต่ถ้าสีพวกนี้ดูแจ๋นเกินกว่าจะทาเป็นสีผนัง ให้เลือกงานศิลปะ ของตกแต่ง หรือแม้แต่ดอกไม้ที่เป็นสีสันของฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้คุณก็อาจจะซื้อของเล่นอย่างสลิงกี้หรือลูกบอลคลายเครียดที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นไว้ในบ้านของคุณด้วยก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

สนุกไปกับสิ่งละอันพันละน้อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่ากิจกรรมที่คุณทำอยู่จะเป็นอะไร เสียงสามารถสร้างความแตกต่างให้กับระดับของความสนุกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น คุณอาจจะต้องทำความสะอาดห้องนอนหรือห้องครัว แม้งานบ้านจะน่าเบื่อ แต่แค่เปิดเพลงที่คุณชอบ มันก็กลายเป็นคอนเสิร์ตทำความสะอาดที่เต็มไปด้วยความสนุกได้แล้ว
    • หาเสียงที่ทำให้คุณมีความสุขหรือผ่อนคลาย เสียงเพลง เสียงเด็กหัวเราะ เสียงคลื่นในมหาสมุทร เสียงนกร้องท่ามกลางต้นไม้ พยายามอยู่ท่ามกลางเสียงเหล่านี้ให้มากขึ้น แต่ถ้าคุณไม่สามารถอยู่ท่ามกลางเสียงเหล่านี้ได้จริงๆ ก็ให้ฟังจาก YouTube
    • ระบุเสียงที่ทำให้คุณหงุดหงิด เศร้า หรือโกรธ เสียงรถบีบแตร เสียงโทรศัพท์ดังหลายๆ ครั้ง ถ้าเป็นไปได้ให้พยายามหลีกเลี่ยงเสียงเหล่านี้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้แทนที่ด้วยเสียงที่คุณชอบ เช่น ฟังเพลงผ่อนคลายผ่านหูฟังเพื่อกลบเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด หรือบางทีคุณอาจจะไม่มีช่วงเวลาเงียบๆ บ้างเลยก็ได้ และการได้อยู่เงียบๆ สักพักก็ช่วยให้คุณสนุกไปกับการทำงานได้มากขึ้น [8]
  2. มนุษย์ปรารถนาความอบอุ่นและการสัมผัสจากผู้อื่น เพราะการสัมผัสเป็นการแสดงความเข้าอกเข้าใจขั้นพื้นฐาน ในยุคดิจิตัลการสัมผัสยิ่งกลายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเติบโตของคุณมากกว่าเดิม เพราะการสัมผัสทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง เพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม สร้างความไว้วางใจ เพิ่มความผูกพันในทีม และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ [9]
    • เข้าร่วมกิจกรรมและอยู่ท่ามกลางคนที่คุณสัมผัสเขาแล้วมีความสุข การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความพอใจในหลายด้านของชีวิตมากยิ่งขึ้น
  3. แม้แต่การรับประทานอาหารก็สนุกได้ถ้าคุณรับประทานอย่างมีสติ หลายคนเชื่อมโยงอาหารกับความรู้สึกผิด คุณอาจจะควร "ปฏิเสธ" เค้กช็อกโกแลตชิ้นนั้นที่งานปาร์ตี้ออฟฟิศหรือป๊อปคอร์นเพิ่มเนยที่โรงหนัง แต่ถ้าคุณลิ้มรสอย่างมีสติแทนที่จะรับประทานแบบไม่คิดอะไร คุณก็จะมีความสุขไปกับการรับประทานอาหารที่คุณรักมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้สึกผิด
    • ในการฝึกรับประทานอาหารอย่างมีสตินั้น ให้เลือกอาหาร เช่น ช็อกโกแลตพอดีคำหรือผลไม้คำเล็กๆ สังเกตอาหาร ทั้งรูปร่าง กลิ่น ขนาด เนื้อสัมผัส คุณมองอาหารชิ้นนี้แล้วคุณมีปฏิกิริยาอย่างไร (เช่น น้ำลายไหล ทนไม่ไหว เป็นต้น) นำอาหารเข้าปากค้างไว้ 30 วินาทีโดยไม่เคี้ยว พอครบ 30 วินาทีแล้วก็ให้เริ่มเคี้ยว หลังจากนั้นให้เปรียบเทียบความเข้าใจในรสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหารก่อนและหลังรับประทานอาหาร จากนั้นให้เปรียบเทียบประสบการณ์นี้กับประสบการณ์การรับประทานอาหารตามปกติของคุณ [10]
    • เริ่มฝึกการรับประทานอาหารอย่างมีสติในเกือบทุกมื้อ กำจัดสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจอย่างทีวีหรือหนังสือออกไป แล้วสนใจแต่อาหารที่คุณกำลังรับประทาน
  4. ถ้าช่วงนี้คุณเครียด คุณอาจจะต้องสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าเพื่อสู้กับผลข้างเคียงจากความเครียด งานวิจัยจาก Greater Good Project ที่ Berkeley พบว่า การยิ้ม (แม้จะเป็นการยิ้มปลอมๆ ก็ตาม) มีประโยชน์เชิงบวกต่อสุขภาพกาย ช่วยให้หัวใจฟื้นฟูจากประสบการณ์ที่เคร่งเครียดได้เร็วขึ้น( [11]
    • เพื่อให้อารมณ์และความเป็นอยู่ทางกายของคุณดีขึ้น ให้ยิ้มเวลาที่ต้องทำงานที่ไม่ได้ชอบสักเท่าไหร่ แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปรับมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาที่เราอยู่ที่ไหนหลายๆ เดือนหรือหลายๆ ปี เราจะไม่เห็นว่ามันพิเศษหรือน่าตื่นเต้นอีกต่อไป กระตุ้นความหลงใหลในละแวกบ้านของคุณขึ้นมาอีกครั้งด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวสักวัน [12]
    • ไปพิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ และแกลอรี่ศิลปะแถวบ้าน ถ่ายรูปและพยายามหาประสบการณ์จากสถานที่เหล่านี้ในแบบที่นักท่องเที่ยวเขาทำกัน ลองร้านอาหารคุณที่ไม่เคยไป หรือสั่งอาหารใหม่ๆ ในร้านโปรดของคุณ สัมผัสชีวิตจากมุมมองของคนนอก แล้วคุณอาจจะค้นพบอีกครั้งว่าอะไรที่ทำให้คุณชอบละแวกนี้
  2. เวลาที่นึกถึงการทำสมาธิ คุณอาจจะมองว่ามันเป็นงานมากกว่าการเล่น แต่แม้ว่าการทำสมาธิจะต้องอาศัยความเงียบและการกำหนดจิต การทำสมาธิก็เป็นกิจกรรมที่สนุกได้เหมือนกัน ที่จริงแล้วการทำสมาธิทำให้คุณได้เชื่อมโยงกับตัวตนภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก หมายความว่าคุณจะตระหนักถึงการแสดงความรู้สึกสนุกไปกับสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น [13]
    • เพื่อทำให้การทำสมาธิเป็นเรื่องสนุก ให้หาเพื่อนที่สามารถทำกิจกรรมนี้กับคุณได้ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นเรื่องท้าทายและน่าตื่นเต้น นอกจากนี้คุณอาจจะฝึกสมาธิด้วยการใช้ตัวช่วยอย่างเสียงและคำพูดที่น่าสนใจด้วยก็ได้
  3. ถ้าเสียงในหัวบ่นหรือวิจารณ์ตลอดเวลา คุณก็คงสนุกกับชีวิตได้ยาก เอาชนะการพูดเชิงลบกับตัวเองเพื่อเพิ่มความรู้สึกเชิงบวกในแต่ละวันให้มากขึ้น ในการเลิกพูดเชิงลบกับตัวเองนั้น ให้คุณทำตาม 4 ขั้นตอนต่อไปนี้ [14]
    • ใส่ใจความคิดให้มากขึ้น
    • ตัดสินว่าความคิดของคุณมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ (เช่น มันทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือแย่ลง)
    • หยุดการคิดเชิงลบโดยสิ้นเชิง เลือกที่จะไม่สนใจหรือส่งเสริมความคิดเชิงลบ
    • เปลี่ยนการพูดเชิงลบกับตัวเองให้เป็นความคิดเชิงบวก เช่น "งานเยอะขนาดนี้ฉันต้องไม่ได้อยู่กับเพื่อนๆ เลยแน่ๆ" คุณสามารถปรับกรอบความคิดให้เป็นบวกได้ด้วยการพูดว่า "ถ้าฉันตั้งใจทำงานนี้จริงๆ และไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ฉันอาจจะพักแล้วไปกับเพื่อนๆ ตอนทำเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ได้"
  4. ความรู้สึกขอบคุณช่วยให้คุณเห็นว่า กิจกรรมต่างๆ นั้นมันสนุกมากกว่าจะมองว่ามันไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย การแสดงความรู้สึกขอบคุณนั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น แสดงการขอบคุณและเริ่มเขียนบันทึกขอบคุณ [15] แต่วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเปลี่ยนมุมมองวิธีหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนภาษาของคุณนั่นเอง
    • เช่น เรามักจะบ่นกะปอดกะแปดเกี่ยวกับทุกอย่างที่เราต้องทำ คำแนะนำข้อหนึ่งก็คือ ให้คุณเปลี่ยนภาษาที่ใช้ในการอธิบายทุกสิ่งที่คุณจะทำ การเปลี่ยนจาก "ต้องทำ" เป็น "จะทำ" สามารถสร้างความรู้สึกที่เป็นบวกให้แก่วิธีการมองและวิธีที่คุณสนุกไปกับชีวิตได้มากมายมหาศาล [16]
    โฆษณา


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,148 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา