MySQL จะว่าเป็นโปรแกรมที่ใช้ยากก็พอมีเหตุผล เพราะต้องป้อนคำสั่งในหน้าต่าง command prompt เท่านั้น ไม่มีเมนูให้เลือกใช้ง่ายๆ เหมือนโปรแกรมอื่นๆ เพราะแบบนี้ ถ้าคุณพอมีพื้นฐาน รู้จักวิธีสร้างและใช้งานฐานข้อมูลไว้บ้าง ก็จะทำให้ไม่ปวดหัวหรือเสียเวลางมโข่ง บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสร้างฐานข้อมูลของรัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและประชากรของรัฐนั้นๆ
ขั้นตอน
-
สร้างฐานข้อมูล. ที่บรรทัดคำสั่ง MySQL ให้ใส่คำสั่ง
CREATE DATABASE <DATABASENAME>;
แทนค่า<DATABASENAMEs>
ด้วยชื่อฐานข้อมูล ห้ามเว้นวรรค- เช่น ถ้าอยากสร้างฐานข้อมูลของทุกรัฐในสหรัฐอเมริกา ให้พิมพ์ว่า
CREATE DATABASE us_states;
- หมายเหตุ: คำสั่งที่ใส่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ (upper-case) ทั้งหมด
- หมายเหตุ: ทุกคำสั่งของ MySQL ต้องลงท้ายด้วย ";" ถ้าคุณลืม ก็ให้ใส่ ";" ในบรรทัดถัดไป เพื่อใช้งานคำสั่งในบรรทัดก่อนหน้า
- เช่น ถ้าอยากสร้างฐานข้อมูลของทุกรัฐในสหรัฐอเมริกา ให้พิมพ์ว่า
-
แสดงรายชื่อฐานข้อมูลทั้งหมดที่มี. ให้ใส่คำสั่ง
SHOW DATABASES;
เพื่อแสดงฐานข้อมูลทั้งหมดที่มี นอกจากฐานข้อมูลที่คุณสร้างไว้แล้ว ยังจะมีฐานข้อมูลmysql
กับฐานข้อมูลtest
ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจ -
เลือกฐานข้อมูล. พอสร้างฐานข้อมูลแล้ว ต้องเลือกฐานข้อมูลที่จะแก้ไข โดยใส่คำสั่ง
USE us_states;
จะเห็นข้อความDatabase changed
บอกให้รู้ว่าตอนนี้ฐานข้อมูลที่ใช้งานอยู่คือus_states
-
สร้างตาราง. ตาราง (table) เอาไว้ใส่ข้อมูลของฐานข้อมูล เวลาจะสร้างตารางก็ต้องกำหนดฟอร์แมตของตารางทั้งหมดด้วยคำสั่งพื้นฐาน หรือก็คือ
CREATE TABLE states (id INT NOT NULL PRIMARY KEY AUTO_INCREMENT, state CHAR(25), population INT(9));
คำสั่งนี้ใช้สร้างตารางชื่อ "states" ที่มี 3 ช่อง คือid
,state
และpopulation
- คำสั่ง
INT
จะสร้างช่องid
ที่มีแค่ตัวเลข (จำนวนเต็ม) - คำสั่ง
NOT NULL
ทำให้เว้นว่างช่องid
ไม่ได้ -
PRIMARY KEY
จะกำหนดให้ช่องid
เป็นช่องหลักของตาราง หรือก็คือช่องที่ห้ามป้อนข้อมูลซ้ำ - คำสั่ง
AUTO_INCREMENT
จะใส่ค่าที่เพิ่มขึ้นในช่องid
โดยอัตโนมัติ สรุปคือนับแต่ละข้อมูล (entry) โดยอัตโนมัติ - คำสั่ง
CHAR
(อักขระ) กับINT
(จำนวนเต็ม) จะกำหนดชนิดข้อมูลที่ป้อนในช่องพวกนี้ได้ หมายเลขข้างคำสั่งจะบอกว่าคุณป้อนข้อมูลในช่องนี้ได้กี่อักขระหรือจำนวนเต็ม
- คำสั่ง
-
ป้อนข้อมูลในตาราง. ตอนนี้พอมีตารางแล้ว ก็ถึงเวลาป้อนข้อมูล ให้ใช้คำสั่งต่อไปนี้ป้อนข้อมูล (entry) แรกเข้าไป
INSERT INTO states (id, state, population) VALUES (NULL, 'Alabama', '4822023');
- เพื่อบอกให้ฐานข้อมูลแบ่งข้อมูลที่คุณป้อนลงใน 3 ช่องของตารางตามชนิดข้อมูล
- ช่อง
id
มีคำสั่งNOT NULL
เพราะงั้นถ้าใส่NULL
เป็นค่า (value) ก็เท่ากับบังคับให้เพิ่มเป็น 1 โดยอัตโนมัติ ตามคำสั่งAUTO_INCREMENT
ที่เราใส่ไว้
-
เพิ่มข้อมูล. คุณเพิ่มทีละหลายข้อมูลได้ด้วยคำสั่งเดียว อย่างถ้าจะใส่ข้อมูลอีก 3 รัฐ ให้ใช้คำสั่ง
INSERT INTO states (id, state, population) VALUES (NULL, 'Alaska', '731449'), (NULL, 'Arizona', '6553255'), (NULL, 'Arkansas', '2949131');
- เพื่อสร้างตารางออกมาหน้าตาแบบนี้
- เพื่อสร้างตารางออกมาหน้าตาแบบนี้
-
เปิด query ของฐานข้อมูลใหม่. พอสร้างฐานข้อมูลขั้นต้นแล้ว ก็ใส่ queries ให้ได้ผลลัพธ์บางอย่างได้ ขั้นแรกให้ใช้คำสั่ง
SELECT * FROM states;
เพื่อแสดงทั้งฐานข้อมูล โดย "*" ก็คือ "all" นั่นเอง- ถ้าอยากใช้ query ขั้นสูง ให้ใช้คำสั่ง
SELECT state, population FROM states ORDER BY population;
เพื่อแสดงตารางที่มีรัฐต่างๆ เรียงตามลำดับประชากร แทนตามตัวอักษร โดยไม่แสดงช่องid
เพราะคุณขอให้แสดงแค่state
กับpopulation
- ถ้าอยากเรียงลำดับรัฐตามจำนวนประชากรจากมากไปน้อย ให้ใช้คำสั่ง
SELECT state, population FROM states ORDER BY population DESC;
โดยคำสั่งDESC
จะเป็นการเรียงข้อมูลจากมากไปน้อย แทนน้อยไปมาก [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา - ถ้าอยากใช้ query ขั้นสูง ให้ใช้คำสั่ง
-
ติดตั้ง MySQL ในเครื่อง Windows. ถ้าสงสัย ให้ลองศึกษาวิธีการติดตั้ง MySQL ในเครื่อง Windows เพิ่มเติมดู
-
ลบฐานข้อมูล MySQL. ถ้าอยากลบบางฐานข้อมูลที่ล้าสมัยแล้ว ให้ลองศึกษาวิธีการเพิ่มเติมดู
-
เรียนรู้วิธีใช้ PHP กับ MySQL เพิ่มเติม. เพื่อให้สามารถสร้างเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ ทั้งเพื่อความบันเทิงและเพื่อประโยชน์การใช้งาน
-
Backup ฐานข้อมูล MySQL. เราแนะนำให้ backup ข้อมูลเสมอ โดยเฉพาะฐานข้อมูลสำคัญๆ
-
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของฐานข้อมูล. ถ้าจุดประสงค์ของฐานข้อมูลเปลี่ยนแปลงไป อาจต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อรองรับข้อมูลที่แตกต่าง ลองศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมดู แล้วจะรู้ว่ามีประโยชน์โฆษณา
เคล็ดลับ
- ชนิดข้อมูลที่ใช้บ่อย (ถ้าอยากอ่านแบบเต็มๆ ให้อ่านคู่มือ mysql ที่ http://dev.mysql.com/doc/
)
- CHAR ( length ) - กำหนดความยาวของอักขระที่ป้อนได้แบบตายตัว
- VARCHAR ( length ) - ความยาวของอักขระที่ป้อนได้ไม่ตายตัว แต่ห้ามเกิน length
- TEXT - ความยาวของอักขระที่ป้อนได้ไม่ตายตัว แต่ text ที่ได้ห้ามเกิน 64 KB
- INT ( length ) - จำนวนเต็มแบบ 32-bit ไม่เกิน length หลัก (สำหรับจำนวนลบ '-' นั้นนับเป็น '1 หลัก')
- DECIMAL ( length , dec ) - แสดงเลขทศนิยม ไม่เกิน length อักขระ ส่วนช่อง dec คือจำนวนจุดทศนิยมมากสุดที่อนุญาต
- DATE - ค่าวันที่ (ปี เดือน วัน)
- TIME - ค่าเวลา (ชั่วโมง นาที วินาที)
- ENUM (" value1 "," value2 ", ....) - รายการค่าที่แจกแจง
- พารามิเตอร์เพิ่มเติม:
- NOT NULL - ต้องป้อนค่าในช่องนั้น ห้ามเว้นว่าง
- DEFAULT default-value - ถ้าไม่ได้ป้อนค่าไหน จะใช้ default-value แทน
- UNSIGNED - สำหรับช่องตัวเลข จำนวนที่ใส่จะไม่เป็นจำนวนลบ
- AUTO_INCREMENT - ค่าจะเพิ่มขึ้นเองอัตโนมัติ ทุกครั้งที่มีแถวใหม่ในตาราง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา