ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เบื่อหน่ายกับการเมืองบ้าๆ บอๆ และการแทรกแซงของรัฐบาลหรือการต้องยินยอมผ่อนตามสังคมอยู่ใช่ไหม ภาระภาษีเริ่มมากเกินจะทนไหวแล้วหรือเปล่า ถ้าคุณเคยคิดว่าหากคนอื่นๆ ทำตามเรา ทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้แน่...เรามีข่าวดีมาบอก: คุณสามารถตั้งประเทศขึ้นมาเองได้นะ! มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และเราจะแสดงให้ดูว่าต้องทำยังไง เรายังจะแสดงตัวอย่างทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว กับอนาคตในความเป็นจริงของการสร้างชาติ

  1. จำเป็นอยู่นะที่คุณต้องเรียนรู้ประเทศตัวเองก่อนจะออกไปตั้งประเทศใหม่
  2. ลองเขียนชื่อประเทศ ชื่อเมืองหลวง ชื่อรัฐหรือชื่อจังหวัด ภาษาที่ใช้ แล้วแต่คุณจะคิด ถ้าเป็นไปได้ก็คิดเรื่องธงชาติ เพลงชาติ และสัญลักษณ์ประจำชาติไปด้วยเลย
  3. อย่างที่บ็อบ ดีแลนว่าไว้ "คุณจะต้องซื่อสัตย์ถึงจะอยู่นอกกฎหมายได้" ความคิดนี้ยังคงเป็นจริงเมื่อคิดจะตั้งประเทศ การจะตรากฎหมายขึ้นเองคุณจะต้องเจริญรอยตามกฎและอนุสัญญาที่ผ่านการรับรอง พื้นฐานของการประกาศตั้งประเทศในยุคนี้ส่วนใหญ่จะมาจาก อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิและหน้าที่แห่งรัฐ ในปี 1933 หรือที่รู้จักกันในชื่อ อนุสัญญามอนเตวิเดโอ [1] นี่เป็นกฎพื้นฐานที่ระบุไว้ในมาตราที่ 1 ของอนุสัญญาฉบับนี้:

    รัฐในฐานะนิติบุคคลแห่งกฎหมายนานาชาติจะต้องมีประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ :
    • มีประชากรอาศัยอยู่อย่างถาวร
    • มีอาณาเขตชัดเจน
    • มีรัฐบาล
    • มีความสามารถที่จะผูกสัมพันธ์กับรัฐอื่น
    • เนื้อหาส่วนใหญ่ในสิบมาตราแรกของอนุสัญญานั้น จะอธิบายถึงการมีอยู่ของรัฐนั้นว่าเป็นอิสระในการรับรู้ของรัฐอื่น และมีเสรีภาพที่จะดำเนินการใดๆ เป็นของตัวเอง และไม่มีรัฐใดที่มีเสรีภาพสามารถเข้าแทรกแซงกิจการภายในของรัฐอื่นได้
    • โปรดสังเกตว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่กฎหมายเหมือนในความคิดทั่วไป คุณมีอิสระที่จะประกาศตั้งประเทศขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีใครคิดจริงจังกับคุณ ซึ่งนั่นก็แปลเป็นสัจธรรมง่ายๆ ว่าคุณไม่มีความชอบธรรมในการเป็นรัฐ
  4. นี่เป็นส่วนที่ยาก เพราะดินแดนทั้งหมดในโลกล้วนถูกอ้างสิทธิโดยประเทศที่มีอยู่แล้วทั้งหมด ยกเว้นแค่สองกรณี กรณีแรกคือทวีปแอนตาร์กติกา ถึงขนาดนั้นก็เถอะ คุณจะต้องเสี่ยงตายกับสภาพอากาศและการขาด "แรงจูงใจดึงดูดผู้คนไปเป็นพลเมือง" แอนตาร์กติกานั้นอยู่ในการจัดการของประเทศมหาอำนาจของโลกทั้งนั้น ยากที่พวกเขาจะยินยอมให้คุณไปปักธงแล้วอ้างว่า "นี่ของฉัน!" กรณีที่สองคือบีร์ ทาวิล อันเป็นพื้นที่เล็กๆ ระหว่างอียิปต์กับซูดาน ซึ่งทั้งสองประเทศต่างไม่มีใครอ้างกรรมสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ตรงนี้ก็แทบไม่มีอะไรดึงดูดใจเลย เพราะมันเป็นแค่ผืนทราย นอกจากนี้ ยังมีมือดีแอบไป "อ้างกรรมสิทธิ์" ไว้แล้วโดยเจเรไมห์ ฮีตัน ซึ่งตั้งชื่อมันว่าซูดานเหนือ [2] กระนั้น มันก็ต้องลองตระเวนทั่วโลกหาผืนดินที่ยังเหลือว่างอยู่:
    • ยึดครองประเทศที่มีอยู่แล้ว มีประเทศที่เป็นเกาะเล็กเกาะน้อยแถวมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งดูแล้วไม่น่ามีกองกำลังป้องกันตัวเองที่เข้มแข็ง แน่ละ มันฟังดูบ้าดีแท้ แต่ก็บ้าพอที่อาจได้ผลนะ! ที่คุณต้องการก็แค่ทัพบก ทัพเรือ กับแรงสนับสนุนจากประชาคมโลก เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศโคโมรอส วานัวตู และมัลดีฟส์ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวทั้งหมด อย่างไรก็ดี ไม่ขอแนะนำวิธีนี้เพราะการยึดอาณานิคมนั้นมีผลกระทบกระเทือนจิตใจประเทศมากมายทั่วโลกในทุกวันนี้ เช่นเดียวกับความจริงที่ว่า มันคงไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่นะที่จะยึดดินแดนจากผู้ปกครองเจ้าของพื้นที่โดยปราศจากการยินยอม ทางที่ดีพยายามทำสนธิสัญญาและเข้าครอบครองผืนแผ่นดินด้วยการทำสัญญาที่เป็นธรรมดีกว่า [3]
    • ซื้อประเทศที่มีอยู่ ถ้ารวยพอ คุณสามารถซื้อเกาะส่วนตัวได้ ถึงแม้คงจะยากที่ประเทศเจ้าของเกาะจะมอบกรรมสิทธิ์การปกครองให้คุณด้วย ประเทศที่มีการฉ้อฉลหรือไร้เสถียรภาพอาจทำง่ายกว่าหน่อย แต่ก็ยังยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาอยู่ดี เคยมีเสรีชนรวมหัวกันขอซื้อเกาะทอร์ทูกาจากประเทศเฮติที่ยากจน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ของบางอย่างใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อได้นะ
    • หาช่องโหว่ทางกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐอินเดียนสตรีมถูกสถาปนาขึ้นบนดินแดนระหว่างสหรัฐกับแคนาดาที่ไม่ได้มีการนิยามในสนธิสัญญาปารีสในปี 1783 ให้ชัดเจน ประเทศนี้อยู่ได้ระหว่างปี 1832 ถึง 1835 ก่อนถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนของสหรัฐ
    • มองหาภูมิภาคที่ไม่มีผลผลิตใดสำหรับรัฐบาลในท้องถิ่นนั้น โอกาสเป็นไปได้ว่า ผู้มีอำนาจของที่นั่นจะไม่สนใจเก็บพื้นที่ซึ่งไม่สร้างผลิตผลใดทางเศรษฐกิจหรือการเมือง แถมยังบริโภคทรัพยากรของประเทศไปอีก
    • ถึงจุดนี้ คุณอาจคิดว่าหมดหวังละถ้างั้น แต่เราน่ะเก็บของดีเอาไว้ท้ายสุด ในเมื่อแผ่นดินมันหายาก แต่ความต้องการพื้นที่ใหม่ๆ ของมนุษย์นั้นยังมีอยู่ จึงมีผู้กล้าคิดนอกกรอบ (และเงินเหลือเฟือ) เริ่มมองในทะเลแทน
  5. อย่างที่มีคนบอก ว่ามหาสมุทรนั้นคือพรมแดนยิ่งใหญ่แห่งสุดท้าย ผืนน้ำส่วนกลางเป็นของนานาชาติ ไม่ถูกครอบครองโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง และนี่ทำให้เกิดความสนใจและการกระทำมากมาย
    • ราชรัฐซีแลนด์ (The Principality of Sealand) ซีแลนด์แต่แรกเริ่มถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นฐานทัพในทะเลเหนือนอกชายฝั่งของประเทศอังกฤษในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง มันเป็นโครงสร้างที่มีขนาดเท่าสนามฟุตบอลไว้เป็นค่ายพักทหารและเก็บสรรพาวุธสำหรับต่อสู้กับฝ่ายเยอรมัน หลังจากสิ้นสุดสงครามมันก็ถูกละทิ้งจนกระทั่งในปี 1966 เมื่อดีเจหัวใสนามรอย เบตส์ เบื่อหน่ายกับการต่อสู้กับรัฐบาลอังกฤษถึงสถานีวิทยุเถื่อนของเขา จึงย้ายไปตั้งสถานีขึ้นที่นั่น สถานีไม่ได้กลับมาออกอากาศอีกแต่อย่างใด ทว่าเขาได้ประกาศอิสรภาพแห่งป้อมปราการลอยน้ำเป็นราชรัฐแห่งซีแลนด์ เขาชักธงขึ้น สถาปนาตนเองเป็นเจ้าชายและภรรยาเป็นเจ้าหญิงโจน ซีแลนด์รอดพ้นจากการฟ้องร้องทางศาลหลายครั้ง และยังคงเป็นประเทศอิสระจวบจนทุกวันนี้
    • กลุ่มเกาะต้นปาล์ม ถึงจะไม่ใช่ประเทศ แต่กลุ่มเกาะต้นปาล์มนอกชายฝั่งของดูไบก็เป็นตัวบ่งชี้ทิศทางของการจะสร้างประเทศขึ้นมาได้มากที่สุด เกาะเหล่านี้คือฝีมือมนุษย์สร้างขึ้นโดยยื่นออกไปยังอ่าวเปอร์เซียเป็นเกาะที่มีรูปทรงเหมือนต้นปาล์ม 3 ต้นที่กลายเป็นบ้านพักของเหล่ามหาเศรษฐีชั้นนำของโลก
    • สถาบันรัฐนาวา (The Seasteading Institute) ก่อตั้งขึ้นโดยหลานของมิลตัน ฟรายด์แมนกับผู้ก่อตั้ง PayPal อย่างปีเตอร์ ธีล สถาบันที่พยายามจะสร้างยูโทเปียแห่งนี้เชื่อในการนำตลาดเสรีมาใช้ปกครองประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตย ความหวังของพวกเขาคือการมีรัฐบาลที่มีความคิดริเริ่ม กล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ ที่สามารถเสนอแนวคิดใหม่ๆ ในการปกครองที่อาจเปลี่ยนแปลงโลก พวกเขาทำการฟูมฟักเป้าหมายการสร้างรัฐนาวาลอยน้ำด้วยตัวอาคารไม่แออัด ไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ และจำกัดการพกพาอาวุธปืน ผู้สนับสนุนมองว่ามันเป็นกุญแจนำไปสู่ยุคใหม่ของการลงทุนเสรี ส่วนผู้คัดค้านก็มองว่าการจะสร้างอาคารไม่แออัดโดยคนงานค่าแรงน้อยที่มีอาวุธ และปกครองโดยกลุ่มคนที่หันหลังให้สังคมนี้รวมกันแล้วเป็นส่วนผสมของหายนะชัดๆ ถึงแม้แนวคิดทางการเมืองของสถาบันรัฐนาวานี้อาจไม่ตรงกับคุณ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่ามหาสมุทรนั้นใช่พรมแดนใหม่จริงๆ ด้วย
    • สาธารณรัฐมิเนอวา (The Republic of Minerva) มหาเศรษฐีรักกิจกรรมคนหนึ่งถมทรายบนแนวปะการังในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ของประเทศฟิจิ จนเกิดเกาะจำลองขึ้นมาแล้วตั้งเป็นสาธารณรัฐมิเนอวา [4] แต่ถ้าคุณรวยไม่พอจะสร้างแผ่นดินขึ้นมาได้ ก็คิดขึ้นมาเองเลย ประเทศจำลองตั้งหลายประเทศอ้างกรรมสิทธิ์ในดินแดนแห่งจินตนาการบ้าง หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่นบ้างเยอะแยะไป
    • นอกเหนือจากประเทศที่ต้องมีแผ่นดินตามแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมีดินแดนที่ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีข้อบังคับ ไม่มีการสำรวจอีกมากจนแทบเรียกว่าไร้ข้อจำกัด เพราะมันมีอยู่ในโลกจำลองไง จะเรียกมันว่าคลาวด์ เรียกมันว่าเว็บ หรือจะหยิบยืมคำของวิลเลี่ยม กิ๊บสันที่เรียกว่าไซเบอร์สเปซก็ได้ คนเรานับวันยิ่งใช้เวลาเชื่อมต่อกับพบปะผู้คนทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ โลกจำลองอย่าง Second Life และ Blue Mars สร้างสภาพแวดล้อม 3 มิติ มีตระกูลเงินตราใช้เอง มีรัฐธรรมนูญของตัวเอง (รู้จักกันในชื่อ "ข้อจำกัดและนโยบาย") โลกที่แบนกว่าก็อย่างเช่น Facebook (หรืออีกชื่อคือเครือข่ายสังคม) กระตุ้นกลุ่มคนที่คล้ายๆ กันมาร่วมทำอะไรสักอย่างที่กำหนดโดยคนในกลุ่ม ก็เหมือนกับมหาสมุทรแหละ ประเทศในโลกจำลองจะเพิ่มอิทธิพล และอาจกลายเป็นประเทศที่แยกออกมาตามลักษณะความสนใจของผู้คนจึ้นมาจริงในอีก 100 ปีข้างหน้าก็เป็นได้
  6. ปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่ประเทศต้องมีนอกเหนือจากดินแดนก็คือพลเมือง หากดินแดนที่คุณเข้ายึดหรือสร้างขึ้นมาไม่ได้มีคนพ่วงติดมาด้วย คุณก็ต้องหาคนของคุณเข้าไปเอง เชื้อเชิญเพื่อนฝูงญาติสนิทเข้าร่วมด้วย แล้วคุณจะมีพลเรือนจำนวนไม่มากแต่รักจริงอยู่กับคุณ
    • ทุกวันนี้ ถ้าคุณเอาจริงกับเรื่องอะไรก็ตาม (และการจะสร้างประเทศจำลองก็ต้องเอาจริงแน่นอน) คุณก็ต้องมีเว็บไซต์ ใช้มันเป็นเครื่องมือหาคนที่มีทัศนคติคล้ายกัน หาเหตุผลดีๆ ที่ทำให้เขาผันมาเป็นพลเมืองในรัฐใหม่ของคุณ อาจจะเสนองานหรือเงิน หรือเสรีภาพที่จะมีภรรยาหลายคน หรือแค่การเข้ามาเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งประเทศด้วยกันก็ยังได้
    • คุณจำต้องตัดสินใจว่าสิ่งที่คุณต้องการจากพลเมืองของคุณคืออะไรบ้าง ต้องมีการทดสอบก่อนหรือไม่ หรือต้องยินยอมปฏิบัติตามกฎหมายบางข้อ บัตรประจำตัวแบบไหนที่จะใช้ หรือพาสปอร์ต ใบขับขี่ หรือฝังข้อมูลลงใต้ผิวโดยอ่านผ่านคลื่นวิทยุ?
  7. ความสำเร็จหรือล้มเหลวของการเสี่ยงครั้งนี้ของคุณ จะถูกตัดสินจากความเป็นผู้นำของคุณในการบริหารประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ลองนึกถึงความสำเร็จของสหรัฐอเมริกาสิ มันมีรากฐานมาจากรัฐธรรมนูญที่เขียนครบถ้วนชัดเจน กระนั้นก็เปิดทางให้สามารถตีความและต่อยอดเติบโตได้ หากปราศจากมันแล้ว ประเทศนี้อาจล่มสลายกลายเป็นรัฐอิสระเล็กๆ หลายสิบประเทศ แทนที่จะรวมตัวกันเป็นสหรัฐหนึ่งเดียว รัฐบาลและรัฐธรรมนูญของคุณควรจะดำเนินไปตามหลักการที่คุณมุ่งหวังจะสร้างขึ้นตั้งแต่ต้น นี่คือตัวอย่างของประเทศจำลองหลายแห่งกับหลักการก่อตั้งประเทศโดยเบื้องต้น:
    • โนวาโรมา (Nova Roma) อุทิศให้กับ "การหวนฟื้นฟูศาสนา วัฒนธรรม และค่านิยมตามแบบโรมันดั้งเดิม" [5]
    • จักรวรรดิอเมริกา (The American Empire) ตั้งขึ้นจากการมีอารมณ์ขันมากมายและความรักในนิยายวิทยาศาสตร์ แฟนตาซี และเกมส์ [6]
    • แบบจำลองการเมือง หรือความเคลื่อนไหวทางการเมือง ประเทศจำลองเหล่านี้มักจะมีทัศนะทางการเมืองที่หนักแน่นและมักจะออกแนวอื้อฉาว ในอดีตมีบางประเทศจำลองที่สามารถจัดการจนดึงดูดความสนใจของสื่อหรือทางการเมืองจริงๆ ถึงจะหาได้ยากก็ตามที ถึงจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกัน แต่มันก็เป็นประเภทที่พบเห็นบ่อยที่สุดในประเทศจำลองทั้งหลาย
    • ภารกิจทางวัฒนธรรม ประเทศจำลองประเภทนี้ก็เหมือนกับโครงงานประวัติศาสตร์ คือตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมหรือประเพณีใดๆ ขึ้นมาโดยเฉพาะ อย่างประเทศจำลองโดมัญเกลีย (Domanglia) ที่พยายามจะรื้อฟื้นวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของจักรวรรดิเยอรมนีขึ้นมาใหม่ หลายๆ ที่ก็เป็นโครงการของผู้รักชาติหรือพวกชาตินิยม
    • กลุ่มผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดน นี่เป็นรูปแบบประเทศจำลองที่จริงจังที่สุด การต้องการแบ่งแยกดินแดนยังเป็นการก่อตั้งประเทศจำลองที่เก่าแก่ที่สุดด้วย ประเทศจำลองที่เกิดจากการแบ่งแยกดินแดนที่รู้จักกันดีก็เช่น ซีแลนด์ มณฑลแม่น้ำฮัตต์ และฟรีทาวน์คริสติเนีย
  8. เมื่อคุณมีดินแดน พลเมือง และรัฐบาลพร้อมรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ได้เวลาประกาศอิสรภาพกันละ อาจจะเกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างต่อไปนี้ตามมา ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้เตรียมพร้อมให้มันเป็นเช่นใด:
    • หาวหวอด โลกอาจเหลือบมามองการประกาศอิสรภาพของคุณ แล้วพร้อมใจกลับไปดู Games of Throne กันต่อในทันที
    • ยินดีต้อนรับสู่สัมพันธไมตรีของนานาประเทศ ถูกเชิญให้เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ และเรียกร้องขอตั้งทูตและสถานทูต
    • ถูกบุกโจมตี ถ้าประเทศของคุณไปฝ่าฝืนพรมแดน ละเมิดสนธิสัญญาที่มีอยู่ ละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือข้อเกี่ยวพันทางกฎหมายอื่นๆ คุณอาจต้องเจออย่างเบาะๆ ก็มีตำรวจมาเคาะประตูหาที่บ้านแจ้งว่า "การประกาศอิสรภาพของบ้านเลขที่ 1234 ถนนอะไรก็ตามแต่" เป็นเรื่องผิดกฎหมายและคุณต้องชักธงลงไม่งั้นก็จะโดนปรับ หรืออย่างหนักอาจเจอการร่วมมือกันกองกำลังสหประชาชาติที่สั่งให้คุณยอมมอบตัว ก่อนพาขึ้นรถกันกระสุนจับไปขึ้นศาลโลกที่กรุงเฮกในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ อีกทางเลือกประเทศจำลองของคุณอาจมีชะตากรรมแบบเดียวกับสาธารณรัฐมิเนอวา คือพอมหาเศรษฐีไมเคิล โอลิเวอร์ได้ถมที่บนแนวปะการังมิเยอวาทางด้านใต้ของฟิจิเสร็จและประกาศเอกราชแล้ว เกาะก็ถูกบุกเข้ายึดโดยตองกา (โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนานาชาติ) [7]
  9. ถ้าคุณไม่ทำการค้าในระบบหน่วยเงินดอลลาร์ ยูโร หรือเงินตระกูลอื่นๆ คุณก็จำเป็นต้องสร้างระบบการเงินของคุณเองขึ้นมา คุณจะวางความมั่งคั่งของประเทศโดยยึดทองคำเป็นหลัก หรือว่าความมั่นคง หรือว่าแค่สวดภาวนา และถึงแม้คำพูดคุณจะเป็นที่เชื่อถือของเพื่อนฝูง แต่สำหรับหนี้สินประเทศนั้น คุณต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากถึงจะได้ผล ถ้าคุณจะยึดการใช้เงินตราในตระกูลเงินที่มีอยู่แล้วนั้น คุณก็ยังต้องคิดว่าจะหาเงินเข้าคลังได้อย่างไร วิธีที่ดีที่สุดคือการเก็บภาษี ซึ่งรัฐบาลจะสามารถนำเงินไปสร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็นได้ ทั้งไฟฟ้า ประปา สถาบันการปกครอง และกองทัพ
    • เป็นข้อตกลงพื้นฐานสำหรับทุกรัฐ (ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก) เลยว่ามันจะต้องสามารถปกป้องพลเรือนจากศัตรูได้ ไม่ว่าจะใช้กองทัพ ยามรักษาประเทศ หรือวิธีการป้องกันอื่นๆ นี่เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเวลาร่างรัฐธรรมนูญของคุณ
  10. การจะยกระดับประเด็นที่เป็นผลมาจากการก่อตั้งประเทศ (ดูด้านบน) คุณจะต้องการกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นของประชาคมโลก นั่นคือต้องให้ประเทศอื่นรู้จักคุณ นั่นทำให้คุณต้องรู้จักกฎหมาย การเมืองและการทูตระหว่างประเทศ ถ้านี่ไม่ใช่ทักษะที่คุณเชี่ยวชาญ ก็ต้องหาใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย
    • นี่บางทีอาจจะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดเลย บางประเทศเช่นปาเลสไตน์ ไต้หวัน และไซปรัสเหนือมีพร้อมอย่างอื่นในทุกข้อ แต่ยังคงไม่ได้ถูกรับรองจากหลายประเทศ มันไม่มีกฎใดๆ เลยด้วยซ้ำ ทุกประเทศต่างมีมาตรฐานของตัวเองในการพิจารณา สิ่งที่มีผลก็เช่นประเด็นว่า คุณมีจุดยืนเรื่องอัลกออิฎะห์ หรือลัทธิคอมมูนิสม์ หรือระบบเศรษฐกิจทุนนิยมอย่างไร พวกเขายังอาจดูเรื่องสิทธมนุษยชนหรือการควบคุมทรัพยากรธรรมชาติ ในสหรัฐนั้น สิทธิในการตัดสินใจรับรองประเทศใดจะอยู่ที่ตัวประธานาธิบดี มันเลยขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นในตอนนั้น และนโยบายอาจมีการเปลี่ยนแปงทุกสี่ปี
    • นอกจากนี้ สมาชิกองค์กรสหประชาชาตินั้นจะต้องไม่มีห้ามหาอำนาจหลักอย่างสหรัฐ อังกฤษ จีน รัสเซีย และฝรั่งเศสออกเสียงคัดค้านการเป็นสมาชิกของคุณ พูดง่ายๆ ก็คือ คุณต้องหลีกเลี่ยงประเด็นอื้อฉาวอย่างปาเลสไตน์ ไต้หวัน ไครเมีย เป็นต้น
    • ถ้าคุณอยู่ใกล้ยุโรป ลองสมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปดู มันจะมีผลต่อการเมืองระดับโลก
  11. ทุกประเทศต้องการธงประจำชาติ และของคุณเองก็ไม่ต่างกัน นี่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติที่เห็นได้ง่ายที่สุด แต่ก็ยังมีสัญลักษณ์อย่างอื่นที่จะช่วยคุณสร้างตัวตนของประเทศขึ้นมา:
    • เงิน คุณจะใช้สกุลเงินอะไร จะเอารูปตัวเองใส่ไว้ธนบัตรหรือหาคนมีชื่อเสียงแบบดาราหนัง คุณจะใช้วิธีการพิมพ์ธนบัตรทันสมัยหรือย้อนกลับไปยุคอดีตแบบที่เงินแต่ละเหรียญจะถูกแกะด้วยมือโดยตรง
    • ลัญจกร คุณสามารถนึกคำขวัญประเทศแล้วแปลเป็นภาษาลาติน เติมดีไซน์เถาวัลย์ดอกไม้ในกรอบโล่ หรือจะขอให้กราฟฟิกดีไซเนอร์ช่วยออกแบบเป็นโลโก้ก็ได้ไม่ว่ากัน
    • จดหมายอย่างเป็นทางการ จดหมายที่ต้องเขียนส่งเลขาธิการสหประชาชาติ ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของประเทศต่างๆ ต้องมีหัวจดหมายที่ดูดีเป็นทางการพร้อมลัญจกรของประเทศ
    • เพลงชาติ คุณต้องการเพลงชาติไว้เล่นในวาระโอกาสสำคัญ
  12. 12
    สร้างภาษา. ทุกประเทศจะต้องใช้ภาษา คุณสามารถ:
    • ใช้ภาษาที่มีอยู่แล้ว (อย่างภาษาอังกฤษ) หรือจะใช้ภาษาโบราณก็ได้
    • สร้างภาษาขึ้นเอง แต่ต้องแน่ใจว่าพลเมืองของประเทศเข้าใจคุณนะ (ไม่งั้นก็ต้องสอนเขาด้วย)
    • รวมภาษาเข้าด้วยกัน เชื่อหรือไม่ว่าภาษาอังกฤษก็เริ่มต้นแบบนี้แหละ
  13. โลกไม่ได้ใหญ่ขึ้นกว่านี้แล้ว และรัฐบาลก็ไม่มีทางเล็กลงกว่านี้ ฉะนั้นยิ่งออกไปประกาศอ้างการเป็นประเทศได้เร็วแค่ไหน คุณก็จะได้กลายเป็นผู้ปกครองประเทศได้เร็วแค่นั้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ความชอบในประเทศจำลองนั้นเป็นงานอดิเรกและเป็นเรื่องจริงจังที่ดึงดูดคนจากหลากหลายพื้นเพ การเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นจึงเป็นกุญแจที่จะทำให้เกิดสันติสุข และการไม่ฟังใครคือชนวนสู่สงคราม
  • ให้แน่ใจว่าคุณรักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นกลางกับมหาอำนาจชาติอื่นๆ การอยู่ห่างๆ จากเกาหลีเหนืออาจพอช่วยได้
  • ศึกษาประเทศจำลองที่มีอยู่และประสบความสำเร็จ อะไรทำให้พวกเขาสำเร็จได้ (หรือทำให้ล้มเหลว) คุณเรียนรู้อะไรจากพวกเขาได้บ้าง
  • พยายามอย่าดำเนินนโยบายแข็งกร้าวกับประเทศอื่นอย่างไม่มีเหตุผล มันจะลดความน่าเชื่อถือของคุณในเวทีการเมืองโลก
  • เข้าไปมีส่วนร่วม มีสมาคมหรือชุมชนนานาชาติ พาประเทศของคุณเข้าไปมีส่วนร่วม!
  • สำหรับประชาชนชาวไทย ตามกฎหมายจะไม่อนุญาตให้บุคคลใดที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ถือสองสัญชาติ ถ้าคุณคิดจะถือสัญชาติประเทศจำลองของคุณ และหากทางการเห็นเป็นเรื่องจริงจังหรือมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ คุณอาจถูกเพิกถอนสัญชาติไทย (ยังไม่นับบทลงโทษทางกฎหมายนะ) นี่จึงไม่ใช่เรื่องอะไรที่คิดทำกันเล่นๆ เอาสนุกเข้าว่า
  • เข้าร่วมองค์การ มีองค์การหลายแห่งที่จัดตั้งขึ้นสำหรับประเทศจำลองและคนที่อยากตั้งประเทศเหล่านี้ขึ้น มีองค์การทั่วไปแบบ 'สหประชาชาติ' อย่าง Organization of Active Micronations (OAM) [8] หรือ League of Secessionist States (LoSS), หรือบางแห่งอาจมีเป้าหมายเฉพาะกว่านั้นเช่น Micronational Cartography Society (MCS) [9] นี่เป็นวิธีที่คุณจะได้พบปะกับคนที่มีความสนใจในประเทศจำลองเหมือนกันและอาจช่วยคุณได้มาก คุณอาจจะคิดก่อตั้งสหพันธรัฐแห่งประเทศจำลองก็ได้!
  • ถ้าเจตนาของคุณคือจะสร้างประเทศอิสระที่สามารถดำเนินการไปได้ คุณก็ต้องสร้างสาธารณูปโภคให้พร้อม (เช่น ถนน โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง เป็นต้น)
  • สำคัญมากที่ต้องมีเว็บไซต์ที่จะใช้เป็นสำนักข่าวประจำประเทศจำลอง การจะสร้างบทความเกี่ยวกับประเทศจำลองของคุณก็ดี แต่อย่าลืมว่าประเทศจำลองนั้นต้องมีมากกว่าแค่เว็บไซต์กับบทความนะ!
  • ถ้าคุณอยากซื้อที่ดินสำหรับตั้งประเทศจำลองแต่ไม่มีเงินพอ ทำไมไม่ลองประกาศขอบริจาคจากคนทั่วไปล่ะ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณลงมือจริงจังจนเกินไป รัฐบาลที่มีอาจมองคุณเป็นพวกฝักใฝ่การแบ่งแยกดินแดนเอาได้แทนที่จะเห็นว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ประเทศส่วนใหญ่ก็มีกองทัพพร้อมจะทำลายการก่อตั้งประเทศจำลองอยู่แล้ว
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,719 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา