ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไฟล์ PDF แบบ fillable หรือมีช่องให้กรอกข้อมูล เดี๋ยวนี้คนนิยมใช้แทนเอกสาร เพราะเป็นแบบฟอร์มให้กรอกรายละเอียดผ่านเว็บได้เลย คุณสร้างแบบฟอร์มจากเอกสารต่างๆ ที่มีได้ เช่น ไฟล์ที่สแกนมาจากเอกสารกระดาษ แบบฟอร์ม PDF แบบแก้ไขไม่ได้ spreadsheet ไปจนถึงไฟล์ Word บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสร้างไฟล์ PDF แบบ fillable จากเอกสารต่างๆ ด้วย Adobe Acrobat Pro ให้คุณเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สร้างเอกสารเป็นแบบฟอร์ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Adobe Acrobat DC เป็นโปรแกรม official ที่ต้อง subscribe ก่อน ถึงจะสร้างและจัดการไฟล์ PDF ได้ [1] ทั้งสมาชิกแบบ Standard และ Pro ก็สร้างไฟล์ PDF แบบ fillable ได้ทั้งนั้น
    • ถ้าอยากรู้วิธีดาวน์โหลด Adobe Acrobat ให้หาอ่านเพิ่มเติมในเน็ตดู
    • Adobe Acrobat Pro ให้คุณทดลองใช้ฟรีได้ด้วย เริ่มจากเข้าไปลงทะเบียนใน เว็บ Adobe ซะก่อน
  2. ทางด้านบนของโปรแกรม
  3. ที่เป็นไอคอนสีม่วง แถวๆ กลางหน้าต่าง
  4. เพื่อ import แบบฟอร์มมาจากไฟล์อื่น อย่าง Word, Excel หรือไฟล์ PDF อื่นๆ ที่กรอกข้อมูลไม่ได้ เข้ามาใน Acrobat [2]
    • ถ้าจะสแกนเอกสารกระดาษแทน ให้คลิก Scan a document แล้วทำตามขั้นตอนในหน้าจอ เพื่อ import ไฟล์จากสแกนเนอร์
  5. โดยดับเบิลคลิกชื่อไฟล์
    • ถ้าอยากให้มี digital signature หรือเซ็นชื่อแบบดิจิตอล ให้ติ๊กช่องข้าง "This document requires a signature."
  6. ขั้นตอนนี้คือ import ไฟล์เข้า Acrobat โปรแกรมจะสร้างช่องต่างๆ ที่กรอกข้อมูลได้ จากเอกสารที่เห็น คุณก็แก้ไขช่องต่างๆ หรือเพิ่มช่องใหม่ได้ตามต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

แก้ไขช่องต่างๆ ของแบบฟอร์ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทางด้านบนของหน้าจอ เพื่อปรับเข้าโหมดแก้ไขแบบฟอร์ม พอ import แบบฟอร์มแล้ว ก็แก้ไขช่องต่างๆ ที่มี สร้างช่องใหม่ แล้วเพิ่มส่วนประกอบอื่นๆ อย่างเมนู และรายการได้ด้วย
  2. Acrobat จะพยายามสร้างช่องต่างๆ โดยอ้างอิงจากหน้าตาเอกสารต้นฉบับ รายการช่องต่างๆ จะโผล่มาในกรอบทางขวา ของหัวข้อ "Fields" คุณสามารถแก้ไขช่องที่มีได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ [3]
    • ถ้าจะปรับขนาดช่อง ให้คลิก 1 ครั้ง แล้วจะมีปุ่มจับล้อมรอบ ก็ลากปุ่มปรับขนาดช่องได้ตามต้องการ
    • ถ้าจะลบช่อง ให้คลิก 1 ครั้งเพื่อเลือก แล้วกด Delete ที่คีย์บอร์ด
    • ให้อ่านขั้นตอนที่ 5 เผื่อจะได้ไอเดียปรับแต่งช่องต่างๆ เพิ่มเติม
  3. ไอคอนของ tool นี้จะเป็นตัว "T" มีเคอร์เซอร์ ปกติอยู่ในแถบไอคอนทางด้านบนของเอกสาร
    • ถ้าจะ copy ช่องที่มี ให้คลิกขวาที่ช่อง แล้วเลือก Copy แทน
  4. จะมีช่องพิมพ์ขนาดปกติโผล่มาตรงจุดนั้น ถ้าอยากวาดช่องเอง ให้คลิกแล้วลากเคอร์เซอร์กำหนดขนาดตามต้องการ พอได้ช่องแล้ว จะมีช่องสีเหลืองโผล่มา
    • ถ้าจะแปะช่องที่ copy มา ให้คลิกขวาจุดที่การ แล้วเลือก Paste
  5. ชื่อนี้แค่ใช้อ้างอิงส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้ปรากฏในแบบฟอร์มที่เสร็จสิ้นแล้ว
    • ถ้าจะบังคับกรอกข้อมูลในช่องนี้ ให้ติ๊กช่องข้าง "Required field" ล่างช่อง "Field Name" ว่างๆ
  6. จะเป็น dialog box ใหม่สำหรับปรับเปลี่ยนหน้าตาของช่อง และเพิ่มตัวเลือกพิเศษ [4]
  7. ใน dialog "Text Field Properties" ให้คลิกไปตาม tab ต่างๆ เพื่อสำรวจวิธีกำหนดฟอร์แมตช่อง
    • คลิก tab Options เพื่อเพิ่มฟีเจอร์อย่างการเช็คตัวสะกด, พิมพ์ทีละหลายบรรทัด และการจำกัดตัวอักษร
    • คลิก tab Appearance เพื่อปรับแต่งตัวเลือกสีและฟอนต์
    • คลิก Actions เพื่อให้ช่องมีฟังก์ชั่นบางอย่าง เปลี่ยนตามลักษณะข้อความที่กรอก
    • คลิก Close เมื่อแก้ไขบริเวณข้อความนี้จนเสร็จสิ้น
  8. ไอคอนอื่นๆ ข้าง Text Field tool ด้านบนของเอกสาร จะแทนฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้าไปในแบบฟอร์มได้ ให้เลื่อนเคอร์เซอร์ไปจ่อแต่ละ tool แล้วจะเห็นว่าใช้ทำอะไร เช่น
    • ถ้าจะเพิ่มรายการ ให้คลิกเลือก checkbox (ช่องติ๊ก) หรือ radio button (ปุ่มกลม) tool ใน toolbar แล้วคลิกตำแหน่งที่จะใส่ จากนั้นคลิก Add Another Button เพื่อเพิ่มไอเท็มถัดไป หรือคลิก All Properties เพื่อปรับลักษณะการทำงานของรายการ
    • ถ้าจะเพิ่มเมนูที่ขยายลงมาได้ ให้เลือกหนึ่งในตัวเลือกเมนู ที่มีลูกศรเล็กๆ ใน toolbar แล้วปรับแต่งตามต้องการ
    • ถ้าจะมีให้เซ็นชื่อแบบดิจิตอล ให้คลิกไอคอนรูปปากกาหมึกซึมและลายเซ็น จากนั้นคลิกตำแหน่งที่จะใส่
    • ถ้าจะเพิ่มปุ่ม ให้คลิกไอคอน OK ใน toolbar จากนั้นใส่ในตำแหน่งที่ต้องการ แล้วคลิก All Properties เพื่อปรับแต่งตามต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เซฟแล้วแชร์แบบฟอร์ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อดูและทดสอบไฟล์ PDF แบบ fillable
  2. มุมขวาบน เพื่อกลับไปโหมดแก้ไข แล้วปรับแก้เก็บรายละเอียดตามต้องการ
  3. โดยคลิกเมนู File มุมซ้ายบน แล้วเลือก Save As จากนั้นเลือกตำแหน่งเซฟไฟล์ แล้วคลิก Save
    • คุณกลับมาเปิดแล้วแก้ไขแบบฟอร์มอีกได้ในภายหลัง
  4. ถ้ายังอยู่ในโหมดแก้ไข จะอยู่มุมขวาล่างของกรอบทางขวาของ Acrobat ถ้าจะส่งแบบฟอร์มไปยังผู้รับด้วยฟีเจอร์นี้ ผลลัพธ์ก็จะเซฟอัตโนมัติในฟอร์แมตที่เลือก [5]
    • ถ้าไม่เจอตัวเลือก Distribute ให้คลิก Edit ด้านขวาบนของหน้าจอ เพื่อกลับเข้าโหมดแก้ไข
    • บางทีก็มีให้แก้ไขเพิ่มเติมตอนนี้ แล้วแต่ประเภทส่วนประกอบที่จะเพิ่มในแบบฟอร์ม ก็ทำไปตามที่ปรากฏในหน้าจอ
  5. ถ้าจะรับผลทางอีเมล ให้เลือก Email ถ้ามีเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไว้รับผลโดยเฉพาะ ให้เลือก Internal Server แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอ เพื่อระบุเซิร์ฟเวอร์
  6. ถ้าจะส่งแบบฟอร์มทางอีเมล แล้วจะมีให้กรอกข้อมูลเพิ่มเติม
  7. ให้คั่นแต่ละอีเมลด้วยลูกน้ำ (,) ถ้ายังไม่พร้อมส่งแบบฟอร์มไปให้คนอื่น ก็ให้ใส่อีเมลของตัวเอง
  8. พิมพ์ข้อความที่อยากให้ปรากฏในเนื้อหาอีเมล ในแบบฟอร์มนี้ได้เลย.
  9. เลือก "Collect Name & Email from Recipients to Provide Optimal Tracking" ถ้าอยากเห็นชื่อและอีเมลของคนที่ตอบกลับ หรือเปิด/ปิดฟีเจอร์ให้กรอกแบบฟอร์มแบบไม่ระบุตัวตนก็ได้
  10. แบบฟอร์มจะไปโผล่ใน inbox ของผู้รับ ในฐานะไฟล์แนบ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าผู้ใช้เจอข้อความ error "This operation is not permitted" ตอนกรอบแบบฟอร์ม แสดงว่าแบบฟอร์มมีวัตถุที่ถูกซ่อน หรือฟอนต์ที่ไม่ได้ embed ให้ไปที่ File > Properties > Font เพื่อเช็คฟอนต์ที่ยังไม่ embed
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 47,889 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา