ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

นิ่วในไต (Kidney stones, renal lithiasis หรือ calculi) เกิดจากผลึกแร่ธาตุเล็กๆ เกาะตัวสะสมกันในไต บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสลายนิ่วในไตให้คุณเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

สลายนิ่วในไต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดื่มน้ำเยอะจะทำให้ฉี่บ่อย ยิ่งฉี่ก็ยิ่งชะนิ่วในไตออกมา ถ้าดื่มน้ำเปล่าได้จะดีที่สุด แค่ดื่มน้ำไปเรื่อยๆ นิ่วก็สลายจนเหลือแค่ 1/10 - 2/10 ของทั้งหมดแล้ว [1] เพราะงั้นถือเป็นวิธีสลายนิ่วเบื้องต้นที่ทำได้เองและปลอดภัย
    • สถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (The Institute of Medicine) แนะนำให้ผู้หญิงดื่มน้ำประมาณ 9 แก้ว (2.2 ลิตร) ต่อวัน ส่วนผู้ชายให้ดื่มประมาณ 13 แก้ว (3 ลิตร) ต่อวัน [2]
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ถ้าฉี่สีเหลืองอ่อนหรือใสแปลว่าดื่มน้ำกำลังดี
  2. ดื่มน้ำมะนาว (จะเลมอนหรือมะนาวเขียวก็ได้) หรือน้ำแครนเบอร์รี่. จริงๆ แล้วน้ำอะไรก็ได้ที่น้ำตาลน้อยๆ ถ้าคั้นเองได้ก็ยิ่งดี ที่แนะนำเลมอน มะนาวเขียว และแครนเบอร์รี่เพราะกรดซิตริกสูงมาก ช่วยป้องกันไม่ให้ผลึกแร่ธาตุจับตัวเป็นก้อนใหญ่จนกลายเป็นนิ่วในไตอีก [3] [4]
    • อย่าดื่มเบียร์ดำ (dark beer) เพราะมีออกซาเลต (oxalate) ที่นานไปก็สะสมกลายเป็นนิ่วในไตได้ [5]
  3. กินยากลุ่ม NSAIDs (nonsteroidal anti-inflammatory drugs) คือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ibuprofen (หรือ Motrin ก็ได้), naproxen (Aleve) และแอสไพริน พวกนี้เป็นยา NSAIDs ที่คนนิยมใช้กันมากที่สุด [6] ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี อย่ากินยาแอสไพริน เพราะวิจัยกันมาแล้วว่าทำให้เกิดโรคร้ายแรงอย่าง Reye's Syndrome ได้ โดยจะทำให้สมองบาดเจ็บเฉียบพลัน [7]
    • ถ้ามีนิ่วในไตขนาดใหญ่จนเจ็บมาก คงต้องพึ่งยาแก้ปวดแรงๆ จากคุณหมอ พูดง่ายๆ คือถ้าถึงขั้นเจ็บจนทนไม่ไหว หาหมอจะดีที่สุด
  4. ปกติถ้าเป็นนิ่วในไต กินน้ำเยอะๆ สักพักก็ดีขึ้นเอง แต่จะมีนิ่วในไตประมาณ 15% ที่ต้องให้คุณหมอจัดการ โดยเฉพาะถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ [8]
    • ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infections (UTIs)) บ่อยๆ เพราะจะทำให้อาการหนักกว่าเดิมเวลามีนิ่วในไตร่วมด้วย [9]
    • เพิ่งปลูกถ่ายไต ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีไตแค่ข้างเดียว
    • กำลังตั้งครรภ์ ปกติการรักษานิ่วต้องพิจารณาจากไตรมาสในการตั้งครรภ์เป็นหลัก
    • คิดว่านิ่วในไตอาจจะอุดตันทางเดินปัสสาวะ สัญญาณบอกก็คือแต่ละครั้งฉี่น้อยลง ต้องลุกมาฉี่ตอนกลางคืน และเจ็บสีข้าง [10]
  5. ถ้านิ่วในไตไม่สลายไปเอง อาจจะต้องกินยาหรือใช้วิธีอื่นในการกำจัด
    • การสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก (shock wave lithotripsy (SWL)) เหมาะสำหรับนิ่วในไตที่เล็กกว่า 2 ซม. แต่เป็นการรักษาที่ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ เพราะต้องเอกซเรย์หาตำแหน่งนิ่ว รวมถึงอาจใช้สลายนิ่วขนาดใหญ่ไม่ได้ผล [11]
    • ถ้านิ่วอยู่ในท่อไตหรือหลอดไต (ureter) คุณหมออาจจะต้องทำ ureteroscopy คือสอดกล้องขนาดจิ๋วเข้าไปในท่อไต จะได้เห็นนิ่วแล้วเอาออกได้ โดยสอดตะกร้าลวดผ่านกระเพาะปัสสาวะไปจนถึงท่อไต แล้วคล้องดึงเอานิ่วออกมา [12]
    • ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่า 2 ซม.) หรือรูปร่างผิดปกติ คุณหมออาจจะต้องทำ percutaneous nephrolithotomy หรือ percutaneous nephrolithotripsy [13] เริ่มจากวางยาสลบ แล้วผ่ารอยเล็กๆ ที่หลังเพื่อเอานิ่วออก (nephrolithotomy) หรือสลายนิ่ว (nephrolithotripsy) [14]
    • ถ้านิ่วในไตเกิดจากภาวะแคลเซียมสูงในปัสสาวะ (hypercalciuria) แปลว่าไตของคุณผลิตแคลเซียมเยอะเกินไป คุณหมอมักจ่ายยาขับปัสสาวะ, ออโธฟอสเฟต (orthophosphates) หรือบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonates) ให้ บางทีก็เป็นสารยึดเหนี่ยวแคลเซียม (calcium-binding agents) แทน แต่ไม่ค่อยพบบ่อยๆ
    • ถ้าคุณเป็นโรคเกาต์ด้วย ก็มักจะได้ยายาอัลโลพูรินอล (allopurinol) มา
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ป้องกันการเกิดนิ่วในไต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำตาลทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและแมกนีเซียมได้น้อยลง เลยเป็นตัวการก่อนิ่วในไต โดยฟรุกโตสที่พบในน้ำตาลกับน้ำเชื่อมข้าวโพด (corn syrup) เป็นสาเหตุเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต [15] ถ้าอยากแข็งแรงสุขภาพดีกว่าเดิม แถมป้องกันนิ่วในไตไปพร้อมๆ กัน ก็ต้องแข็งใจลดน้ำตาลในอาหารประจำวัน
    • พวกน้ำอัดลมรสออกเปรี้ยวอย่าง 7UP กับสไปรท์ จะมีกรดซิตริกสูง ถึงเราจะแนะนำให้เลี่ยงน้ำหวานน้ำอัดลม แต่น้ำอัดลมสีใสพวกนี้บางทีก็มีประโยชน์ เพราะช่วยเพิ่มกรดซิตริกได้ [16]
  2. ออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน เขาวิจัยกันมาแล้วว่าการออกกำลังกายหนักปานกลางจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในไตได้มากถึง 31% [17]
  3. จำกัดโปรตีนสัตว์เหลือวันละ 6 ออนซ์หรือน้อยกว่า. เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง กินแล้วเพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วในไต โดยเฉพาะนิ่วที่เกิดจากกรดยูริก พยายามอย่ากินเนื้อสัตว์เกิน 6 ออนซ์ต่อวัน (ขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือหรือไพ่ 1 สำรับ) ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดนิ่วในไตชนิดต่างๆ ได้
    • เนื้อแดง เครื่องใน และ สัตว์ทะเลที่มีเปลือกแข็ง จะมีสารพิวรีน (purine) สูง สารนี้จะทำให้ร่างกายผลิตกรดยูริกเพิ่มขึ้น เลยเสี่ยงเป็นนิ่วในไต [19] ไข่กับปลาก็มีพิวรีน แต่น้อยกว่าเนื้อแดงและสัตว์ทะเลที่มีเปลือกแข็ง
    • บริโภคโปรตีนจากแหล่งอื่นแทน เช่น ผลิตภัณฑ์นมแคลเซียมสูง หรือถั่วฝัก อย่างหลังมีไฟเบอร์และไฟเตต (phytate) สารประกอบที่ช่วยป้องการสะสมจนเกิดนิ่วในไต ที่ต้องระวังคือถั่วเหลือง เพราะมีออกซาเลต (oxalate) สูง [20]
  4. บริโภคแคลเซียมให้เพียงพอ แต่อย่าพึ่งอาหารเสริม. พอได้ยินว่านิ่วในไตมาจากแคลเซียมสะสมเกินพิกัด คุณเลยอาจจะกำลังคิดลดแคลเซียม แต่จริงๆ แล้วมีงานวิจัยที่ชี้ว่าถ้าคุณบริโภคแคลเซียมน้อยเกินไปต่างหาก ถึงจะเสี่ยงเป็นนิ่วในไต มากกว่าเดิม ให้คุณกินผลิตภัณฑ์นมชนิดต่างๆ เช่น นม โยเกิร์ต และชีส ก็จะได้แคลเซียมในปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน [21]
    • เด็กอายุ 4 - 8 ขวบควรได้รับแคลเซียม 1,000 มก. ต่อวัน และเด็กโต 9 - 18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มก. ต่อวัน ส่วนผู้ใหญ่ 19 ปีขึ้นไปควรได้รับแคลเซียมอย่างน้อย 1,000 มก. ต่อวัน ถ้าเป็นผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป และถ้าเป็นผู้ชาย 70 ปีขึ้นไป ก็ต้องเป็น 1,200 มก. ต่อวัน [22]
    • ถ้าคุณหมอไม่ได้แนะนำก็อย่าไปกินแคลเซียมเสริม ปกติแคลเซียมในอาหารจะไม่ส่งผลต่อนิ่วในไต แต่ถ้ากินแคลเซียมเสริมมากไป ก็ระวังเสี่ยงเป็นนิ่วในไตมากกว่าเดิม
  5. นิ่วในไตชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาก calcium oxalate ถ้าหลีกเลี่ยงอาหารที่ oxalate สูง ก็จะช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไตได้ พยายามจำกัดปริมาณ oxalate ในแต่ละวันอยู่ที่ 40 – 50 มก. [23]
    • กินอาหารที่มี oxalate ควบคู่ไปกับอาหารที่มีแคลเซียม เพราะ 2 อย่างจะยึดเหนี่ยวกันก่อนถึงไต ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในไตเพราะอาหารพวกนี้ [24]
    • อาหารที่ oxalate สูง (10 มก. ขึ้นไปต่อ serving หรือ 1 หน่วยบริโภค) ก็เช่น ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วฝัก เบอร์รี่ต่างๆ ข้าวสาลี มะเดื่อ องุ่น ส้มเขียวหวาน หัวบีท แครอท ขึ้นฉ่าย มะเขือม่วง เคล กระเทียมต้น มะกอก กระเจี๊ยบเขียว พริกไทย มันฝรั่ง ปวยเล้ง มันหวาน และซูกินี
    • เครื่องดื่มที่มี oxalate สูง (เกิน 10 มก. ต่อ 1 หน่วยบริโภค) เช่น เบียร์ดำ (dark beer), ชาดำ, เครื่องดื่มที่ทำจากช็อคโกแลต, เครื่องดื่มที่ทำจากถั่วเหลือง และกาแฟสำเร็จรูป
    • ร่างกายจะเปลี่ยนวิตามินซีปริมาณมากๆ เช่น ในอาหารเสริม เป็น oxalate เพราะงั้นถ้าคุณหมอไม่ได้แนะนำ ก็อย่ากินวิตามินซีเสริม [25]
  6. crash diet หรือการลดน้ำหนักมากๆ ในเวลาสั้นๆ จะทำให้กรดยูริกในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น เท่ากับยิ่งเสี่ยงเป็นนิ่วในไต สูตรลดน้ำหนักแบบแอตกินส์ (Atkins diet) ที่เน้นโปรตีนสูงๆ ก็เพิ่มภาระให้ไตเหมือนกัน ควรหลีกเลี่ยง [26]
    • สรุปแล้วถ้าอยากแข็งแรงสุขภาพดี ปราศจากนิ่วในไต ก็คือต้องกินอาหารให้ครบหมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เน้นผักผลไม้ ถั่วต่างๆ โฮลเกรน และโปรตีนไขมันต่ำแต่พอดี
  7. ต้องระวังเป็นพิเศษถ้าเคยเป็นนิ่วในไตมาก่อน. เขาวิจัยกันมาแล้วว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เคยเป็นนิ่วในไตแล้ว สุดท้ายจะกลับมาเป็นอีกภายใน 7 ปี [27] เลยต้องรู้จักดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • กินอาหารที่มีประโยชน์ตามแนวทางของคุณ แต่อาหารประจำวันต้องมีวิตามินและสารอาหารอื่นๆ หลีกเลี่ยงฟาสต์ฟู้ดและอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
  • ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรอง ว่า “สมุนไพร” อย่างแดนดิไลออน น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล โรสฮิป และแอสพารากัส (หน่อไม้ฝรั่ง) ช่วยสลายนิ่วในไตได้ [28] [29]
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ากลั้นฉี่เพราะกลัวเจ็บ พยายามอดทนเข้าไว้ เพราะถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการสลายนิ่ว
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,404 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา