ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ที่อวัยวะเพศถือเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ที่พบได้บ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เกือบทุกคนจะต้องเคยติดเชื้อไวรัสนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต [1] แต่โชคดีที่ HPV นั้นมีมากกว่า 40 สายพันธุ์ และมีแค่ไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพร้ายแรง ไวรัสชนิดนี้ไม่สามารถตรวจพบในผู้ชายที่ไม่แสดงอาการได้ และอาจจะสงบอยู่หลายปีก่อนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรเข้ารับการตรวจเป็นประจำหากคุณมีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อส่วนใหญ่จะหายไปเอง แต่ก็ให้เล่าอาการให้แพทย์ฟังด้วยเพื่อที่แพทย์จะได้ยืนยันได้ว่า คุณไม่ได้เป็นมะเร็งที่เกิดจากเชื้อ HPV

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

สังเกตสัญญาณและอาการของ HPV

ดาวน์โหลดบทความ
  1. HPV สามารถแพร่เชื้อได้จากการสัมผัสระหว่างผิวหนังกับผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นได้ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก การสัมผัสระหว่างมือกับอวัยวะเพศ อวัยวะเพศกับอวัยวะเพศโดยไม่ได้สอดใส่ และ (เกิดขึ้นไม่บ่อยหนัก) การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก [2] [3] HPV สามารถอยู่ในร่างกายของคุณได้หลายปีโดยไม่แสดงอาการ หมายความว่าคุณก็อาจจะยังมีเชื้อ HPV อยู่แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาคุณจะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนแค่คนเดียวก็ตาม [4]
    • คุณไม่สามารถติดเชื้อ HPV ได้จากการจับมือหรือจากสิ่งของที่ไม่มีชีวิต เช่น ฝาชักโครก (ยกเว้นการใช้เซ็กส์ทอยร่วมกัน) เพราะไวรัสไม่ได้แพร่กระจายในอากาศ [5]
    • ถุงยางอนามัยไม่ได้ป้องกันคุณจากเชื้อ HPV 100% แต่ก็อาจจะลดโอกาสติดต่อได้ [6]
  2. เชื้อ HPV บางสายพันธุ์สามารถทำให้เป็นหูดหงอนไก่ได้ ซึ่งก็คือก้อนบวมนูนหรือเนื้องอกที่อวัยวะเพศหรือบริเวณทวารหนัก ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมันมักจะไม่ทำให้เป็นมะเร็ง [7] ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นหูดหงอนไก่หรือเปล่า ให้เปรียบเทียบอาการดังต่อไปนี้:
    • หูดหงอนไก่ในเพศชายมักจะขึ้นที่ใต้หนังหุ้มปลายขององคชาตที่ไม่ได้ขลิบ และตรงลำองคชาตที่ผ่านการขลิบมาแล้วมากที่สุด นอกจากนี้ก็อาจจะมีหูดขึ้นที่อัณฑะ ขาหนีบ ต้นขา หรือรอบๆ ทวารหนักด้วย [8]
    • หูดอาจจะขึ้นอยู่ด้านในของทวารหนักหรือท่อปัสสาวะด้วยก็ได้ ทำให้มีเลือดออกหรือรู้สึกปวดเวลาเข้าห้องน้ำ แต่ก็พบได้ไม่บ่อยนัก คุณสามารถเป็นหูดที่ทวารหนักได้แม้ว่าจะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก็ตาม [9]
    • ลักษณะของหูดก็จะแตกต่างกันไปทั้งในแง่ของรูปทรง (เรียบ ปูดขึ้นมา หรือเหมือนดอกกะหล่ำ) สี (สีเนื้อ สีแดง สีชมพู สีเทา หรือสีขาว) ความแข็ง และอาการ (ไม่มีอาการ คัน หรือปวด)
  3. เชื้อ HPV ไม่ค่อยก่อให้เกิดโรคมะเร็งในผู้ชาย แม้ว่าคนที่มีเพศสัมพันธ์เกือบทุกคนจะต้องสัมผัสกับเชื้อ HPV แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีผู้ชายเพียง 1,600 คนเท่านั้นที่เป็นมะเร็งทวารหนักที่เกิดจากเชื้อ HPV [10] มะเร็งทวารหนักอาจเริ่มจากการแสดงอาการที่ไม่ชัดเจนก่อน หรืออาจจะมีอาการใดอาการหนึ่งต่อไปนี้: [11]
    • มีเลือดออก รู้สึกปวด หรือคันที่ทวารหนัก
    • มีของเหลวผิดปกติไหลออกจากทวารหนัก
    • ต่อมน้ำเหลืองบวม (ก้อนเนื้อที่คุณรู้สึกได้) ในทวารหนักหรือบริเวณขาหนีบ
    • การขับถ่ายที่ผิดปกติหรือรูปร่างของอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป
  4. ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในแต่ละปีจะมีผู้ชาย 700 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งองคชาตที่เกิดจากเชื้อ HPV [12] สัญญาณของมะเร็งองคชาตในระยะแรกเริ่มได้แก่: [13]
    • บริเวณผิวหนังองคชาตเริ่มหนาขึ้นหรือเปลี่ยนสี ซึ่งมักจะเป็นตรงปลายหรือหนังหุ้มปลาย (ถ้าผ่านการขลิบมาแล้ว)
    • ก้อนเนื้อหรือแผลบนองคชาต มักจะไม่เจ็บ
    • ผื่นแดงๆ นิ่มๆ
    • ตุ่มเล็กๆ แห้งๆ
    • เนื้องอกผิวเรียบ สีออกฟ้าอมน้ำตาล
    • มีของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากใต้หนังหุ้มปลาย
    • ปลายองคชาตบวม
  5. เชื้อ HPV เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำคอหรือด้านหลังของช่องปาก (มะเร็งที่คอหอยหลังช่องปาก) แม้ว่ามันจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงก็ตาม [14] สัญญาณของมะเร็งลำคอและช่องปากได้แก่: [15]
    • เจ็บคอหรือปวดหูเรื้อรัง
    • กลืน อ้าปากกว้างเต็มที่ หรือขยับลิ้นลำบาก
    • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
    • มีก้อนเนื้อที่ลำคอ ปาก หรือคอหอย
    • เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไปนานกว่า 2 สัปดาห์ [16]
  6. พฤติกรรมบางอย่างเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ HPV มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้แสดงอาการ แต่คุณก็ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพและการรักษา หากคุณจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้: [17]
    • ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นฝ่ายรับในการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
    • ผู้ชายที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น คนที่มีเชื้อ HIV/เอดส์ เพิ่งปลูกถ่ายอวัยวะ หรือรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน
    • ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน (ไม่ว่าจะเพศใดก็ตาม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย
    • การสูบยาสูบ ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มเยอร์บามาเตร้อน หรือเคี้ยวพลูมากๆ จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HPV (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปากและลำคอ) [18]
    • ผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายองคชาตอาจมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ข้อมูลก็ยังไม่แน่ชัด [19]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เข้ารับการประเมินทางการแพทย์และการรักษาหากจำเป็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชุดวัคซีน HPV หนึ่งชุดสามารถป้องกันเชื้อ HPV หลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็ง (แต่ไม่ใช่ทุกสายพันธุ์) ได้อย่างปลอดภัยและคุ้มครองได้เป็นระยะเวลานาน [20] และเนื่องจากว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพกว่าในกลุ่มคนอายุน้อย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกาจึงได้แนะนำให้ผู้ชายกลุ่มดังต่อไปนี้เข้ารับการฉีดวัคซีน: [21]
    • ผู้ชายทุกคนตั้งแต่อายุ 21 ปีลงมา (ตามหลักแล้วควรจะอายุ 11 หรือ 12 ปีก่อนเริ่มมีกิจกรรมทางเพศ)
    • ผู้ชายทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่อายุตั้งแต่ 26 ปีลงมา
    • ผู้ชายทุกคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอตั้งแต่อายุ 26 ปีลงมา (รวมถึงผู้ชายที่ติดเชื้อ HIV ด้วย)
    • แจ้งอาการแพ้อย่างรุนแรงให้ผู้ให้บริการทราบก่อนฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณแพ้ยางพาราหรือเชื้อรา
  2. รักษาโรคหูดหงอนไก่ . หูดหงอนไก่อาจจะหายไปเองหลังจากผ่านไปแล้ว 2-3 เดือน และไม่ทำให้เป็นมะเร็ง เหตุผลหลักในการรักษาก็คือเพื่อความสบายตัวของคุณเอง การรักษาก็มีตั้งแต่การทาครีมหรือยาขี้ผึ้ง (เช่น โพโดฟิลอก อิมิควิโมด หรือไซนีคาเทชิน) ซึ่งคุณสามารถทาเองได้ที่บ้าน หรือให้แพทย์กำจัดออกที่คลินิกโดยการแช่แข็ง (การบำบัดด้วยความเย็นจัด) การใช้กรด หรือผ่าตัดก็ได้ นอกจากนี้แพทย์ก็อาจจะทาน้ำส้มสายชูเพื่อส่องหูดที่ยังไม่ปูดขึ้นมาหรือมองไม่เห็น [22]
    • คุณสามารถแพร่เชื้อ HPV ได้แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการก็ตาม แต่โอกาสเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นหากคุณเป็นหูดหงอนไก่ พูดคุยกับคู่นอนเรื่องความเสี่ยงนี้ และใช้ถุงยางอนามัยหรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ สวมทับหูดเอาไว้ถ้าทำได้
    • แม้ว่าเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ทำให้เป็นหูดหงอนไก่จะไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็ง แต่คุณก็อาจจะสัมผัสกับเชื้อมากกว่า 1 สายพันธุ์ คุณควรปรึกษาแพทย์เหมือนเดิมหากคุณสังเกตเห็นสัญญาณของโรคมะเร็งหรืออาการที่อธิบายไม่ได้
  3. ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ให้สอบถามเรื่องการคัดกรองมะเร็งทวารหนัก. อัตราของโรคมะเร็งทวารหนักที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HPV ในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันนั้นจะสูงกว่ากลุ่มอื่นมาก ถ้าคุณจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ให้บอกแพทย์เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของคุณ และสอบถามเรื่องการตรวจแปปสเมียร์ที่ทวารหนัก แพทย์อาจจะแนะนำให้คุณตรวจทุก 3 ปี (ทุก 1 ปีถ้าคุณติดเชื้อ HIV) เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งทวารหนัก
    • ไม่ใช่แพทย์ทุกคนที่จะเห็นตรงกันว่า การตรวจคัดกรองเป็นประจำนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์หรือดีกับตัวคุณ แต่แพทย์ก็ยังคงให้ความรู้คุณเรื่องการตรวจและปล่อยให้คุณตัดสินใจเอง ถ้าแพทย์ไม่มีบริการนี้หรือไม่สามารถให้ข้อมูลเรื่องนี้กับคุณได้ ให้ไปพบแพทย์คนที่สอง
    • คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาและการดูแลสุขภาพได้จากองค์กรเพศทางเลือกหรือองค์กรป้องกันการติดเชื้อ HIV
  4. การตรวจร่างกายด้วยตนเองจะช่วยให้คุณสามารถสังเกตสัญญาณของเชื้อ HPV ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้ามันเป็นมะเร็ง การรักษาก็จะง่ายขึ้นมากถ้าคุณรู้ว่าเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกๆ หากคุณสังเกตเห็นอาการที่อธิบายไม่ได้และไม่แน่ใจ ให้ไปพบแพทย์ทันที
    • ตรวจดูองคชาตและบริเวณอวัยวะเพศเป็นประจำ เพื่อสังเกตสัญญาณของหูดและ/หรือบริเวณต่างๆ บนองคชาตที่ดูแปลกไป [23]
  5. ปรึกษาอาการที่อาจจะบ่งชี้ถึงโรคมะเร็งกับแพทย์. แพทย์จะตรวจบริเวณนั้นและซักประวัติเพื่อช่วยในการวินิจฉัยปัญหา ถ้าแพทย์คิดว่าคุณอาจจะเป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HPV แพทย์ก็อาจจะตัดเนื้อเยื่อไปตรวจและบอกผลให้คุณทราบภายในเวลาไม่กี่วัน [24]
    • ทันตแพทย์สามารถเช็กสัญญาณของมะเร็งช่องปากและลำคอได้ในระหว่างการตรวจสุขภาพฟันและช่องปากทั่วไป [25]
    • ถ้าคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง การรักษาก็จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและเวลาที่ตรวจพบว่าเร็วแค่ไหน คุณอาจจะสามารถกำจัดมะเร็งในระยะแรกด้วยกระบวนการผ่าตัดเล็กหรือการรักษาเฉพาะที่ เช่น การกำจัดด้วยเลเซอร์หรือความเย็นจัด แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายแล้ว คุณก็อาจจะต้องฉายรังสีหรือทำเคมีบำบัด [26]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณหรือคนรักอาจจะมีเชื้อ PHV อยู่ในร่างกายมาหลายปีโดยที่ไม่มีสัญญาณหรือแสดงอาการ การติดเชื้อ HPV ไม่ควรถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความไม่ซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครเป็นคนแพร่เชื้อ 1% ของผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์จะเป็นหูดหงอนไก่ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
  • รู้ว่ามะเร็งทวารหนักไม่เหมือนกับมะเร็งลำไส้ (ลำไส้ใหญ่) มะเร็งลำไส้ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับเชื้อ HPV แม้ว่าจะมีหลักฐานว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้างในบางกรณีก็ตาม [27] แพทย์สามารถตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ได้ตามปกติและบอกคุณเรื่องปัจจัยเสี่ยงและอาการได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,787 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา