ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรู้ว่าคุณกำลังถูกหลอกอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่ก็คงจะน่าหงุดหงิดมากขึ้นถ้าคุณไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคนสำคัญในชีวิตของคุณกำลังทำตัวไม่ซื่อสัตย์หรือไม่ คุณคิดไปเองหรือคุณกำลังจับพิรุธได้ว่าใครบางคนไม่ได้พูดความจริงกันแน่ ในกรณีส่วนใหญ่ถ้าคุณรู้สึกตงิดใจอะไรสักอย่าง นั่นเป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ว่าคุณจะพยายามค้นหาว่าคนรักกำลังนอกใจคุณอยู่หรือไม่ หรือคุณแค่ต้องการสืบถึงต้นเหตุของพฤติกรรมแปลกๆ ของคนอื่นก็ตาม เรามีคำตอบให้คุณ เราจะแนะนำคุณเกี่ยวกับสัญญาณทั่วไปที่ต้องระวังเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าคนใกล้ชิดกำลังไม่ซื่อสัตย์หรือไม่

1

เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณรู้จักผู้คนในชีวิตของคุณดีกว่าที่คุณคิด. ถ้าคุณสงสัยว่ากำลังถูกหลอกอยู่ แสดงว่าคุณอาจจะค้นพบอะไรที่สำคัญ โดยทั่วไปแล้วคนเรามักจะจับโกหกได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขารู้ว่าพฤติกรรม "ปกติ" ของบุคคลนั้นเป็นอย่างไร ถ้าคุณคิดว่าใครบางคนที่สำคัญในชีวิตกำลังทำตัวไม่ตรงไปตรงมาแล้วล่ะก็คุณควรจะสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น [1]
    • เป็นไปได้ที่สัญชาตญาณของคุณจะผิด อาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตบุคคลนั้นที่ทำให้พวกเขาทำตัวเอาแน่เอานอนไม่ได้ หรือพวกเขาอาจจะทำตัวมีลับลมคมในเพราะพวกเขากำลังพยายามวางแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดให้กับคุณ อย่าเพิ่งด่วนสรุป แต่ให้ตระหนักว่าความรู้สึกของคุณนั้นถูกต้อง และถ้าคุณคิดว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นมันก็อาจจะเป็นเช่นนั้น
    โฆษณา
2

เช็คเพื่อดูว่าเรื่องราวของพวกเขาเปลี่ยนไปหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าการเล่าเรื่องของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาพูดโกหกเรื่องที่ใหญ่กว่า. คนโกหกจะติดตามรายละเอียดทั้งหมดที่พวกเขาโกหกไว้ได้ยาก และพวกเขาอาจจะลงเอยด้วยการเปลี่ยนเนื้อเรื่องหรือสับสนกับรายละเอียด ถ้าคุณคิดว่าพวกเขากำลังโกหกเกี่ยวกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ให้ติดตามวิธีที่พวกเขาอธิบายหรือเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเรื่องราวไม่ค่อยเรียงกันนักหรือพวกเขาเพิ่ม/ลบรายละเอียดต่างๆ ก็แสดงว่าพวกเขาอาจจะกำลังโกหก [2]
    • ถ้าคุณจับได้ว่าบางคนโกหกเรื่องเล็กๆ นั่นคือสัญญาณว่าพวกเขาโอเคกับการโกหกเรื่องใหญ่ๆ ด้วย อย่าปล่อยให้พวกเขาตีเนียนว่าการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเป็น "การจำผิด" หรือ "การทำผิดพลาด"
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนรักบอกว่าเมื่อคืนเขากินอาหารเม็กซิกันก่อนกลับบ้าน แต่ต่อมาเขาพูดว่า "เมื่อคืนฉันตรงกลับบ้านเลย" นั่นเป็นสัญญาณว่าเขาลืมเรื่องที่เขาโกหกไว้
    • นี่เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างยิ่งถ้าเขาพยายามทำให้คุณคิดว่าคุณบ้าไปแล้วหรือคุณจำสิ่งที่เขาพูดผิดเอง สิ่งนี้เรียกว่าการปั่นหัวให้สับสนและนี่คือสัญญาณอันตราย ที่สำคัญมาก ถ้าคุณกำลังคบกับใครสักคนแบบคนรักอยู่
    • นี่อาจจะเป็นการต้องเผชิญหน้ากันสักหน่อย แต่คุณอาจจะขอให้เขาเล่าเรื่องย้อนหลังได้ตลอดเวลา คนโกหกจะไม่สามารถเล่าเรื่องย้อนหลังอีกครั้งได้อย่างถูกต้องบ่อยๆ [3]
3

สังเกตการหลีกเลี่ยงทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผู้คนจะหลบเลี่ยงจากสถานการณ์ที่พวกเขารู้ว่าพวกเขากำลังจะโกหก. ถ้าพวกเขาดูเหมือนไม่สนใจจะเผชิญหน้ากับการสนทนา คุยเรื่องสำคัญกับคุณ หรือพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำไป นั่นเป็นสัญญาณสำคัญว่าพวกเขาอาจจะมีบางอย่างปิดบัง คนที่พูดความจริงมักจะไม่ค่อยมีปัญหาในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าพวกเขาดูเหมือนจะหายตัวไปเมื่อไรก็ตามที่พวกคุณสมควรจะคุยกัน นั่นก็เป็นสัญญาณสำคัญว่าพวกเขากำลังโกหก ต่อไปนี้คือสัญญาณสองสามข้อที่คุณควรดูเพื่อสังเกตคนหลอกลวงในความสัมพันธ์: [4]
    • ปฏิเสธการสนทนาและพูดว่า "เราจะคุยเรื่องนี้กันทีหลัง"
    • พูดแบบกว้างๆ ทั่วไปแทนการใช้รายละเอียดเฉพาะ
    • พยายามเปลี่ยนเรื่อง
    • ใช้สรรพนามที่ไม่ชัดเจน (เช่น พูดว่า "พวกเขา" แทนชื่อบุคคล)
    • ลังเลและหยุดนานก่อนจะตอบ
    โฆษณา
4

ให้ความสนใจกับการซ่อนโทรศัพท์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในความสัมพันธ์ฉันคู่รัก คุณควรให้ความสนใจกับวิธีที่พวกเขาจัดการโทรศัพท์. ถ้าพวกเขาวางโทรศัพท์โดยหงายหน้าจอขึ้นเวลาคุณอยู่ใกล้ๆ แสดงว่าพวกเขาสบายใจที่คุณจะเห็นการแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมา ถ้าพวกเขาวางแบบคว่ำหน้าจอลงแสดงว่าพวกเขาอาจจะกำลังพยายามซ่อนบางอย่าง สิ่งที่ควรสังเกตอีกข้อหนึ่งคือเขาเคยทิ้งโทรศัพท์ไว้ในที่เปิดโล่งหรือไม่ ถ้าเขาพกติดกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะแค่ไปห้องน้ำหรือไปหยิบขนมในขณะที่คุณสองคนดูหนังก็ตาม แสดงว่าเขาอาจจะกำลังโกหกหรือซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ [5]
    • การขอดูโทรศัพท์ของคนรักเป็นการเปิดเรื่องที่เสี่ยงเสมอ ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าเขาไม่ได้ปิดบังอะไรและคุณไม่ได้ถามคำถามอย่างใจดีและด้วยความเห็นอกเห็นใจ เขาก็อาจจะถือว่าคำขอของคุณเป็นการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวสักหน่อย
    • อย่าทึกทักว่าเขากำลังนอกใจคุณถ้าคุณไม่มีหลักฐานอะไรนอกเหนือวิธีที่เขาจัดการกับโทรศัพท์ของเขา
5

ทดสอบโดยการเปลี่ยนเรื่อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในระหว่างการสนทนาที่รุนแรง ให้ลองเปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องที่เบาๆ ดู. ถ้าคุณกำลังถกเถียงกันเรื่องที่เขาอาจจะโกหก หรือคุณได้เริ่มทำขั้นตอนแรกเพื่อแสดงให้เขารู้เรื่องความไม่ซื่อสัตย์แล้วแต่เขาไม่ยอมรับแล้วล่ะก็ให้ลองเปลี่ยนเรื่องดู ถ้าพวกเขาโกหก พวกเขาจะโล่งใจที่จะออกจากหัวข้อนั้นได้เสียทีและพวกเขาจะผ่อนคลายทันที ถ้าพวกเขาไม่ได้โกหก พวกเขามักจะอยากคุยเกี่ยวกับประเด็นที่ถกเถียงกันนั้นต่อไปเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ [6]
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังทะเลาะกับแฟนหนุ่มอย่างเผ็ดร้อนเรื่องที่เขาไปเที่ยวกับแฟนเก่า ให้ลองพูดว่า “เฮ้ ว่าแต่คืนนี้เราจะกินอะไรกันดี อยากสั่งมากินที่บ้านไหม” ถ้าเขาพูดว่า “อะไรนะ มาสนใจเรื่องกินอะไรกันตอนนี้ ผมไม่ได้ออกไปเที่ยวกับเจี๊ยบนะ!” แล้วล่ะก็ เขาอาจจะพูดความจริง
    • ถ้าคุณคุยอยู่กับเพื่อนที่คุณคิดว่ากำลังโกหกเรื่องไม่ชวนคุณไปงานปาร์ตี้ ลองสุ่มถามพวกเขาว่าคุณทิ้งเสื้อฮู้ดไว้ที่บ้านเขาหรือเปล่า หรือว่าคุณมีการบ้านวิชาเคมีหรืออะไรไหม เขาจะตอบคำถามของคุณและถามคำถามอื่นๆ ตามมาทันทีถ้าพวกเขาไม่ซื่อสัตย์
    โฆษณา
6

ระวังการกล่าวหาโต้กลับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคนโกหกคิดว่าตัวเองกำลังถูกจับผิด พวกเขาอาจจะพยายามใช้คำกล่าวหาโต้กลับเพื่อผลักแรงกดดันของบทสนทนาให้ย้อนกลับไปที่คุณ ถ้าพวกเขาเริ่มพยายามกล่าวหาคุณในสิ่งที่พวกเขาสงสัยว่าคุณกำลังกล่าวหาว่าพวกเขาทำ นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่สำคัญว่าพวกเขาไม่ได้พูดความจริง [7]
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคิดว่าภรรยาของคุณอาจจะซ่อนเงินจากคุณและคุณถามว่าเธอมีเงินสดแบ่งเก็บไว้ในบัญชีลับหรือไม่ เธออาจจะพูดว่า “ฉันตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทุกอย่างเลยนะ แล้วคุณล่ะ ไหนมาดูใบแจ้งยอดธนาคารของคุณกัน! ฉันพนันได้เลยว่าคุณนั่นแหละที่กำลังซ่อนอะไรอยู่”
    • นี่ยังอาจจะอยู่ในรูปแบบของระบบเผด็จการได้เช่นกัน ถ้าคุณบอกว่าคุณอารมณ์เสียที่คุณคิดว่าแม่ลืมวันเกิดของคุณและเธออ้างว่าไม่ได้ลืม แม่ของคุณอาจจะพูดว่า “งั้น แล้วที่ลูกลืมวันแม่เมื่อปีที่แล้วล่ะ ว่าไง”
7

คำที่พลั้งปากออกมาอาจจะเป็นสัญญาณที่เป็นไปได้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าพวกเขา "พูดผิด" ในการสนทนา นั่นอาจจะเผยความลับของพวกเขาได้. คนส่วนใหญ่มักจะคุยไปเรื่อยๆ โดยที่พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พวกเขากำลังพูด ถ้าคุณคบกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาอาจพลั้งปากและพูดความจริงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างการสนทนาที่ยาวนานขึ้น ถ้าพวกเขาพูดสับสนหลายอย่างหรือพวกเขาเอาแต่พูดว่า “เอ้ย ขอโทษ ฉันหมายถึง…” พวกเขาอาจจะพยายามหลอกคุณอยู่ [8]
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเขาพูดว่า “…และหลังจากปาร์ตี้ ฉันกับเหมียว…เอ้ย ฉันหมายถึง ฉันกับทราย ขอโทษที เหมียวไม่ได้อยู่ที่นั่น” ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจริงๆ แล้วเหมียวอยู่ที่นั่น
    โฆษณา
8

ถามคำถามอื่นตามมาเยอะๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนโกหกอาจจะไม่ได้เตรียมใจกับคำถามเยอะแยะเพิ่มเติม. ถ้าคุณคิดว่าบางคนกำลังโกหก ให้เริ่มสงสัย ถามคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขากำลังบอกคุณ ถ้าพวกเขาสับสน พูดผิด ตอบคำถามไม่ได้ หรือเริ่มพูดติดอ่างและเงอะงะ แสดงว่าพวกเขาอาจจะกำลังพยายามโกหกคุณอยู่ [9]
    • ถ้าคุณกำลังหาคำตอบว่าลูกชายไปปาร์ตี้เมื่อคืนนี้หรือไม่ คุณอาจจะถามว่า “เมื่อคืนลูกอยู่กับใคร” "ลูกไปไหนมา" “ลูกกลับบ้านกี่โมง” และ “ลูกใช้เงินไปเท่าไร”
    • ถ้าคุณคิดว่าสามีอาจจะโกหกเรื่องการไปกินอาหารเย็นเมื่อคืนนี้ คุณอาจจะถามว่า “คุณสั่งอะไร” “คุณกินข้าวที่ไหนมา” หรือ “เมื่อคืนคุณได้เจอใครไหม”
    • พยายามถามคำถามเดิมหลายครั้ง แค่พูดว่า "อ้าว ฉันลืมไปแล้ว คุณบอกว่าคุณอยู่กับใครนะ" ถ้าเขาให้คำตอบที่แตกต่างกันเล็กน้อย แสดงว่าเขาอาจจะกำลังโกหกอยู่
9

ดูว่าพวกเขาขึ้นเสียงหรือพูดเรื่อยเปื่อยหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่ใครบางคนพูดนั้นมีความสำคัญพอๆ กับสิ่งที่พวกเขาพูด. คนโกหกอาจจะชดเชยกับการหลอกลวงมากเกินไปโดยการพูดเรื่อยเปื่อยหรือพูดชักชวนให้คุณเปลี่ยนความคิด บ่อยครั้งที่พวกเขาจะขึ้นเสียงเล็กน้อยเพื่อเป็นกลไกในการป้องกันตัวเช่นกัน คุณรู้ว่าปกติแล้วบุคคลนี้พูดอย่างไร ดังนั้นให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในรูปแบบการพูดและระดับเสียง ความเปลี่ยนแปลงในการพูดเหล่านี้อาจจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าพวกเขาพูดไม่จริง [10]
    • พวกเขาอาจจะพูดบางประโยคหรือบางคำซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าคนรักของคุณเอาแต่พูดว่า “ผมไม่ได้นอกใจ! ผมไม่ได้นอกใจนะ!” หรือแม่ของคุณเอาแต่พูดว่า “แม่สนับสนุนการตัดสินใจของลูกสุดๆ แม่ไม่มีอะไรนอกจากจะสนับสนุนการตัดสินใจของลูกจริงๆ” นี่เป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังโกหก [11]
    • พวกเขาอาจจะใช้คำย่อมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นนะ” พวกเขามักจะพูดว่า “ฉันเปล่าทำงั้นนะ” การโกหกอาจจะเป็นเรื่องยาก และคำย่อเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังเร่งรีบให้ผ่านๆ ไปเพราะรู้สึกไม่สบายใจ
    โฆษณา
10

ดูสายตาของพวกเขา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนโกหกมักจะมองไปทางอื่นถ้าพวกเขาไม่พูดความจริง. ถ้าปกติคนรักมีนิสัยชอบสบตาเวลาคุยกับคุณ แต่จู่ๆ เขาก็เริ่มละสายตาหรือมองไปทางอื่น นั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณของความไม่ซื่อสัตย์ การมองใครสักคนเมื่อคุณตั้งใจจะโกหกนั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นคนโกหกอาจจะสบตา มองต่ำ หรือมองไปทางอื่นสลับกันไปในขณะที่คุณคุยกัน [12]
    • สัญญาณการโกหกแบบเดิมๆ หลายอย่าง (การมองไปทางอื่น การยืนแบบป้องกันตัวเอง กระสับกระส่าย ฯลฯ) นั้นไม่ถูกต้องเสมอไป งานวิจัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าสัญญาณเหล่านี้ไม่เป็นสากล ดังนั้นให้จำใส่ใจไว้ [13]
    • ในบางครั้ง ผู้คนจะมองไปทางอื่นไกลๆ เวลาพวกเขากำลังคิดหนักมากๆ หรือพยายามพิจารณาว่าจะใช้ถ้อยคำอย่างไร ถ้าพวกเขามองไปทางอื่นตอนคุณถามคำถาม แต่จากนั้นพวกเขาก็กลับมาสบตาตามปกติ แสดงว่าพวกเขาอาจจะแค่นึกถึงสิ่งที่คุณพูดก็ได้ [14]
    • ถ้าพวกเขาเป็นคนหลอกตัวเอง พวกเขาอาจจะจ้องตรงมาที่คุณโดยไม่กะพริบตาหรือละสายตาเลย การสบตานานๆ อย่างน่าอึดอัดอาจจะบ่งบอกว่าพวกเขากำลังโกหกก็ได้เช่นกัน [15]
11

ระวังกับทีท่าป้องกันตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคนรักกำลังโกหก เขาจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องนี้ นี่อาจจะทำให้เขากอดอกหรือจับที่คอ เขาอาจจะหันตัวออกจากคุณ หรือไขว้ขาเหมือนปวดฉี่มากๆ บางคนอาจจะลากเท้าไปมาหรือเด้งเข่าขึ้นลง ให้ใส่ใจกับวิธีที่พวกเขานั่งหรือยืนอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าพวกเขาอาจจะโกหกอยู่หรือไม่ [16]
    • ถ้าพวกเขาออกห่างจากคุณ (เช่น พวกเขาถอยหลังออกไปเล็กน้อย หรือพยายามเดินหนี) ในระหว่างที่พูดคุยกัน ก็เป็นสัญญาณสำคัญอีกข้อหนึ่งที่พวกเขากำลังไม่พูดความจริง
    โฆษณา
12

สังเกตอาการกระวนกระวายใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าบางคนโกหก ให้ใส่ใจกับสิ่งที่พวกเขาทำกับมือ. เมื่อคุณคุยกับใครสักคนตามปกติ คุณน่าจะวางมือสบายๆ ไว้ได้สักที่หนึ่ง แต่คนโกหกจะบิดนิ้วโป้ง หยิบของมาเล่น หรือเริ่มจับหู จมูก และปาก ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าพวกเขาวางมือไว้นิ่งๆ ไม่ได้ ก็อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ [17]
    • พวกเขายังอาจจะชี้นิ้วบ่อยๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาพยายามจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นต่อเหนือคุณโดยกล่าวหาว่าคุณทำอะไรบางอย่าง [18]
13

เข้าใจว่าทำไมบางคนถึงโกหก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บ่อยครั้งที่การโกหกนั้นง่ายกว่าการพูดความจริง. ผู้คนมักจะโน้มน้าวตัวเองว่าการโกหกเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่เป็นไรหรอก แต่ปัญหาคือสิ่งนี้จะกลายเป็นนิสัย การโกหกเล็กๆ น้อยๆ ทำให้เกิดการโกหกขึ้นอีก และจากนั้นคุณต้องโกหกเรื่องอื่นเพื่อปกปิดการโกหกชุดแรก สุดท้ายคุณอาจจะโกหกหลายสิบเรื่อง บางครั้งอาจจะไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าใครบางคนในชีวิตของคุณอาจจะไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อทำร้ายความรู้สึกของคุณ และไม่ใช่สัญญาณว่าพวกเขาไม่แคร์คุณเสมอไป [19]
    • บางครั้งคนเรามีแนวโน้มจะบอกกับตัวเองว่าไม่เห็นการโกหก เพราะการแสร้งทำเป็นว่าปัญหาไม่มีอยู่จริงนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่า ถ้าเป็นไปได้ พยายามถอยออกจากความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์และมองพฤติกรรมของคนจากมุมมองที่เป็นกลางมากขึ้น
    โฆษณา
14

ลองปล่อยคำโกหกสีขาวไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การโกหกบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเป็นปัญหาถ้าคุณยอมรับได้. ทุกคนเคยโกหกสีขาวบ้างเป็นครั้งคราว การโกหกสีขาวหมายถึงการโกหกที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะพูดเพื่อรักษาความรู้สึกของใครบางคนไว้ ถ้ามีคนในชีวิตของคุณพูดโกหกเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเพื่อรักษาความรู้สึกของคุณ ก็อาจจะไม่คุ้มที่จะเสียพลังงานไปกับมัน ในแง่หนึ่งการโกหกสีขาวเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าใครบางคนห่วงใยคุณ เพราะต้องใช้ความเข้าอกเข้าใจที่จะรับรู้ว่าบางเรื่องอาจจะทำให้คุณอารมณ์เสียและเห็นอกเห็นใจที่จะพยายามทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น [20]
    • ตัวอย่างที่คลาสสิกเลยก็คือ “ฉันใส่ชุดนี้แล้วดูอ้วนไหม” ความจริงอาจจะทำร้ายความรู้สึกของใครบางคน และปกติแล้วจะไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นเลยจากการบอกใครสักคนว่าชุดที่พวกเขาตื่นเต้นที่จะใส่นั้นไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย
    • ถ้าบางคนกำลังโกหกเรื่องใหญ่ๆ กับคุณ หรือพวกเขากำลังโกหกคุณด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากการรักษาความรู้สึกของคุณ ก็คุ้มค่าที่จะพูดถึงมันอย่างแน่นอน
15

เผชิญหน้ากับพวกเขาถ้าคุณแน่ใจว่าพวกเขากำลังโกหก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณมีหลักฐานความไม่ซื่อสัตย์ ก็บอกให้พวกเขารู้. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสิ่งนี้คือให้ตรงไปตรงมา แสดงหลักฐาน และใจเย็นและมีเหตุผลเข้าไว้ อย่าทำเหมือนว่าคุณกำลังโกรธ (แม้ว่าคุณจะโกรธก็ตาม) ถ้าคุณอยากให้พวกเขาเผยความลับและเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพวกเขายอมรับ คุณสามารถพยายามต่อจากตรงนี้ได้ ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับ คุณก็สามารถเลือกได้ว่าอยากเดินออกจากความสัมพันธ์นี้ หรือประเมินใหม่อีกครั้งว่าคุณเข้าใจถูกหรือไม่ [21]
    • คุณอาจเผชิญหน้ากับคนรักโดยพูดว่า “ฟังนะ ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันจำเป็นต้องรู้ความจริง คุณเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้สามครั้งแต่มันไม่เหมือนกันสักครั้ง และคุณดูวิตกกังวลและมองไปทางอื่นไม่หยุดเลย เกิดอะไรขึ้น”
    • คุณสามารถเผชิญหน้ากับเพื่อนที่ไม่ซื่อสัตย์โดยพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอบอกว่ามาปาร์ตี้ของฉันไม่ได้เพราะเธอไม่สบาย แต่เธอหลบเลี่ยงฉันและบอกว่าเธอออกไปเที่ยวคืนนั้น แล้วทำไมเธอไม่มาปาร์ตี้ล่ะ”
    • ถ้าการโกหกไม่ได้สำคัญขนาดนั้น คุณไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้ให้พวกเขารู้ถ้าคุณไม่ต้องการ แค่เก็บข้อมูลนี้ไว้ในใจ ถ้าพวกเขาตั้งใจโกหกคุณเกี่ยวกับเรื่องไม่สำคัญ พวกเขาก็อาจจะตั้งใจโกหกคุณเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ๆ ด้วยเหมือนกัน [22]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าบางคนไม่ซื่อสัตย์และคุณไม่อยากพยายามเพื่อสร้างความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง คุณก็ไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกแย่ อย่าลังเลที่จะตัดคนหลอกตัวเองออกไปและไม่หันหลังกลับถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ [23]
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
จบความสัมพันธ์
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,524 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา