PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณเพิ่งสัมผัสกับอวัยวะเพศของคนอื่น คุณก็อาจเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) หรือที่บางครั้งก็เรียกว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายและผู้หญิงสามารถลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ได้ผล 100% แม้ว่าอาการของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์จะไม่ได้ชัดเจนเสมอไป แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่คุณควรหมั่นสังเกต

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

สังเกตสัญญาณของหนองในแท้และหนองในเทียม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. รู้ว่าอาการของหนองในแท้และหนองในเทียมอาจจะไม่ชัดเจนเสมอไป. คุณหรือคู่นอนอาจจะมีอาการทั้งหมด มีแค่บางอาการ หรือไม่มีเลยก็ได้ หนองในแท้และหนองในเทียมเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยโรคหนองในแท้มักจะแสดงอาการภายใน 10 วันหลังจากการสัมผัส และโรคหนองในเทียมมักจะแสดงอาการภายใน 1-3 สัปดาห์หลังการสัมผัส [1] ทั้งหนองในแท้และหนองในเทียมสามารถทำให้ระบบสืบพันธุ์ ดวงตา ปาก คอหอย และทวารหนักติดเชื้อได้ [2]
  2. สังเกตว่ามีของเหลวไหลออกมาจากองคชาตหรือไม่. หนองในแท้และหนองในเทียมอาจทำให้มีของเหลวสีเหลือง สีเขียว ข้น มีเลือดปน หรือขุ่นไหลออกมาจากองคชาต [3] [4] ของเหลวที่ไหลออกมาจากองชาตไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เสมอไป ทางเดียวที่จะรู้แน่ชัดก็คือ ไปพบบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ
  3. สังเกตว่าคุณรู้สึกปวดหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะหรือไม่. การติดเชื้อแบคทีเรียโกโนร์เรียที่ท่อปัสสาวะอาจทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบได้ [5] ซึ่งก็จะทำให้รู้สึกปวดหรือแสบร้อน
  4. ถ้ามันจับแล้วเจ็บ ปวด หรือบวม ให้ไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ เพราะมันอาจเป็นอาการของโรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม หรือโรคอื่นๆ ได้ [6] [7]
  5. สังเกตอาการของโรคหนองในแท้หรือหนองในเทียมที่ทวารหนัก. อาการที่ว่านี้ได้แก่ คันตรงทวารหนัก รู้สึกเจ็บขณะขับถ่าย มีแผลที่ทวารหนัก มีเลือดออกทางทวารหนัก ต่อมลูกหมากโต และมีของเหลวไหลออกจากทวารหนัก [8] [9]
  6. ถ้าคู่นอนของคุณมีอาการของโรคหนองในแท้หรือหนองในเทียม (แม้ว่าคุณจะไม่แสดงอาการก็ตาม) คุณควรเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ทั้งคู่ ถ้าคู่นอนของคุณเป็นผู้ชาย ให้สังเกตตามรายการที่กล่าวไว้ด้านบน แต่ถ้าคู่นอนของคุณเป็นผู้หญิง ให้สังเกตตามแนวทางด้านล่างนี้ :
  7. เข้ารับการรักษาทางการแพทย์หากคุณมีอาการใดๆ ตามที่กล่าวในข้างต้น. โรคหนองในแท้และหนองในเทียมอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายถาวรหากไม่ได้รับการรักษา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

สังเกตสัญญาณของซิฟิลิส

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สังเกตอวัยวะเพศ ปาก และทวารหนักว่าเป็นแผลซิฟิลิสระยะแรกหรือเปล่า. (บอกให้คู่นอนของคุณสังเกตตัวเองด้วยเช่นกัน) แผลมักจะเป็นแผลเปิด แผลเปื่อย หรือเป็นแผลไม่เจ็บ [17] แผลที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซิฟิลิสมักจะปรากฏในช่วง 10 วัน - 3 เดือนหลังจากการสัมผัส [18] โดยจะปรากฎในร่างกายตรงบริเวณที่ติดเชื้อ (เช่น องคชาต อวัยวะเพศหญิง ลิ้น ริมฝีปาก ทวารหนัก) และหายไปเอง แต่เชื้อก็ยังคงอยู่ในร่างกาย และซิฟิลิสระยะที่สองก็อาจจะกลับมาใหม่ในภายหลัง [19]
  2. ประเมินสัญญาณของซิฟิลิสระยะที่สองด้วยตัวเอง. อาการเหล่านี้จะปรากฎภายใน 3-6 สัปดาห์หลังจากซิฟิลิสระยะแรกหายไปแล้ว ซึ่งอาการที่ว่านี้ได้แก่ : [20]
    • เป็นผื่นที่เป็นแผลสีแดงหรือสีออกน้ำตาลกว้าง ¾ นิ้ว อาการนี้เป็นสัญญาณของโรคซิฟิลิสระยะที่สองที่พบบ่อยที่สุด ผื่นที่ว่านี้เป็นผื่น (บริเวณผิวหนังเรียบๆ สีแดง และเป็นตุ่มๆ) ที่ขึ้นตามลำตัวและแขนขา รวมถึงฝ่ามือและฝ่าเท้าด้วย
    • มีไข้
    • ปวดหัว
    • เจ็บคอ
    • เบื่ออาหาร
    • ปวดกล้ามเนื้อ
    • น้ำหนักลด
    • ผมร่วงมาก
    • พบความผิดปกติในทางเดินอาหาร
    • ความผิดปกติทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
    • พบความผิดปกติทางระบบประสาทและสายตา
    • ต่อมน้ำเหลืองโต
    • ความรู้สึกไม่สบายทั่วไป
  3. รู้ว่าโรคซิฟิลิสอาจแพร่สู่ระบบประสาทระหว่างการติดเชื้อ. โรคซิฟิลิสเป็นโรคที่อันตรายและอาจทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาท ได้แก่ การเคลื่อนไหวที่ไม่ประสานกันและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้โรคซิฟิลิสระยะที่สองยังอาจนำไปสู่โรคซิฟิลิสระยะที่สาม ที่อาจจะแพร่กระจายสู่อวัยวะต่างๆ และโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
    • โรคซิฟิลิสที่ระบบประสาทนั้นวินิจฉัยได้ยาก และมักจะต้องตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อยืนยัน
  4. เข้ารับการรักษาทางการแพทย์หากคุณมีอาการตามที่กล่าวในข้างต้น หรือสงสัยว่าคุณอาจจะติดโรคซิฟิลิส. โรคนี้เป็นโรคที่อันตรายและอาจทำให้เกิดความเสียหายถาวรหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา เพราะฉะนั้นคุณต้องปรึกษาแพทย์ทันทีและเข้ารับการตรวจ
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

สังเกตสัญญาณของเริมที่อวัยวะเพศ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สังเกตแผลเปิดแดงๆ แผลพุพอง หรือตุ่มเล็กๆ แดงๆ ตรงบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก. [21] แผลที่ว่านี้อาจจะขึ้นที่องคชาต ถุงอัณฑะ หรือแม้แต่ในท่อปัสสาวะ เริมที่อวัยวะเพศนั้นเป็นการติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากเชื้อ Herpes Simplex Virus (HSV) ซึ่งจะทำให้เกิดแผลปวดที่องคชาตหรืออวัยวะเพศหญิง
    • แม้ว่าการพุพองของเริมที่อวัยวะเพศจะรักษาได้ด้วยยา แต่ถ้าคนๆ นั้นติดเชื้อแล้ว เขาจะมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายตลอดเวลา
  2. สังเกตอาการเจ็บหรือคันบริเวณอวัยวะเพศ ต้นขา ก้น หรือทวารหนัก. อาการคันมักจะเป็นอาการเริ่มแรกของการติดเชื้อเริม และคุณก็จะรู้สึกเจ็บที่แผลเริมด้วย ข้อสังเกตนี้ใช้ในการแยกความแตกต่างระหว่างเริมกับอาการอื่นๆ [22]
  3. เริมที่อวัยวะเพศสามารถขึ้นในท่อปัสสาวะได้ และทำให้รู้สึกปวดขณะปัสสาวะ [23]
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

สังเกตสัญญาณของการติดเชื้อ Human Papillomavirus (HPV) และหูดหงอนไก่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชนิดที่ทำให้เกิดมะเร็งนั้นเป็นคนละชนิดกับที่ทำให้เป็นหูดหงอนไก่ [24] และไม่มีวิธีการตรวจหาเชื้อ HPV ในผู้ชายด้วย
  2. สังเกตรอยแผลคล้ายหูดตุ่มเล็กๆ สีเนื้อหรือสีเทาที่องคชาต. หูดหงอนไก่แต่ละตุ่มมักจะมีขนาดเล็กมาก โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึง 1 มิลลิเมตรด้วยซ้ำ แต่มันอาจจะเพิ่มจำนวนขึ้นและหลายตุ่มก็จะขึ้นใกล้ๆ กัน ซึ่งพอมาถึงระยะนี้ หูดจะมีลักษณะเหมือนดอกหงอนไก่ [25] โดยหูดหงอนไก่จะขึ้นภายในและรอบๆ อวัยวะเพศ ทวารหนัก ในปาก และลำคอด้านหลัง
  3. สังเกตว่ามีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์หรือไม่. [26] เพราะอาจเป็นสัญญาณของหูดหงอนไก่หรือปัญหาอื่นๆ
  4. ระวังอาการคันหรือเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ ก้น หรือในปาก. สัญญาณเหล่านี้อาจเป็นอาการของหูดหงอนไก่หรือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
  5. เข้าใจว่าโดยทั่วไปแล้ว การติดเชื้อ HPV ชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งในผู้ชายและผู้หญิงนั้นจะไม่แสดงอาการ. ในผู้ชายเชื้อ HPV ชนิดนี้อาจทำให้เป็นมะเร็งองคชาต มะเร็งทวารหนัก หรือมะเร็งบริเวณคอหอยหลังช่องปากได้ [27] ในผู้หญิงเชื้อ HPV ชนิดนี้อาจทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก หรือมะเร็งบริเวณคอหอยหลังช่องปาก [28] แต่ก็มีวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV บางชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือหูดหงอนไก่ได้ [29]
    • ผู้ชายอายุระหว่าง 9-26 ปีสามารถฉีดวัคซีนการ์ดาสิลและการ์ดาสิลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ [30]
  6. เข้ารับการรักษาทางการแพทย์ถ้าคุณมีอาการตามที่กล่าวในข้างต้น. บุคลากรทางการแพทย์สามารถจ่ายยารักษาหูดหงอนไก่ และสามารถให้คำแนะนำแก่คุณในเรื่องความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้หากคุณติดเชื้อ HPV ชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ปฏิบัติตามแนวทางการคัดกรองที่แนะนำ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณและคู่นอนต้องปฏิบัติตามแนวทางการคัดกรองการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่แนะนำ. ถ้าคู่นอนของคุณเป็นผู้หญิง ก็มีการตรวจบางอย่างที่เธอควรเข้ารับการตรวจเป็นประจำ แต่ถ้าคู่นอนของคุณเป็นผู้ชาย เขาควรตรวจคัดกรองการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางประเภทโดยเฉพาะ [31] การตรวจเหล่านี้สามารถบอกได้ว่า คุณหรือคู่นอนติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ ทำให้คุณสามารถระมัดระวังตัวและเข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หลายประเภทไม่มีอาการที่ชัดเจน
    • แนวทางเหล่านี้ก็เป็นแค่แนวทางเท่านั้น คุณควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เรื่องการตรวจและปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด แล้วเขาจะช่วยให้คุณปรับการตรวจคัดกรองตามนั้นได้
    • คู่นอนของคุณก็ต้องเข้ารับการตรวจและรักษาตามนั้นด้วยเช่นกัน
  2. เข้ารับการตรวจ Human Immunodeficiency Virus (HIV) อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตระหว่างช่วงอายุ 13-64 ปี. ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันควรเข้ารับการตรวจอย่างน้อยปีละครั้งหรือบ่อยกว่านั้น [32]
  3. เข้ารับการตรวจโรคหนองในแท้และหนองในเทียมปีละครั้งถ้าคุณอายุต่ำกว่า 25 ปี มีคู่นอนใหม่ หรือมีคู่นอนหลายคน. [33] การมีคู่นอนหลายคนทำให้คุณเสี่ยงที่จะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น
  4. เข้ารับการตรวจโรคซิฟิลิส โรคหนองในแท้ และโรคหนองในเทียมปีละครั้งถ้าคุณเป็นผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์แบบใดก็ตามกับผู้ชายด้วยกัน. [34] ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคนและ/หรือมีคู่นอนที่ไม่ได้รู้จักกันควรเข้ารับการตรวจบ่อยกว่านี้ [35]

คำเตือน

  • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หลายประเภทไม่ได้แสดงอาการชัดเจน ถ้าคุณหรือคู่นอนกังวลว่าคุณอาจจะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ให้ไปพบผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ
  • มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อีกมากมายที่ไม่แสดงอาการตรงบริเวณอวัยวะเพศ ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ (เอ บี และซี) และ HIV ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้
  1. http://www.cdc.gov/std/gonorrhea/stdfact-gonorrhea.htm
  2. http://www.cdc.gov/std/Chlamydia/STDFact-Chlamydia.htm
  3. http://www.cdc.gov/std/gonorrhea/stdfact-gonorrhea.htm
  4. http://www.cdc.gov/std/Chlamydia/STDFact-Chlamydia.htm
  5. http://www.cdc.gov/std/gonorrhea/stdfact-gonorrhea.htm
  6. http://www.cdc.gov/std/Chlamydia/STDFact-Chlamydia.htm
  7. http://www.cdc.gov/std/gonorrhea/stdfact-gonorrhea.htm
  8. http://www.plannedparenthood.org/learn/stds-hiv-safer-sex/syphilis
  9. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/in-depth/std-symptoms/art-20047081?pg=2
  10. http://www.cdc.gov/std/syphilis/STDFact-Syphilis.htm
  11. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/in-depth/std-symptoms/art-20047081?pg=2
  12. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/in-depth/std-symptoms/art-20047081?pg=2
  13. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/in-depth/std-symptoms/art-20047081?pg=2
  14. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/in-depth/std-symptoms/art-20047081?pg=2
  15. http://www.cdc.gov/STD/HPV/STDFact-HPV.htm
  16. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/in-depth/std-symptoms/art-20047081?pg=2
  17. http://www.publichealth.va.gov/infectiondontpassiton/womens-health-guide/stds/hpv.asp
  18. http://www.cdc.gov/std/hpv/stdfact-hpv-and-men.htm
  19. http://www.cdc.gov/std/hpv/stdfact-hpv-and-men.htm
  20. http://www.cdc.gov/std/hpv/stdfact-hpv-and-men.htm
  21. http://www.webmd.com/vaccines/adult-hpv-vaccine-guidelines#1
  22. http://www.cdc.gov/std/prevention/screeningreccs.htm
  23. http://www.cdc.gov/std/prevention/screeningreccs.htm
  24. http://www.cdc.gov/std/prevention/screeningreccs.htm
  25. http://www.cdc.gov/std/prevention/screeningreccs.htm
  26. http://www.cdc.gov/std/prevention/screeningreccs.htm

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,658 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม