ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า แมวได้พัฒนาระบบการสื่อสารที่ละเอียดซับซ้อนด้วยการเปล่งเสียงที่มีมากหลายร้อยรูปแบบ เพื่อบอกมนุษย์ว่ามันอยากได้หรือต้องการอะไร [1] การพัฒนาความเข้าใจว่าแมวสื่อสารกับคุณอย่างไร แมวเข้าใจการสื่อสารของมนุษย์อย่างไร จะสามารถช่วยให้คุณพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนตัวน้อยของคุณให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นได้ [2]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เข้าใจภาษากายของแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช่นเดียวกับสุนัข แมวจะสื่อสารด้วยท่าทางและการเคลื่อนไหวของหาง [3] การเข้าใจอากัปกิริยาท่าทางของหางร่วมกับการเปล่งเสียง จะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการและความอยากของแมวได้ ลักษณะท่าทางของหางโดยทั่วไปมีดังนี้:
    • หางตั้งตรงและขดเป็นวงตรงปลาย: บ่งบอกถึงความสุข
    • หางกระตุก: แมวรู้สึกตื่นเต้นหรือกระวนกระวาย
    • ขนตรงหางชี้ตรงหรือพองฟู: แมวรู้สึกตื่นตระหนกหรือรู้สึกถูกคุกคาม
    • หางสั่น: แมวรู้สึกตื่นเต้นมากและดีใจมากที่ได้เจอคุณ
    • ขนหางตั้งตรงขณะที่หางขดเป็นรูปตัว N: นี่เป็นสัญญาณของความก้าวร้าวรุนแรง และมักจะปรากฏให้เห็นระหว่างการต่อสู้ หรือระหว่างการป้องกันตัวเอง
    • ขนหางตั้งตรงแต่หางลดต่ำ: แมวรู้สึกหงุดหงิดหรือรู้สึกกลัว
    • หางลดต่ำและซุกอยู่ระหว่างขาหลัง: แมวรู้สึกกลัว
  2. การมองตรงเข้าไปยังดวงตาของแมวจะสามารถช่วยให้คุณเชื่อมความรู้สึกกับมันและอ่านความรู้สึกของมันได้ แต่โปรดระวังไว้ การจ้องตรงๆ โดยไม่กระพริบตาเลยอาจจะถูกตีความได้ว่าเป็นท่าทางของการรุกราน ซึ่งจะทำให้แมวรู้สึกไม่สบายใจ
    • ถ้ารูม่านตาของแมวขยายกว้างขึ้น แสดงว่าแมวอาจจะรู้สึกมีความสุข ตื่นเต้น ค่อนข้างกลัว หรือหงุดหงิด; สังเกตพฤติกรรมอื่นร่วมด้วยเพื่อดูว่าแมวกำลังรู้สึกแบบไหน [4]
    • การที่แมวจ้องกลับมาที่ดวงตาของคุณ เป็นการบ่งบอกว่ามันไว้ใจคุณและรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับคุณ
    • การที่แมวค่อยๆ กระพริบตาช้าๆ อาจจะเป็นการแสดงถึงความรักและบ่งบอกว่าแมวรู้สึกสบายใจกับใครก็ตามที่อยู่รอบๆ ตัวมัน
  3. เพราะว่าแมวแสดงภาษากายได้ “ชัดเจน” กว่ามนุษย์ ท่าทางของมันจึงมักจะมาพร้อมกับการเปล่งเสียงเพื่อช่วยในการส่งข้อความ
    • แมวที่ยกจมูกขึ้นและเอียงหัวถอยกลับไปเล็กน้อยกำลังบอกว่า “ฉันรู้จักคุณ” แมวที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างอาจจะทักคุณด้วยท่าทางเช่นนี้เมื่อคุณเดินผ่าน
    • แมวอาจจะลู่หูลง หากมันรู้สึกกลัว วิตกกังวล หรือสนุก ท่าทางนี้อาจจะปรากฏให้เห็นเมื่อมันกำลังดมอะไรบางอย่างอย่างระมัดระวังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    • แมวที่แลบลิ้นออกมาเล็กน้อยและเลียริมฝีปากล่าง กำลังแสดงออกว่ามันรู้สึกวิตกกังวล หรือหวั่นเกรง
  4. การสื่อสารกับคุณสำหรับแมวบางตัวจะขึ้นอยู่กับว่ามันประพฤติตัวอย่างไรเมื่อมันอยู่กับคุณ พฤติกรรมบางอย่างจะสอดคล้องกับความหมายที่แมวส่วนมากต้องการจะสื่อ [5]
    • การที่แมวเข้ามาถูตัวกับคุณ หมายความว่ามันกำลังทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของคุณอยู่
    • การ “จูบ”ด้วยจมูกเปียก เป็นท่าทางการแสดงความรักของแมว ซึ่งคือการที่แมวแตะจมูกที่เปียกชื้นกับตัวคุณ ท่าทางนี้บ่งบอกว่ามันชอบและรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับคุณ
    • การที่แมวถูหัว สีข้าง และหางกับคนหรือสัตว์ เป็นการแสดงถึงการทักทาย
    • การโหม่งหัวอย่างร่าเริง คือการแสดงออกถึงความเป็นมิตรและความรัก
    • แมวจะดมที่หน้าของคนเพื่อยืนยันตัวตนของคนคนนั้น โดยอิงจากความคุ้นชินของกลิ่น
    • แมวจะใช้อุ้งเท้านวดสลับกันทั้งเท้าขวาและเท้าซ้ายเป็นช่วงๆ เพื่อแสดงถึงความสุข ความพึงพอใจ หรือความเพลิดเพลิน การนวดเป็นการบ่งบอกว่าแมวรู้จักและไว้ใจคุณ
    • การที่แมวเลียคุณ คือการแสดงออกถึงความไว้ใจสูงสุด แมวอาจจะเห็นว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เหมือนกับตอนที่แม่แมวเลียทำความสะอาดให้ลูกตัวเอง
    • หากแมวพยายามจะกินผมของคุณ มันอาจจะกำลังพยายาม “ดูแล” คุณอยู่ ซึ่งหมายความว่าแมวรักคุณและไว้ใจคุณมาก
    • แมวบางตัวจะแสดงความรักโดยการเลียนแบบท่าทางของคุณ คุณสามารถทดสอบได้โดยการนอน “แกล้งตาย” บนพื้น แมวอาจจะเข้ามาดมและสะกิดคุณ ก่อนจะนอนแกล้งตายด้วย
    • ถ้าแมวกัดคุณเบาๆ หมายความว่านี่เป็นคำเตือนให้คุณปล่อยมันให้อยู่เพียงลำเพียง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

สื่อสารกับแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แมวจะเรียนรู้วิธีการสื่อสารกับเราอยู่เสมอ ยิ่งคุณสื่อสารกับแมวของคุณมากเท่าไร มันก็จะเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น [6]
    • ใช้น้ำเสียงที่สูงเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นมิตร และใช้น้ำเสียงที่ต่ำเพื่อบ่งบอกถึงความไม่พอใจหรือความโกรธ [7]
    • การพูดซ้ำๆ จะช่วยให้แมวเรียนรู้ที่จะคาดการณ์การกระทำที่สอดคล้องกันได้ คุณอาจจะพูดคำว่า นอน หรือ เตียง ซ้ำๆ ทุกครั้งที่คุณจะไปนอน ท้ายที่สุด แมวก็จะเริ่มรวมคำที่พูดซ้ำๆ กับการกระทำของคุณเข้าด้วยกัน และอาจจะเข้าไปในห้องนอนก่อนคุณเสียด้วยซ้ำ
  2. แมวสามารถฝึกให้เข้าใจคำพูดได้ แต่มันก็จะเข้าใจสัญญาณต่างๆ ที่ไม่ใช่คำพูดได้โดยสัญชาตญาณเช่นกัน การสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นด้วยความคาดหวังและความประทับใจเล็กน้อย จะสามารถช่วยในการเริ่มต้นสานความสัมพันธ์กับแมวใหม่ให้แน่นแฟ้นได้
    • ถ้าคุณกระพริบตาช้าๆ เมื่อสบตากับแมวของคุณ มันก็มักจะตอบสนองด้วยการเข้ามาให้คุณลูบ การกระทำนี้เป็นท่าทางที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรสูงและไร้ซึ่งความรู้สึกคุกคาม
    • พยายามอย่าจ้องตรงไปยังตาของแมว ท่าทางนี้เป็นการบอกมันว่าคุณรู้สึกไม่เป็นมิตรหรือโกรธ [8]
    • ถ้าแมวต้องการจะไปที่ไหนสักแห่ง เช่น บนเก้าอี้ข้างๆ คุณ แต่มันทำท่าไม่มั่นใจ ให้คุณตบตรงที่ตรงนั้น และใช้เสียงที่นุ่มนวล อ่อนโยน เพื่อชวนให้มันขึ้นมานั่งกับคุณ
    • ทำให้ความตั้งใจของคุณกับการแสดงออกไปในทิศทางเดียวกัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนมักจะทำผิดพลาดด้วยการดุแมวว่า “ไม่” แต่ก็จะลูบหัวมันในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้แมวสับสนมาก ถ้าคุณต้องการจะไล่แมวออกไป การพูดว่า “ไว้ก่อน” และผลักมันเบาๆ โดยไม่แสดงท่าทีรักใคร่ จะทำให้แมวเข้าใจว่ามันไม่ควรจะอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ แมวส่วนใหญ่จะพยายามเข้าใกล้อีกสองถึงสามครั้ง ซึ่งมักจะเข้ามาจากทิศทางที่ต่างจากเดิม โปรดใช้ความอดทนในการพูดว่า “ไว้ก่อน” เพื่อเตือนมันอีกครั้ง
    • ห้ามตะคอกหรือทำร้ายร่างกายแมว การกระทำเหล่านี้มีแต่ทำให้แมวหวาดกลัวและโกรธ ซึ่งจะเป็นการทำให้มันรู้สึกต่อต้าน คุณควรจะใช้น้ำเสียงที่แข็งในการพูดแทนการแสดงความไม่พอใจออกมา แมวจะเข้าใจและสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของคุณเอง [9]
  3. การทำให้น้ำเสียงเวลาพูดกับการกระทำอื่นๆ ไปในทิศทางเดียวกันระหว่างการฝึกออกคำสั่งแมว จะช่วยให้คุณทั้งคู่เข้าใจความคาดหวังและจุดประสงค์ของการฝึกนี้ได้อย่างชัดเจน [10]
    • ใช้น้ำเสียงที่เป็นคำสั่งกับแมวของคุณเมื่อมันทำผิด ใช้น้ำเสียงที่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติและสามารถใช้พูดซ้ำด้วยน้ำเสียงเดิมได้ง่าย แต่ก็ต้องเป็นน้ำเสียงที่ต่างไปจากเสียงที่คุณใช้พูดปกติในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน ถ้าคุณใช้น้ำเสียงนี้น้อยครั้ง แต่จริงจัง แมวจะรับรู้ได้ด้วยการรวมน้ำเสียงของคุณเข้ากับความคิดที่ว่ามันกำลังทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจ
    • ออกเสียงอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่แสดงความฉุนเฉียวไม่พอใจเหมือนแมวร้องฟ่อ การออกคำสั่งว่า “ไม่” ด้วยเสียงแบบนี้จะใกล้เคียงกับเสียงร้องเตือนใน “ภาษาแมว” และสามารถใช้สื่อเจตนาของคุณให้กับแมวได้อย่างชัดเจน
    • ใช้ความอดทนในการฝึก แล้วแมวจะสามารถเชื่อฟังคำสั่งได้เช่นเดียวกับสุนัข คุณยังสามารถฝึกขอมือแมวของคุณได้อีกด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ฟังแมวของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยปกติแล้ว การเปล่งเสียงร้องไม่ใช่การแสดงออกที่แมวมักจะชอบทำในการสื่อสาร “ภาษาแรก” ของแมวจะประกอบไปด้วย ระบบที่ซับซ้อนของกลิ่น การแสดงออกทางสีหน้า ภาษากายที่ซับซ้อน และการสัมผัส ในไม่ช้า แมวก็จะรู้ว่าเราไม่เข้าใจการแสดงออกที่ไม่เป็นคำพูดซึ่งพวกมันมักจะใช้ส่งถึงกันนี้ ดังนั้นมันจะเปล่งเสียงออกมาเพื่อพยายามสื่อสารด้วยภาษาของ “เรา” แมวจะเรียนรู้อยู่เสมอว่าจะแสดงถึงการขอร้องหรือความต้องการได้อย่างไร โดยสังเกตว่าเสียงร้องแบบไหนที่จะทำให้เราทำตามที่มันต้องการได้ [11]
  2. ถ้าคุณสังเกตว่าแมวของคุณกำลังทำอะไรอยู่เมื่อมันร้อง คุณอาจจะสามารถแยกแยะได้ว่า เสียงร้องแบบไหนสัมพันธ์กับความต้องการ (หรือการทักท้วง) ในเรื่องอะไร [12] แม้ว่าเสียงร้องของแมวจะแตกต่างกันไปตามแมวแต่ละตัว แต่ก็มีเสียงร้องบางแบบที่มักจะสัมพันธ์กับอารมณ์ของแมวที่แน่นอน เช่น เสียงครางในลำคอ หรือเสียงขู่ฟ่อ
    • เสียงร้องสั้นๆ จะใช้ในการทักทายปกติและการตอบรับทั่วไป
    • การร้องหลายครั้งเป็นการแสดงการทักทายอย่างตื่นเต้น คุณอาจจะได้ยินเสียงทักทายที่กระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิมด้วยการร้องหลายครั้งมากขึ้น หากคุณกลับมาหลังจากออกไปข้างนอกนานกว่าปกติ
    • เสียงร้องระดับกลางจะบ่งบอกถึงการขออะไรสักอย่าง เช่น อาหาร หรือน้ำ
    • เสียงร้องลากยาวจะเป็นการตื้อเพื่อให้ได้ในสิ่งที่อยากได้ตามต้องการ
    • เสียงร้องต่ำจะบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ความโกรธ หรือการเตรียมพร้อมที่จะสู้
    • เสียงร้องที่ดังและต่ำกว่าเสียงระดับกลางมักจะหมายถึงการขออะไรสักอย่างแบบเร่งด่วน เช่น อาหาร
  3. สังเกตการสื่อสารอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสียงร้องเหมียว. แม้ว่าเสียงร้องเหมียวเป็นเสียงที่เรามักจะได้ยินบ่อยสุดจากการเปล่งเสียงของแมว แต่แมวก็ยังส่งเสียงร้องแบบอื่นด้วยเช่นกัน [13]
    • เสียงครางสั่นในลำคอเป็นการเชิญให้คุณสัมผัสอย่างใกล้ชิดและให้ความสนใจมัน แม้ว่าแมวจะสามารถร้องครางในลำคอได้จากหลายสาเหตุ แต่การร้องแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงความพึงพอใจ
    • เสียงขู่ฟ่อเป็นสัญญาณของความก้าวร้าวหรือการป้องกันตัวเองที่ชัดเจนที่สุด. เสียงแบบนี้บ่งบอกว่าแมวของคุณกำลังไม่สบายใจอย่างมาก รู้สึกถูกคุกคาม หวาดกลัว กำลังต่อสู้ หรือเตรียมพร้อมที่จะสู้
  4. แม้ว่าเสียงร้องแบบอื่นอาจจะไม่ค่อยได้ยินบ่อยเท่าเสียงร้องเหมียว เสียงขู่ฟ่อ และเสียงครางในลำคอ แต่การเข้าใจเสียงร้องเหล่านี้ก็จะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจการเสื่อสารของแมวได้มากยิ่งขึ้น [14]
    • เสียงร้องแหลมสูงมักจะบ่งบอกถึงความโกรธ ความเจ็บปวด หรือความรู้สึกหวาดผวา
    • เสียงร้องเจื้อยแจ้วสามารถบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก ความวิตกกังวล หรือความไม่พอใจ
    • เสียงร้องแหลมเล็กเหมือนเสียงร้องเหมียวผสมกับเสียงครางในลำคอด้วยระดับเสียงที่สูงขึ้น เป็นเสียงทักทายอย่างเป็นมิตร ซึ่งแม่แมวมักจะใช้บ่อยเพื่อใช้เรียกลูกของตัวเอง
    • เสียงร้องโหยหวนอาจบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน เช่นตอนที่คุณเหยียบหางแมวโดยไม่ได้ตั้งใจ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เมื่อแมวกัดคุณ บางครั้งอาจจะเป็นแค่การหยอกล้อของมัน หรือมันกำลังจะบอกคุณว่ามันได้รับบางอย่างมากพอแล้ว
  • เมื่อปล่อยแมวลงสู่พื้น พยายามดูให้ดีว่าขาของมันแตะพื้นแล้วก่อนจะปล่อยมันไป วิธีนี้จะทำให้เพื่อนตัวน้อยของคุณเริ่มรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับคุณ และมันจะไว้ใจว่าคุณจะไม่ปล่อยให้มันรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือจำเป็นต้องกระโดดหนีจากอ้อมกอดของคุณอีกต่อไป หากคุณทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงชีวิตของมัน การกระทำนี้จะกลายเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บเมื่อมันเข้าสู่วัยชรา ซึ่งเป็นวัยที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย
  • ถ้าแมวเดินหรือวิ่งหนีคุณ คุณควรจะปล่อยให้มันอยู่เพียงลำพัง การกระทำนี้เป็นการบอกว่ามันต้องการพื้นที่ส่วนตัว
  • การนั่งขัดสมาธิบนพื้นและมองไปที่แมวเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าคุณยินดีต้อนรับมัน และมันอาจจะเข้ามาหาคุณเพื่อให้คุณลูบตัวมัน
  • ถ้าคุณอยากจะลูบตัวมัน คุณต้องยื่นมือของคุณไปหามันเพื่อเป็นการถาม พยายามให้นิ้วของคุณเคลื่อนไปหามันอย่างช้าๆ แมวจะถูปากและจมูกของมันกับมือคุณ มันจะถูหัวกับมือจนกว่ามือของคุณจะไปหยุดอยู่ตรงจุดที่มันต้องการจะให้ลูบ
  • แมวบางตัวชอบให้ลูบท้อง ถึงแม้ว่าแมวส่วนใหญ่จะระแวงที่จะเผยช่องว่างตรงช่วงท้องซึ่งถูกโจมตีได้ง่าย จงอดทนและค่อยๆ ทำให้แมวเอาชนะความกลัวนี้ให้ได้ แมวส่วนใหญ่จะป้องกันอกของมันน้อยกว่าหน้าท้อง ลูบอกแมววันละนิด แต่ควรหยุดหากคุณรู้สึกได้ว่าแมวเริ่มเครียด เมื่อเวลาผ่านไป มันจะค่อยๆ ไว้ใจให้คุณลูบมัน การเข้าหาแบบนี้จะใช้ได้ผลดี หากคุณเริ่มทำตั้งแต่ตอนที่แมวยังเป็นเด็ก
  • ถ้าแมวแกว่งหางไปมาแรงๆ โดยปกติแล้วจะหมายความว่ามันกำลังโกรธหรือกำลังสนุก ดังนั้นคุณควรจะปล่อยให้มันอยู่เพียงลำพังจะดีกว่า
  • ถ้าคุณมีแมวที่ค่อนข้างจะขี้โมโห คุณก็ควรจะพูดกับมันอย่างอ่อนโยนและสานสัมพันธ์กับมันทุกวันเท่าที่คุณทำได้ ทั้งการแปรงขนมัน ให้อาหารมัน หรือเล่นกับมัน
  • ถ้าแมวของคุณขู่คำรามเมื่อมันโดนอุ้ม คุณก็ไม่ควรจะอุ้มมันบ่อยนัก ค่อยๆ ทำให้มันชินกับการกอดทีละนิด แมวสามารถรู้สึกชินกับอะไรบางอย่างได้ในเวลาอันรวดเร็ว คุณต้องระมัดระวังให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้มันอารมณ์เสีย
  • แมววิเชียรมาศและแมวสายพันธุ์เอเชียอื่นๆ มักจะชอบส่งเสียงร้องบ่อยๆ ในขณะที่แมวขนยาวบางสายพันธุ์จะไม่ค่อยส่งเสียงร้องเท่าไร [15] แต่แน่นอนว่าแมวบางตัวอาจจะเป็นข้อยกเว้น
โฆษณา

คำเตือน

  • เมื่อแมวรู้สึกถูกคุกคามโดยแมวหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่น มันก็มักจะถ่ายปัสสาวะและอุจจาระในจุดที่สะดุดตาเพื่อสร้างอาณาเขต พฤติกรรมนี้อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ หรือปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอื่นๆ ได้ด้วย ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น แมวจะต้องได้รับการรักษาหรือจับแยกออกจากแมวตัวอื่น ลองปรึกษาเรื่องนี้กับสัตวแพทย์ของคุณดู
  • เมื่อคุณยกแมวขึ้นอุ้ม ให้อุ้มมันอย่างระมัดระวังและไม่กอดมันแน่นจนเกินไป การอุ้มที่แน่นไปอาจถูกมองเป็นสัญญาณของการรุกราน และคุณก็อาจจะโดนข่วนอย่างหนักจนเลือดตกยางออกได้
  • แมวทุกตัวควรจะได้รับการทำหมันทันทีที่มันโตพอเพื่อป้องกันปัญหาทางด้านพฤติกรรมและเป็นการคุมกำเนิด โดยเฉพาะแมวตัวผู้ที่ควรพาไปทำหมันก่อนที่มันจะเข้าสู่วันเจริญพันธุ์เพื่อป้องกันการปัสสาวะเรี่ยราด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 223,295 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา