ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ถ้าคุณมีรูปเก่าๆ เต็มบ้านเป็นลังจนกลัวปลวกขึ้น ก็รักษารูปแห่งความทรงจำนั้นไว้ตลอดไปได้ แค่สแกนแล้วเก็บไว้ในคอม ใครมีรูปที่อยากส่งให้เพื่อนหรือครอบครัวที่อยู่ไกลกัน หรืออยากพริ้นท์รูปเป็นสำเนา ก็ทำได้หมด บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสแกนรูปให้ออกมาคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เอง ไม่ว่าคุณจะสะดวกสแกนรูปด้วยวิธีไหนก็ตาม ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านขั้นตอนที่ 1 กันเลย!
ขั้นตอน
-
เปิดคอมและพรินเตอร์ ให้แน่ใจว่าเชื่อมต่อเรียบร้อย. ถ้าเครื่องไม่ทำงานให้คุณ
- เช็คว่าเสียบปลั๊กดีหรือยัง ทั้งเต้ารับที่ผนังและปลั๊กรางกันไฟกระชาก
- ถ้าสายเสียบได้ไม่แน่น ก็ต้องแก้ไขก่อน
- เช็คว่าเสียบสาย USB ถูกพอร์ทแล้ว
- ต้องเลือกใช้สายให้ถูกต้อง
- สงสัยตรงไหนให้อ่านวิธีติดตั้งพรินเตอร์หรือสแกนเนอร์ในคู่มือที่ติดมา
- ตั้งกระทู้ถาม หรือเข้าเว็บ official ไปสอบถามเจ้าหน้าที่
-
ไปยังตำแหน่งที่มีโปรแกรมของสแกนเนอร์. ถ้าใช้ Windows ให้คลิกปุ่ม start เพื่อดูโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ แต่ถ้าใช้ Mac ให้คลิกไอคอนสแกนเนอร์ ถ้ายังไม่ติดตั้งโปรแกรม หรือหาแผ่นติดตั้งไม่เจอ ก็ใช้ utilities ในตัว หรือดาวน์โหลดจากเว็บดังที่เชื่อถือได้อย่าง CNET ก็ได้
- ถ้าใช้คอม Windows จะมี utility ติดมา ชื่อ Windows Fax and Scan ปกติจะหาได้โดยใช้แถบค้นหาในเมนู start
-
เปิดโปรแกรมของสแกนเนอร์. หาโปรแกรมของสแกนเนอร์ activate สแกนเนอร์แล้วเปิดโปรแกรมโดยดับเบิลคลิกชื่อโปรแกรม หรือกดปุ่ม scan ที่พรินเตอร์หรือสแกนเนอร์ คลิกปุ่ม next เพื่อไปขั้นตอนถัดไป แล้วจะมีให้วางรูปเพื่อสแกนโฆษณา
-
วางรูปที่จะสแกน. คว่ำเอกสารลงบนกระจกของสแกนเนอร์หรือพรินเตอร์ จัดวางรูปให้อยู่ในลูกศรหรือตารางของเครื่อง ปิดฝาถ้ามี แล้วกด scan ที่เครื่อง หรือใช้โปรแกรมสแกนในคอม
-
ตั้งค่าการสแกน. จะมีให้เลือกว่าจะสแกนเป็นสี ขาวดำ สีเทา หรือ custom คุณเลือกฟอร์แมตไฟล์ที่จะเซฟรูปได้ด้วย (jpg, jpeg หรือ tiff)
-
เลือกแสดงตัวอย่างรูป. คลิก preview แล้วจะดูรูปได้ก่อนไปต่อ เผื่อจะเปลี่ยน settings ไหน คุณใช้ preview เลือกประเภทไฟล์ได้ด้วย รวมถึงการวางแนว (orientation) และ resolution ถ้า "Orientation" จะมีให้เลือก portrait (แนวตั้ง) หรือ landscape (แนวนอน) และ "Resolution" เอาไว้ปรับความคมชัดของรูป
- ยิ่ง resolution สูง รายละเอียดของรูปยิ่งเห็นเด่นชัด เพราะงั้นถ้าอยากให้รูปคมชัดขึ้น ก็ต้องเพิ่ม resolution หมายเหตุ: ขนาดของรูปก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทำให้ไฟล์ยิ่งกินพื้นที่มากขึ้น ถ้าส่งเป็นไฟล์แนบทางอีเมลอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ หรือส่งไม่ได้เลยถ้าไม่ย่อไฟล์ซะก่อน ปกติ resolution ไม่เกิน 300 dpi ก็พอแล้ว
-
คลิก "Finish" หรือ "Scan". พอกำหนด settings ที่ต้องการใน preview แล้ว ให้คลิก finish หรือ scan เพื่อจบขั้นตอนแล้วไปต่อ คำที่ขึ้นจะแตกต่างกันไปตามโปรแกรม บางทีก็ขึ้นทั้ง 2 แบบ
-
ทำตามขั้นตอนของโปรแกรมที่มีในเครื่อง. ให้ทำตามขั้นตอนใน Scan Wizard หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่มีในเครื่องแต่แรก ถ้าทำเองไม่เข้าใจหรือไม่ได้ผล เพราะในหน้าต่าง Wizard จะมีขั้นตอนโดยละเอียดว่าต้อง copy รูปจากสแกนเนอร์ลงคอมหรือเว็บยังไง
-
เซฟรูป. บางโปรแกรมจะเซฟรูปให้คุณอัตโนมัติใน cache ของโปรแกรม แต่โปรแกรมส่วนใหญ่คุณต้องเซฟรูปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการของคอมเอง หรืออัพโหลดเข้าเว็บผ่านอินเทอร์เน็ต ให้มองหาปุ่ม save หรือใช้หน้าต่าง save ที่โผล่มา ควรเซฟรูปไว้ในที่ที่หาง่าย ใช้สะดวก
- เวลาเซฟก็ตั้งชื่อให้เสร็จเรียบร้อย เพราะถ้าต้องมานั่งเปลี่ยนชื่อใหม่ทีหลัง โดยเฉพาะใครมีรูปในคอมมหาศาล จะเรื่องใหญ่!
โฆษณา
-
อย่าใจร้อน. ถ้าอยากสแกนให้รูปออกมาสวยหรูดูโปร ก็ต้องใช้เทคนิคพิเศษ แต่หลักๆ คือต้องหาเวลามาแต่งรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ละรูปต้องสแกนแล้วแต่งไปทีละไฟล์ อย่าประหยัดเวลาโดยสแกนทีละเยอะๆ บอกเลยว่าเสียเวลาหน่อยแต่รูปออกมาสวยชื่นใจแน่นอน [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
สแกนแผ่นฟิล์มต้นฉบับเก็บไว้. ถ้าเป็นไปได้ ให้รีบสแกนฟิล์มต้นฉบับเก็บไว้ด้วยเครื่อง film scanner เพื่อให้ได้รูปที่คมชัดคุณภาพสูงยิ่งขึ้น เครื่องสแกนฟิล์มนั้นราคาค่อนข้างแพง แต่ถ้ามีรูปที่อยากเก็บรักษาไปนานๆ หลายรูป ก็คุ้มค่าที่จะลงทุน
-
อย่าหมุนรูปหลังสแกนเสร็จ. เวลาพลิกหรือหมุนรูปในหน้าต่าง preview ของโปรแกรมสแกน (หรือในโปรแกรมแต่งรูปอื่นๆ หลักสแกนเสร็จ) รูปอาจเสียคุณภาพและความคมชัดได้ เพราะงั้นให้สแกนรูปในการวางแนวที่ถูกต้องแต่แรก จะช่วยรักษาความคมชัดของรูปไว้ได้
-
สแกนเป็น 24 Bit. ในรายการตัวเลือกที่มีการสแกนแบบขาวดำ แบบสี และอื่นๆ บางทีก็มีตัวเลือกสแกนเป็น 24 bit ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าอยากสแกนรูปออกมาคุณภาพสูง แนะนำให้เลือกข้อนี้ทุกครั้ง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปรับ levels กับ saturation. ถ้าโปรแกรมสแกนมีตัวเลือกสำหรับปรับแต่ง levels กับ saturation ก่อนสแกน ก็ให้เลือกเลย เพราะถ้าไปปรับแต่ง 2 อย่างนี้ทีหลังในโปรแกรมแต่งรูป จะทำให้คุณภาพรูปเสียได้ รูปจะละเอียดน้อยลง โดย levels and saturation settings ใช้เปลี่ยนสี ความเข้ม และความสว่างของรูป ถึงรูปเก่าสีซีดๆ ก็คืนความสดใสได้
-
ถ้าจะสแกนเพื่อพริ้นท์รูปให้ใหญ่ขึ้น และไม่มีปัญหาถ้าไฟล์ออกมาขนาดใหญ่ ก็เซฟเป็นไฟล์ tiff ได้เลย. แต่ถ้าอยากได้ไฟล์กะทัดรัด ให้เซฟเป็น png หรือ jpg (บางทีก็เรียก jpeg) แทน
-
แต่งหรือแก้ไขรูปด้วย Photoshop เสมอ อย่าใช้ setting อัตโนมัติ. ส่วนใหญ่รูปที่ใช้ settings อัตโนมัติจะออกมาลวกๆ ไม่ละเอียดเท่าเราแต่งเอง ให้คุณหัดใช้โปรแกรมแต่งรูปโปรๆ อย่าง Photoshop หรือจ้างมืออาชีพเขาแต่งหรือกู้รูปเก่าให้ซะเลย โดยเฉพาะรูปสำคัญ จ่ายแพงหน่อยแต่คุ้มค่าแน่นอนโฆษณา
เคล็ดลับ
- รูปที่สแกนแล้ว ใช้ตั้งเป็น screensaver หรือพื้นหลังของคอมได้เลย
- ผู้พัฒนาโปรแกรมส่วนใหญ่จะให้ดาวน์โหลดโปรแกรมไปใช้ได้ฟรี ถ้ามีโปรแกรมเวอร์ชั่นเก่าอยู่แล้ว เป็นเหมือนบริการอัพเดทหลังการขายนั่นเอง
โฆษณา
คำเตือน
- ดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บดังที่เชื่อถือได้เท่านั้น เพื่อป้องกันไวรัส
- อ่านเงื่อนไขและข้อตกลงการดาวน์โหลดและใช้งานโปรแกรมดีๆ ก่อนตัดสินใจดาวน์โหลดไฟล์
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.pcmag.com/article2/0,2817,2397699,00.asp
- ↑ http://www.howtogeek.com/109409/how-to-properly-scan-a-photograph-and-get-an-even-better-image/
- http://windows.microsoft.com/en-US/windows-vista/Scan-a-picture
- http://windows.microsoft.com/en-US/windows7/Scan-a-document-or-photo-with-Windows-Fax-and-Scan
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,666 ครั้ง
โฆษณา