เดี๋ยวนี้ไฟล์มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน สวนทางกับเว็บหรือโปรแกรมส่งอีเมลต่างๆ ที่จำกัดขนาดไฟล์แนบแค่ไม่กี่ megabytes เท่านั้น ถ้าคุณมีเหตุให้ต้องส่งไฟล์ขนาดใหญ่ หรือส่งทีละหลายๆ ไฟล์ไปให้ใคร ให้ลองใช้วิธีการในบทความนี้ดู เช่น พื้นที่เก็บข้อมูลในระบบ cloud และเว็บที่ให้บริการแชร์ไฟล์ พวกนี้ทำให้การส่งไฟล์ใหญ่ๆ กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย แถมเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าแนบไฟล์ทางอีเมลเป็นไหนๆ
ขั้นตอน
-
บริการของเว็บ cloud storage ตรงกับความต้องการของคุณหรือเปล่า. cloud storage เป็น remote servers หรือเว็บสำหรับเก็บไฟล์ข้อมูลออนไลน์ จะเข้าถึงและใช้งานจากที่ไหนก็ได้ แถมแชร์ลิงค์ของไฟล์ให้คนอื่นดาวน์โหลดจากบัญชี cloud storage ของคุณโดยตรงได้เลย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เว็บ cloud storage ส่วนใหญ่ให้พื้นที่เก็บไฟล์ 5 GB ขึ้นไปฟรีๆ แต่หลายเว็บก็ให้พื้นที่มากกว่านั้นเยอะ
- ส่วนใหญ่จะไม่จำกัดขนาดของไฟล์ที่อัพโหลดเข้า cloud storage
-
เลือก cloud storage ที่ใช่. เดี๋ยวนี้มีหลายเว็บให้เลือกใช้ ส่วนใหญ่บริการจะคล้ายๆ กัน บางทีคุณอาจมีบัญชีของเว็บพวกนี้อยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่ามีพื้นที่เก็บไฟล์ให้ด้วยก็ได้!
- Google Drive - เป็น cloud storage ฟรีของ Google ใครที่สมัคร Gmail ก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลไปเลย 15 GB คุณลองเข้าไปดูได้ที่ drive.google.com โดยล็อกอินด้วยบัญชี Gmail ของคุณ
- OneDrive - เป็น cloud storage ของ Microsoft ใครที่สมัครบัญชี Microsoft (Hotmail, Outlook.com) จะได้พื้นที่เก็บข้อมูล 15 GB ฟรีๆ เช่นกัน โดยเข้าไปที่ onedrive.live.com แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft ของคุณ
- DropBox - เป็น cloud storage เดี่ยวๆ ไม่แถมมากับอีเมล สมัครบัญชีฟรีแล้วได้พื้นที่เก็บข้อมูล 2 GB แต่เพิ่มได้ด้วยระบบ refer ลองไปสมัครกันดูที่ dropbox.com
- Box - เป็นอีก cloud storage เดี่ยวๆ ไม่พ่วงอีเมล สมัครบัญชีฟรีแล้วได้พื้นที่เก็บข้อมูล 10 GB แต่จำกัดขนาดไฟล์ละไม่เกิน 250 MB ลองไปสมัครกันดูที่ box.com/personal
- Mediafire - เป็นเว็บรับฝากไฟล์ที่พัฒนามาเป็น cloud storage ในที่สุด จะต่างจากเว็บ cloud storage อื่นๆ ตรงที่เน้นการฝากเพื่อแชร์ไฟล์กับคนอื่นมากกว่าเก็บไฟล์ไว้เฉยๆ ถ้าสมัครบัญชีฟรีแล้วจะได้พื้นที่เก็บข้อมูล 10 GB แต่ลิงค์ดาวน์โหลดที่แชร์ไปจะมีโฆษณาติดมาด้วย เดี๋ยวนี้คนสมัครฟรีก็ไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ที่อัพโหลดได้แล้ว (แต่ก่อนห้ามเกิน 200 MB) ยังไงลองเข้าไปดูที่ mediafire.com
-
อัพโหลดไฟล์ที่จะแชร์. ก่อนจะส่งไฟล์ให้ใคร ต้องอัพโหลดไฟล์นั้นเข้าเว็บ cloud ก่อน โดยขั้นตอนจะแตกต่างกันไปตามเว็บที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่ก็คือต้องล็อกอินเข้าเว็บ cloud ผ่านเบราว์เซอร์ แล้วลากไฟล์ไปใส่ในหน้าต่างเบราว์เซอร์ได้เลย
- หลายเว็บ cloud มีแอพมือถือให้ใช้คู่กันไปด้วย คุณอัพโหลดไฟล์จากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้เลย
- บางเว็บ cloud อย่าง Google Drive และ DropBox ให้คุณสร้างโฟลเดอร์สำหรับ sync ไฟล์จากคอมเข้าเว็บได้เลย โดยลากไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปใส่ในโฟลเดอร์ sync นั้น เท่านี้ก็อัพโหลดเข้าเว็บอัตโนมัติ
- จะต้องรออัพโหลดไฟล์นานแค่ไหนก็แล้วแต่ความแรงของเน็ต ยิ่งถ้าไฟล์ใหญ่เป็น GB ขึ้นไปก็อาจนานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว
-
หาลิงค์ไว้แชร์ไฟล์. พออัพโหลดไฟล์เรียบร้อยแล้ว ก็เอาลิงค์ส่งให้คนที่จะแชร์ไฟล์ได้เลย วิธีการก็แตกต่างกันไปตามเว็บที่ใช้เช่นกัน แต่ปกติคือเลือกไฟล์ แล้วคลิก "Share" หรือ "Get Link"
-
copy แล้ว paste ลิงค์ใส่อีเมล. ใครที่มีลิงค์นั้นก็เข้าไปดูและดาวน์โหลดไฟล์ลงคอมได้เลย ให้คุณ paste ลิงค์ใส่อีเมล แล้วส่งอีเมลไปให้คนที่จะแชร์ไฟล์ให้
- เดี๋ยวนี้หลายอีเมลก็มีตัวเลือกให้แนบลิงค์ไปยังไฟล์ในเว็บ cloud ได้สะดวก เช่น เวลาจะเขียนอีเมลใน Gmail ก็แนบลิงค์ไฟล์ใน Google Drive ไปได้เลย หรือถ้าใช้ Hotmail ก็แนบลิงค์ของไฟล์ใน OneDrive ได้เหมือนกัน
-
แนะนำวิธีดาวน์โหลดไฟล์ให้ผู้รับ. พอผู้รับคลิกลิงค์ที่คุณส่งไปให้ ก็จะเปิดไฟล์ในเว็บ cloud ดูออนไลน์ได้เลย เช่น ถ้าแชร์วีดีโอใน OneDrive พอผู้รับกดลิงค์แล้ววีดีโอจะเปิดขึ้นมาใน video player ออนไลน์ของ OneDrive เลย จากนั้นก็ดาวน์โหลดวีดีโอลงคอมได้โดยคลิกปุ่ม "Download"โฆษณา
-
บริการของเว็บแชร์ไฟล์ตรงกับความต้องการของคุณหรือเปล่า. เว็บพวกนี้ทำหน้าที่คล้ายๆ กับเว็บ cloud storage แต่เน้นแชร์ไฟล์ให้คนอื่นมากกว่า ไม่ได้เน้นเก็บไฟล์ไว้เฉยๆ โดยคุณแค่อัพโหลดไฟล์ที่อยากจะส่งให้คนอื่น แล้วส่งลิงค์ของไฟล์ไปให้เขาได้เลย ไม่ต้องสมัครบัญชี แถมแชร์ไฟล์ได้หลายๆ คน [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แต่ก็เท่ากับคุณอัพโหลดไฟล์เข้าเว็บคนอื่นแบบที่ไปควบคุมจัดการอะไรไม่ได้ เพราะงั้นอย่าอัพโหลดไฟล์สำคัญหรือมีข้อมูลส่วนตัวดีกว่า
- เว็บแชร์ไฟล์จะสะดวกมากถ้าอยากแชร์ไฟล์แบบใช้แล้วทิ้ง ไม่อยากวุ่นวายสมัคร cloud storage
-
บีบอัดหลายไฟล์เป็นไฟล์เดียว. เว็บแชร์ไฟล์ส่วนใหญ่ต้องอัพโหลดทีละไฟล์ อัพโหลดเป็นโฟลเดอร์ไม่ได้ ถ้าอยากแชร์หลายไฟล์ ก็ต้องบีบอัดเป็นไฟล์ ZIP ซะก่อน จะได้ส่งไปเป็นไฟล์เดียว ไฟล์ ZIP เป็นไฟล์ที่ใช้กันแพร่หลายอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าผู้รับจะแตกไฟล์ไม่ได้
- คลิกอ่านวิธีสร้างไฟล์ ZIP ที่นี่ได้เลย
- เวลาบีบอัดไฟล์ คุณ ตั้งรหัส ได้ด้วย ใครได้ลิงค์ไปแต่ไม่มีรหัสก็เปิดไฟล์ไม่ได้
-
เลือกเว็บแชร์ไฟล์ที่ใช่. มีเว็บแชร์ไฟล์เยอะแยะไปหมด ลองอ่านรายละเอียดของเว็บดังๆ ที่เรารวบรวมมา แล้วเลือกเว็บที่ให้บริการตรงความต้องการดู [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- WeTransfer ( wetransfer.com ) - ถือเป็นเว็บส่งไฟล์ที่คนนิยมกันมากที่สุด โดยจะสร้างลิงค์แล้วส่งลิงค์ของไฟล์ไปในอีเมลทันที หรือจะเอาแค่ลิงค์ของไฟล์อย่างเดียวก็ได้ คุณอัพโหลดไฟล์ได้ถึง 2 GB โดยไม่ต้องสมัครบัญชี
- MailBigFile ( free.mailbigfile.com/ ) - ให้บริการคล้ายๆ กันกับ WeTransfer คุณอัพโหลดและแชร์ไฟล์ได้ 2 GB ถ้าสมัครใช้ฟรี โดยไฟล์มีอายุ 10 วัน หรือเมื่อถูกดาวน์โหลด 20 ครั้ง
- Mega ( mega.co.nz ) - เป็นเว็บแชร์ไฟล์ของ New Zealand ที่คนนิยมใช้กัน สมัครฟรีแล้วได้พื้นที่ 50 GB สร้างลิงค์แชร์ไฟล์ได้สะดวก และมีบริการเข้ารหัสไฟล์ด้วย
- DropSend ( dropsend.com ) - เป็นอีกเว็บแชร์ไฟล์เหมือน WeTransfer หรือ MailBigFile โดยอัพโหลดไฟล์ได้สูงสุด 4 GB สมัครฟรี และมีบริการเข้ารหัสทุกไฟล์ ผู้รับมีเวลา 7 วันที่จะดาวน์โหลดไฟล์จากลิงค์ หลังจากนั้นไฟล์จะถูกลบไป
-
อัพโหลดไฟล์ที่จะแชร์. ส่วนใหญ่จะลากไฟล์มาใส่ในหน้าต่างเบราว์เซอร์ได้เลย แต่บางทีก็ต้องกด browse หาไฟล์ในคอม
- บางเว็บก็อัพโหลดแล้วแชร์ทั้งโฟลเดอร์ได้เลย
-
หาลิงค์แชร์ไฟล์. พออัพโหลดไฟล์แล้ว จะมีลิงค์ที่เอาไปแจกจ่ายให้คนอื่นเพื่อแชร์ไฟล์ได้ คุณตั้งตัวเลือกการแชร์เพิ่มเติมได้ เช่น จำกัดเฉพาะบางผู้ใช้ หรือเข้ารหัสไฟล์
-
แชร์ลิงค์. คุณแนบลิงค์ในอีเมลหรือข้อความแล้วส่งไปให้คนที่จะแชร์ไฟล์ให้ได้เลย ไฟล์ในลิงค์นั้นจะดูหรือดาวน์โหลดได้ตามระยะเวลาที่เว็บกำหนดโฆษณา
-
BitTorrent ตรงกับความต้องการของคุณหรือเปล่า. BitTorrent หรือการโหลดบิท เป็นอีกวิธีแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ผ่านอินเทอร์เน็ต วิธีนี้แตกต่างกับเว็บ cloud storage ตรงที่คนอื่นจะมาดาวน์โหลดไฟล์โดยตรงจากคอมของคุณ ไม่ได้อัพโหลดขึ้นเว็บก่อน แถม BitTorrent ยังส่งไฟล์ได้เร็วกว่าเวลาแชร์ผ่าน cloud storage ด้วย
- ถ้าอยากแชร์ไฟล์ใหญ่ๆ กับหลายๆ คน BitTorrent นี่แหละสะดวกสุด เพราะใครที่มี part หรือชิ้นส่วนของไฟล์คุณ ก็ปล่อยให้คนอื่นโหลดบิทต่อได้เลย ทำให้แชร์ไฟล์กันในคนหมู่มากโดยไม่เป็นภาระเซิร์ฟเวอร์ ขอแค่มีใครสักคนที่ดาวน์โหลดไฟล์ไปแล้วเปิดโปรแกรมโหลดบิทอยู่ คนอื่นๆ ก็ดาวน์โหลดไฟล์ได้เสมอ
- BitTorrent จะยุ่งยากกว่า cloud storage หรือเว็บแชร์ไฟล์ ตรงที่ผู้รับไฟล์ทุกคนต้องมีโปรแกรม BitTorrent ติดตั้งไว้ในคอม รวมถึงพอรู้ว่าโหลดบิทเขาทำกันยังไง ที่สำคัญคือต้องมีอย่างน้อย 1 คนที่มีไฟล์สมบูรณ์ แล้วเปิดโปรแกรมและต่อเน็ตไว้ตลอดเวลา
-
ติดตั้งโปรแกรม torrent ในคอม. เป็นโปรแกรมที่เชื่อมต่อทุกคนที่จะแชร์ไฟล์เข้าด้วยกัน
- qBittorrent เป็นหนึ่งในโปรแกรมโหลดบิทยอดนิยมเพราะไม่หนักเครื่อง เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ qbittorrent.org
-
สร้างไฟล์ torrent. เปิด torrent creation tool ในโปรแกรม torrent โดยกด Ctrl + N เพื่อเปิด torrent creation wizard
- เพิ่มไฟล์ที่จะแชร์ ถ้าอยากแชร์ทีละหลายไฟล์ ให้สร้างเป็นโฟลเดอร์ แล้วเพิ่มโฟลเดอร์นั้นเข้า torrent
- paste ข้อมูล trackers ในช่อง "Trackers" หรือก็คือ URL ที่คนจะใช้เชื่อมต่อกับ torrent โดยจะมีรายชื่อที่อัพเดทตลอดเวลาของการเชื่อมต่อปัจจุบัน มี trackers ฟรีให้คุณเลือกใช้เยอะแยะ ถ้ายิ่งใส่ก็ยิ่งโหลดบิทได้นานขึ้น
- udp://open.demonii.com:1337
- udp://exodus.desync.com:6969
- udp://tracker.leechers-paradise.org:6969
- udp://tracker.pomf.se
- udp://tracker.blackunicorn.xyz:6969
- udp://tracker.coppersurfer.tk:6969
- เซฟไฟล์ torrent โดยจะมีให้ตั้งชื่อ และเลือกตำแหน่งที่จะเซฟลงคอม
-
แชร์ไฟล์ torrent. ตอนนี้พอมีไฟล์ torrent แล้ว ก็ส่งไปให้ทุกคนที่จะแชร์ไฟล์ให้ได้เลย ย้ำอีกทีว่าแต่ละคนต้องมีโปรแกรม torrent (โปรแกรมโหลดบิท) ในเครื่องตัวเอง ถึงจะดาวน์โหลดไฟล์ไปจากคุณได้
- ไฟล์ torrent นั้นมีขนาดเล็กมาก แนบไปกับอีเมลได้สบาย
-
เปิดคอมและโปรแกรม torrent ทิ้งไว้ และห้ามย้ายตำแหน่งของไฟล์ในคอม. ตอนกำลังแชร์ไฟล์ ห้ามย้ายไฟล์ คนอื่นจะได้โหลดได้ และต้องเปิดคอมกับโปรแกรม torrent ทิ้งไว้ตลอด
- ถ้าย้ายไฟล์ตอนกำลังแชร์ จะไม่มีใครดาวน์โหลดได้เลย เพราะอย่าลืมว่าคนอื่นต้องดาวน์โหลดไฟล์จากคอมคุณโดยตรง
-
รอจนมีคน seed (ปล่อยโหลดต่อ) แล้วค่อยหยุดการแชร์หรือลบไฟล์. อันนี้ก็แล้วแต่ว่ามีคนที่แชร์ไฟล์กันกี่คน บางทีก็รอไม่นานก่อนจะมี 1 คนดาวน์โหลดไฟล์จนสมบูรณ์ เท่านี้คุณก็หยุดแชร์หรือ "seeding" ได้ แต่ถ้าอยากแน่ใจว่าทุกคนจะโหลดไฟล์ได้ จะ seed ต่อก็ไม่มีปัญหา
- ยิ่งมีคนแชร์ไฟล์กันเยอะ ก็ยิ่ง seed เร็ว เพราะมีการแชร์แต่ละชิ้นส่วนของไฟล์พร้อมกันหลายๆ คน นี่แหละวิถีการโหลดบิท
- ถ้าอยากรู้วิธีสร้างและแชร์ไฟล์ torrent โดยละเอียด ให้หาอ่านเพิ่มเติมในเน็ตดู
โฆษณา
-
อัพโหลดไฟล์เข้า FTP server. ถ้าคุณและผู้รับใช้ FTP (file transfer protocol) server ได้ ก็อัพโหลดไฟล์เข้าเซิร์ฟเวอร์แล้วดาวน์โหลดผ่าน FTP client ในเบราว์เซอร์ได้เลย
-
แตกไฟล์เป็นหลายส่วน . คุณใช้โปรแกรมบีบอัดไฟล์อย่าง WinRAR หรือ 7-Zip รวมหลายไฟล์ไว้ในไฟล์เดียวได้ แล้วให้ผู้รับดาวน์โหลดแต่ละไฟล์เล็กๆ มารวมกันเป็นไฟล์เดียวเพื่อเปิดดูเนื้อหาข้างใน ข้อเสียใหญ่หลวงของวิธีนี้ก็คือผู้รับต้องมีโปรแกรมเดียวกับที่คุณใช้แตกไฟล์ รวมถึงรู้วิธีรวมไฟล์ส่วนต่างๆ ด้วยโฆษณา
คำเตือน
- เดี๋ยวนี้แทบทุกประเทศพยายามรณรงค์ให้คนอุดหนุนสินค้าหรือการดาวน์โหลดไฟล์แบบถูกลิขสิทธิ์ บทลงโทษหรือการเอาเรื่องจากทางค่ายเพลงค่ายหนังก็แรงขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย ขอให้ใช้วิธีต่างๆ ที่เราบอกมาเฉพาะตอนแชร์ไฟล์งานหรือไฟล์ส่วนตัวของคุณเองดีกว่า
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,215 ครั้ง
โฆษณา