ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผู้ที่ทานอาหารมากเกินไปอย่างเป็นประจำอาจจะมีน้ำหนักเพิ่มและเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน การยุติพฤติกรรมการกินมากเกินไปจนทำร้ายตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากซึ่งจะต้องใช้ความทุ่มเทและความมีวินัย หลายคนพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและพยายามเลิกการทานอาหารมากเกินไป แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ มีวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมนี้และเลิกการทานอาหารมากเกินไปอย่างตลอดกาล

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทานอาหารในปริมาณที่น้อยลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณเริ่มใช้จานใบเล็กลงเมื่อทานอาหารที่บ้าน คุณก็สามารถควบคุมปริมาณการทานของคุณและป้องกันไม่ให้ตัวเองทานมากเกินไปl [1]
    • ปกติแล้วจานใส่สลัดกับจานใส่ของว่างนั้นมีขนาดเล็กกว่าจานใส่อาหารปกติ การเปลี่ยนไปใช้จานแบบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณทานอาหารปริมาณเยอะๆ ได้
    • งานวิจัยหลายชิ้นได้เผยว่าสีของจานอาจจะช่วยให้คุณทานอาหารได้น้อยลง ให้เลือกเป็นจานสีฟ้าเพื่อให้คุณทานอาหารได้น้อยลงในแต่ละมื้อ [2]
  2. คุณควรจะตักอาหารใส่จานแล้วอยู่ให้ห่างจากชามเสิร์ฟ เมื่อมีชามหรือจานเสิร์ฟตั้งอยู่บนโต๊ะ เราก็มักจะทานอาหารได้มากกว่าการตักอาหารไปแล้วและนั่งลงทานอาหาร การยกชามเสิร์ฟออกไปจะช่วยให้คุณต้านทานกับความอยากที่จะตักอาหารเพิ่ม
    • เก็บอาหารทั้งหมดไว้ในครัวแทนที่จะหยิบอาหารมาไว้ที่โต๊ะเพิ่ม
    • อีกวิธีที่ดีก็คือเอาอาหารไปเก็บก่อนที่จะนั่งทานที่โต๊ะ ในขณะที่คุณกลับไปที่ครัวเพื่อเก็บจาน ก็ไม่มีอาหารให้กินจุบจิบอีกแล้ว
  3. เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะทานอาหารปริมาณที่แน่นอนเหมาะสมสำหรับคุณ มันก็อาจจะช่วยได้ที่จะวัดปริมาณอาหารก่อนเสิร์ฟหรือทาน
    • แต่ละคนต้องการปริมาณอาหารแต่ละชนิดหรือปริมาณอาหารที่เสิร์ฟตลอดทั้งวันแตกต่างกันเล็กน้อย โดยปกติแล้ว ให้ยึดตามปริมาณการทานที่เหมาะสมของอาหารแต่ละชนิด ซึ่งได้แก่ โปรตีน 85 – 113 กรัม [3] ธัญพืช ½ ถ้วยหรือ 85 กรัม [4] ผัก 1 ถ้วย หรือผักใบเขียว 2 ถ้วย [5] ผลไม้ ½ ถ้วยหรือ 1 ชิ้นเล็กๆ [6] .
    • ปกติแล้วผู้ใหญ่จำเป็นต้องทานโปรตีนในอาหารแต่ละมื้อหรือทานเป็นขนม ให้ทานผลไม้ 1 – 2 หน่วยต่อวัน และผัก 3 – 4 หน่วย ธัญพืชควรทาน 1-2 ครั้งต่อวันแต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นในแต่ละมื้อ
    • ตาชั่งอาหารนั้นเป็นสิ่งที่ควรใช้ เพราะคุณจะได้ไม่ต้องใส่อาหารทั้งหมดลงไปในถ้วยตวง
    • คุณอาจจะต้องลองใช้จาน ถ้วย อุปกรณ์เสิร์ฟ ชั่งปริมาณอาหารและใช้ภาชนะที่สามารถเอาไว้ใช้ใหม่ได้เพื่อดูว่าสามารถจุได้เท่าไหร่ ถ้าคุณจะเตรียมอาหารใส่กล่อง คุณก็จะรู้ล่วงหน้าว่าคุณจะทานอาหารในปริมาณเท่าไหร่
  4. เมื่อคุณไปทานอาหารนอกบ้าน มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทานอาหารปริมาณน้อยๆ หรือทานอาหารแค่ชนิดเดียว
    • เมื่อไปทานอาหารที่ร้านอาหารนั้น คุณอาจจะรู้สึกดึงดูดที่จะทานของว่าง อาหารจานหลักในปริมาณที่มากขึ้น และขนมหวาน ไม่เพียงแค่คุณต้องจัดการกับอาหารในปริมาณที่มากขึ้นเท่านั้น คุณอาจจะรู้สึกดึงดูดให้ทานอาหารหลายคอร์สอีกด้วย [7]
    • ลองสั่งของว่างเป็นอาหารหลัก ปกติแล้วของว่างจะมีปริมาณน้อยกว่าแต่ก็เยอะพอที่จะทำให้คุณอิ่มได้
    • ระวังขนมปังข้างเคียง มันฝรั่งทอด หรือแครกเกอร์ ที่ถูกเสิร์ฟ อาหารเหล่านี้จะทำให้คุณทานได้เยอะเกินไปได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณหิวหรือรออาหารหลักมาเสิร์ฟ ลองพูดคุยกับเด็กเสิร์ฟว่าไม่ต้องเสิร์ฟอาหารเหล่านี้ไปหรือตักมาแค่น้อยๆ
    • พูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟเกี่ยวกับปริมาณของอาหารก่อนที่คุณจะสั่ง ถ้าเกิดว่ามันเป็นอาหารมื้อใหญ่ที่ 2 คนสามารถทานได้ ให้บอกเขาให้เสิร์ฟแค่ครึ่งเดียวและเก็บอีกครึ่งหนึ่งกลับบ้าน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จัดการกับการทานอาหารเพื่อควบคุมความหิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สูตรลดน้ำหนักและโปรแกรมลดน้ำหนักให้ความเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แต่การทานอาหารเช่นนี้จะทำให้คุณหิวและอยากอาหาร ซึ่งนั่นก็จะนำไปสู่การทานอาหารมากเกินไปหรือทานอย่างไม่บันยะบันยังได้ [8]
    • โดยปกติแล้ว การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วนั้นไม่ปลอดภัย การลดน้ำหนัก 0.5 -1 กิโลกรัมต่ออาทิตย์เป็นการลดน้ำหนักที่เหมาะสมและปลอดภัยมากกว่า [9]
    • ปกติแล้วการทานอาหารแบบนี้จะควบคุมไม่ให้คุณทานอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งทั้งหมด จะต้องจำกัดมื้ออาหาร หรือควบคุมแคลอรี่ นี่อาจจะทำให้คุณตบะแตกทานมากเกินไปในระยะยาว
    • ยึดหลักการทานอาหารแบบสมดุลและมีคุณค่าทางอาหารถ้าคุณกำลังลดน้ำหนัก นี่จะช่วยให้คุณรู้สึกหิวน้อยลงและรู้สึกอิ่มพอดีขณะที่ลดน้ำหนัก
  2. ไม่ว่าคุณกำลังจะลดน้ำหนักหรือแค่มีตารางเวลายุ่งๆ การข้ามมื้ออาหารจะทำให้คุณหิวอย่างหนัก และมีความเสี่ยงที่จะทานมากเกินไป [10]
    • ปกติแล้วจะแนะนำให้ทานอาหารอย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน คุณอาจจะทานขนม 1-2 อย่างขึ้นอยู่กับตารางชีวิตของคุณ [11]
    • คุณอาจจะเลือกทานเป็น 4-6 มื้อเล็กๆ แทนที่จะทาน 3 มื้อต่อวัน
  3. ถ้าคุณทานอาหารเป้นนิสัย ไม่ใช่เพราะความหิว คุณก็อาจจะทานอาหารมากเกินไปและทานเกินกว่าความต้องการของร่างกาย
    • เรียนรู้ที่จะระบุว่าความหิวจริงๆ เป็นอย่างไร หลายคนทานอาหารเพราะมีเหตุผลมากมาย ดังนั้นมันอาจจะช่วยได้ถ้าคุณรู้ว่าความหิวจริงๆ เป็นอย่างไร
    • ความรู้สึกเมื่อหิวจริงๆ ได้แก่ ความรู้สึกปวดท้องเวลาหิว รู้สึกว่าท้องว่าง คลื่นเหียนเล็กน้อยหรือมึนหัว รู้สึกระคายเคืองที่ท้อง หรือความรู้สึกโล่งๆ
    • ถ้าคุณไม่รู้สึกแบบนี้ คุณอาจจะทานอาหารเพราะเหตุผลอื่น (เช่น เบื่อหรือเครียด) ลองหลีกเลี่ยงการทานอาหารหรือทานขนมและรอจนกว่าคุณจะหิวจริงๆ
  4. นอกเหนือจากการทานอาหารเมื่อคุณรู้สึกหิวจริงๆ ร่างกายของคุณจะช่วยให้คุณหยุดการทานอาหารมากเกินไป นี่เรียกว่า ความอิ่ม
    • เมื่อคุณรู้สึกอิ่มหรือรู้สึกพอใจ นี่เป็นวิธีของร่างกายที่บอกกับสมองว่าคุณทานอาหารเพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้ อย่างน้อยก็เพียงพอต่อร่างกายเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง
    • มีระยะของความอิ่มเริ่มตั้งแต่ รู้สึกอิ่มท้อง ถึง อิ่มมาก ถึง อิ่มจนจุก ถ้าคุณทานอาหารมากเกินไป คุณก็มักจะทานอาหารจนรู้สึกอิ่มหรืออิ่มมาก
    • แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้ตั้งเป้าที่จะหยุดทานอาหารเมื่อคุณรู้สึกแค่อิ่มกำลังดีเท่านั้น นี่จะเป็นความรู้สึกที่คุณไม่รู้สึกหิวอีก คุณรู้สึกว่ามีอาหารอยู่ในท้องแต่ไม่ได้รู้สึกว่าท้องขยายขึ้นหรือรู้สึกไม่สบายท้อง [12]
    • ผู้คนส่วนใหญ่จะทานอาหารที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาตามสัญชาติญาณ โดยไม่คำนึงว่าพวกเขารู้สึกหิวหรือไม่ ให้ฟังสัญญาณของร่างกายเพื่อให้รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะหยุดทาน
  5. ถ้าคุณทานอาหารเร็วเกินไป คุณก็มีแนวโน้มว่าจะทานอาหารมากเกินไปเมื่อเทียบกับการทานอาหารอย่างช้าๆ [13]
    • มันจะใช้เวลาเกือบ 20 นาทีสำหรับกระเพาะอาหารเพื่อส่งสัญญาณไปที่สมองว่ารู้สึกอิ่มแล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการทานอาหารอย่างช้าๆ จะช่วยป้องกันการทานมากเกินไป
    • ตั้งเวลาหรือติดตามระยะเวลาขณะที่คุณทานอาหาร นี่จะช่วยให้คุณควบคุมระยะเวลาการทานแต่ละมื้อ
    • ให้ลองวางช้อนส้อมลงหรือจิบน้ำเมื่อทานอาหารแต่ละคำเพื่อช่วยให้คุณขยายระยะเวลาของการทานอาหารมื้อนั้น
    • ลดสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวขณะที่คุณทานอาหารด้วย ลองสนใจไปที่อะไรที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณและหากคุณพบว่าคุณถูกดึงความสนใจไปด้วยสีสดๆ หรือแสง เสียงดัง เสียงเพลง หรือเสียงคนเยอะๆ คุณจะต้องใส่ใจไปที่พฤติกรรมการทานอาหารของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้ทานมากเกินไป [14]
  6. ใส่ผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพครึ่งหนึ่งของจาน. เพื่อที่จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่มากเกินไปถ้าคุณเผลอทำผิดแผนหรือทานมากเกินไป ให้ลองเติมผักหรือผลไม้ครึ่งหนึ่งของจาน
    • ผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและจะไม่ส่งผลเสียมากถ้าหากคุณทานมากเกินไป
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณยังหิวอยู่หลังจากทานอาหารและคุณต้องทานจานที่สอง ให้ข้ามการทานอาหารประเภทอื่นไปและทานแค่ผักอย่างเดียวเท่านั้น
  7. น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานของร่างกายอย่างเหมาะสมในทุกๆ วัน อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยคุณลดปริมาณอาหารที่ทาน
    • ให้ตั้งเป้าดื่มน้ำ 8-13 แก้ว หรือดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ต่อวัน นี่จะช่วยให้คุณบรรเทาความหิวและทำให้คุณรู้สึกชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน [15]
    • นอกเหนือจากการดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวันแล้ว ให้ลองดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนการทานขนม นี่จะเป็นการเติมเต็มกระเพาะอาหารด้วยน้ำที่ไม่มีแคลอรี่และทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกอิ่ม
  8. หลายครั้งแล้ว ผู้คนมักจะทำผิดๆ โดยให้รางวัลตนเองเมื่อสามารถทำตามแผนการทานอาหารเพื่อสุขภาพได้เป็นระยะเวลาหนึ่งด้วยการทานขนมตามใจ การใช้อาหารเป็นรางวัลเมื่อทำตามแผนการทานอาหารที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่ขัดขวางที่จะทำตามเป้าหมายให้สำเร็จทั้งๆ ที่อยู่แค่เอื้อม
    • แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้ตัวเองทานขนมตามใจในโอกาสพิเศษบ่อยๆ โดยไม่ต้องมีเหตุผล นี่จะช่วยให้คุณมีพฤติกรรมการทานอาหารที่ดี ในขณะเดียวกันก็มีการตามใจตัวเองด้วย
    • ถ้าคุณไม่อยากให้อาหารเป็นรางวัลตัวเองที่ทำเป้าหมายสำเร็จหรือในโอกาสสำคัญ ให้ลองหากิจกรรมหรือสิ่งอื่นเป็นรางวัลสำหรับตัวเอง ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะซื้อเสื้อเชิ้ตตัวใหม่หรือเสื้อผ้าชุดใหม่ ไปพักผ่อนหย่อนใจในสปา ออกรอบตีกอล์ฟ หรือซื้อของเล่นอิเล็กทรอนิกส์ที่คุณหมายตาไว้อยู่
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

จัดการกับการทานอาหารตามอารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปพบนักบำบัดพฤติกรรมการทานอาหารตามอารมณ์ (Emotional Eating). บางครั้ง การทานอาหารมากเกินไปนั้นเกิดจากการทานอาหารตามอารมณ์ การทานมากเกินไปอาจจะเป็นโรคการกินผิดปกติชนิดหนึ่ง (Eating Disorder) และมันก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะหาความช่วยเหลือจากแพทย์ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณมีอาการที่เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญปัญหาสุขภาพจิตจะช่วยคุณเอาชนะอาการผิดปกตินี้ได้ [16]
    • ถามแพทย์ทั่วไปหรือทำการค้นหาทางออนไลน์เพื่อหานักบำบัดในท้องถิ่นของคุณที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคการกินผิดปกติหรือการทานอาหารตามอารมณ์ พวกเขาจะมีความพร้อมที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาการทานอาหารตามอารมณ์หรือการทานมากเกินไป
    • พูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่และยากที่สุด เมื่อไหร่ที่คุณสังเกตเห็นมัน หรือคุณได้พยายามจัดการกับมันอย่างไรในอดีต
    • ระลึกไว้ว่า ถึงแม้ว่าคุณจะไปพบนักบำบัด มันก็อาจจะใช้เวลาสักพักและการปฏิบัติฝึกฝนก่อนที่คุณจะสามารถทานอาหารตามปกติได้
  2. การเริ่มจากการทำบันทึกนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อช่วยคุณลดปัญหาใดๆ ก็ตามที่เกิดจากการทานอาหารตามอารมณ์หรือทานมากเกินไป [17]
    • เริ่มจากการจดบันทึกในแต่ละวันหรือ 2-3 วัน หรือ 1 อาทิตย์ เขียนความคิดของคุณลงไปหรือไอเดียสัก 2-3 อย่าง ไม่ว่าจะใช้บันทึกทางออนไลน์หรือสมุดจดและปากกา
    • คุณอาจจะเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทาน ปริมาณอาหารที่คุณทาน หรือเหตุผลที่คุณคิดว่าทำไมคุณถึงทานมากเกินไป หลายครั้งแล้วมันอาจจะใช้เวลา 2-3 วันหรือประมาณหลายอาทิตย์เพื่อหารูปแบบในการทานอาหารของคุณ
    • มันอาจจะเป็นไอเดียที่ดีที่จะจดโน้ต 2-3 อย่างว่าคุณรู้สึกอย่างไรหรือคุณรู้สึกหิวอย่างไรก่อนที่คุณจะทานอาหาร การนั่งลงและมีบันทึกอยู่ด้วยจะเป็นการทำให้คุณสนใจและอยู่กับการทานอาหารมื้อนั้น
    • จดอาหารที่เป้นสิ่งกระตุ้นลงไปในบันทึก. การเข้าใจว่าสิ่งกระตุ้นของคุณคืออะไร คุณก็จะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ดึงดูดให้คุณทำพลาด หรือทำให้ยากขึ้นในการทำตามแผน ตัวอย่างเช่น ถ้าการไปดูภาพยนตร์นั้นทำให้คุณอยากทานลูกกวาดและน้ำอัดลมแก้วใหญ่ ให้หลีกเลี่ยงการไปดูภาพยนตร์และเช่ามาดูแทน
  3. ถ้าความอยากอาหารจู่โจมคุณหรือคุณรู้สึกอารมณ์ไม่ดีและอยากทานอาหาร ลองหันเหความสนใจของตนเองก่อนที่จะทานอาหารที่ชอบอย่างตามใจ
    • หลายครั้งแล้วความอยากอาหารจะเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดและอยู่แค่ประเดี๋ยวเดียว ถ้าคุณให้เวลาตัวเองสัก 2-3 นาที ความอยากอาหารนั้นอาจจะหายไปหรืออาจจะเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ง่ายขึ้น [18]
    • ตั้งเป้าเริ่มจาก 10 นาทีก่อน ลองออกไปข้างนอกแล้วเดินเร็วๆ อ่านหนังสือหรือทำงานบ้านเป็นเวลา 2-3 นาที จากนั้นให้ประเมินความอยากอาหารของตนเองอีกที
    • ลองคิดถึงไอเดียหรือกิจกรรมอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้แทนการทานอาหาร นี่จะช่วยเป็นการเตรียมพร้อมเมื่อความอยากทานอาหารตามอารมณ์เข้าจู่โจมคุณ
  4. ไม่ว่าเป้าหมายหรือการเปลี่ยนแปลงที่คุณกำลังพยายามทำนั้นคืออะไร ขอให้รู้ไว้ว่าทุกคนก็เคยพลั้งพลาดและทำผิด
    • อย่าปล่อยให้การทำพลาดครั้งเดียว (หรือสอง) ทำให้คุณรู้สึกหดหู่และรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง การทำความผิดนั้นเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ที่ดี
    • ถ้าคุณเคยทำพลาด อย่ายอมแพ้ ในอาหารมื้อต่อไปหรือการทานขนมครั้งต่อไปให้ทำตามแผนให้ได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองคิดว่าวันนี้ทั้งวันถูกทำลายลงไปแล้วหรือคุณควรยอมแพ้เพราะความล้มเหลวเพียงครั้งเดียว [19]
    • ลองจดบันทึกเกี่ยวกับความผิดพลาดหรือพูดคุยกับนักบำบัดหากคุณเคยทำไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เริ่มป้องกันการทานอาหารมากเกินไปในระยะเริ่มแรกโดยการซื้อของอย่างฉลาด ขอให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ซื้ออาหารในเวลาที่คุณท้องว่างสุดๆ เพราะว่าคุณก็จะจบลงด้วยการซื้ออาหารขยะที่ไม่จำเป็นเพียงเพราะว่าคุณหิว
  • หลายครั้งแล้ว เหตุผลที่เราทานอาหารนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยกับความหิวจริงๆ เรียนรู้ที่จะรู้เหตุผลที่ซ่อนอยู่ว่าทำไมคุณถึงทานอาหารมากเกินไปก็จะช่วยให้คุณคิดแผนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันมัน
  • ลองหากลุ่มสนับสนุนในพื้นที่ของคุณ ลองพูดคุยกับผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและถามเขาให้แนะนำโปรแกรมสนับสนุนในท้องถิ่นที่คุณสามารถเข้าร่วมได้
  • หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อหลอกสมองว่าและให้สมองส่งสัญญาณบอกเราว่าเราได้ทานอาหารเยอะขึ้น


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,029 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา