ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรังแกกัน ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะในภาพยนตร์หรือหนังสือเท่านั้น เด็กๆ หลายคนกำลังเผชิญกับมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และจะกลายเป็นอันตรายได้ถ้าไม่ได้รับการหยุดยั้ง มาร่วมศึกษาว่า ต้องทำอย่างไร จึงจะหยุดยั้งพฤติกรรมการรังแก ลงมือแทรกแซงแบบทันทีทันใด รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือได้จากที่ไหน และทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ผู้อื่น ปกติแล้วคนเราจะทำร้ายผู้อื่น เพราะพวกเขาไม่มีความใส่ใจในตัวผู้อื่นนั่นเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การลงมือแก้ไขแบบทันทีทันใด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    มองเข้าไปในตาของพวกขี้รังแก และบอกให้เขาหรือเธอหยุด. หากมีคนขี้รังแกมายั่วยุคุณ ด้วยวิธีที่คุณไม่ชอบ หรือดูถูกคุณ บางครั้งการมองตาและพูดอย่างชัดเจนราบเรียบว่า “ไม่” ก็เป็นวิธีที่ดีในการระงับสถานการณ์ บอกคนที่มารังแกคุณว่า คุณไม่โอเคกับการปฏิบัติเช่นนี้ และแสดงจุดยืนว่า เรื่องนี้ต้องจบลงเดี๋ยวนี้
    • หากสถานการณ์อำนวย พยายามใช้เสียงหัวเราะในการคลี่คลายความตึงเครียด เพราะพวกที่มารังแก มักจะพยายามเอาชนะคนที่พวกเขารังแก แต่หากคุณแสดงให้พวกเขาเห็นว่า คุณด้านชาเกินไป เขาหรือเธอก็จะล้มเลิกความตั้งใจและปล่อยคุณไป [1]
    • อย่าขึ้นเสียงเวลาที่บอกให้พวกเขาหยุด การทำเช่นนั้นอาจไปกระตุ้นให้คนที่มารังแกคุณ ยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปมากกว่าเดิม
  2. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    การจะหยุดยั้งพวกขี้รังแกด้วยการด่าทอ หรือท้าชกต่อยตบตี มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง อย่าตะโกนหรือยกระดับไปใช้ความรุนแรง เพราะพวกขี้รังแกมักจะตอบสนองด้วยการเพิ่มระดับการรังแกมากขึ้น และสิ่งที่คุณจะตกอยู่ในความเดือดร้อน หากคุณถูกจับได้ว่า มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าว
  3. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    หากสถานการณ์ดูอันตรายหรือล่อแหลมเกินไป การเดินหนีจะดีที่สุด แค่หันหลังมาแล้วก็เดินจากพวกนั้นไป การใช้เหตุผลกับเขาหรือเธอ ย่อมไม่ได้ผล
    • หากคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง ให้พยายามเดินไปหาครูหรืออาจารย์ที่ปรึกษาที่วางใจได้ เพื่อขอให้ช่วยคุณรับมือกับสถานการณ์
    • หลีกเลี่ยงการติดต่อพูดคุยกับคนที่มารังแกคุณ จนกว่าคุณจะได้ทำอะไรบางอย่าง เพื่อยับยั้งการกระทำของพวกเขาแล้ว
  4. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    หากคุณถูกรังแกโดยใครบางคนผ่านข้อความ โซเชียลเน็ตเวิร์ค เว็บไซต์ อีเมล หรือช่องทางอื่นๆ ในโลกออนไลน์ อย่าไปตอบสนอง การไปยั่วยุมักจะก่อให้เกิดผลที่คุณไม่ต้องการ โดยเฉพาะการที่คนเหล่านั้นไร้ตัวตน ดังนั้น คุณควรทำสิ่งต่อไปนี้ แทนการไปโต้ตอบกับพวกเขา:
    • บันทึกหลักฐานเอาไว้ อย่าลบอีเมล์หรือข้อความใดๆ ที่ส่งมาขู่เข็ญ คุณอาจต้องใช้มันเมื่อสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้
    • บล็อกคนที่มารังแกคุณ หากพวกเขาเป็นคนที่คุณรู้จัก ก็บล็อกพวกเขาไปจากหน้าเพจของคุณ ลบรายชื่อพวกเขาออกจากสมุดบันทึกในโทรศัพท์ และปิดกั้นการโต้ตอบทุกช่องทาง เท่าที่จะเป็นไปได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วในการป้องกันการถูกรังแกจากพวกเขา หากพวกเขาทำเป็นคนนิรนาม ก็บล็อกอีเมลหรือลิสท์รายชื่อให้เป็นสแปม
    • เปลี่ยนการตั้งค่าผู้ใช้งาน ให้พวกเขาค้นหาคุณได้ยากขึ้นในโลกออนไลน์ ลองใช้ชื่อใหม่ หรือตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้เข้มงวดมากขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ขอความช่วยเหลือจากภายนอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    หากคนที่รังแกคุณ มาถึงจุดที่ทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวล ไม่กล้าไปโรงเรียน ทำให้คุณหวาดผวากลางดึก หรือแทรกแซงชีวิตคุณให้เกิดความเสียหาย คุณต้องมองหาความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่วางใจได้
  2. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    ด้วยเหตุที่การรังแกกัน มักเกิดขึ้นในทุกโรงเรียน แต่ละโรงเรียนจึงมีนโยบายรับมือและป้องกันที่มีประสิทธิภาพและได้ผล พยายามเข้าหาและปรึกษาครูใหญ่หรืออาจารย์ที่ปรึกษา เกี่ยวกับสถานการณ์นั้น เพื่อให้มันจบลงโดยเร็วที่สุด ซึ่งอาจรวมถึงการลงโทษคนที่รังแกคุณ หรือหาตัวกลางมาไกล่เกลี่ยสถานการณ์
    • จงตระหนักว่า ยังมีเด็กนักเรียนคนอื่นที่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกับคุณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่กฎระเบียบขั้นตอนต่างๆ ถูกนำมาใช้
    • หากคุณเป็นผู้ปกครอง จงนัดคุยกับอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียน อย่าไปจัดการด้วยตัวเอง
  3. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    แจ้งผู้ให้บริการทราบพฤติกรรมของพวกชอบก่อกวนในโลกออนไลน์. การก่อกวนประเภทนี้เป็นที่แพร่หลาย ดังนั้น ผู้ให้บริการทางโทรศัพท์และโลกออนไลน์จึงมีมาตรการในการรับมือเอาไว้อยู่แล้ว จงติดต่อพวกเขาเพื่อแจ้งให้ทราบถึงพฤติกรรมพวกชอบก่อกวน พวกเขาจะได้บล็อกคนเหล่านั้นจากการติดต่อคุณ โดยคุณแค่เพียงต้องบอกเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล์ที่มีการบันทึกไว้ให้แก่พวกเขาทราบ
  4. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    การรังแกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลทั้งทางกายและใจของคุณ อาจสามารถใช้เป็นเหตุในการดำเนินคดีได้ หากมาตรการของทางโรงเรียนและผู้ปกครองของพวกขี้รังแก ใช้ไม่ได้ผล คุณอาจลองพิจารณาให้นักกฎหมายเข้ามาช่วยเหลือ
  5. Watermark wikiHow to หยุดการรังแกกันในโรงเรียน
    การก่อกวนบางอย่างอาจมีอันตรายมาก และบางอย่างก็เข้าข่ายอาชญากรรม หากคุณถูกก่อกวนในลักษณะต่อไปนี้ ก็ควรโทรแจ้งตำรวจ
    • ความรุนแรงทางร่างกาย เมื่อการรังแกอาจนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย หากคุณกังวลความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของคุณ ก็โทรแจ้งตำรวจเลย
    • สะกดรอยตามหรือขู่เข็ญ หากมีใครละเมิดความเป็นส่วนตัวและขู่เข็ญคุณ ย่อมถือเป็นอาชญากรรม
    • มีการขู่เอาชีวิตหรือใช้ความรุนแรง
    • เผยแพร่ภาพหรือวิดีโอที่อาจก่อให้เกิดความอับอาย รวมถึงวิดีโอหรือภาพอนาจาร โดยที่คุณไม่ได้ยินยอม
    • การกระทำหรือขู่ในเชิงเกลียดชัง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เป็นตัวอย่างที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    สำรวจตนเองว่า คุณไม่ได้ส่งเสริมพฤติกรรมกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน. [2] จงสำรวจวิธีที่ตนเองปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนอื่น คุณกำลังรังแกใครอยู่หรือเปล่า แม้ว่าอาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม ทุกคนย่อมมีการพูดจารุนแรงใส่กันบ้างไม่มากก็น้อย แต่หากมีใครที่มักตกเป็นเป้าหมายของคุณ จงหยุดทำเสีย แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้มองว่า เรื่องที่คุณทำเป็นการกลั่นแกล้งก็ตาม คุณต้องยึดถือเป็นคติเข้าไว้ว่า ต้องทำดีต่อผู้อื่น แม้ว่าจะเป็นคนที่คุณไม่ได้ชอบมากนักก็ตาม
    • อย่าไปยั่วโมโหใครเว้นเสียแต่ว่าคุณจะรู้จักพวกเขาดีพอ และเข้าใจอารมณ์ขันของพวกเขา
    • อย่าติฉินนินทาผู้อื่น นั่นก็คือเป็นการกลั่นแกล้งเหมือนกัน
    • อย่าจงใจเพิกเฉยหรือกีดกันใครออกจากวงสังคม
    • อย่าเผยแพร่ข้อมูลหรือภาพของใครทางอินเตอร์เน็ตโดยไม่รับความเห็นชอบเสียก่อน
  2. 2
    ยืนหยัดสู้เพื่อคนอื่น. หากคุณเห็นใครกำลังโดนรังแกในโรงเรียน จงยืนหยัดเผชิญหน้ากับคนที่รังแก การเพิกเฉยยังไม่ดีพอ คุณควรที่จะทำการปกป้องจากการถูกรังแกมากไปกว่าเดิม คุณอาจจะพูดเพื่อขัดจังหวะคนที่มารังแก หากคิดว่าทำแล้วปลอดภัย หรือไม่ก็ไปฟ้องครูฝ่ายปกครองถึงสถานการณ์ดังกล่าว
    • หากเพื่อนๆ ของคุณเริ่มซุบซิบนินทาใครบางคน คุณต้องไม่ไปเข้าร่วมด้วย
    • "การทำผิดก็คือการทำผิด แม้ว่าทุกคนต่างก็ทำกัน ส่วนความถูกต้องยังไงก็ยังถูกต้อง แม้ว่าจะไม่มีใครทำ" หากมีใครเยาะเย้ยถากถางคนอื่น แต่เลิกทำไปโดยที่ยังไม่มีใครตำหนิพวกเขา คุณควรกล้าออกมาพูด หากพวกขี้รังแกหรือแม้แต่เพื่อนคุณเอง มายั่วยุหรือด่าคุณ ที่กล้าออกมาแทรกแซงอย่างอาจหาญเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขาเอง ก็มีความกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรอยู่ คุณต้องไม่กลัวฝูงชนมากเกินไป ในการที่จะออกมาพูดหรือปกป้องผู้อื่น
    • หากคุณเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนที่พยายามกีดกันใครออกจากกลุ่ม พยายามบอกพวกเขาว่า คุณอยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่ควรทำ
    • หากคุณเห็นใครบางคนกำลังถูกกลั่นแกล้ง และกลัวว่าเขาหรือเธอจะไม่ปลอดภัย จงไปบอกฝ่ายปกครองของโรงเรียนทันที
  3. 3
    รณรงค์ให้การกลั่นแกล้งยุติลง. หลายๆ โรงเรียนมีการรณรงค์ต่อต้านการรังแก ซึ่งนำโดยนักเรียนที่ต้องการทำให้โรงเรียนเป็นสถานที่น่าอยู่และปลอดภัย จงร่วมรณรงค์กับพวกเขา หรือเริ่มด้วยตนเอง ด้วยการป่าวประกาศให้เกิดความตระหนักรู้ ถึงปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน และหาทางออกสำหรับเรื่องนี้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ฝึกคาราเต้ทางจิตใจและอารมณ์ - การแก้ปัญหาจากภายใน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    สอนคนรุ่นใหม่ให้มีจุดยืนภายในใจ เพื่อใช้ควบคุมตนเอง. สอนพวกเขาว่า การเลือกวิธีคิดต่อสถานการณที่เกิดขึ้น หรือต่อสิ่งที่คนอื่นพูดและทำนั้น จะเป็นตัวกำหนดความรู้สึกของพวกเขาเอง แต่ละคนย่อมมีทางเลือกผ่านจิตสำนึก ซึ่งจะกำหนดได้ว่า ตนเองจะรู้สึกอย่างไร และไม่มีใครมากำหนดแทนเราได้ เว้นแต่เราจะยอมเอง [3] [4]
  2. 2
    สอนคนรุ่นใหม่ ให้ตระหนักและปรับเปลี่ยนตรรกะความคิดของตนเอง. โชคดี ที่ด็อกเตอร์อัลเบิร์ต เอลลิส ได้เคยนำเสนอรูปแบบของการทำเช่นนั้นให้เราได้เรียนรู้ เขากล่าวว่า คนเราทำให้ตัวเองอารมณ์เสีย มากกว่าที่จำเป็น ด้วยการหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไร้เหตุผลพื้นฐาน 4 ประการ คือ การเรียกร้อง การคิดในแง่ลบ การตัดสินกล่าวโทษ และการตราหน้า/สาปส่ง [5]
  3. 3
    สอนหลักการยอมรับตนเองให้แก่คนรุ่นใหม่. หลักการยอมรับตนเอง หรือ USA (Unconditional Self-Acceptance) มองว่า สาเหตุบางอย่างอาจเกิดจากความละอายที่ซ่อนอยู่ ในการที่ใครบางคนถูกรังแก เด็กๆ มักจะตำหนิตนเองที่ไม่สามารถรับมือกับคนที่มารังแกตน หรือดีกว่าตนเอง และความละอายยังทำให้พวกเขาไม่กล้าบอก ไม่มองหาหรือยอมรับความช่วยเหลือจากใคร แต่การทำเช่นนั้นส่งผลให้พวกเขาเอาแต่หมกมุ่นในความคิดที่ไร้เหตุผล จนเชื่อว่ามันเป็นความจริงมากกว่าความเห็น ซึ่งมักนำไปสู่จุดที่ตรรกะวิบัติและก่อเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน รวมถึงการฆ่าตัวตายเพราะถูกกลั่นแกล้ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ากลัวที่ยืนหยัดเพื่อตนเองหรือผู้อื่น อย่างน้อยคุณก็มีความกล้า
  • จำไว้ว่า การถูกกลั่นแกล้ง ‘‘ไม่ใช่’‘‘ความผิดของคุณ
  • พูดออกไป อย่าเอาแต่นิ่งเฉย จงทำอะไรบางอย่าง
  • อย่าแสดงความหวาดหวั่นออกมาให้พวกเขารู้ว่า มีอิทธิพลเหนือคุณ ต่อให้คุณกำลังกลัวก็ตาม เพราะคนที่รังแกคุณจะยิ่งชอบและยิ่งรังแกคุณมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ลำพัง จงอยู่กับเพื่อนเสมอ
  • จงมีความมั่นใจ คุณจะดึงดูดเพื่อนมาก และจะถูกรังแกน้อยลงคุณมีภาพลักษณ์ของความมั่นใจ
  • เข้าร่วมกลุ่มรณรงค์ต่อต้านการรังแกในสถานศึกษาของคุณ หรือหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต หากต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเอง แต่อย่าเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว เช่น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ นามสกุล พื้นที่ๆ คุณอยู่ ฯลฯ
  • วางมือไว้บริเวณสะโพก เดินอย่างมั่นใจ แสดงให้พวกขี้รังแกเห็นว่า คุณไม่ยี่หระ
  • แชร์ปัญหากับคนที่คุณไว้ใจได้หรือใกล้ชิดกับคุณด้วย
  • อย่าลดตัวลงไปสู้กับพวกขี้รังแก
  • หากมีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล พยายามส่งเสียงร้องดังๆ หนักแน่น และโผงผางเข้าไว้
  • พวกขี้รังแกสามารถปรับปรุงตนเองได้ หากพวกเขาพยายามอย่างสุดหัวใจ พยายามต่อไป
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณฟ้องผู้ใหญ่ พยายามระบุลักษณะการป้องกันตัวของคุณ ให้ตรงตามความจริงมากที่สุด เพราะหากพวกเขาทราบข้อเท็จจริงในภายหลัง จะได้ไม่ถือว่าคุณละเมิดกฎหมาย และไม่มองว่าคุณเป็นพวกอันธพาลจอมหลอกลวง
  • การแจ้งเหตุฉุกเฉินหรืออาชญากรรมที่เกิดขึ้นล่าสุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการถูกขู่เข็ญเอาชีวิต เป็นภัยต่อสุขภาพหรือทรัพย์สินของคุณ ซึ่งยังไม่เคยมีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือ ควรแจ้งด้วยการโทรหา 191 โดยด่วนที่สุด แต่หากเป็นอาชญากรรมที่ยังไม่ได้เกิดการขู่เข็ญก่อนหน้านี้ หรือหากคุณสะดวกมากกว่า ก็ควรแจ้งต่อครู อาจารย์ใหญ่ ฝ่ายพยาบาล ผู้ให้คำปรึกษา หรือผู้ปกครองของคุณ เพื่อให้พวกเขาช่วยแจ้งความต่ออีกทอดหนึ่ง
  • จำไว้ว่า หากใครแตะต้องคุณโดยจงใจ และไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ ก็ถือเป็นอาชญากรรมทันที แม้ว่าผู้กระทำจะเป็นเด็กก็ตาม ซึ่งควรถูกแจ้งต่อผู้ใหญ่ที่คุณวางใจ เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่คุณยอมอภัยได้
  • อย่าแทรกแซงหรือกำราบพวกขี้รังแกด้วยตัวเอง เพราะอาจตกอยู่ในอันตรายได้ ควรแจ้งผู้ใหญ่ทันทีดีกว่า
  • เข้าใจหลักการป้องกันตัวเอง แต่รู้ข้อจำกัดของมันด้วย มันคือการป้องกันอันตราย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นด้วยการลงมือ หรือวิ่งหนี หรือคลี่คลายสถานการณ์ด้วยวิธีใดๆ ก็ได้ จุดประสงค์ของมัน ในกรณีที่ต้องลงมือ ก็เพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้าย ซึ่งบางครั้งอาจทำให้คุณถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมด้วยก็ได้ (ดูเหมือนคุณเป็นตัวก่อเหตุ ต้องให้ศาลตัดสินอีกที) และคุณต้องตัดสินใจเองว่า หลังจากป้องกันตัวแล้ว จะแจ้งความด้วยหรือไม่
  • แจ้งความทุกเหตุอาชญากรรม กรณีที่ทำแล้วปลอดภัยเท่านั้น แต่ควรตระหนักว่า มันไม่ง่ายเลยที่จะผ่านกระบวนการทั้งหมด ผู้ปกครอง ครู หรือแม้แต่ตำรวจหลายๆ คน มองว่า การแจ้งเหตุอาชญากรรมของพวกเด็กนักเรียนในโรงเรียน มันไม่เหมาะสม และคุณอาจต้องเชื่อฟัง ดังนั้น คุณควรแจ้งเหตุด้วยความซื่อสัตย์เท่านั้น มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้พวกเขาเชื่อคุณ
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.stopbullying.gov/kids/facts/index.html
  2. http://www.scientificamerican.com/article.cfm?id=how-to-stop-bullying
  3. www.mentalandemotionalkarate.com
  4. www.itsjustanevent.com - more detail on how to develop an internal locus
  5. www.itsjustanevent.com

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,518 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา