ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ฝันร้ายสามารถที่จะไม่น่าอภิรมย์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้คุณหวาดกลัว กระวนกระวายใจ และส่งผลต่อคุณภาพของการนอนหลับ เพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและสมองเครียด อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นจะต้องเข้าใจสาเหตุของฝันร้าย ก่อนที่จะสามารถเริ่มบำบัดให้หายจากฝันร้ายได้ เริ่มจากขั้นตอนที่ 1 ข้างล่างนี้ เพื่อเข้าใจแหล่งที่มาของฝันร้าย และทำตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝันร้ายหวนกลับคืนมา

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เข้าใจฝันร้าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตระหนักว่าเป็นเรื่องค่อนข้างปกติที่จะฝันร้ายในวัยผู้ใหญ่. คนจำนวนมากเชื่อมโยงฝันร้ายกับเด็กๆ โดยเชื่อกันว่าเป็นบางสิ่งที่คุณพ้นวัยมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับคนวัยผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่จะฝันร้ายเช่นกัน
    • อันที่จริง คนวัยผู้ใหญ่ 1 คนในทุกๆ 2 คนจะฝันร้ายเป็นครั้งคราว ขณะที่ 2% - 8% ของคนวัยผู้ใหญ่ทรมานจากฝันร้ายเรื้อรังหรือฝันร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำๆ [1]
    • ลักษณะของฝันร้ายคือการมองเห็นภาพต่างๆ ที่ชัดเจนสมจริง เกิดความคิดและอารมณ์ต่างๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและบางครั้ง ถึงกับทำให้สะดุ้งตื่นจากหลับ บางครั้งคุณจะจำรายละเอียดของฝันร้ายได้ และอาจทำได้ยากที่จะสลัดภาพน่ากลัวหรือรบกวนใจทิ้งไปได้
    • ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ฝันร้ายส่งผลกระทบต่อคุณภาพของการนอน ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า สมองเครียดและกระวนกระวาย หากฝันร้ายกำลังขัดขวางการนอนหลับของคุณ ก็อาจสร้างปัญหาให้กับด้านอื่นๆ ของชีวิตคุณ และอาจถึงกับสร้างปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ด้วย จึงจำเป็นที่คุณจะเข้าใจแหล่งที่มาของฝันร้าย และทำตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝันร้ายขึ้นอีก
  2. เข้าใจความแตกต่างระหว่างฝันร้ายกับละเมอฝันผวา. ฝันร้ายกับละเมอฝันผวาเป็นลักษณะของปัญหารบกวนการนอนหลับ 2 อย่าง ที่บางครั้งผู้คนเข้าใจสับสนกัน
    • ฝันร้าย มีแนวโน้มจะเกิดในช่วงหลับฝัน ดังนั้น คุณจึงมักจะฝันร้ายตอนช่วงเช้ามืด เป็นประสบการณ์ของฝันที่น่าตกใจหรือรบกวนใจ ซึ่งในตอนเกิดนั้นดูสมจริงเป็นอย่างมาก รายละเอียดของความฝันจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แม้ว่าคนวัยผู้ใหญ่มักรายงานถึงฝันร้าย เกี่ยวกับการถูกไล่ล่าหรือพลัดตกจากที่สูง ส่วนผู้เคยประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ชอกช้ำใจ มีแนวโน้มจะหวนไปประสบกับเหตุการณ์นั้นซ้ำอีกในฝันร้าย
    • ละเมอฝันผวา เกิดขึ้นในขั้นตอนของการนอนหลับที่ลึกมากยิ่งขึ้น จึงมีแนวโน้มจะเกิดในช่วงสองสามชั่วโมงแรกของการนอนหลับ เป็นประสบการณ์ของความกลัวอย่างรุนแรง ซึ่งไม่ได้ตามมาด้วยความฝันหรือมองเห็นภาพใดๆ แต่มักจะมาพร้อมกับความเคลื่อนไหว(ดิ้นรนกระเสือกกระสน หรือลุกขึ้นมานั่งตัวแข็งทื่อบนเตียง) ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ฝันตื่น และตามปกตินั้น เมื่อตื่นขึ้นมา คนๆ นั้นจะจำไม่ได้ว่าเหตุใดตนถึงได้ตกใจมากขนาดนั้น [2]
  3. เข้าใจว่าฝันร้ายอาจเป็นอาการของปัญหาที่ใหญ่กว่า. แม้ว่าฝันร้ายในคนวัยผู้ใหญ่มักเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุร้ายแรงซุกซ่อนอยู่ แต่บางครั้ง ฝันร้ายจะเป็นผลจากอาการทางจิตต่างๆ เช่น ความกระวนกระวายใจ ความหดหู่ หรือความเครียดภายหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ
    • ฝันร้ายน่าจะเกิดขึ้นได้เป็นพิเศษหากผู้ที่ทุกข์ทรมานจากปัญหานี้ เพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์ที่ชอกช้ำหรือทำให้ชีวิตพลิกผัน เช่น การสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รัก การเปลี่ยนงานหรือตกงาน การมีบุตร การเข้ารับการผ่าตัด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
    • บางครั้งฝันร้ายเป็นอาการของความผิดปกติด้านการนอนหลับอีกประเภทหนึ่ง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือโรคขาไม่ชอบอยู่เป็นสุข และในบางครั้ง คนๆ หนึ่งเพียงมีเหตุชักนำด้านพันธุกรรมไปสู่ฝันร้าย ดังที่มีผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นของฝันร้ายที่แพร่สะพัดอยู่ในครอบครัวของคนๆ นั้น [1]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ป้องกันฝันร้าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากฝันร้ายของคุณเป็นผลของอาการอย่างหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือโรคขาไม่ชอบอยู่เป็นสุข การเข้ารับการบำบัดอาการต่างๆ เหล่านั้น น่าจะช่วยลดฝันร้ายลงได้
    • หากฝันร้ายเกี่ยวข้องกับอาการกระวนกระวายใจ ความหดหู่ หรือความเครียดภายหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ การใช้วิธีบำบัดเฉพาะบางรูปแบบหรือการให้ยา อาจช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้และลดฝันร้ายให้น้อยลงได้
    • แพทย์มักสั่งยาที่รู้จักกันในนาม พราโซซิน เพื่อช่วยผู้ป่วยจากความเครียดภายหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ โรคกระวนกระวายใจ และโรคตื่นตระหนก ยาชนิดนี้ช่วยบรรเทาฝันร้ายได้
    • คุณจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อคิดคำนวณทางเลือกด้านการบำบัดซึ่งดีที่สุดสำหรับคุณ
  2. การกินอาหารก่อนนอนอาจกระตุ้นให้เกิดฝันร้ายได้ เพราะอาหารเร่งการเปลี่ยนแปลงทางเคมีภายในร่างกาย และส่งสัญญาณไปยังสมองให้กระฉับกระเฉงมากขึ้นด้วย จึงเป็นความคิดที่ดีหากจะตัดอาหารว่างก่อนนอนทิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารว่างที่อุดมไปด้วยน้ำตาล [3]
  3. ความเครียดอาจเป็นสาเหตุของฝันร้าย ดังนั้น ตลอดทั้งวัน คุณจึงสมควรหาเวลาผ่อนคลายบ้าง และมุ่งจะเข้านอนด้วยจิตใจที่แจ่มใสและสงบ
    • ทั้งโยคะและการทำสมาธิต่างเป็นกิจกรรมที่ดีสำหรับบรรเทาความเครียด และทำให้สมองแจ่มใส คุณสมควรพิจารณาว่าจะสมัครเรียน หรือปฏิบัติเองง่ายๆ เพียงไม่กี่นาที/วัน อย่างสะดวกสบายที่บ้านของคุณเอง
    • กิจกรรมอื่นๆ เช่น อ่านหนังสือ ถักนิตติ้ง วิ่ง หรือเพียงแค่ใช้เวลากับครอบครัวและคนที่คุณรักให้มากขึ้น สามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้เช่นเดียวกัน
    • อาบน้ำร้อนก่อนนอนช่วยให้คลายเครียดได้ หลังจากเผชิญกับความเครียดต่างๆ มาทั้งวัน และทำให้คุณรู้สึกสงบขึ้นและผ่อนคลายมากขึ้นด้วย
  4. ปรึกษาแพทย์ของคุณเรื่องยาใดๆ ที่คุณกำลังกินอยู่. ยาบางชนิดอาจเพิ่มความน่าจะเป็นที่คุณจะฝันร้าย จึงสมควรปรึกษาแพทย์ หากคุณรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจเป็นปัญหาหนึ่งสำหรับคุณ
    • มีอยู่บ่อยๆ ที่ยาคลายเครียดและยารักษาโรคความดันโลหิตบางชนิดเป็นสาเหตุที่ทำให้ฝันร้าย คุณสมควรปรึกษากับแพทย์เพื่อขอให้เปลี่ยนไปใช้ยาขนานอื่นแทน
    • มีบางครั้งที่การเปลี่ยนปริมาณยา หรือการยกเลิกการใช้ยาเป็นพิเศษบางขนาน อาจทำให้เกิดฝันร้ายได้ ซึ่งในกรณีเช่นนั้น ฝันร้ายอาจทุเลาลงได้เมื่อร่างกายของคุณปรับตัวได้แล้ว [3]
  5. ฝันร้ายอาจทำให้นอนไม่พอ และการนอนไม่พอก็ทำให้เกิดฝันร้ายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนของคุณอาจช่วยป้องกันฝันร้ายได้
    • สร้างสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายในห้องนอนของคุณ ดูแลให้ห้องนอนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้แน่ใจว่าห้องมืดพอ และหลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นเกินไป ทำให้แน่ใจว่าเตียงนอนของคุณสบายมากพอ ใช้เครื่องทำเสียงกลบเสียงรบกวน เพื่อสกัดเสียงที่ไม่ต้องการใดๆ และสงวนห้องนอนของคุณไว้เฉพาะสำหรับการนอนหลับเท่านั้น การทำงานในห้องนอนอาจทำให้คุณเชื่อมโยงห้องนอนกับความเครียดได้
    • ออกกำลังกายให้มากขึ้น การทำให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อยด้วยการบริหารร่างกาย เป็นวิธีดีมากที่จะปรับปรุงการนอนของคุณ หากิจกรรมที่คุณชอบทำ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การฝึกความแข็งแกร่ง การเต้นรำ การพายเรือหรือการไต่หน้าผา และสมควรออกกำลังกาย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ จัดตารางให้ออกกำลังในช่วงเช้าหากทำได้ ขอเพียงแค่อย่าออกกำลังกายในทันทีก่อนนอน เพราะจะทำให้ตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับได้ลง
    • ลดปริมาณการบริโภคคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และนิโคตินของคุณลง สารเหล่านี้สามารถรบกวนการนอนของคุณได้ การงดเสพย์หรืออย่างน้อยก็ลดปริมาณลงจึงเป็นความคิดที่ดี ขอให้พยายามหลีกเลี่ยง ไม่ดื่ม สูบ หรือเสพย์คาเฟอีนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนเวลานอนด้วย
  6. การบำบัดด้วยวิธีจินตนาการเป็นชนิดหนึ่งของการบำบัดแบบปรับเปลี่ยนความคิด ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพมากในการลดฝันร้ายในผู้ป่วย จากความเครียดภายหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ และผู้ป่วยผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ [1]
    • ในการบำบัดด้วยวิธีจินตนาการนั้น ผู้ป่วยจะได้รับการสนับสนุนให้ใช้จินตนาการ เปลี่ยนแปลงตอนจบของฝันร้าย-ให้เปลี่ยนเป็นความฝันที่น่าอภิรมย์มากขึ้น หรือมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากขึ้น -ในระหว่างที่พวกเขายังตื่นอยู่
      • ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังฝันว่ากำลังถูกไล่ล่า คุณอาจจินตนาการว่ามีสัตว์ประหลาดกำลังตามล่าคุณอยู่ และเมื่อสัตว์ประหลาดจับตัวคุณได้ ให้สัตว์ประหลาดพูดว่า “โป้ง" แล้วปรากฏว่าคุณกำลังเล่นโป้งแปะ การละเล่นแต่โบราณของเด็กไทยอยู่จริงๆ
      • หากคุณกำลังฝันว่ากำลังร่วงหล่น คุณอาจจินตนาการว่าร่มชูชีพกางออกและช่วยชีวิตคุณไว้
    • บางครั้งการบำบัดด้วยวิธีจินตนาการนี้จะเป็นเพียงการพูดออกมา แต่ในบางครั้ง ผู้บำบัดอาจขอให้คนไข้เขียนบรรยาย วาดภาพหรือระบายสีแสดงตอนจบของฝันร้ายของพวกเขาที่ได้เปลี่ยนไปแล้วด้วย [3]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

สนับสนุนความฝันที่น่าอภิรมย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นึกถึงสถานที่สงบสุขและมีความสุขสักแห่งหนึ่ง เช่น ชายหาดในเขตร้อน หรือบนยอดเขาโดดเดี่ยวสักแห่งหนึ่ง คุณอาจจินตนาการขึ้นเอง หรืออ้างอิงจากสถานที่บางแห่งซึ่งมีอยู่จริง ไม่ว่าสถานที่นั้นจะคืออะไรและอยู่ที่ไหน เพียงทำให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่สงบและผ่อนคลาย โดยนอกจากเพียงแค่นึกภาพ ให้พยายามจินตนาการถึงเสียง กลิ่นต่างๆ และบรรยากาศโดยรวมด้วย
  2. ในขณะที่คุณกำลังล่องลอยเข้าสู่การหลับใหลนั้น ให้พยายามนึกถึงความคิดที่มีสุข อาจเป็นอะไรก็ได้ที่คุณชอบ เช่น พยายามจินตนาการตัวคุณเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ผู้ช่วยโลกเอาไว้ เป็นดาราชายหรือดาราหญิงคนดัง หรือคุณอาจกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในฝัน นอกจากนี้ หากคุณจะมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายต่างๆ และจินตนาการว่าคุณได้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ก็อาจช่วยได้เช่นกัน เช่น ได้งานในฝัน ลดน้ำหนักได้อย่างที่ใฝ่ฝัน หรือพบรักแท้
  3. หาใครบางคนที่คุณไว้ใจ และอธิบายให้ฟังเรื่องความฝันของคุณ อธิบายด้วยว่าเหตุใดความฝันถึงได้ทำให้คุณกลัว เพียงแค่คุณได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมา ก็ช่วยให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นแล้ว คุณยังสามารถตามรอยความฝันของคุณ โดยจดบันทึกความฝันของคุณเอาไว้ได้ด้วย แต่ต้องตระหนักว่าในบางครั้ง จะเกิดผลดีกว่า หากคุณจะได้พูดคุยกับคนจริงๆ คนที่คุณรู้ว่าเขากำลังรับฟังปัญหาของคุณ
  4. ลองดูสิว่าคุณสามารถควบคุมฝันร้ายของคุณได้หรือไม่ โดยทำให้มีบางสิ่งเกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพื่อทำให้ฝันร้ายน่าตกใจน้อยลง หรือปั่นป่วนน้อยลงหรือไม่ ความสามารถนี้เกิดขึ้นกับคนบางคนเร็วกว่าคนอื่น จึงไม่ต้องผิดหวังหากในตอนแรกคุณไม่สามารถจะจัดการกับฝันร้ายได้
  5. ผ่อนคลาย.ฝันร้ายสามารถเกิดจากความเครียดได้ด้วย เช่น กังวลว่าคุณจะได้งานหรือไม่ จงปล่อยวางสิ่งที่คุณวิตก และเริ่มมีความฝันที่มีความสุขอีกครั้งหนึ่ง คุณสามารถผ่อนคลายด้วยการตั้งสมาธิ หรือมีวันดีๆ สักวันบนชายหาด เพียงแค่ทำให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่อันเงียบสงบที่คุณสามารถจะผ่อนคลายและเบิกบานใจ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ดูบางสิ่งที่ตลกขบขันหรือทำให้ร่าเริงก่อนเข้านอน
  • พยายามไม่คิดถึงเรื่องน่ากลัวต่างๆ ที่คุณคิดว่าอาจจะเกิดขึ้น
  • การฟังดนตรีแห่งความสุขหรือผ่อนคลายก่อนเข้านอน อาจช่วยบรรเทาความคิดด้านลบในใจคุณ ในเมื่อสมองปักหลักมั่นคงกับความคิดด้านบวก ก็เป็นไปได้มากขึ้นที่คุณจะมีความฝันที่เป็นสุขมากขึ้น
  • คิดถึงสิ่งดีๆ ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในชีวิต จินตนาการถึงสิ่งยิ่งใหญ่ต่างๆ ที่คุณสามารถทำให้สำเร็จได้ ไม่คิดถึงอะไรนอกจากความคิดเกี่ยวกับความสุข
  • พกพาเครื่องราง เช่น ตาข่ายดักฝัน หรืออัญมณีที่ช่วยปกป้องคุ้มครอง(อเมทิสต์) เพื่อช่วยเกี่ยวกับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้ลืมเรื่องความคิดที่ไม่ดี
  • จดจำว่าส่วนใหญ่ของความฝันของคุณไม่ใช่เรื่องจริง และไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง เพียงแค่ผ่อนคลาย ใช้เวลาเพื่อพักฟื้นให้คืนสภาพเดิม ทำให้ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง และต้อนรับวัน (ธรรมดา) ที่ยอดเยี่ยมอีกวันหนึ่ง
  • พยายามใช้สมุนไพรที่ตามธรรมชาติช่วยให้จิตใจสงบเพื่อช่วยให้ใจสงบ
  • พยายามปล่อยให้ร่างกายผลอยหลับไปเอง อย่าหลับตาลงและบังคับให้ตัวเองหลับ ให้อ่านหนังสือจนคุณรู้สึกเพลีย จึงล้มตัวลงนอนโดยที่ยังลืมตาอยู่ จนกระทั่งร่างกายผลอยหลับไปเอง (คุณจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาในตอนเช้า)
  • คิดถึงบางสิ่งที่สนุกสนานในอนาคตหรือในอดีต หรือเพียงแค่จดบันทึก เขียนสิ่งที่ในวันนั้น คุณได้ทำลงไป (เขียนเรื่องที่มีความสุข ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย)
  • ฟังดนตรีในขณะนอนหลับ
  • หากคุณฝันร้ายตอนกลางดึก ให้พยายามถามตัวเองว่าเข้าไปอยู่ในฝันร้ายได้อย่างไร และทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนฝันร้ายให้กลายเป็นฝันดีได้
  • คุณอาจฝันร้ายเพราะคิดมากเกินไป เกี่ยวกับสิ่งเดียวกันที่กำลังรบกวนใจอยู่ หรือทำให้คุณเครียดเกินไป จงพยายามแก้ปัญหาที่กำลังกวนใจอยู่ แต่หากนั่นไม่ใช่ปัญหา และคุณแน่ใจว่าไม่มีเรื่องเครียดใด ๆ ให้ต้องวิตก ให้พยายามปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเรื่องนี้
โฆษณา

คำเตือน

  • หากไม่หยุดฝันร้ายหลังจากหนึ่งเดือน สมควรปรึกษาแพทย์ คุณอาจฝันร้ายเพราะคนใกล้ชิดตายจากไป ซึ่งในกรณีแบบนั้น ทำได้ยากมากที่จะหายจากฝันร้าย หากคุณยังคงมีปัญหาอย่างต่อเนื่องที่จะก้าวข้ามบางสิ่งในชีวิต และยังฝันร้ายในเรื่องนั้นอย่างคงเส้นคงวา ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสักคนหนึ่ง พวกเขาสามารถช่วยได้
  • ในกรณีรุนแรงที่หาได้ยากและพบไม่บ่อยนั้น ฝันร้ายอาจทำให้บางคนหวาดผวามากเสียจนกลัวที่จะเข้านอนในคืนถัดมา หรือหลายคืนหลังจากฝันร้าย โดยในหลายๆ คืนที่ตามมานั้น คนๆ นั้นอาจเข็ดเขี้ยว กลัวจะฝันร้ายเหมือนเดิม หรือคล้ายคลึงกับเดิม หรือไม่อย่างนั้น ฝันร้ายก็น่ากลัวมากเสียจนภาพ สถานที่ ความคิดและความรู้สึกต่างๆ ยังคงติดอยู่ในความคิดในยามตื่นของผู้ที่ฝัน และยังคงทำให้หวาดผวาในขณะที่พยายามจะหลับ หากเป็นเช่นนั้น คุณอาจหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมห้องสักคนหนึ่ง (หากคุณยังโสด) เพื่อมานอนเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้น ก็ให้ปรึกษาแพทย์ หรือปรึกษาใครบางคนที่คุณไว้ใจเรื่องความฝันร้ายกาจนี้ของคุณ การฟังเพลงเบาๆ ซึ่งทำให้ผ่อนคลายในขณะที่กำลังจะนอนก็อาจช่วยได้เช่นเดียวกัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 43,855 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา