ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณพบว่าตัวเองกำลังร้ายต่อผู้อื่น คุณอาจจะกำลังมีปัญหาทางด้านอารมณ์อยู่ก็เป็นได้ การระบุแหล่งที่มาของอารมณ์ที่ไม่ดีและทำให้ตัวคุณเองมีความสุขมากขึ้นจะทำให้คุณมีนิสัยที่ดีขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นการเรียนรู้ที่จะสื่อสารและเข้าใจในตัวผู้อื่นสามารถลดสถานการณ์ที่คุณทำตัวไม่ดีลงได้ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึก และการกระทำเพื่อทำให้คุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ช่ำชองเรื่องควบคุมอารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนส่วนใหญ่ทำตัวร้ายกับคนอื่นเพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น [1] อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจไม่ได้ผลมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการดีต่อคนอื่นมากขึ้น คุณอาจใส่อารมณ์ไปที่บางคนแล้วรู้สึกดีไปสักระยะ แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกแย่กับตัวเองที่ใส่อารมณ์กับผู้อื่น เหตุผลอื่นๆ ที่คุณทำตัวร้ายๆ อาจเพราะ [2]
    • คุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แล้วใส่อารมณ์กับผู้อื่น
    • อีโก้ของคุณกำลังถูกผู้อื่นคุกคาม ทำให้คุณต้องร้ายใส่ผู้อื่นเพื่อเป็นการป้องกันตัว
    • คุณอิจฉาชีวิตหรือความสำเร็จของคนอื่น จนคุณอยากจะทำร้ายเขา [3]
    • คุณกำลังผลักไสอารมณ์รุนแรงเกี่ยวกับตัวคุณเองไปที่คนอื่น
    • คุณกำลังพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกแตกต่างและพิเศษจากผู้อื่นด้วยวิธีการที่ร้ายกาจ
  2. ต้องรู้ว่าความคิด ความรู้สึกและการกระทำนั้นเชื่อมถึงกัน. อาจเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดว่าอะไรคือความคิด อะไรคือความรู้สึก ที่จริงแล้วทั้งสองอย่างมีผลเชื่อมโยงถึงกันอยู่ ความคิดของคุณจะส่งผลถึงความรู้สึกของคุณ และความรู้สึกของคุณก็ส่งผลถึงการกระทำของคุณ ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนการกระทำ (หรือคำพูด) คุณสามารถเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดของคุณก่อน [4]
    • เช่น หากคุณคิดว่า “ผู้ชายคนนี้โง่มากเลย” คุณอาจรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องพูดคุยกับเขา และจะแสดงออกมาในการกระทำและคำพูดของคุณ อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่า “คนๆ นี้ต้องเรียนรู้เพิ่มอีกเยอะในเรื่องนี้” คุณอาจมีแนวโน้มที่จะสอนเขา และคุณก็จะมีความอดทนมากขึ้นแสดงออกผ่านทางคำพูดของคุณ
    • จำไว้ว่า ถึงแม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมความคิดหรือความรู้สึกได้ แต่คุณสามารถเลือกว่าจะทำตัวอย่างไรได้เสมอ แต่ละครั้งที่คุณพูดหรือทำอะไร คุณกำลังเลือกว่าคุณจะทำหรือจะพูดอะไร [5]
  3. หากคุณกำลังพูดกับใครสักคนและรู้สึกว่าคุณกำลังร้ายใส่เขา ให้เวลาตัวเองก่อนที่จะตอบสนองอะไรไป หากคุณใช้เหตุผลเข้าว่า คุณจะตอบสนองในทางที่มีประโยชน์มากขึ้น (และทำตัวไม่ดีน้อยลง) [6]
    • หากคุณกำลังรู้สึกโมโห ไม่พอใจ เจ็บปวด หรือเศร้าเสียใจ คุณอาจต้องรอสักพักก่อนคุยกับผู้อื่น อารมณ์เหล่านี้อาจทำให้คุณหัวเสียและใส่อารมณ์กับผู้อื่น
  4. เขียนเรื่องราวว่าคุณตอบสนองต่อคนอื่นอย่างไรระหว่างวัน หากคุณบังเอิญทำตัวไม่ดี พยายามนึกถึงรายละเอียดในตอนนั้นว่าคุณทำไม่ดีใส่ใคร คุณพูดอะไร และอะไรทำให้เกิดเหตุการณ์นั้น หากคุณสามารถทำตัวดีต่อผู้อื่นได้ในสถานการณ์ที่ปกติคุณจะทำตัวร้าย ให้คุณให้รางวัลตัวเองใน “พฤติกรรมที่ดี” ของคุณ [7]
    • สร้างบันทึกเกี่ยวกับนิสัยที่ไม่ดีของคุณสามารถช่วยให้คุณระบุได้ว่า ผู้คน สถานการณ์ หรือว่าสภาพแวดล้อมเป็นตัวก่อให้เกิดการกระทำที่ไม่ดีของคุณ [8] การระบุตัวการจะทำให้คุณมีโอกาสที่จะพัฒนาเมื่อเจอสถานการณ์เดียวกันในอนาคต
  5. การเป็นคนหัวเราะง่าย (ทั้งกับคนและกับสิ่งอื่นๆ) สามารถช่วยให้อารมณ์ขันชนะอารมณ์ร้ายได้ หากคุณกำลังเริ่มที่จะหมดความอดทนและกำลังจะร้ายใส่ใครสักคน พยายามหาเหตุผลที่จะหัวเราะ การหาเรื่องขบขันในสถานการณ์หรือทำให้ตัวเองหัวเราะในบางเรื่องสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ ทำให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเปลี่ยนเป็นเรื่องที่น่าขันได้ [9]
  6. คุณอาจต้องนอนให้มากพอ (อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง) ทุกคืน [10] การอดนอนสามารถทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพมากมาย รวมถึงการที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างเหมาะสม [11] การนอนอย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณมีความอดทนและความเข้าใจที่จะมีนิสัยที่ดีไม่ว่าอารมณ์ของคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    • หากคุณมีปัญหาการนอนหลับเรื้อรัง ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชเกี่ยวกับตัวช่วยการนอนหลับ หรืออีกทางหนึ่งคือ เปลี่ยนการกินอาหาร เช่น ลดคาเฟอีนและน้ำตาล หรือเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น ลดเวลาดูหน้าจอต่างๆ ในตอนกลางคืน อาจทำให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นในตอนกลางคืน
  7. นั่งสมาธิก่อนที่จะเจอสถานการณ์ที่เครียดหรือมีบทสนทนา. การนั่งสมาธิจะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณมีนิสัยที่ดีขึ้นด้วย [12] หากคุณกำลังรู้สึกราวกับว่าคุณอาจทำตัวไม่ดีกับใครเนื่องจากคุณโมโหและหมดความอดทน ให้นั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจผ่องใส หาที่ที่เป็นส่วนตัว เงียบ หลังจากนั้นทำตามนี้ [13]
    • หายใจลึกๆ ช้าๆ การหายใจลึกๆ จะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและทำให้คุณใจเย็นลง ลมหายใจของคุณต้องลึกมากพที่พุงของคุณขยายออกในจังหวะที่หายใจออก
    • ให้นึกภาพแสงสีทองสว่างในตัวคุณเมื่อคุณหายใจเข้า และนึกภาพแสงเหล่านั้นเติมเต็มและผ่อนคลายจิตใจของคุณ เมื่อคุณหายใจออก ให้คิดภาพความมืดมิดสกปรก สีโคลนไหลออกจากตัวคุณ
    • เมื่อคุณใจเย็นจากการนั่งสมาธิแล้ว คุณควรพร้อมที่จะพูดคุยกับคนอื่นในทางที่ดีแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำตัวดีขึ้นต่อผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนมากมายทำตัวร้ายกาจต่อผู้อื่นเมื่อพวกเขารู้สึกถูกคุกคาม ถูกทำไม่ดีใส่ หรือถูกกลั่นแกล้ง [14] ตระหนักว่าเมื่อคุณทำตัวร้ายกาจ มันเป็นเรื่องที่ควรสนใจและไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่าคำพูดหรือการกระทำที่ไม่ดีของคุณเหมาะสมหรือไม่ต่อสถานการณ์นั้นๆ [15]
  2. [16] ความเข้าอกเข้าใจสามารถทำให้คุณทำดีต่อผู้อื่นเป็นสิ่งแรกได้ [17] ความเข้าอกเข้าใจสามารถทำให้คุณเข้าใจมุมมองของผู้อื่น รู้สึกกังวลใจในความทุกข์ยากของผู้อื่น และสามารถเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นได้ [18] ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ต้องมั่นใจว่าคุณโฟกัสที่การเข้าใจและการเข้าถึงคนที่คุณกำลังพูดด้วย
  3. หาคนที่คำพูดและการกระทำของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คุณและจินตนาการว่าเขาจะทำหรือพูดอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ หลังจากนั้นให้เอาอย่างการสนทนาเช่นนั้น [19]
  4. การยิ้มให้ผู้อื่นจะทำให้คุณดูนิสัยดี ผู้คนมักจะยิ้มกลับมาที่คุณ และคุณจะพบว่าคุณสามารถสร้างเพื่อนได้อย่างง่ายดาย. การยิ้มยังช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น การแสดงออกว่ามีความสุขด้วยท่าทางที่ดีและยิ้มกว้างสามารถทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น อารมณ์และความคิดของคุณจะตอบสนองต่อการยิ้มของคุณ [20]
  5. การสื่อสารไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดเสมอไป คำพูดของคุณอาจสุภาพมากแต่ภาษากายและการกระทำของคุณอาจแสดงท่าทางที่ไม่ดีต่อผู้อื่นก็เป็นได้ ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้อื่นอาจถูกแสดงออกมาทางร่างกายของคุณและบอกให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณไม่พอใจ
    • เพื่อที่จะมีภาษากายที่เป็นกลางมากขึ้น คุณอาจต้องพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นขั้นตอนที่คุณเกร็งแล้วจึงปล่อยให้กล้ามเนื้อในร่างกายผ่อนคลาย วิธีนี้จะช่วยลบความคิดแง่ลบหรือความเครียดจากร่างกายของคุณเช่นเดียวกับจิตใจของคุณ [21]
  6. ใช้การแสดงออกว่ามั่นใจของความรู้สึกของคุณเมื่อจำเป็นเท่านั้น. [22] แทนที่จะเป็นคนเงียบๆ (โกรธแล้วไม่ได้พูดอะไร) หรือก้าวร้าว (ระเบิดออกมาแล้วทำให้สถานการณ์แย่ลง) พยายามแสดงออกอย่างเหมาะสม [23] เพื่อที่จะฝึกแสดงออกอย่างเหมาะสม ต้องอยู่กับความเป็นจริง (ไม่ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง) เพื่อที่สื่อสารคำขอ (ไม่ใช่คำสั่ง) ต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ สื่อสารให้ชัดเจนและแสดงความรู้สึกของคุณอย่างได้ผล เพื่อให้ทุกคนได้อย่างที่ต้องการ
    • เช่น หากคุณมีแนวโน้มที่จะตะคอกใส่คู่ครองของคุณเพราะว่าเธอพับผ้าไม่ได้ดั่งใจคุณ คุณอาจพยายามที่จะแสดงออกอย่างเหมาะสมแทน คุณอาจพูดว่า "ขอบคุณนะที่อุตส่าห์ช่วย แต่ฉันไม่ชอบเลยที่คุณพับกางเกงแบบที่ทำให้มันยับ ฉันรู้สึกไม่มั่นใจเลยที่ต้องใส่กางเกงยับๆ ไปทำงาน จะขอบคุณมากเลยถ้าคุณจะพับให้ดีกว่านี้หน่อย หรือเดี๋ยวฉันซักหรือพับเองก็ได้”
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

พัฒนาอารมณ์โดยรวมของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดูแลตัวเองด้วยการทำกิจกรรมที่จะทำให้คุณมีความสุข มันจะทำให้คุณทำตัวดีขึ้นต่อผู้อื่น [24] การทำบางอย่างที่คุณชอบสามารถทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นด้วยการทำให้คุณไม่ไปคิดเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสีย [25] หากคุณสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ คุณจะตัดสินใจอย่างมีเหตุผล (ไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่) เกี่ยวกับการสื่อสารกับผู้อื่น
  2. โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม [26] คุณอาจต้องการเวลาลำพังให้กับตัวเองเรื่อยๆ วิธีนี้สามารถทำให้คุณมีนิสัยที่ดีขึ้นเพราะว่าคุณรู้สึกสดใหม่เสมอ ยังมีส่วนช่วยหากคนที่คุณรักกำลังหมดความอดทนกับความร้ายกาจของคุณ การออกมาเพื่อพักจะทำให้คุณทำดีกับพวกเขามากขึ้น [27]
  3. จากการวิจัยพบว่าการได้รับประสบการณ์ผ่านผู้อื่น (ซึ่งเกิดจากการอ่านและการดูตัวละครต่างๆ ในรายการทีวีโปรด) จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น [28] ผู้คนยังพบกับการปลดปล่อยอารมณ์ หรือการปลดปล่อยอารมณ์ผ่านผู้อื่น ด้วยการดูตัวละครในรายการต่างๆ การปลดปล่อยอารมณ์ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมจะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ตัวเองในชีวิตจริงได้
  4. มีความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายและการพัฒนาอารมณ์อยู่ [29] การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์ทั่วไปของคุณได้ [30] [31] ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณทำดีต่อคนอื่นมากขึ้น
    • ลองเล่นโยคะ มันเป็นการรวมทั้งกำลังกายและการควบคุมอารมณ์ไว้ด้วยกัน ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์ทั้งการออกกำลังกายและการฝึกสมาธิ หากคุณไม่สามารถไปที่ฝึกโยคะได้ ลองหาดาวน์โหลดคลิปวีดีโอหรือแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือดูที่บ้าน [32]
    • หากคุณกำลังรู้สึกประหลาด คุณอาจลองเต้นเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น การเต้นช่วยทั้งการออกกำลังกายและทำให้ศูนย์กลางของสมองคุณทำงาน [33]
    • คุณอาจพบว่าการออกกำลังกายทุกวันทำให้คุณมีพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์และอดทนโดยปราศจากอาการหงุดหงิดผู้อื่น
  5. การหิวจะทำให้คุณหงุดหงิดซึ่งอาจนำไปสู่การที่คุณระเบิดอารมณ์ใส่ผู้อื่น การทานอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น
    • รวมถึงธัญพืช ผลไม้ ผัก และโปรตีนในอาหาร [34] การทานไขมันดียังช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้นอีกด้วย
    • หลีกเลี่ยงอาหารไร้ไขมันและอาหารแปรรูป อาหารเหล่านี้มักมีสารอาหารไม่เพียงพอและทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจ [35]
    • อาหารที่ช่วยรักษาสุขภาพที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3 อาจทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้น [36] อาหารที่อยู่ในกลุ่มนี้คือ ผักใบเขียว อโวคาโด หน่อไม้ฝรั่ง วอลนัท ดาร์คช็อคโกแล็ต และชาเขียว [37]
  6. คุณอาจร้ายกาจใส่คนอื่นเพียงเพราะว่าคุณเหงา [38] การใช้เวลากับเพื่อนจะช่วยให้คุณมีอารมณ์ที่ดีขึ้นหากคุณรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยได้ติดต่อกับใคร [39] ออกไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารที่คุณชอบ หรืออาหารเย็นก็ได้ หากคุณไม่มีเงินเพียงพอที่จะไปทานร้านอาหาร ออกไปเดินเล่นกับพวกเขาหรือออกไปที่สวนสาธารณะและนั่งบนชิงช้าแล้วคุยกัน
    • หากคุณไม่สามารถพบเจอกันได้ การพูดผ่านโทรศัพท์และแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน (กับเพื่อนที่ตลกๆ) จะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • คิดว่าคุณต้องการจะพูดอะไร อย่าพูดสิ่งแรกที่คุณคิดเพราะว่ามันจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
  • พยายามไม่ตัดสินผู้อื่น การตัดสินผู้อื่นจะเป็นแหล่งความคิดที่ไม่ดีต่อผู้อื่น ซึ่งจะแสดงออกมาจากการปฏิสัมพันธ์กัน
  • เป็นผู้ฟังที่ดี ฟังเมื่อคนอื่นกับพูดกับคุณ
  • นอบน้อม ช่างสังเกตุ และรอบคอบ และคิดแง่บวกเข้าไว้ อย่ามองในแง่ร้ายหรือดุดัน พยายามมองหาด้านดีจากเหตุการณ์ต่างๆ
  • บอกตัวเองอยู่เสมอว่าคุณเป็นคนดีจนกระทั่งจิตใจของคุณเชื่อว่าคุณเป็นจริงๆ เปลี่ยนนิสัยเพื่อให้เข้าได้กับที่ใหม่ การคิดว่าคุณเป็นหนึ่งใน “คนดี” แทนที่จะเป็นหนึ่งใน “คนไม่ดี” แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีผลต่อการกระทำของคุณ จะทำให้จิตใจของคุณตอบสนองในทางบวก
  • นิสัยเช่นนี้ก็เหมือนทุกอย่าง ยากที่จะเปลี่ยน ด้วยความอดทน ความร้ายกาจของคุณจะเปลี่ยนไป
  • จริงใจ อย่าทำดีต่อผู้อื่นเพื่อหวังผล หากคุณต้องการทำดีเพื่อที่คุณจะได้อะไรตอบแทน ก็เป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับการเป็นคนดี มันถือเป็นการหลอกลวง ตื้นเขิน และโหดร้าย การทำดีเพราะว่าคุณต้องการมองกลับมาแล้วรู้ว่าคุณเป็นคนดีไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
  • ก่อนที่จะทำอะไรอย่างรวดเร็ว ถามตัวเองก่อน “การกระทำ ความคิด คำพูด จะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นสำหรับฉันหรือว่า สำหรับผู้อื่น?” หากไม่ อย่าทำ และเงียบไว้ มันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามทำให้ตัวเองหรือคนอื่นไม่มีความสุข
  • ไม่ว่าจะทำอะไร อย่ากลั่นแกล้งผู้อื่น
  • เป็นผู้ใหญ่ขึ้น คุณไม่ต้องร้ายต่อผู้อื่นเพียงเพราะว่าพวกเขาร้ายกับคุณ
  • มันไม่จำเป็นที่จะต้องชมผู้อื่นเพื่อที่จะหยุดร้ายกาจ คุณแค่ต้องพูดคุยด้วยความเคารพ
  • หากคุณพบกับใครที่ร้ายต่อคุณ สู้เพื่อสิทธิ์ของคุณแต่อย่าหยาบคาย
  • “คิด” ก่อนพูด ว่ามันจริง มีประโยชน์ เป็นแรงบันดาลใจ จำเป็น และดีหรือไม่?
  • ช่วยเหลือผู้อื่น ทำดี และใจดี และขอบคุณผู้อื่น
โฆษณา
  1. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/expert-answers/how-many-hours-of-sleep-are-enough/faq-20057898
  2. http://www.integrativepsychiatry.net/neurotransmitter.html
  3. http://news.harvard.edu/gazette/story/2012/11/meditations-positive-residual-effects/
  4. http://www.apa.org/helpcenter/controlling-anger.aspx
  5. https://www.psychologytoday.com/blog/the-big-questions/201306/why-are-people-mean-part-1
  6. http://www.oprah.com/omagazine/Martha-Beck-Why-People-Are-Mean
  7. https://www.psychologytoday.com/basics/empathy
  8. http://www.washingtonpost.com/news/parenting/wp/2014/07/18/are-you-raising-nice-kids-a-harvard-psychologist-gives-5-ways-to-raise-them-to-be-kind/
  9. https://www.psychologytoday.com/blog/cutting-edge-leadership/201108/are-you-empathic-3-types-empathy-and-what-they-mean
  10. https://www.psychologytoday.com/blog/mind-tapas/201006/stop-being-such-jerk
  11. http://www.scientificamerican.com/article/smile-it-could-make-you-happier/
  12. http://www.cci.health.wa.gov.au/resources/docs/Info-PMR.pdf
  13. http://www.creducation.org/resources/anger_management/understanding_anger_expression.html
  14. https://www.mentalhelp.net/articles/assertive-communication-and-anger-management/
  15. https://www.psychologytoday.com/blog/mind-tapas/201006/stop-being-such-jerk
  16. http://www.csulb.edu/~psych/deptinfo/faculty/thayer/SelfRegulationofMood.pdf
  17. https://www.psychologytoday.com/articles/201008/revenge-the-introvert
  18. https://www.psychologytoday.com/blog/happiness-in-world/201407/why-were-nicer-strangers-the-people-we-love-most
  19. http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1057740814000631
  20. http://www.csulb.edu/~psych/deptinfo/faculty/thayer/SelfRegulationofMood.pdf
  21. http://www.webmd.com/men/news/20100608/exercise-may-ward-off-anger
  22. http://psychcentral.com/news/2008/11/25/exercise-reduces-anger/3407.html
  23. https://www.psychologytoday.com/blog/prescriptions-life/201312/7-drug-free-ways-boost-your-mood-help-depression
  24. https://www.psychologytoday.com/articles/200703/dance-therapy-spin-control
  25. https://www.psychologytoday.com/blog/prescriptions-life/201312/7-drug-free-ways-boost-your-mood-help-depression
  26. http://psychcentral.com/blog/archives/2014/11/06/foods-to-improve-your-mood/
  27. http://psychcentral.com/blog/archives/2014/11/06/foods-to-improve-your-mood/
  28. http://psychcentral.com/blog/archives/2014/11/06/foods-to-improve-your-mood/
  29. https://www.psychologytoday.com/blog/the-squeaky-wheel/201409/10-quick-ways-get-out-bad-mood
  30. https://www.psychologytoday.com/blog/the-squeaky-wheel/201409/10-quick-ways-get-out-bad-mood

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,494 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา