ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การหาผู้เขียนของเว็บไซต์นั้นสำคัญมากถ้าคุณกำลังเขียนรายงานหรือโครงงานที่ต้องใส่อ้างอิง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในส่วนนี้อาจหาได้ยาก โดยเฉพาะถ้าเว็บไซต์ที่คุณอ่านอยู่ไม่ได้เป็นเว็บไซต์บทความโดยเฉพาะ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลายๆ ที่ที่คุณสามารถเข้าไปหาผู้เขียนได้ แต่ถ้าหาไม่เจอ คุณก็สามารถอ้างอิงหน้าเว็บได้เช่นกัน
ขั้นตอน
-
ดูที่ด้านบนสุดและล่างสุดของบทความ. หลายๆ เว็บไซต์ที่จ้างนักเขียนประจำและนักเขียนสมทบมักจะแสดงชื่อผู้เขียนที่ด้านบนสุดหรือล่างสุดของบทความนั้นๆ จึงเป็นที่แรกที่คุณควรจะมองหาชื่อผู้เขียน
-
หาข้อมูลลิขสิทธิ์ของเว็บไซต์. เว็บไซต์บางแห่งจะแสดงชื่อผู้เขียนถัดจากข้อมูลลิขสิทธิ์ที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ ซึ่งก็อาจแสดงเป็นชื่อของบริษัทที่ควบคุมเว็บไซต์ ไม่ใช่ชื่อของผู้เขียนจริงๆ
-
มองหาหน้า "การติดต่อ" หรือ "เกี่ยวกับ". ถ้าหน้าเว็บที่คุณกำลังดูอยู่ไม่มีชื่อผู้เขียนและเป็นเว็บที่เชื่อถือได้ เว็บนั้นก็อาจแสดงการให้สิทธิ์ของบริษัทหรือหน่วยงานที่ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งสามารถใช้เป็นผู้เขียนแทนได้ถ้าเว็บไม่แสดงชื่อผู้เขียนที่เฉพาะเจาะจง
-
ถามเจ้าของเว็บ. ถ้าคุณหาข้อมูลการติดต่อของเว็บไซต์ไม่เจอ คุณสามารถลองส่งอีเมลไปถามชื่อผู้เขียนของหน้าเว็บหรือบทความนั้นๆ ได้ และถึงแม้จะไม่มีอะไรรับประกันว่าคุณจะได้อีเมลตอบกลับ แต่มันก็คุ้มที่จะลองดู
-
นำข้อความส่วนหนึ่งไปหาใน Google เพื่อหาผู้เขียนต้นฉบับ. ถ้าคุณกำลังอ่านเว็บไซต์ที่ไม่มีจรรยาบรรณ เว็บไซต์นั้นก็อาจกำลังแสดงข้อมูลที่คัดลอกมาจากแหล่งที่มาอื่นๆ ให้คัดลอกและวางข้อความสักย่อหน้าหนึ่งลงใน Google เพื่อค้นหาผู้เขียนต้นฉบับ
-
ใช้ WHOIS เพื่อหาเจ้าของเว็บไซต์. WHOIS เป็นฐานข้อมูลของการลงทะเบียนเว็บไซต์ ซึ่งคุณสามารถใช้ WHOIS เพื่อสาวไปถึงเจ้าของเว็บไซต์ได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลเสมอไปเพราะเจ้าของเว็บไซต์ก็มักจะไม่ใช่ผู้เขียน และเจ้าของเว็บไซต์และบริษัทต่างๆ ก็มักจะใช้บริการด้านความเป็นส่วนตัวเพื่อปกปิดข้อมูลเช่นกัน [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เข้าไปที่ whois.icann.org แล้วใส่ที่อยู่เว็บไซต์ลงในช่องค้นหา
- มองหาข้อมูล "การติดต่อผู้ลงทะเบียน" เพื่อหาว่าใครลงทะเบียนโดเมนนั้นไว้ นอกจากนี้คุณยังสามารถติดต่อกับเจ้าของเว็บไซต์ผ่านพร็อกซีอีเมลถ้าข้อมูลการลงทะเบียนถูกปิดกั้น
โฆษณา
-
หาชื่อของหน้าเว็บหรือชื่อบทความ. คุณต้องมีชื่อบทความหรือชื่อของหน้าเว็บในอยู่ส่วนที่ใช้อ้างอิง แม้ว่าจะเป็นโพสต์ของบล็อกก็ต้องมีชื่อ
-
หาชื่อเว็บไซต์. นอกจากชื่อบทความแล้ว คุณยังต้องมีชื่อของเว็บไซต์ด้วย ตัวอย่างเช่น ชื่อบทความนี้ชื่อ "วิธีการหาผู้เขียนของเว็บไซต์" และชื่อเว็บไซต์คือ "wikiHow"
-
พยายามหาผู้เผยแพร่. ผู้เผยแพร่คือบริษัท องค์กร ผู้ที่จัดทำเว็บไซต์ หรือผู้ที่สนับสนุนเว็บไซต์ ซึ่งอาจไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากชื่อเว็บไซต์เลย แต่ก็ควรตรวจสอบก่อน เช่น องค์การอนามัยอาจมีเว็บไซต์แยกต่างหากสำหรับสุขภาพหัวใจ เป็นต้น
-
หาวันที่ที่หน้าเว็บหรือบทความนั้นๆ ถูกเผยแพร่. บางครั้งการหาวันที่เผยแพร่ก็อาจเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าสามารถคุณก็ควรพยายามหาวันที่เผยแพร่เสมอ
-
ถ้าเป็นไปได้ ให้หาลำดับของเวอร์ชันด้วย (MLA). ถ้าบทความหรือการเผยแพร่นั้นๆ มีหลายฉบับหรือหลายเวอร์ชัน ให้จดหมายเลขเอาไว้เพื่อใช้อ้างอิงแบบ MLA
-
หา URL ของหน้าเว็บหรือบทความ (APA และ MLA แบบเก่า). คุณอาจต้องใช้ URL ของหน้าเว็บหรือบทความ ขึ้นอยู่กับวิธีอ้างอิงที่คุณใช้และแนวทางของผู้สอน
- สำหรับ MLA7 นั้นไม่ต้องใส่ URL เพื่ออ้างอิงเว็บไซต์แล้ว แค่มีชื่อเว็บไซต์และชื่อหน้าเว็บก็เพียงพอ ถ้าคุณใช้วิธีอ้างอิงแบบ MLA ให้ถามอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ DOI (ตัวระบุวัตถุดิจิทัล) สำหรับวารสารวิชาการ (APA). ถ้าคุณจะอ้างอิงวารสารวิชาการออนไลน์ ให้ใส่ DOI แทน URL เพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้อ่านจะหาบทความเจอแม้ URL จะเปลี่ยนไป: [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- สำหรับการเผยแพร่ส่วนใหญ่นั้น คุณจะสามารถพบ DOI ได้ที่ด้านบนสุดของบทความ คุณอาจต้องกดปุ่ม "บทความ" หรือปุ่มที่มีชื่อของผู้เผยแพร่ ซึ่งจะเป็นการเปิดบทความเต็มที่มี DOI อยู่ด้านบนสุด
- คุณสามารถค้นหา DOI ได้โดยใช้การค้นหาของ CrossRef ( crossref.org ) ให้ใส่ชื่อบทความหรือชื่อผู้เขียนเพื่อหา DOI
-
จัดทำอ้างอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ของคุณ. ตอนนี้คุณได้รวบรวมทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว และถึงแม้จะไม่มีชื่อผู้เขียนก็ตาม คุณก็ยังคงพร้อมแล้วที่จะจัดทำอ้างอิงขึ้น ให้ใช้รูปแบบด้านล่างในการจัดทำ โดยให้ข้ามชื่อผู้เขียนไปถ้าคุณหาไม่เจอ: [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ APA Style ไปที่แหล่งข้อมูล
- MLA
: ผู้เขียน <นามสกุล, ชื่อ>. "ชื่อบทความ." ชื่อเว็บไซต์. ลำดับเวอร์ชัน. ผู้เผยแพร่เว็บไซต์, วันที่เผยแพร่. เว็บ. วันที่เข้าถึง. [5]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้ "ม.ป.ท." ถ้าไม่ปรากฏผู้แผยแพร่ และ "ม.ป.ป." ถ้าไม่ปรากฏวันที่เผยแพร่
- APA : ผู้เขียน <นามสกุล, อักษรตัวแรกของชื่อ>. ชื่อบทความ. (วันที่เผยแพร่). ชื่อเว็บไซต์, ฉบับที่, หน้าที่อ้างอิง. ค้นหาจาก <URL เต็มหรือ DOI> [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา - MLA
: ผู้เขียน <นามสกุล, ชื่อ>. "ชื่อบทความ." ชื่อเว็บไซต์. ลำดับเวอร์ชัน. ผู้เผยแพร่เว็บไซต์, วันที่เผยแพร่. เว็บ. วันที่เข้าถึง. [5]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://techwalla.com/content/author
- ↑ http://content.easybib.com/guides/citation-guides/mla-format/how-to-cite-a-website-mla/
- ↑ http://blog.apastyle.org/apastyle/2009/09/a-doi-primer.html
- ↑ http://www.apastyle.org/learn/faqs/web-page-no-author.aspx
- ↑ https://owl.english.purdue.edu/owl/resource/747/08/
- ↑ http://blog.apastyle.org/apastyle/2010/11/how-to-cite-something-you-found-on-a-website-in-apa-style.html
โฆษณา