บทความนี้ ร่วมเขียน โดย Tristen Bonacci
. ทริสเตน โบนาชชีเป็นครูภาษาอังกฤษที่มีใบอนุญาต โดยมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ทริสเตนได้สอนทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ เธอเชี่ยวชาญในการสอนระดับมัธยมศึกษาและการแบ่งปันความรู้กับผู้อื่นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทริสเตนได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวรรณคดีอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด และได้รับปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฟีนิกซ์
บทความนี้ถูกเข้าชม 9,033 ครั้ง
อนุประโยค (clauses) และวลี (phrases) คือหน่วยโครงสร้างของประโยคยาว ในขั้นตอนแรกเราต้องแยกความแตกต่างระหว่างอนุประโยคกับวลีให้ได้ก่อน พอสามารถแยกได้อย่างชัดเจนแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการแยกอนุประโยคชนิดต่างๆ การเข้าใจหลักเหล่านี้จะช่วยให้เราเขียนประโยคภาษาอังกฤษได้ยาวขึ้น ใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง และไม่สับสนเมื่อพบกับโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษที่ซับซ้อน
ขั้นตอน
-
อนุประโยคคือกลุ่มคำที่ประกอบด้วยสองส่วน. ส่วนแรกคือ subject (ประธาน) นั่นคือ ใคร หรือ อะไร ที่กระทำบางสิ่งบางอย่าง ส่วนที่สองคือ predicate (ภาคแสดง) นั่นคือ กริยา ที่ประธานเป็นผู้กระทำ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- " They run " เป็นอนุประโยค เพราะมี ประธาน (they) และ กริยา (run)
- " They run to the store " ก็ยังเป็นอนุประโยคอยู่ "กริยา" มีจำนวนคำเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงมีใจความเดียว
- " My dog is a good boy " ก็ยังเป็นอนุประโยคเช่นกัน เพราะคำว่า "is" (หรือ "are") ถือว่าเป็น "กริยา"
โฆษณา
-
วลีไม่สมบูรณ์เหมือนอนุประโยค. อนุประโยคจะบอกว่า ใคร (หรือบางสิ่ง) ทำอะไร ถ้ากลุ่มคำที่พบไม่มีลักษณะแบบนี้ แสดงว่ากลุ่มคำนั้นเป็นวลี [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง วลีบอกเราได้เพียงแค่สิ่งเล็กๆ สิ่งเดียวเท่านั้น
- " After work, my dad cooks dinner " เป็นประโยคที่มีวลีหนึ่งวลีและอนุประโยคหนึ่งอนุประโยค
- อนุประโยคคือ " my dad cooks dinner " เพราะมีประธาน ("my dad") และภาคแสดง ("cooks dinner")
- วลีคือ " After work " เพราะไม่มีประธานและกริยา
-
ไม่ต้องสนคำคุณศัพท์หากกำลังหาอนุประโยค. คำคุณศัพท์ (และคำวิเศษณ์) คือคำขยาย ช่วยทำให้ประโยคมีความชัดเจน แต่ไม่ใช่ใจความหลัก ถ้าแบบฝึกหัดวิชาภาษาอังกฤษให้แยกว่า "นี้คือวลีหรือประโยค" ให้ขีดฆ่าคำคุณศัพท์ ดูตัวอย่างด้านล่างนี้เพื่อจะได้เข้าใจได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
- มาหาอนุประโยคของ " The happy young students run quickly to the large candy store ." ขีดฆ่าคำคุณศัพท์และคำวิเศษณ์ คราวนี้จะเหลือแค่ " The students run to the candy store ." เนื่องจากมี ประธาน และ ภาคแสดง ฉะนั้นจึงเป็นอนุประโยค
- คราวนี้มาหาอนุประโยคของ " Slowly climbing the big staircase ." ขีดฆ่าคำคุณศัพท์และคำวิเศษณ์ ก็จะเหลือแค่ " climbing the staircase " จะเห็นว่าไม่มีประธานของประโยค แสดงว่าไม่ใช่อนุประโยค แต่เป็นวลี
โฆษณา
-
เติมกลุ่มคำเพิ่มลงไปแล้วได้ใจความสมบูรณ์ไหม. ถ้าได้ใจความสมบูรณ์ แสดงว่าเป็นอนุประโยค ถ้าอ่านแล้วใจความขาดหาย แสดงว่ากลุ่มคำนี้ น่าจะ เป็นวลี [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นำกลุ่มคำดังกล่าวเติมลงไปในตัวอย่างด้านล่างนี้ดู
- My friend holding the pizza → "Is it true that my friend holding the pizza?" กลุ่มคำนี้มีใจความไม่สมบูรณ์ แสดงว่าเป็นวลี
- People who walk fast → "Is it true that people who walk fast?" กลุ่มคำนี้มีใจความไม่สมบูรณ์เช่นกัน เป็นเพียงวลีอีกวลีหนึ่ง
- ลองเติมกลุ่มคำเพิ่มลงไปที่ "people who walk fast are annoying ดู ก็จะเห็นว่ากลายเป็นประโยคธรรมดาประโยคหนึ่ง ฉะนั้นกลุ่มคำนี้คืออนุประโยค มีประธาน ("people who walk fast") และมีกริยาด้วย (they "are annoying")
-
อนุประโยคอิสระสามารถแยกออกเป็นประโยคเดียวได้. เพราะมีประธานของประโยค ("ใคร" หรือ "อะไร" เป็นผู้กระทำ) และภาคแสดงของประโยค (การกระทำที่ประธานเป็นผู้ทำ) อนุประโยคส่วนใหญ่เป็นอนุประโยคอิสระ
- " The tree grew very tall " เป็นอนุประโยคอิสระ เพราะอยู่ด้วยตนเองได้
- ลองพิจารณาประโยคนี้กัน " While eating breakfast, I read a comic book ." ส่วนหลักของประโยคนี้คือ "I read a comic book." เราสามารถนำมาเขียนแยกเป็นประโยคเดียวได้และเป็นประโยคที่สมบูรณ์ด้วย ฉะนั้น "I read a comic book" คืออนุประโยค
โฆษณา
-
มีคำสันธานอย่าง "and" หรือ "but" เชื่อมอนุประโยคอิสระไว้ด้วยกัน. ประโยคมีอนุประโยคมากกว่าหนึ่งอนุประโยคได้ ให้มองหา "คำเชื่อม" เพื่อหาอนุประโยคในประโยคยาวประโยคหนึ่ง (หรือจะเรียกว่า"คำสันธาน"(conjunctions) ก็ได้) คำเชื่อมเหล่านี้อย่างเช่น and , but , or และ yet จะอยู่ระหว่างอนุประโยคอิสระสองอนุประโยค
- ลองหาอนุประโยคสองอนุประโยคที่อยู่ใน " The cloud is moving fast, but I can run faster ."
- "but" เป็นคำเชื่อมในประโยคนี้ มันเชื่อมอนุประโยคอิสระสองอนุประโยคเข้าไว้ด้วยกัน
- กลุ่มคำที่อยู่ก่อนหน้า "but" เป็นอนุประโยคหนึ่งซึ่งก็คือ " The cloud is moving fast ."
- กลุ่มคำที่อยู่หลังจาก "but" เป็นอนุประโยคอีกอนุประโยคหนึ่งซึ่งก็คือ " I can run faster ."
-
อนุประโยคไม่อิสระเป็นอนุประโยคที่ไม่มีความคิดสมบูรณ์. อนุประโยคไม่อิสระมีประธาน ("ใคร" หรือ"อะไร") และกริยาเหมือนอนุประโยคอื่นๆ แต่ไม่สามารถเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้ด้วยตนเอง อนุประโยคไม่อิสระเริ่มด้วยคำอย่างเช่น because , although , if หรือ when คำพวกนี้เชื่อมอนุประโยคไม่อิสระกับอีกอนุประโยคหนึ่งเข้าไว้ด้วยกัน [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- " Because I baked a second cake " เป็นอนุประโยคไม่อิสระ มีประธาน ("I") และภาคแสดง ("baked a second cake") แต่ก็ไม่ใช่ประโยคสมบูรณ์ เพราะไม่ได้ตอบคำถามว่าเพราะอะไร
- " Because I baked a second cake, everyone had enough to eat " เป็นประโยคที่สมบูรณ์ มีอนุประโยคสองอนุประโยค "Because I baked a second cake" เป็นอนุประโยคไม่อิสระ "Everyone had enough to eat" เป็นอนุประโยคอิสระ
โฆษณา
-
คุณานุประโยคเริ่มต้นด้วยคำอย่างเช่น "who" หรือ "which". เป็นอนุประโยคไม่อิสระ ไม่สามารถเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้ด้วยตนเอง คุณานุประโยคขยายคำนามในรูปแบบอนุประโยคอีกอนุประโยคหนึ่ง [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of North Carolina Writing Center ไปที่แหล่งข้อมูล
- ในประโยค " A woman who knows about spiders gave a presentation " คุณานุประโยคเริ่มต้นด้วยคำว่า "who"
- " who knows about spiders " เป็นคุณานุประโยค เพราะขยายผู้หญิง อนุประโยคนี้ไม่สามารถเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้ด้วยตนเอง
- "who" เป็นประธานและ "knows about spiders" เป็นกริยา ( "ภาคแสดง")
- อนุประโยคอาจเริ่มต้นด้วย who , whom , whose , that , which , when , where หรือ why [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of North Carolina Writing Center ไปที่แหล่งข้อมูล
-
บางครั้ง "who" ถูกตัดออกจากคุณานุประโยค. [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of North Carolina Writing Center ไปที่แหล่งข้อมูล จึงทำให้ดูออกยากว่าเป็นคุณานุประโยคหรือไม่ แต่เราก็ยังสามารถสังเกตเห็นลักษณะอื่นๆ ที่ช่วยบอกว่าอนุประโยคนั้นเป็นคุณานุประโยค
- คุณานุประโยคจะอยู่หลัง คำนาม มาดูที่ประโยคนี้กัน " The bear you warned me about ate my tent ." อนุประโยคซึ่งก็คือ "you warned me about" อยู่หลังคำนามซึ่งก็คือ "bear"
- เราสามารถ ตัดคุณานุประโยคออกไปจากประโยค ได้ เพราะใจความยังคงสมบูรณ์อยู่ ลองนำ "you warned me about" ออกไปดู ส่วนที่หลืออยู่ยังเป็นประโยคที่สมบูรณ์ซึ่งก็คือ " The bear ate my tent "
- เราสามารถ ใส่คำว่า "who" กลับเข้าไปได้ ในกรณีนี้เราจะใส่คำว่า "that" กลับเข้าไป ก็จะได้เป็น " The bear that you warned me about ate my tent "
โฆษณา
-
คำที่ลงท้ายด้วย -ing ไม่สามารถเป็นกริยาหลักได้. ทุกอนุประโยคมีกริยาหนึ่งตัว ฉะนั้นเราต้องเริ่มด้วยการหากริยาของอนุประโยคก่อน แต่เมื่อเราเติม "-ing" ที่ท้ายคำกริยา คำนั้นก็จะไม่ใช่คำกริยาแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนาม [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Purdue Online Writing Lab ไปที่แหล่งข้อมูล
- มาฝึกหาอนุประโยคในประโยคตัวอย่างนี้กัน " The rushing river flooded the field. "
- มองแวบแรก ดูเหมือนจะมีคำกริยาสองคำ นั่นคือ "rushing" และ "flooded"
- หมายความว่าประโยคทั้งประโยคมีแค่อนุประโยคเดียว
- แต่คำว่า "rushing" เป็นคำคุณศัพท์ ไม่ใช่คำกริยาอีกแล้ว ฉะนั้นจึงไม่สามารถเป็นกริยาหลักของประโยคได้
- ลองมาดูตัวอย่างประโยคที่ยากมากขึ้น หาอนุประโยคในประโยคต่อไปนี้ " The bear living in the woods drinks from the stream running down the mountain ."
- ในประโยคนี้ทั้ง "living" และ "running" เป็นกริยาจริง แต่ตอนนี้ทั้งสองคำนี้เป็นคำคุณศัพท์ที่เริ่มต้นวลี "living in the woods" และ "running down the mountain" กริยาจริงมีเพียง "drinks" ฉะนั้นทั้งประโยคจึงมีอนุประโยคเดียว
-
คำที่ลงท้ายด้วย -ing สามารถ ทำหน้าที่เป็นคำนามได้ด้วย. [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Purdue Online Writing Lab ไปที่แหล่งข้อมูล อาจฟังดูแปลกและน่างง เพราะตอนแรกเริ่มจากเป็นคำกริยาและตอนนี้กลับกลายเป็นคำนาม แต่อย่าเพิ่งพะวงกับเรื่องไวยากรณ์มากเกินไป เราสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในภายหลัง มาดูที่ตัวอย่างด้านล่างกัน
- " Sleeping is my favorite thing to do " เป็นอนุประโยค
- ประธานของอนุประโยคคือ "sleeping"
- จะสังเกตเห็นว่า "sleeping" อยู่ในตำแหน่งเดียวกับประธานของประโยคโดยปกติ อยู่หน้าคำกริยา "Sleeping is" อยู่แทนที่ "The tree is"
โฆษณา
-
คำที่ลงท้าย "-ed" หรือ "-en"อาจเป็นคำกริยาหรือคำคุณศัพท์ก็ได้. [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Purdue Online Writing Lab ไปที่แหล่งข้อมูล เมื่อคำนั้นเป็นคำกริยา ก็จะบอกการกระทำที่เกิดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อคำนั้นเป็นคำคุณศัพท์ ก็จะขยายคำนามว่า มีลักษณะเป็นอย่างไร
- " A cracked window let the cold wind through " เป็นอนุประโยคหนึ่งที่มีกริยาหลักคือ "let" คำว่า "cracked" ไม่ใช่คำกริยาของอนุประโยคนี้ ฉะนั้นจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอนุประโยคที่สอง คำนี้เป็นคำคุณศัพท์ที่บรรยายลักษณะหน้าต่างที่แตกไปแล้ว
- " A window cracked and a dog howled " เป็นประโยคที่มีอนุประโยคอิสระสองอนุประโยค นั่นคือ "a window cracked" และ "a dog howled" ในกรณีนี้คำที่ลงท้ายด้วย "-ed" เป็นคำกริยาที่บอกว่าอะไรเพิ่งเกิดขึ้นไป
- ถ้าคำนั้นอยู่ข้างหน้าประธาน โดยส่วนใหญ่จะเป็นคำคุณศัพท์ ไม่ใช่คำกริยา
- ถ้าคำนั้นตามหลังประธาน อาจเป็นคำชนิดไหนก็ได้ A window cracked by a hailstone เป็นวลีไม่ใช่อนุประโยค คำนี้บรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหน้าต่างไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่หน้าต่างกระทำอยู่ตอนนี้
-
คำกริยาที่อยู่ในรูป "to ___" ไม่ใช่กริยาหลัก. เรียกคำกริยาในรูปแบบนี้ว่า "infinitives" [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Purdue Online Writing Lab ไปที่แหล่งข้อมูล กลุ่มคำที่มี infinitive และไม่มีคำกริยาอื่นเป็นวลี ไม่ใช่อนุประโยค มีวิธีใช้คำกริยารูปแบบนี้ต่างๆ มากมาย แต่เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทั้งหมดก็ได้ ด้านล่างคือตัวอย่างที่มีการใช้มากที่สุด
- I want to eat เป็นอนุประโยคหนึ่ง "want" เป็นกริยาหลัก "to eat" เป็นแค่ส่วนหนึ่งของภาคแสดงที่สมบูรณ์ นั่นคือ "want to eat" มันไม่ใช่กริยาหลัก ฉะนั้นไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอนุประโยคใหม่ได้
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ในภาษาอังกฤษสามารถเรียก relative clause ว่า "adjective clause"ได้ด้วย [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of North Carolina Writing Center ไปที่แหล่งข้อมูล เพราะใช้ขยายคำนามเหมือนคำคุณศัพท์
- ครูบางท่านและตำราเรียนบางเล่มอาจเรียกอนุประโยคอิสระหรือ dependent clauses ว่าเป็น "subordinate clauses" เพราะทั้งสองคำมีความหมายเดียวกัน
คำเตือน
- เวลาเจ้าของภาษาพูดภาษาอังกฤษออกมาดังๆ มักจะพูดเป็นวลีบ่อยๆ ("You first?" "No, after you.") แต่เมื่อเขียนลงในกระดาษ ก็จะออกมาเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ กลุ่มคำเหล่านี้เป็นวลี ไม่ใช่อนุประโยค
- การเติม "is it true that" เป็นการทดสอบเพื่อหาอนุประโยคอิสระเท่านั้น ไม่ใช่หาอนุประโยคที่ไม่อิสระ
บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://youtu.be/jMWtoNl8W6E?t=24
- ↑ https://laney.edu/ilatta/wp-content/uploads/sites/303/2015/09/Grammar-handout-phrase-vs-clause.pdf
- ↑ https://laney.edu/ilatta/wp-content/uploads/sites/303/2015/09/Grammar-handout-phrase-vs-clause.pdf
- ↑ https://laney.edu/ilatta/wp-content/uploads/sites/303/2015/09/Grammar-handout-phrase-vs-clause.pdf
- ↑ https://writingcenter.unc.edu/tips-and-tools/relative-clauses/
- ↑ https://writingcenter.unc.edu/tips-and-tools/relative-clauses/
- ↑ https://writingcenter.unc.edu/tips-and-tools/relative-clauses/
- ↑ https://owl.purdue.edu/owl/general_writing/mechanics/gerunds_participles_and_infinitives/participles.html
- ↑ https://owl.purdue.edu/owl/general_writing/mechanics/gerunds_participles_and_infinitives/index.html